ทวงรักนางซิน

-

เขียนโดย Phaky

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.02 น.

  47 ตอน
  1 วิจารณ์
  37.96K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) คิดในใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

เครียดครับ เด็กในปกครองของพี่เสน่ห์แรงเหลือเกินครับช่วงนี้

************************************************************

คนลากไม่ผ่อนจังหวะก้าวเท้า อีกทั้งช่วงขายังยาวกว่าเท่าตัว คนถูกลากจึงมีหน้าที่แค่ซอยเท้าตามเร็วๆหากไม่อยากหน้าคะมำเพราะเดินตามไม่ทัน ระหว่างที่ก้าวตาม ไม่มีการพูดคุยกันสักคำ เทพิมพ์เงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างของธรธัญญ์ด้วยความน้อยใจว่าเธอทำอะไรผิดอีกแล้วงั้นหรือ ชายหนุ่มถึงทั้งกระชากลากถูราวกับเธอมีความผิดใหญ่หลวงติดตัว ทำไมไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะขัดหูขัดตาธรธัญญ์ไปทุกอย่าง เธอทำผิดหรือผิดที่คนทำคือเธอกันแน่

“เอากาแฟตามเข้าไปเสิร์ฟด้วย”

“ค่ะ”

ทั้งที่เธอก็น้อมรับคำสั่งแล้วเดินไปในส่วนที่เป็นครัวทันที แต่ทำไมใบหน้าของธรธัญญ์กลับยิ่งบึ้งตึงนักก็ไม่รู้ คนตัวเล็กเดินหลบฉากไปด้วยใบหน้าหมองเศร้า ในขณะที่เทพิมพ์นึกน้อยใจจนน้ำตาปริ่มกับความผิดที่ยังไม่ทราบข้อหา ดวงตาคู่คมกลับยิ่งทอประกายเกรี้ยวกราดจนแม้กระทั่งจงจิตต์ที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ยังไม่กล้าส่งเสียงรบกวน ธรธัญญ์ยืนเท้าสะเอวมองตามแผ่นหลังเล็กแล้วนึกเคือง ตลอดสามวันที่เทพิมพ์มาเป็นผู้ช่วยของจงจิตต์ เขาพยายามแสดงออกให้หญิงสาวเห็นแล้วว่าเขาจะดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละสองแก้วคือตอนเช้าก่อนเริ่มงาน และอีกแก้วหลังมื้ออาหารกลางวัน แล้วทำไมเทพิมพ์ต้องรอให้เขาสั่งด้วยวะ หากเป็นเทพิมพ์คนเก่าที่ใส่ใจเขาทุกกระเบียดนิ้ว หญิงสาวจะทราบและชงมันมาให้ทันทีโดยไม่ต้องร้องขอ แต่นี่อะไร ไม่บอกก็ไม่ทำ ไม่สั่งก็นั่งชะเง้อรอจนคอยืดคอยาวก็ไม่ได้แดก

เมื่อวานก็ทีหนึ่งแล้ว เขาอุตส่าห์แกล้งไอเหมือนคนเป็นหวัดให้เทพิมพ์เห็นตอนเอาเอกสารมาให้เขาเซ็น นั่งไขว่ห้างกระหยิ่มยิ้มรอ กะว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องมีใครบางคนกระหืดกรหอบเอาน้ำขิงผสมมะนาวอุ่นๆมาเสิร์ฟแน่ ทว่ารอแล้วรอเล่าสาวเจ้าก็ไม่โผล่หัว สุดท้ายรอไม่ไหวเลยแง้มประตูออกไปดู ถ้าพ่นไฟได้ป่านนี้โรงแรมคงไหม้จนเหลือแต่ซาก เพราะภาพที่เห็นคือเทพิมพ์กำลังนั่งเรียงเอกสารใส่แฟ้มอยู่ข้างจงจิตต์ ไม่มีวี่แววว่าหญิงสาวจะชงน้ำขิงอุ่นๆมาให้เขาเลย

‘What the fuck!’

เกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่าเพราะอะไร แล้วก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ได้เมื่อสมองมันควานหาสาเหตุมาให้ เป็นสาเหตุที่เขาไม่อยากเชื่อ แต่ลึกๆก็อดคิดตามไม่ได้ว่าเป็นเพราะตอนนี้ความรู้สึกของเทพิมพ์ไม่เหมือนเดิมแล้วหรือเปล่า ทุกวินาทีที่หญิงสาวเคยอุทิศให้เขาคนเดียวจึงกลายเป็นแค่อดีต

“กาแฟค่ะ”

“นั่งลง รอกาแฟหมดแก้ว ค่อยออกไป” ตอนนี้บ่ายโมงนิดๆ คาดว่ากว่าจะจิบหมดแก้วก็คงห้าโมงเย็นพอดี

“ค่ะ”

ดูก็รู้ว่ารับคำแบบจำใจแต่ใครจะสน ธรธัญญ์เอนหลังนั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอกมองเด็กเสิร์ฟกาแฟอย่างใจเย็น มองอย่างให้รู้ว่ามอง จ้องจนคนถูกมองรู้สึกอึดอัด เทพิมพ์เหลือบดวงตาขึ้นแอบดูว่าท่านประธานขี้หงุดหงิดทำอะไรอยู่ ทำไมบรรยากาศในห้องถึงในอึมครึมและสงบนิ่งนัก แต่สบกับดวงตาสีดำสนิทกำลังมองตรงมาที่ตัวเอง เทพิมพ์ก็รีบนั่งก้มหน้าเหมือนคนกลัวความผิด สองมือกุมกันแน่นบนหน้าขา ใจก็แอบบ่นคนอยากดื่มกาแฟว่าไม่เห็นจะสนใจยกมันขึ้นดื่มเลย แล้วอย่างนี้เมื่อไรเธอจะได้ออกไป

“ปวดคอ?”

“เปล่าค่ะ”

“แล้วนั่งก้มหน้าทำไม”

‘ก็แล้วทำไมต้องเงยหน้าด้วยล่ะคะ’

ก็เถียงในใจอ่ะนะ จะเถียงเก่ง ยอกย้อนเก่งแค่ไหนก็ได้ แต่ในความเป็นจริงเทพิมพ์ทำได้แค่ส่ายหน้าเบาๆ กับเพื่อนพนักงานด้วยกันเธอยังไม่เคยมีปากมีเสียงเลย แล้วคนตรงหน้าเป็นถึงเจ้าของโรงแรม พนักงานกระจอกๆอย่างเธอจะไปกล้าตีฝีปากด้วยได้อย่างไร แม้รู้ว่าประโยคเมื่อครู่ ธรธัญญ์ตั้งใจตำหนิมากกว่าจะถามก็เถอะ

“ยื่นมือมาวางบนโต๊ะ”

คนสั่งไม่ระบุว่ามือข้างไหน เทพิมพ์เลยวางมือทั้งซ้ายและขวาบนโต๊ะทำงานตรงหน้าธรธัญญ์ราวกับประชด

“เจ็บหรือเปล่า”

เจ้าของมืออึ้งไปนิด เพราะคราแรกนึกว่าจะโดนดุกลับมา แต่ผิดคาด นอกจากไม่โดนตะคอกให้ขวัญผวา ธรธัญญ์ยังรวบข้อมือเธอทั้งสองข้างเบาๆไว้ในมือของเขา ก่อนเอ่ยถามเหมือนเป็นห่วงเมื่อเห็นรอยแดงช้ำรอบข้อมือข้างที่ถูกดึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เหมือนตัวมันจะพองๆ กระนั้นก็ยังไม่กล้าพองเต็มที่ เพราะกลัวว่าหากคำตอบไม่ถูกใจธรธัญญ์แล้วงานจะเข้าอีกรอบ เทพิมพ์เลยส่ายหน้าเบาๆเอาตัวรอดจากสถานการณ์ก้ำกึ่งนี้

“ขอโทษนะที่ฉันจับมันแรงไป”

