เมียนอกสายตา
เขียนโดย Natthaphan
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) ความจริงที่เธอไม่รู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้ที่บ้านใหญ่ครึกครื้นไปด้วยผู้คนเพราะคุณหญิงสาวิตรีนัดหลานชายและหลานสะใภ้มาทานข้าวด้วยกัน วันนี้หญิงชราจึงยิ้มไม่หุบเนื่องด้วยเห็นว่าหลานทั้งสองเดินทางมาพร้อมกันแม้จะรถคนล่ะคันก็เถอะแต่อย่างน้อยวันนี้ก็ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างที่หญิงชราวาดฝัน
"ฮัดเช้ย! "เสียงจามของหญิงสาวทำเอาผู้เป็นย่าหันขวับด้วยความเป็นห่วง
"เป็นอะไรลูก ไม่สบายหรือ? "เธอส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นถูจมูกไปมาเมื่อรู้คันยิกๆ ที่ปลายจมูก จนมันเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
"ฮัดเช้ย! "ก่อนจะมีเสียงจามตามมาอีกระลอกแต่นั่นไม่ใช่เสียงเธอ
"นี้ติดหวัดกันมาหรือเปล่าเนี้ยลูก? "นึกแปลกใจที่ทั้งหลานชายและหลานสาวเกิดจามติดต่อกัน
"เอ่อ...ดอกลิลลี่ใครหรอคะ? "เอ่ยถามเมื่อเห็นตัวต้นเหตุที่วางอยู่ไม่ไกล
"ออ...ของเพื่อนย่าเองเขาเอามาฝาก ย่าลืมไปเลยว่าตาเวแพ้เกสรดอกลิลลี่ ตายแล้ว!!! "ว่าจบก็จัดการทิ้งมันลงขยะทันทีแต่มือเหี่ยวย่นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกรั้งจากใครบางคน
"เพื่อนคุณย่าอุตส่าห์เอามาให้ ทิ้งไปก็เสียน้ำใจแย่สิคะ"
ในเวลาต่อมาดอกลิลลี่จึงเหลือเพียงตัวดอกส่วนเกสรนั้นถูกหญิงสาวจัดการตัดทิ้งจนเสร็จสรรพ แม้ตนจะแพ้มันเหมือนกัน แต่เพราะใส่ถุงมือและที่ปิดปากถึงไม่เป็นอะไรมากทว่าก็ยังรู้สึกคันๆ ในจมูกอยู่ดี
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโซฟาหันมองด้วยความสนใจเมื่อเพิ่งจะรู้ว่าใครบางคนนั้นก็แพ้เกสรดอกลิลลี่เหมือนกัน...
ในเช้าวันใหม่ของการฝึกงานที่เธอนั้นอยู่ที่นี่มาเกือบจะสองเดือนแล้วกระมัง หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งโดยข้างๆ นั้นเป็นนารีรัตน์ที่กำลังจัดพิมพ์เอกสารอยู่ด้วยท่าทางตึงเครียด
"วันนี้ตอนเย็นไปเดินตลาดนัดกับพวกพี่เปล่า จะพาไปหาของกิน” เอ่ยชวนเมื่องานเสร็จแล้ว จึงหาเรื่องพูดคุยเพื่อผ่อนคลาย
"เอาสิคะ"
คิดถึงเหมือนกันบรรยากาศแบบนั้น แม้ที่บ้านจะเลี้ยงมาแบบคุณหนูแต่เธอก็ไม่ได้ติดหรูขนาดนั้นออกจะติดดินเสียด้วยซ้ำ แอร์เย็นๆ ในห้าง สำหรับเธอแล้ว...มันยังไม่สามารถทำให้สุขใจได้เท่ากลิ่นหอมๆ ของขนมครกที่ตลาดนัดเลยสักนิด
รอยยิ้มบางเบาเมื่อครู่หุบลงทันทีหลังจากที่เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"คุณฟ้า"เสียงหวานเอ่ยเรียก
"ฉันขอคุยกับพี่เวหน่อยได้ไหม? "
แววตาเว้าวอนนั้นทำเอาหญิงสาวนึกโกรธแค้นเธอไม่ลง สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมให้เธอเข้าพบท่านประธานจนได้
"ใครอ่ะฟ้า ทำไมถึงยอมให้เข้าพบ เดี๋ยวท่านก็อาละวาดหรอก ไม่ได้นัดไว้ไม่ใช่หรือ? "
