รักนะ ยัยพี่เลี้ยง
-
3) บทที่ 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 3
ชาหวานเดินเข้ามาในโรงอาหารก่อนจะกวาดสายตามองหาว่าเพื่อน ๆ ของเธอนั่งอยู่มุมไหน เมื่อเห็นแล้วจึงเดินไปซื้อน้ำก่อนไปนั่งที่โต๊ะ
“นี่แก ก๋วยเตี๋ยวแกได้แล้ว” ลิ้นจี่ยื่นถ้วยให้
ชาหวานก้มดูก๋วยเตี๋ยวในชามของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเป็นเส้นเล็กน้ำใสแบบที่เธอชอบก็รับมันมาไว้ตรงหน้า “ขอบใจนะลิ้นจี่ แกนี่รู้ใจฉันจริง ๆ อะนี่ฉันซื้อน้ำมาเผื่อด้วย” ชาหวานยื่นขวดน้ำให้เพื่อนทั้งสอง
“แล้วแกหายไปไหนมาเกือบสิบนาทีแหนะ จนพวกฉันกินกันจนจะหมดอยู่แล้ว” ซูกัสพูดขึ้นหลังจากที่เธอตักอาหารกินเป็นคำสุดท้าย
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อย แต่ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้ว กินต่อเถอะ” เธอจะบอกเพื่อนของเธอได้ยังไงว่าเธอหายไปจัดการพี่เลี้ยงมา
เธอต้องทำทุกวิถีทางให้ยัยพี่เลี้ยงนั้นลาออกเองให้ได้ ก่อนหน้านี้ที่เธอพูดขู่ว่าจะไล่พี่เลี้ยงออกนั้นเธอไม่สามารถทำได้ เพราะทุกคนที่ถูกจ้างมาทำงานให้กับบ้านของเธอถือว่าเป็นคนของคุณพ่อ หากจะไล่ใครออกต้องมาจากคำสั่งของพ่อของเธอเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้แต่ตัวเธอเองที่เป็นลูก
“นี่เธอ เธอชื่ออะไรเหรอ ผมอาร์มนะ” ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามาทักทายชาหวานและเพื่อน ๆ ที่กำลังนั่งอยู่กลางโรงอาหาร ไม่แปลกที่จะมีคนมองพวกเธอเพราะไม่ว่าจะมองใครในกลุ่มก็ช่างเจริญหูเจริญตาทั้งนั้น
ปากนิด จมูกหน่อยและผิวที่ขาวดั่งหยวกกล้วย ไม่ว่าไปเดินไปทางไหนก็เป็นที่สะดุดตา
ชาหวานเหล่มองชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาแนะนำตัวและตอนนี้เขานั่งข้างเธอ ชาหวานหันไปยิ้มหวานให้คนข้าง ๆ “ชื่อชาหวานค่ะ ส่วนนี้ลิ้นจี่แล้วก็ซูกัส” เธอค่อนข้างชินกับการที่มีคนเข้าหาจึงไม่ได้เคอะเขินอะไรมากนักเมื่อมีผู้ชายมาทำความรู้จัก
“ชื่อน่ากินกันทั้งนั้นเลยนะครับ” อาร์มหันไปยิ้มให้ทุกคนแต่จ้องชาหวานนานเป็นพิเศษ
“ขอบคุณค่ะ งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะไว้เจอกันใหม่” ชาหวานแตะแขนอาร์มเบา ๆ ก่อนบอกลาและพากันลุกไปเก็บถ้วยชามและก่อนไปเธอได้หันไปยิ้มกับอาร์มอีกครั้ง
เธอนี่ช่างฮอตเสียจริง ชาหวานนึกในใจ
“แกว่าคนเมื่อกี้เขาเข้ามาจีบใครวะ จะเป็นฉันหรือเปล่านะ” ซูกัสถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊า
“อาจจะเป็นลิ้นจี่ก็ได้นะ แต่ฉันว่าก็อาจจะเป็นฉันนี่แหละ” ชาหวานยักไหล่