อันที่จริงเทพิมพ์ก็เดาไม่ผิดหรอก ที่ธรธัญญ์เรียกตัวไว้ก็เพราะอารมณ์ยังค้าง ยังมีถ้อยคำอีกมากมายที่ต้องการต่อว่าที่หญิงสาวบังอาจไปกินข้าวกับคุณาธิปโดยไม่ขออนุญาตจากเขา ทว่าจังหวะที่เทพิมพ์ประคองแก้วกาแฟวางลงบนโต๊ะ รอยช้ำแดงตัดกับผิวขาวนวลมันกระแทกตาจนอารมณ์ที่กำลังเกรี้ยวกราดลดระดับลงฮวบฮาบ เกิดความกังวลเข้ามาแทนที่ว่าตอนที่เขากระชากลากถูร่างบางกลับมานั้นมีจังหวะไหนเผลอไปโดนมือข้างที่โดนแก้วบาดหรือเปล่า ปลายนิ้วสีแทนค่อยๆจับ ค่อยๆลูบข้อมือน้อย ก่อนที่ธรธัญญ์จะทำเรื่องไม่คาดคิดด้วยการเป่าลมบางเบาบริเวณข้อมือทั้งสอง มันก็แค่จิตวิทยาหลอกเด็ก ทว่าความเจ็บปวดกลับจางหายไปจริงๆ ความน้อยใจก่อนหน้าก็เช่นกัน

“ที่ไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ไอ้ธิป เพราะหมอนั่นมันเจ้าชู้”

ถึงอารมณ์จะเย็นลงมาก แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็สำคัญเกินกว่าจะปล่อยผ่าน เห็นว่าสีหน้าของเทพิมพ์ผ่อนคลายความหวาดกลัวลงตั้งแต่ได้หมอรูปหล่อช่วยเป่าแผลรักษา ธรธัญญ์จึงใช้โอกาสนี้ตักเตือนคนซื่อที่คงตามเกมเสือร้ายอย่างคุณาธิปไม่ทัน เขาจะไม่รอให้วัวหายแล้วค่อยล้อมคอก แน่นอนว่าคอกของเขาจะต้องล้อมด้วยรั้วลวดหนามสิบชั้น กั้นด้วยรั้วไฟฟ้าอีกสิบรอบ และเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น เขาจะต้องเสี้ยมสอนแม่วัวตาแป๋วให้คอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะได้ยินว่ายังมีสัญญาติดค้างกันอยู่ รู้แบบนี้ถ้าถูกชวนคราวหน้า เทพิมพ์จะได้ปฏิเสธคุณาธิปให้หน้าหงายไปซะ ด่ามันแถมไปด้วยก็ยิ่งดี

“ได้ยินว่ายังติดค้างสัญญากันอยู่ สัญญาอะไรกับมันไว้ล่ะ” ปากถาม ส่วนมือก็ยังกุมมือน้อยของเทพิมพ์เอาไว้

“คุณธิปไม่ได้บอกไว้ค่ะ บอกแค่ว่าถึงเวลาพิมพ์จะรู้เอง”

“รับปากทั้งที่ไม่รู้เงื่อนไขเนี่ยนะ ซื่อบื้อ”

“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะคะ พิมพ์ถามแล้วแต่คุณธิปไม่ยอมตอบ” คนซื่อบื้อเถียงกลับหน้าเง้า แต่ก็...น่ารักดี

“งั้นคราวหน้าถ้ามันมาทวงสัญญา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร พิมพ์ต้องมาบอกผมก่อน เข้าใจไหม”

“เข้าใจค่ะ”

“เก่งมาก จะไปไหน”

ชมยังไม่ทันขาดปากคนเก่งก็ดีแตกเมื่อเทพิมพ์ตั้งท่าจะหนีออกไปข้างนอก จนธรธัญญ์ต้องรีบตะครุบมือเล็กๆของเด็กดีว่านอนสอนเกือบจะง่ายให้วางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม ก่อนใช้ดวงตาสั่งเทพิมพ์ว่าห้ามย้ายก้นงอนๆไปจากเก้าอี้เด็ดขาด

“ออกไปช่วยคุณจงทำงานค่ะ”