"คนนี้ท่านไม่อาละวาดหรอกค่ะ"
ว่าจบก็นั่งทำงานต่อ แต่กระนั้นในใจก็ลอยละลิ่วไปในห้องผู้บริหารเสียแล้ว
จะเป็นอะไรอีกไหมนะ...นึกเป็นห่วงอยู่ในใจ
หญิงสาวหยุดยืนที่หน้าโต๊ะก่อนจะทอดมองร่างที่คุ้นตา เขากำลังง่วนอยู่กับงานเช่นเคย
"ขอน้ำขิงนะ คุณฟะ..."น้ำเสียงนุ่มๆ หายกลับไปในลำคอทันทีเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าคนที่ยืนอยู่ไม่ใช่เลขาของตัวเอง
แถมเมื่อกี้ใจลอยจนเผลอเรียกชื่อฑิฆัมพรแทนนารีรัตน์เสียนี้...ดีที่เจ้าตัวไม่ได้ยิน
"มาทำอะไร? "แววตานั้นหลบต่ำก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ
"มีนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกเรื่องที่มีนยังไม่ได้บอกพี่"
คิ้วหนาขมวดมุ่นก่อนจะเงยหน้ามองเธอด้วยความตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอกำลังจะเอ่ยบอก
"มีนไม่ใช่มีนที่พี่ตามหาหรอก ตลอดเวลาที่ผ่านมามีนขอโทษ ขอโทษที่โกหกพี่ว่ามีนคือเด็กผู้หญิงคนนั้น ที่จริงแล้วมีนอาจจะชื่อเหมือนคนคนนั้นหรืออาจจะไม่เหมือนแต่พี่สับสนเอง พี่เคยบอกใช่ไหมว่าพี่จำเรื่องที่เกี่ยวกับมีนคนนั้นได้ทุกอย่างแต่มีเพียงสิ่งเดียวที่พี่สับสน จนมีนแต่งฉายาให้พี่ว่าอะไรสักอย่าง...แต่มีนก็บอกพี่ไม่ได้ เพราะมีนก็ไม่รู้เหมือนกัน"
เหมือนลูกศรลอยมาปักอกของเขานับล้านดอก มันไม่ได้เศร้า เสียใจ หรือแค้นเคืองเพียงแต่รู้สึกผิดหวัง ผิดหวังที่โดนหลอกซ้ำๆ
"แหวนหยกวงนี้ที่พี่เคยบอกว่าพี่จำได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม มันเป็นแหวนหยกที่จะเรืองแสงในตอนกลางคืนและถ้ามองดีๆ จะเห็นเป็นรูปแกะสลักหัวใจอยู่ด้านใน แต่พี่รู้ไหมว่าแหวนแบบนี้มีสองวงบนโลกโดยอีกวงจะเป็นรูปดาวที่อยู่ด้านใน และแหวนวงนั้นก็คือวงนี้"
"หมายความว่าไง พี่เข้าใจผิดมาตลอดเลยหรอ? "เอ่ยถามเสียงสั่นเครือ...
"ดอกลิลลี่..."เธอยื่นรูปภาพในจอสี่เหลี่ยมให้ชายหนุ่มได้ดูเป็นภาพของเธอที่ยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกลิลลี่ ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่เธอพูดให้ชายหนุ่มนั้นเชื่อง่ายขึ้นไปอีก
"มีนไม่ได้แพ้...แต่เพราะตอนนั้นมีนชอบพี่ ชอบจนลืมนึกถึงความถูกต้อง และมีนก็คิดว่ามันคือพรหมลิขิตที่ทำให้หลายๆ อย่างในตัวมีนไปตรงกับคนที่พี่ตามหา มีนเลยยอมปล่อยเลยตามเลย แต่สุดท้ายหากคนเรามันไม่ใช่คู่กันต่อให้ทำอย่างไรก็ไม่มีวันได้อยู่ข้างกัน"
"พอ...พอได้แล้ว...กลับไป"เขาเริ่มเอ่ยบอกเสียงเข้ม
"มีนขอโทษนะ"
"บอกให้กลับไปไง! "น้ำเสียงเริ่มดังกว่าเดิมจนฑิฆัมพรถึงกับเหลียวมองด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปมองตามร่างบางที่เดินออกมา เธอหันมาฉีกยิ้มเบาๆ ให้หญิงสาวเช่นเดิม
"กลับก่อนนะคะ"
"ค่ะ"ยิ้มเจื่อนๆ ให้คนตรงหน้าก่อนจะมองร่างบางไปจนลับตาพลางหันกลับมามองคนหน้าเครียดที่อยู่ในห้อง...เธอทำถูกแล้วหรือเปล่า???