“เออ ฉันว่าไม่ใช่ฉันหรอก ต้องเป็นแกแน่ ๆ ชาหวาน ฉันเห็นเขามองแกซะตาเยิ้มเชียว” ลิ้นจี้พูดขึ้น ถึงเธอจะเห็นแค่แว็บเดียวแต่เธอมั่นใจว่าชายคนนั้นแอบมองชาหวานอยู่
ถึงพวกเธอจะหน้าตาดีกันทั้งกลุ่มแต่เมื่ออยู่ใกล้กับชาหวานแล้วก็จะกลายเป็นคนที่ไร้เสน่ห์ทันที ในกลุ่มย่อมมีหนึ่งคนที่เป็นดาวเด่นซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นชาหวานนั่นเอง
“เออนี่กิจกรรมวันนี้มีถึงแค่เที่ยงใช่ไหม” ชาหวานถามขึ้น เธอพอจำตารางกิจกรรมของวันนี้ได้แต่ไม่ค่อยแน่ใจจึงถามเพื่อนเพื่อความชัวร์อีกรอบ
“ถ้าตามตารางก็ใช่ แต่ในกลุ่มสาขาพี่ ๆ เขานัดรวมเห็นว่าจะทำอะไรนี่แหละ พี่เขาขอให้ไปกันทุกคน ตอนบ่ายนี่แหละ” ซูกัสบอก
“งั้นไปกันเลยไหมล่ะ ใกล้จะถึงเวลาแล้วด้วย” ลิ้นจี่พูดขึ้นเมื่อมองดูเวลา
“ปะ”
เมื่อนักศึกษาชั้นปีหนึ่งทุกคนเข้ามานั่งที่จนครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พี่ ๆ ปีสองก็เริ่มกวาดสายตามองหาคนที่จะมาประกวดดาวเดือนของสาขาทันที
“พี่ชื่อหมิวนะคะ” รุ่นพี่คนหนึ่งแนะนำตัวก่อนจะเข้าประเด็น “น่าจะมากับครบแล้วใช่ไหม วันนี้ที่พวกพี่นัดมาก็ไม่มีอะไรมากหรอก ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่” พี่ปีสองเริ่มเกริ่นนำในการหาดาวเดือน
“อ้าว เจอกันอีกแล้วนะครับชาหวาน” อาร์มที่นั่งเก้าอี้ถัดจากเธอทักขึ้น
“สงสัยเป็นพรหมลิขิตมั้งคะ” เธอตอบ ๆ ไปอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ผมก็ว่างั้น”
“น้องผู้ชายผู้หญิงแถวกลางอย่าพูดในขณะที่พี่กำลังพูดสิคะ แต่จะว่าไปแล้วน้องสองคนยืนขึ้นหน่อย” แล้วพี่ผู้หญิงก็หันไปปรึกษาเพื่อนก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก “ออกมาข้างหน้านี่เร็ว ทั้งคู่เลย”
ชาหวานมองหน้าอาร์มด้วยอาการงงงวยแต่ก็พากันยืนขึ้นและเดินออกไปยืนหน้าชั้นตามคำสั่งแต่โดยดี
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ชาหวานถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก แต่พี่จะเลือกพวกเรานี่แหละให้เป็นดาวเดือนของสาขา มีใครเห็นด้วยไหม ยกมือขึ้น” หลังจากที่บอกจุดประสงค์ในการออกมายืนหน้าห้องของทั้งคู่แล้ว พี่หมิวก็หันไปขอเสียงโหวต ซึ่งทุกคนต่างพากันยกมือเห็นดีเห็นงามด้วย “โอเค สรุปว่าสาขาเราได้ดาวเดือนแล้ว ไม่คิดเลยว่าปีนี้จะเลือกได้เร็วขนาดนี้ เอาละทุกคนแยกย้ายกันได้ค่ะ ส่วนเธอสองคนเดี๋ยวพี่นัดซ้อมอีกทีนะ ว่าแต่น้องสองคนชื่ออะไรกันคะ”
“ชาหวานค่ะ”
“อาร์มครับ”