“กาแฟหมดแล้ว? อย่ามาเนียน นั่ง”

คนโดนรู้ทันทำแก้มป่องจนน่าเอานิ้วจิ้มให้แก้มแตก แต่มองไปมองมาธรธัญญ์คิดว่าแก้มกลมๆนั่นควรจะถูกฟาดด้วยปลายจมูกโด่งๆของเขาเสียมากกว่า เอาให้ผิวแก้มยุบยวบทั้งสองข้างไปเลยเหมือนคืนนั้น ในฐานะที่งอนเก่งเหลือเกิน แต่เห็นว่ายอมรับปากเรื่องคุณาธิปแล้วหรอกนะ ธรธัญญ์เลยใจดียอมยกโทษไม่ถือสาในครั้งนี้ มือหนาหยิบแฟ้มเอกสารหนาปึกที่เพิ่งรื้อมั่วซั่ววางตรงหน้าคนหน้างอ แล้วโยนหน้าที่จัดเรียงเอกสารเสียใหม่ให้เทพิมพ์รับผิดชอบระหว่างรอกาแฟหมดแก้ว จิบชั่วโมงละอึกแบบนี้ คงได้นั่งยาวจนเลิกงาน

‘คุณธัญญ์หน้าชมพูเชียว’

เหมือนดวงตาของเธอกำลังมีปัญหา เพราะมองไปทางไหนก็เป็นเป็นสีชมพูจางๆฟุ้งกระจายอยู่รอบตัว แฟ้มงานตรงหน้าก็สีชมพู โต๊ะ เก้าอี้ หน้าต่าง กาแฟ แม้กระทั่งปากกาที่ธรธัญญ์ใช้ขีดเขียนก็ยังเป็นสีชมพูเช่นกัน เทพิมพ์กลั้นยิ้มเพราะรู้ดีว่าความจริงมันไม่ใกล้เคียงเลย หน้าโหดโหมดพร้อมปะทะอย่างธรธัญญ์น่ะหรือจะใช้ของหวานๆแบบนั้น ปัญหาคงเป็นที่ดวงตาของเธอนี่แหละที่มันผิดมันเพี้ยน เพียงเพราะได้รับความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากผู้ชายร่างสูงตรงหน้า คนเดียวกับที่เธอรักใคร่ สมองมันเลยเบลอๆ ดวงตามันเลยพร่าๆไปตามสีในหัวใจ

‘ฟินได้แต่...ห้ามอิน!’

มันคือกฎเหล็กของคนที่แอบรักแฟนคนอื่น ในความกลั้นยิ้มจนแก้มตุ่ย ในความเขินอายจนหน้าแดงก่ำยามถูกธรธัญญ์จับได้ว่าเธอแอบมองเขาระหว่างทำงานมีความขมขื่นซ่อนอยู่ในนั้นเทพิมพ์รู้ดี เพราะถึงจะรู้สึกดีมาก สุขใจเหลือเกิน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเธอไม่มีสิทธิ์คิดไกลกับผู้ชายตรงหน้าเลย เพราะเห็นหน้าธรธัญญ์คราใด ใบหน้าสวยเฉียบพร้อมถ้อยคำแสดงความเป็นเจ้าของของเวนิสาก็มักจะซ้อนทับขึ้นมาปลุกเธอจนสะดุ้งตื่นจากฝันหวาน

