เมียนอกสายตา
เขียนโดย Natthaphan
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) สงสัยว่าเราเคยรู้จักกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแผ่นเจลลดไข้ถูกแปะลงบนหน้าผากของชายหนุ่มก่อนที่หญิงสาวจะย่อตัวนั่งลงข้างๆ เตียง โดยมีมือของคนป่วยยื่นมากอบกุมไว้เหมือนเดิมหลังจากที่ยอมปล่อยให้เธอไปอาบน้ำอาบท่าจนเสร็จสรรพ
จะเป็นแบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน...หากวันใดที่เขากลับมาเฉยชาใส่อีก...เธอจะเป็นอย่างไรนะ
อดคิดไม่ได้จริงๆ ...
ด้วยความเหนื่อยล้ามาเกือบทั้งวันหญิงสาวจึงเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น เพราะหากลุกไปก็กลัวว่าใครบางคนจะตื่น
ตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าส่วนพระจันทร์ก็ย้ายไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ชายหนุ่มขยับตัวตื่น ก่อนจะทอดมองร่างบางที่ฟุบอยู่ข้างๆ พลางเลื่อนสายตามองมือของตนที่กำมือเล็กไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นจับสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่บนหน้าผาก ก่อนจะฉีกยิ้มเบาๆ
"อือ~"เสียงอู้อี้ของคนตัวเล็กทำให้ชายหนุ่มหลับตาลงทันทีก่อนจะตีเนียนว่าตนนั้นยังไม่ตื่น
หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้หัวเบาๆ ด้วยท่าทางงัวเงียก่อนจะมองคนที่ยังคงหลับปุ๋ย
"ไข้ลดหรือยังนะ"
จัดการดึงแผ่นเจลสีขาวนั้นออก ก่อนจะวางหลังมือลงไปแทน เพื่อวัดอุณหภูมิของคนไข้ เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังขึ้นเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าความร้อนดั่งไฟเผาในเมื่อคืนเริ่มจางลงไปมากแล้ว
เมื่อเลื่อนมองมือตัวเองก็เริ่มคิดหนักว่าจะเอาออกอย่างไร เพราะนี้ก็คงจะสายมากแล้วดีที่วันนี้เป็นวันหยุดไม่เช่นนั้นก็คงต้องลางานอีกมีหวังไม่ผ่านการฝึกงานพอดี
"ปล่อยก่อนนะคะ ฟ้าขอไปอาบน้ำทำกับข้าวก่อน"เอ่ยบอกเบาๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนป่วยคงไม่ได้ยินแต่กระนั้นมือหนาก็คลายออกเล็กน้อยพอให้หญิงสาวแกะออกได้ง่ายๆ
พอฑิฆัมพรเดินออกไปชายหนุ่มจึงลุกขึ้นนั่งพลางจ้องมองตามแผ่นหลังบางนั้นไปจนลับตา ส่วนเจ้าตัวก็ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีคนมองตามด้วยแววตาสงสัย
มือหนึ่งจับทัพพีคนข้าวต้มไปเรื่อยๆ แต่อีกมือก็ถือขนมปังไส้เผือกของโปรดก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความเอร็ดอร่อย รู้สึกหิวจึงกินรองท้องไปก่อน
"ทำอะไรกินน่ะ"เสียงแหบๆ ดังขึ้นไม่ไกลนักคล้ายว่าอยู่หน้าห้องครัว
"เดินไหวหรือคะ? "เอ่ยถามหน้าตาตื่นก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาเพราะกลัวว่าเขาจะวูบไปเสียก่อน ริมฝีปากหนาเผยยิ้มบางๆ กับท่าทางลุกลี้ลุกลนของหญิงสาว
"ฉันเป็นไข้นะไม่ได้เป็นอัมพาตถึงจะเดินไม่ไหว"
"งั้นไปนั่งรอที่โซฟาก่อนก็ได้ค่ะ ข้าวต้มกำลังจะเสร็จแล้ว"
"ฉันหิวแล้วหนิ"ว่าพลางลูบท้องตัวเองเบาๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นขนมที่อยู่บนโต๊ะวางของในครัว
"กินอันนี้รอได้มั้ย"เอ่ยถามก่อนจะหยิบขนมปังอีกก้อนที่เหลือขึ้นมา
"กินไม่ได้ค่ะ"
ร่างบางรีบวิ่งไปดึงออกจากมือของเขาก่อนจะเก็บเข้าที่เดิม คิ้วหนาขมวดเป็นปมก่อนจะคิดว่าเธอหวงไว้กินคนเดียว
"ขี้หวง"น้ำเสียงประชดประชัน
"มันเป็นไส้เผือก"
แววตาคมหยุดนิ่งทันทีก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดเธอจึงรู้อีกแล้วว่าเขาแพ้สิ่งใด...
"เอ่อ...ไปนั่งรอข้างนอกก่อนนะคะ"
มือบางดันเขาให้ออกไป รู้สึกไม่ชอบใจกับสายตาจับผิดคู่นั้น
เอกสารมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะไม่สามารถละความสนใจของชายหนุ่มได้เลย เขายังคงชะเง้อคอมองคนที่นั่งอยู่นอกห้องด้วยความสนใจใคร่รู้
เธอเป็นใครกัน...ฟ้า...ฑิฆัมพร...หรือใคร???