“โอเค ชาหวานกับอาร์ม พี่ขอเบอร์ไว้หน่อยแล้วกันจะได้ติดต่อได้สะดวก”
หลังจากที่ให้เบอร์ติดต่อแล้วชาหวานก็เดินออกมาหาซูกัสและลิ้นจี่ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
“ดีใจด้วยนะแก ได้เป็นดาวสาขา” ลิ้นจี่จับแขนของชาหวานก่อนจะแสดงความยินดี
“อืม ฉันขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกัน” ชาหวานบอกลาเพื่อน ๆ เธอไม่อยากเป็นดาวสาขาอะไรนั้นเลย ไม่ใช่อะไรเธอแค่ขี้เกียจซ้อมแต่ก็อย่างนี้แหละเกิดมาสวยก็ต้องลำบากหน่อย
“เดี๋ยวชาหวาน” อาร์มเรียกขึ้นและจับมือของเธอไว้
“มีอะไรเหรอ”
“คือผมขอเบอร์ชาหวานหน่อยได้ไหม ไหน ๆ เราก็ต้องซ้อมด้วยกันแล้วควรจะมีเบอร์ติดต่อกันไว้นะ” อาร์มรีบอธิบายเหตุผลทันที ซึ่งชาหวานเห็นว่าเหตุผลฟังขึ้นจึงแลกเบอร์กับอาร์ม ปกติเธอจะไม่ให้เบอร์กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันวันแรกถ้าไม่ชอบจริง ๆ แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุจำเป็น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ชาหวานเคาะกระจกรถให้คนที่กำลังนอนอยู่ในรถตื่น แต่เธอเคาะเท่าไหร่คนข้างในก็ไม่มีวี่แววที่จะลืมตาขึ้นมาเลย เธอจึงเปลี่ยนเป็นทุบประตูรถแทนและมันก็ได้ผล
ปัง ปัง ปัง!
ฉันลืมตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงทุบบางอย่างซึ่งมันดังอยู่ใกล้หูมาก และก็พบกับชาหวานที่กำลังยื่นบ่นพลางทำหน้าบูดเบี้ยวอยู่ข้างกระจกรถฝั่งคนขับ เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงรีบดีดตัวขึ้นมานั่งและปรับเบาะรถให้เป็นปกติและรับเปิดประตูรถทันที
ชาหวานก้าวขึ้นรถก่อนโยนกระเป๋าชาแนลใบดำขลับไว้ข้าง ๆ
“นี่เธอเปิดประตูช้า ฉันเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น นึกว่าจะมานอนตายคารถฉันซะแล้ว ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนรถใหม่นะ” หลังจากที่ขึ้นมาชาหวานก็บ่นทันที
“ก็มันเมื่อยนี่ค่ะ รอคุณตั้งนาน คุณน่าจะปล่อยให้ฉันไปทำอย่างอื่นก่อน”
“อยากตกงานตั้งแต่วันแรกใช่ไหมฮะ” ในขณะที่ชาหวานกำลังโวยวายเธอก็ย่นจมูกเล็กน้อยเพราะได้กลิ่นไม่พึงประสงค์บางอย่าง “นี่กลิ่นเหม็นอะไร” เธอปิดจมูกก่อนมองหาที่มา
ฉันคิดว่าเธอน่าจะได้กลิ่นข้าวขาหมูที่ฉันกินไปเมื่อเที่ยง โชคดีที่ฉันเอาไปทิ้งเรียบร้อยแล้วเลยไม่เหลือหลักฐานให้ถูกยัยเด็กนี่โวยวายเพิ่ม
“ก็ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลยนิคะ”
“จมูกบอดเหรอ กลิ่นออกจะแรง”
แหนะมาว่าฉันจมูกบอดอีก ใครจะจมูกดมกลิ่นดีเหมือนหมาเท่ายัยนี่ละคุณหนูชาหวาน!