อย่าสะเออะมายุ่งกับผัวฉัน ไม่งั้นแกโดนดีแน่

เธอไม่ได้กลัวโดนตบ แต่กลัวความจริงที่มาตอกหน้ามากกว่า ความจริงที่ว่าธรธัญญ์มีเวนิสาเป็นคนรักตัวจริงข้างกายอยู่แล้วมันจุกมันเจ็บกว่าโดนตบที่หน้าหลายเท่านัก เรียวปากบางคลี่ยิ้มขื่นๆ หลักฐานก็เห็นเองเต็มตาขนาดนั้นแล้วเธอหรือจะกล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจ้าของโรงแรมรูปหล่อมีใจให้ ที่เรียกมานั่งในห้องทำงานก็แค่เขาต้องรีบใช้งานจากแฟ้มนี้พอดี หรือแม้กระทั่งตอนได้ยินคุณาธิปฟ้องว่าเจ้าของโรงแรมตามมานั่งเฝ้าพนักงานของตัวเองถึงที่ แม้จะดีใจจนหัวใจพองฟูคับอก แต่ก็ต้องรีบดึงสติตัวเองกลับสู่โลกความเป็นจริงว่าคงเพราะธรธัญญ์กลัวว่าจะเกิดข่าวเสียหายในโรงแรมของตัวเองมากกว่า คนรักของเขาสวยหยาดฟ้ามาดินขนาดนั้น คงไม่มีผู้ชายสติดีคนไหนกล้าทิ้งหงส์มาเลือกห่านแบบเธอหรอก

........................................................................................................

ด้วยความเป็นสตรีไม่ถนัดตื่นเช้า เวนิสาจึงระบายลมหายใจฮึดฮัด หงุดหงิดจนแทบอยากอาละวาดที่มีเสียงโทรศัพท์ดังรบกวนเวลาพักผ่อนแสนสุข เรือนร่างเปลือยเปล่ายังคงซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา เปลือกตาบอบบางยังคงคงพริ้มหลับ มีเพียงฝ่ามือบางๆที่ควานหาต้นเหตุแห่งเสียงน่ารำคาญที่คงอยู่ตรงไหนสักที่บริเวณหัวนอนหลังปล่อยให้ดังอยู่นานเสียงที่ว่าก็ยังดังต่อเนื่อง คงเป็นเรื่องด่วนและสำคัญมาก คิดว่าอย่างนั้นนะ แต่หากไม่ใช่ล่ะก็ แม่จะด่าให้หูดับเลยเชียว

“ฮัลโหล!”

คนง่วงจัดกรอกเสียงแข็งกร้าวใส่โทรศัพท์ที่ยังไม่ลืมตา ทว่าไม่กี่วินาทีหลังจากได้ยินเสียงของคนที่หาญกล้าโทรมารบกวน เวนิสากลับดีดร่างเปลือยเปล่าขึ้นนั่งขัดสมาธิบนที่นอน ไม่ทราบว่าคนในสายพูดเรื่องอะไร แต่คงถูกใจเวนิสามากเชียวล่ะ ดวงตาคมเฉี่ยวจึงสว่างวาบ ประกายในดวงตาคู่สวยถึงได้แพรวพราวไร้ความงัวเงียในทันทีที่ได้ฟัง

“พรุ่งนี้? กี่โมงล่ะ ได้สิ ไม่มีปัญหา ส่งเบอร์นังนั่นมาให้ด้วย ได้ ฉันรอฉลองข่าวดีอยู่นะ”

ยิ่งเวลาผ่าน ประกายสุขสมก็ยิ่งอัดแน่นในดวงตาคู่เฉี่ยวให้ยิ่งทรงเสน่ห์ จากหงุดหงิดที่ถูกรบกวนนิทราแสนสุข มาตอนนี้มีแต่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคมสวย เวนิสาใช้เวลากับคนในสายอยู่ร่วมสิบนาทีจึงวางสาย หญิงสาวมองเหม่อไปยังผ้าม่านสีน้ำตาลไหม้ที่รูดปิดบังแสงแดดจากข้างนอกจนทั่วทั้งห้องนอนสีเทามืดมิดแล้วยิ้มหวาน ไม่ได้บ้า ไม่ได้เมาขี้ตาด้วย แต่หญิงสาวกำลังจินตนาการเหตุการณ์ตามคำบอกเล่าของคู่สนทนา ด้วยความสวยไม่เป็นรองใคร เวนิสาจึงมีนิสัยเชิดหยิ่ง และไม่นิยมเสวนากับคนที่คิดว่าอยู่ในระดับต่ำกว่า เว้นเสียแต่ว่าการลดตัวลงไปคลุกคลีมีผลประโยชน์ติดมือติดไม้กลับมา เหมือนเช่นครั้งนี้ หากมันสำเร็จ ไม่สิ! มันจะต้องสำเร็จเท่านั้น เพราะผ่านการเรียบเรียงขั้นตอนมาแล้วอย่างรัดกุม เธอกับเขา ต่างคนต่างก็จะได้รับในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