"วันนี้ช่วงบ่ายมีเจรจาเรื่องธุรกิจที่โรงแรมนะคะ"
นารีรัตน์เอ่ยบอกเจ้านายก่อนจะหันตามสายตาของชายหนุ่มไปเมื่อดูเหมือนเจ้านายจะไม่ได้สนใจหรือรับรู้การเข้ามาของเธอเลย
"เอ่อ...ท่านคะ ท่านประธานคะ! "
"ห๊ะๆ อะไรนะ คุณรีพูดว่าอะไรนะ? "หันกลับมาหน้าตาตื่น ก่อนจะตีหน้าเข้มอย่างเคย
นารีรัตน์ฉีกยิ้มเก้อๆ ให้ผู้เป็นเจ้านายก่อนจะบอกสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่ซ้ำอีกครั้ง
ใบหน้าคมเข้มพยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ พอเลขาเดินออกไปแล้วเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เกือบแล้ว...เกือบถูกจับได้แล้ว...ว่ากำลังแอบมองใคร
เวลาเดินมาเรื่อยๆ จนจบการเจรจาธุรกิจ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี มือหนายื่นไปจับมือของชายวัยกลางคนเจ้าของธุรกิจที่เพิ่งจะร่วมลงทุนกันเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนจะมอบสิ่งของตอบแทนให้กันและกัน ชายหนุ่มมอบเป็นไวท์ชั้นดี ส่วนอีกฝ่ายนั้นเป็นช่อดอกกล้วยไม้กับรูปปั้นที่มีมูลค่าพอตัว
แต่พอรับบางอย่างมาไว้ในอ้อมกอดก็ทำเอาชายหนุ่มมีใบหน้าซีดเผือดทันทีจนเลขาฝึกงานสังเกตเห็นก่อนจะรีบยื่นมือไปรับช่อดอกกล้วยไม้มาถือเอาไว้แทน ชายหนุ่มจ้องมองเธอด้วยความขอบคุณก่อนจะหันไปกล่าวลาคนตรงหน้าแล้วแยกย้ายกันไป
"เดี๋ยวฉันจะกลับแท็กซี่นะคะ พอดีจะเอาช่อกล้วยไม้ไปด้วย ถ้าทิ้งเดี๋ยวจะเสียน้ำใจคนให้ และถ้าเอาขึ้นรถไปกับท่านก็คงจะไม่ดีเหมือนกัน"เอ่ยบอกชายหนุ่ม
"เอาวางไว้ที่เคาน์เตอร์ก็ได้ อย่างไรซะนี้ก็โรงแรมฉัน เดี๋ยวให้แม่บ้านเอาไปใส่แจกันตกแต่ง เธอจะได้ไม่ต้องกลับแท็กซี่ ไม่กลัวหรือไง? "
หากเธอไม่กลัวแต่เขานั้นกลัว...และก็ยังไม่ลืมสงสัยว่าเหตุใดเธอจึงรู้ว่าดอกไม้อีกหนึ่งชนิดที่เขาแพ้นั้นก็คือดอกกล้วยไม้...เรื่องแบบนี้เขาไม่เคยบอกใครเลยสักคนนอกจากคนในครอบครัว
นารีรัตน์ทอดมองคนทั้งสองที่พูดคุยกันด้วยท่าทางงงงวยกับประโยคหลังๆ ของชายหนุ่มและนึกแปลกใจเข้าไปใหญ่ที่เจ้านายนั้นเอ่ยพูดกับเลขารุ่นน้องด้วยท่าทางเป็นมิตร ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนแทบจะไม่อยากมองแม้แต่หน้า
มือบางที่จับเครื่องดูดฝุ่นหยุดชะงักก่อนจะหันไปมองตัวเองในกระจกที่พอจะมองเห็นเรือนร่างอรชรของตน เมื่อถูกคนบนโซฟาทอดมองไม่วางตา
วันนี้หน้าเธอแปลกไปหรือ...ก็ไม่ ทรงผม เสื้อผ้าก็ไม่ได้ผิดแปลกไปยังมันคงเหมือนเดิม เส้นผมสีดำขลับถูกมัดเป็นมวยที่กลางหัว เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นก็ยังคงเดิม แล้วเหตุใดวันนี้จึงถูกมองด้วยแววตาจับผิดราวกับว่าเธอนั้นทำอะไรไม่ดีมาอย่างไงอย่างงั้น
"มองอะไรคะ? "เอ่ยถามให้หายข้องใจ
"เปล่า"ตอบกลับหน้าตายก่อนจะทำทีเป็นอ่านเอกสารงาน
คิ้วบางขมวดมุ่นก่อนจะหันกลับมาทำงานของตนต่อโดยชายหนุ่มผู้นั้นก็หันกลับมามองเธอเช่นเดิม พร้อมลอบมองเป็นระยะๆ ในยามที่หญิงสาวไม่รู้ตัว
เธอเป็นใครกันแน่ฑิฆัมพร...ทำไมเธอถึงรู้จักฉันได้มากขนาดนี้...หรือเรานั้นเคยรู้จักกัน...บอกฉันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