“เอางี้ เดี๋ยวฉันฉีดสเปรย์ดับกลิ่นแล้วกัน” ฉันหยิบสเปรย์ขึ้นมาและฉีดไปทั่วหลังรถทันที
“แค่ก แค่ก หยุดฉีด ฉันบอกให้หยุด!” เธอใช้มือปัดกลิ่นให้จาง “ฉีดขนาดนี้คิดจะฆ่ากันใช่ไหม”
ฉันไม่ตอบอะไรหลังจากที่คุณหนูชาหวานโวยวาย จากนั้นจึงเก็บขวดสเปรย์ “งั้นออกรถเลยนะคะ”
ชาหวานเดินเข้ามาในโรงอาหารก่อนจะกวาดสายตามองหาว่าเพื่อน ๆ ของเธอนั่งอยู่มุมไหน เมื่อเห็นแล้วจึงเดินไปซื้อน้ำก่อนไปนั่งที่โต๊ะ
“นี่แก ก๋วยเตี๋ยวแกได้แล้ว” ลิ้นจี่ยื่นถ้วยให้
ชาหวานก้มดูก๋วยเตี๋ยวในชามของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเป็นเส้นเล็กน้ำใสแบบที่เธอชอบก็รับมันมาไว้ตรงหน้า “ขอบใจนะลิ้นจี่ แกนี่รู้ใจฉันจริง ๆ อะนี่ฉันซื้อน้ำมาเผื่อด้วย” ชาหวานยื่นขวดน้ำให้เพื่อนทั้งสอง
“แล้วแกหายไปไหนมาเกือบสิบนาทีแหนะ จนพวกฉันกินกันจนจะหมดอยู่แล้ว” ซูกัสพูดขึ้นหลังจากที่เธอตักอาหารกินเป็นคำสุดท้าย
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อย แต่ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้ว กินต่อเถอะ” เธอจะบอกเพื่อนของเธอได้ยังไงว่าเธอหายไปจัดการพี่เลี้ยงมา
เธอต้องทำทุกวิถีทางให้ยัยพี่เลี้ยงนั้นลาออกเองให้ได้ ก่อนหน้านี้ที่เธอพูดขู่ว่าจะไล่พี่เลี้ยงออกนั้นเธอไม่สามารถทำได้ เพราะทุกคนที่ถูกจ้างมาทำงานให้กับบ้านของเธอถือว่าเป็นคนของคุณพ่อ หากจะไล่ใครออกต้องมาจากคำสั่งของพ่อของเธอเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้แต่ตัวเธอเองที่เป็นลูก
“นี่เธอ เธอชื่ออะไรเหรอ ผมอาร์มนะ” ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามาทักทายชาหวานและเพื่อน ๆ ที่กำลังนั่งอยู่กลางโรงอาหาร ไม่แปลกที่จะมีคนมองพวกเธอเพราะไม่ว่าจะมองใครในกลุ่มก็ช่างเจริญหูเจริญตาทั้งนั้น
ปากนิด จมูกหน่อยและผิวที่ขาวดั่งหยวกกล้วย ไม่ว่าไปเดินไปทางไหนก็เป็นที่สะดุดตา
ชาหวานเหล่มองชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาแนะนำตัวและตอนนี้เขานั่งข้างเธอ ชาหวานหันไปยิ้มหวานให้คนข้าง ๆ “ชื่อชาหวานค่ะ ส่วนนี้ลิ้นจี่แล้วก็ซูกัส” เธอค่อนข้างชินกับการที่มีคนเข้าหาจึงไม่ได้เคอะเขินอะไรมากนักเมื่อมีผู้ชายมาทำความรู้จัก
“ชื่อน่ากินกันทั้งนั้นเลยนะครับ” อาร์มหันไปยิ้มให้ทุกคนแต่จ้องชาหวานนานเป็นพิเศษ
“ขอบคุณค่ะ งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะไว้เจอกันใหม่” ชาหวานแตะแขนอาร์มเบา ๆ ก่อนบอกลาและพากันลุกไปเก็บถ้วยชามและก่อนไปเธอได้หันไปยิ้มกับอาร์มอีกครั้ง
เธอนี่ช่างฮอตเสียจริง ชาหวานนึกในใจ
“แกว่าคนเมื่อกี้เขาเข้ามาจีบใครวะ จะเป็นฉันหรือเปล่านะ” ซูกัสถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊า
“อาจจะเป็นลิ้นจี่ก็ได้นะ แต่ฉันว่าก็อาจจะเป็นฉันนี่แหละ” ชาหวานยักไหล่
“เออ ฉันว่าไม่ใช่ฉันหรอก ต้องเป็นแกแน่ ๆ ชาหวาน ฉันเห็นเขามองแกซะตาเยิ้มเชียว” ลิ้นจี้พูดขึ้น ถึงเธอจะเห็นแค่แว็บเดียวแต่เธอมั่นใจว่าชายคนนั้นแอบมองชาหวานอยู่
ถึงพวกเธอจะหน้าตาดีกันทั้งกลุ่มแต่เมื่ออยู่ใกล้กับชาหวานแล้วก็จะกลายเป็นคนที่ไร้เสน่ห์ทันที ในกลุ่มย่อมมีหนึ่งคนที่เป็นดาวเด่นซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นชาหวานนั่นเอง
“เออนี่กิจกรรมวันนี้มีถึงแค่เที่ยงใช่ไหม” ชาหวานถามขึ้น เธอพอจำตารางกิจกรรมของวันนี้ได้แต่ไม่ค่อยแน่ใจจึงถามเพื่อนเพื่อความชัวร์อีกรอบ
“ถ้าตามตารางก็ใช่ แต่ในกลุ่มสาขาพี่ ๆ เขานัดรวมเห็นว่าจะทำอะไรนี่แหละ พี่เขาขอให้ไปกันทุกคน ตอนบ่ายนี่แหละ” ซูกัสบอก
“งั้นไปกันเลยไหมล่ะ ใกล้จะถึงเวลาแล้วด้วย” ลิ้นจี่พูดขึ้นเมื่อมองดูเวลา
“ปะ”
เมื่อนักศึกษาชั้นปีหนึ่งทุกคนเข้ามานั่งที่จนครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พี่ ๆ ปีสองก็เริ่มกวาดสายตามองหาคนที่จะมาประกวดดาวเดือนของสาขาทันที
“พี่ชื่อหมิวนะคะ” รุ่นพี่คนหนึ่งแนะนำตัวก่อนจะเข้าประเด็น “น่าจะมากับครบแล้วใช่ไหม วันนี้ที่พวกพี่นัดมาก็ไม่มีอะไรมากหรอก ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่” พี่ปีสองเริ่มเกริ่นนำในการหาดาวเดือน
“อ้าว เจอกันอีกแล้วนะครับชาหวาน” อาร์มที่นั่งเก้าอี้ถัดจากเธอทักขึ้น
“สงสัยเป็นพรหมลิขิตมั้งคะ” เธอตอบ ๆ ไปอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ผมก็ว่างั้น”
“น้องผู้ชายผู้หญิงแถวกลางอย่าพูดในขณะที่พี่กำลังพูดสิคะ แต่จะว่าไปแล้วน้องสองคนยืนขึ้นหน่อย” แล้วพี่ผู้หญิงก็หันไปปรึกษาเพื่อนก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก “ออกมาข้างหน้านี่เร็ว ทั้งคู่เลย”
ชาหวานมองหน้าอาร์มด้วยอาการงงงวยแต่ก็พากันยืนขึ้นและเดินออกไปยืนหน้าชั้นตามคำสั่งแต่โดยดี
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ชาหวานถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก แต่พี่จะเลือกพวกเรานี่แหละให้เป็นดาวเดือนของสาขา มีใครเห็นด้วยไหม ยกมือขึ้น” หลังจากที่บอกจุดประสงค์ในการออกมายืนหน้าห้องของทั้งคู่แล้ว พี่หมิวก็หันไปขอเสียงโหวต ซึ่งทุกคนต่างพากันยกมือเห็นดีเห็นงามด้วย “โอเค สรุปว่าสาขาเราได้ดาวเดือนแล้ว ไม่คิดเลยว่าปีนี้จะเลือกได้เร็วขนาดนี้ เอาละทุกคนแยกย้ายกันได้ค่ะ ส่วนเธอสองคนเดี๋ยวพี่นัดซ้อมอีกทีนะ ว่าแต่น้องสองคนชื่ออะไรกันคะ”
“ชาหวานค่ะ”
“อาร์มครับ”
“โอเค ชาหวานกับอาร์ม พี่ขอเบอร์ไว้หน่อยแล้วกันจะได้ติดต่อได้สะดวก”
หลังจากที่ให้เบอร์ติดต่อแล้วชาหวานก็เดินออกมาหาซูกัสและลิ้นจี่ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
“ดีใจด้วยนะแก ได้เป็นดาวสาขา” ลิ้นจี่จับแขนของชาหวานก่อนจะแสดงความยินดี
“อืม ฉันขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกัน” ชาหวานบอกลาเพื่อน ๆ เธอไม่อยากเป็นดาวสาขาอะไรนั้นเลย ไม่ใช่อะไรเธอแค่ขี้เกียจซ้อมแต่ก็อย่างนี้แหละเกิดมาสวยก็ต้องลำบากหน่อย
“เดี๋ยวชาหวาน” อาร์มเรียกขึ้นและจับมือของเธอไว้
“มีอะไรเหรอ”
“คือผมขอเบอร์ชาหวานหน่อยได้ไหม ไหน ๆ เราก็ต้องซ้อมด้วยกันแล้วควรจะมีเบอร์ติดต่อกันไว้นะ” อาร์มรีบอธิบายเหตุผลทันที ซึ่งชาหวานเห็นว่าเหตุผลฟังขึ้นจึงแลกเบอร์กับอาร์ม ปกติเธอจะไม่ให้เบอร์กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันวันแรกถ้าไม่ชอบจริง ๆ แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุจำเป็น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ชาหวานเคาะกระจกรถให้คนที่กำลังนอนอยู่ในรถตื่น แต่เธอเคาะเท่าไหร่คนข้างในก็ไม่มีวี่แววที่จะลืมตาขึ้นมาเลย เธอจึงเปลี่ยนเป็นทุบประตูรถแทนและมันก็ได้ผล
ปัง ปัง ปัง!
ฉันลืมตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงทุบบางอย่างซึ่งมันดังอยู่ใกล้หูมาก และก็พบกับชาหวานที่กำลังยื่นบ่นพลางทำหน้าบูดเบี้ยวอยู่ข้างกระจกรถฝั่งคนขับ เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงรีบดีดตัวขึ้นมานั่งและปรับเบาะรถให้เป็นปกติและรับเปิดประตูรถทันที
ชาหวานก้าวขึ้นรถก่อนโยนกระเป๋าชาแนลใบดำขลับไว้ข้าง ๆ
“นี่เธอเปิดประตูช้า ฉันเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น นึกว่าจะมานอนตายคารถฉันซะแล้ว ฉันยังไม่อยากเปลี่ยนรถใหม่นะ” หลังจากที่ขึ้นมาชาหวานก็บ่นทันที
“ก็มันเมื่อยนี่ค่ะ รอคุณตั้งนาน คุณน่าจะปล่อยให้ฉันไปทำอย่างอื่นก่อน”
“อยากตกงานตั้งแต่วันแรกใช่ไหมฮะ” ในขณะที่ชาหวานกำลังโวยวายเธอก็ย่นจมูกเล็กน้อยเพราะได้กลิ่นไม่พึงประสงค์บางอย่าง “นี่กลิ่นเหม็นอะไร” เธอปิดจมูกก่อนมองหาที่มา
ฉันคิดว่าเธอน่าจะได้กลิ่นข้าวขาหมูที่ฉันกินไปเมื่อเที่ยง โชคดีที่ฉันเอาไปทิ้งเรียบร้อยแล้วเลยไม่เหลือหลักฐานให้ถูกยัยเด็กนี่โวยวายเพิ่ม
“ก็ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลยนิคะ”
“จมูกบอดเหรอ กลิ่นออกจะแรง”
แหนะมาว่าฉันจมูกบอดอีก ใครจะจมูกดมกลิ่นดีเหมือนหมาเท่ายัยนี่ละคุณหนูชาหวาน!
“เอางี้ เดี๋ยวฉันฉีดสเปรย์ดับกลิ่นแล้วกัน” ฉันหยิบสเปรย์ขึ้นมาและฉีดไปทั่วหลังรถทันที
“แค่ก แค่ก หยุดฉีด ฉันบอกให้หยุด!” เธอใช้มือปัดกลิ่นให้จาง “ฉีดขนาดนี้คิดจะฆ่ากันใช่ไหม”
ฉันไม่ตอบอะไรหลังจากที่คุณหนูชาหวานโวยวาย จากนั้นจึงเก็บขวดสเปรย์ “งั้นออกรถเลยนะคะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