“เวนิสทำให้คุณตื่นหรือเปล่าคะ”

“เมื่อคืนคุณเล่นงานซะจนผมหมดแรง”

เวนิสาตื่นจากภวังค์หวานเมื่อโค้งสะโพกละมุนถูกลูบไล้แผ่วเบาด้วยปลายนิ้วเรียวเรียกร้องความสนใจจากคนที่นอนแนบข้างมาทั้งคืน ไม่สิ! อันที่จริงเพิ่งจะได้นอนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงต่างหาก เจ้าของร่างเปลือยส่งยิ้มหวานพลางไล้ปลายลิ้นอ่อนกับกลีบปากนุ่มช้าๆตอบโต้คนนอนปกปิดร่างกำยำด้วยผ้าห่มเพียงครึ่งร่างอย่างตั้งใจอ่อยราคะ ก่อนฉกริมฝีปากประกบเรียวปากร้อนของคุณาธิปที่หยัดตัวขึ้นรอรับอรุณ แต่เพราะคนหนึ่งคือไฟ อีกคนก็น้ำมัน จากจูบหยอกล้อจึงกลายเป็นดูดดื่มจนสองลิ้นพัวพัน ผ้าห่มผืนหนาที่คลุมร่างหมิ่นเหม่ถูกกระชากทิ้งอวดโชว์ความเข้มแข็งของชายชาตรี เอวคอดถูกตวัดให้ลงมานอนทับบนร่างเปลือยสีแทน ถูกใจนักหนายามแผ่นอกกระด้างถูกเบียดส่ายด้วยก้อนเนื้อนุ่มนิ่มด้วยความรู้งานของเจ้าของ ไฟเริ่มลุกจนเลือดชักร้อน

“แน่ใจเหรอคะ คุณต่างหากล่ะธิป ที่พลังเหลือเฟือ ดูสิคะ ผิวเวนิสแดงไปทั้งตัวเลย”

แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน เมื่อมีเวลาวันนี้ทั้งวันกับอีกหนึ่งคืนที่ยาวนานให้ปรนเปรอกันจนฉ่ำปอด เวนิสาจึงดึงร่างขึ้นนั่งคร่อมร่างสูงแล้วบ่นกระปอดกระแปดประสาคนรักสวยรักงาม พร้อมกับแอ่นอกให้ดูร่องรอยแดงๆที่สองมือกับอีกหนึ่งริมฝีปากร้ายของคุณาธิปทำไว้ แต่ก็นะ มีสาวสวยตัวเปล่านั่งคร่อมตัวพร้อมแอ่นอกอวบๆจนแทบจะทิ่มตาแบบนี้ ผู้ชายที่ไหนจะมีสติฟังคำบ่นระหายหูพวกนั้น

“คุณสวย ผมก็ต้องอยากตีตราเป็นเจ้าของ”

คุณาธิปออดอ้อนตาเยิ้มฉ่ำพร้อมยกตัวขึ้นกดจูบหัวไหล่เนียนเอาใจ จากนั้นจึงประทับจูบแผ่วทุกรอยแดงที่ปรากฏ ไล่ตั้งแต่เรียวแขนเนียนเกลี้ยง เนินอกขาวนวล ต่ำลงมาแผ่วยังก้อนเนื้อหนุ่มหยุ่นที่เหมือนจะขยายขึ้นทันทีที่ไรหนวดจางๆสัมผัส นอกจากความสวยเข้าขั้นนางฟ้าเดินดิน ลีลาร่ายรักบนเตียงของเวนิสาก็เยี่ยมยอดจนเชื่อว่าผู้ชายที่ได้ลิ้มรสร่างสวยจะต้องยอมสยบ ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ธรธัญญ์เคยหมายมั่นปั้นมือให้เวนิสาเป็นว่าที่เจ้าสาว หญิงสาวเป็นคนสำคัญของอดีตเพื่อนรักขนาดนี้ เรื่องอะไรเขาจะปล่อยผ่าน หากวันนั้นเขาไม่แย่งเจ้าหล่อนมา วันนี้เวนิสาคงกลายเป็นภรรยาของเจ้าของนาราแกรนด์โฮเทลสุดหรู มากกว่าจะมานอนอยู่บนตัวแล้วคลึงมือกับน้องชายของเขาเล่นอย่างซุกซนแบบนี้