พี่ๆ ต่างพากันจ้องมองรถที่รุ่นน้องขับมาทำงานด้วยความสงสัยเมื่อเกิดคุ้นตาแปลกๆ พึ่งจะสังเกตก็วันนี้ที่ได้มายืนมองใกล้ๆ ว่าคล้ายจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
"มะ...มองอะไรกันคะ"เริ่มแปลกใจในสายตาจับผิด
"พี่ว่ารถมันคุ้นๆ นะ เหมือนพี่จะเคยเห็นที่ไหน"นารีรัตน์เอ่ยถามพลางเดินสำรวจรถราวกับกำลังหาของกลางในคดีฆาตกรรม
จะไม่ให้คุ้นได้อย่างไร...ก็มันรถท่านประธาน
"แหม่ รถแบบนี้ก็มีเยอะแยะไปค่ะ เลิกสนใจรถเถอะค่ะ รีบไปตลาดก่อนมั้ยคะ เดี๋ยวก็วายเอา"
"ว้าย! จริงด้วย"
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะก้าวขึ้นรถไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ
เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเรื่อยๆ จากไม่ค่อยแรงมากจนตอนนี้มันเริ่มโหมกระหน่ำราวกับฟ้าจะถล่ม
ร่างบางกางร่มออกก่อนจะหอบข้าวของที่ซื้อมาวิ่งเข้าบ้านไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งอยู่บริเวณหน้าประตูบ้าน แววตานั้นเหม่อลอย เนื้อตัวนั้นเปียกโชกไปด้วยน้ำ
เท้าเรียวรีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยความตกใจ
"คุณเว คุณมานั่งอะไรอยู่ตรงนี้เนี้ย? ดูสิเปียกหมดเลย"
ดวงตาสีดำขวับค่อยๆ หันมามองเธอช้าๆ
"ฟ้า..."เอ่ยเรียกแผ่วเบาแต่กระนั้นเธอก็ได้ยิน
"เข้าบ้าน เป็นอะไรถึงมานั่งตากฝนแบบนี้"
เขาไม่อยากอยู่คนเดียว รู้สึกเหมือนโดนหลอกซ้ำไปซ้ำมา จนไม่กล้าจะเชื่ออะไรใครได้อีก รู้สึกผิดหวัง สิ้นหวัง ไม่อยากหวังอะไรอีกแล้ว แต่พอได้มองแววตาคู่นั้นของใครบางคนที่ชอบแอบมองเธอผ่านกระจกห้องทำงานทุกวัน ก็พลอยทำให้เขาอยากจะมีเธออยู่ข้างๆ ในวันที่อ่อนแรง ทว่าก็นึกละอายใจที่ทำร้ายเธอไว้เยอะเกินที่จะเอ่ยปากขอให้เธอนั้นอย่าไปไหนไกล
"เหนื่อย...ฉันเหนื่อยเหลือเกิน...ฟ้า"
"ลุกก่อนเถอะเดี๋ยวก็ไม่สบายเอา"ว่าพลางก่อนจะประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้น
มือบางยื่นแก้วน้ำกับยาเม็ดให้ชายหนุ่มหลังจากที่เขานั้นจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จสรรพแล้ว
"กินยาก่อนเดี๋ยวไม่สบาย"
ใบหน้าคมเข้มพยักหน้าตกลงก่อนจะเอนตัวนอนหลังจากที่กินยาตามที่หญิงสาวบอก
"อย่าไป! "มือหนายื่นมาคว้าแขนของเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่าฑิฆัมพรกำลังจะเดินออกไป
"ละเมอหรอ? "นึกฉงนใจเมื่อถูกเขาฉุดรั้งเอาไว้ก่อนจะรู้สาเหตุของการพูดพึมพำๆ ไม่เป็นภาษา
อุณหภูมิของร่างกายที่ผิดปกติทำให้หญิงสาวรู้ทันทีว่าเม็ดฝนเริ่มออกฤทธิ์ให้เห็นแล้ว
"อย่าไป อยู่กับฉันก่อน"
คำเอ่ยรั้งครั้งนี้หญิงสาวจำยอมต้องนั่งลงเฝ้าชายหนุ่มเพราะแรงดึงนั้นเยอะกว่าเดิมจนไม่สามารถแกะมือนั้นออกได้ง่าย
ใบหน้าคมนั้นหลับพริ้มจนพลอยให้ใครบางคนเผลอแอบมองด้วยความหลงใหลก่อนจะยิ้มออกมาคนเดียวราวเป็นบ้า
คนอะไร หล่อไม่เคยเปลี่ยน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