“ปากหวาน”

“เทียบปากคุณไม่ติดฝุ่น”

ริมฝีปากที่คุณาธิปกล่าวชมก้มลงจุมพิตอกกว้างราวกับต้องการมอบรางวัล จนเจ้าของอกเกร็งตัว ครางลึกกับความซ่านสยิวจากผู้เชี่ยวชาญการปลุกเร้าที่ไม่หยุดอยู่แค่จูบเดียว และก่อนที่เรียวปากร้อนจะจูบต่ำไปกว่าใต้สะดือที่เต็มไปด้วยไรขนอ่อนดกเข้ม เรียวปากบางชะงักค้างกับแผ่นกระดาษที่มาคั่นไว้ เวนิสายันมือกับอกแข็งพลางใช้ดวงตามองคุณาธิปอย่างต้องการคำตอบเร่งด่วน ว่าเช็คมูลค่าเจ็ดหลักที่ลงชื่อชายหนุ่มสั่งจ่ายหมายความว่าอย่างไร

“เอาไว้ไปที่ชอบๆ”

“อะไรนะ!”

“ผมหมายถึงให้คุณไปร้านไหนก็ได้ที่คุณชอบ ได้ยินว่าร้านเพชรคุณจุ๋มมีเพชรน้ำงามเข้ามาใหม่หลายแบบ มันอาจจะมีสักชุดสองชุดที่เหมาะสมกับคอสวยๆของคุณ ข้อมือเล็กๆนี่ก็โล่งไปนะครับเวนิส”

ดวงตาเขียวปั๊ดด้วยขัดหูกับคำพูดราวต้องการขับไล่ของคุณาธิปค่อยๆอ่อนเชื่อมเมื่อได้ฟังเหตุผลจากปากเจ้าของเช็คที่นอนลูบไล้หลังมือกับเรียวแขนนวลเนียน เวนิสายิ้มหวานเมื่อมองตัวอักษรระบุจำนวนพลางคิดถึงเครื่องประดับราคาแพงที่อีกไม่นานจะมาประโคมอยู่บนผิวเนียนเกลี้ยงของเธอให้ยิ่งเฉิดฉายจนผู้หญิงอีกค่อนประเทศต้องพากันอิจฉา คนไม่สวยก็จะลำบากหน่อย แต่สำหรับนางฟ้ามาจุติอย่างเธอ เพียงแค่นั่งสวยๆ ไม่ต้องออกปาก ผู้ชายทุกคนก็พร้อมสรรหาประเคนทั้งแก้วแหวนเงินทอง เวนิสายิ้มร้ายใส่ดวงตาของพ่อหนุ่มสายเปย์ ก่อนทำเอาคุณาธิปหลับตายาว ครางลึกในลำคอเมื่อเวนิสาเลื่อนใบหน้าลงต่ำไม่ให้ซุ่มให้เสียงแล้วฉกริมฝีปากเจนจัดครอบครองความเป็นชายที่ผงาดตัวไว้เต็มปากเต็มคำแทนคำขอบคุณ เจ้าพ่อนำเข้าซุปเปอร์คาร์นอนปล่อยกายให้เวนิสาปลุกเร้าเพลงรักร้อนแรงตามที่เจ้าตัวปรารถนา เพราะนี่คงเป็นวันสุดท้ายที่จะยอมให้ริมฝีปากสวยนี้ครอบครองเรือนกายทรงพลังของเขา

ส่วนพรุ่งนี้น่ะเหรอ? เทพิมพ์ต่างหากคือเป้าหมายที่เขาอยากพุ่งชน!

............................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา