รักนะ ยัยพี่เลี้ยง

-

เขียนโดย นนิรา

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 21.42 น.

  5 บท
  1 วิจารณ์
  6,083 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 4

 

เมื่อวันนี้หมดหน้าที่ในการเป็นพี่เลี้ยงเด็กโข่งแล้วฉันก็ขับลูกชายสุดที่รักฉันกลับบ้าน ฉันมองของเล่นที่เมื่อเช้านี้อุตส่าห์เตรียมมาล่อคุณหนูชาหวาน แต่ไหงกับเป็นเด็กมหาลัยซะงั้น ดีที่คุณเธอยังไม่เห็นของพวกนี้ไม่งั้นฉันคงอายมากแน่

 

ในขณะที่ฉันกำลังจะเตรียมตัวนอนเพื่อไปสู้รบกับคุณหนูชาหวานในวันพรุ่งนี้ บอลลี่ก็วิดีโอคอลมาก่อน

 

[เงียบไปทั้งวันเลยนะแก เป็นไงบ้างงานวันแรก เด็กน่ารักไหม]

 

เมื่อกดรับสายบอลลี่ก็ยิงคำถามใส่รัว ๆ

 

“น่ารักกับผีน่ะสิแก”

 

[เด็กดื้อเหรอหรือไง เล่ามา ๆ]

 

“ไอ้ที่บอกว่าดูแลเด็กอะ เด็กที่ว่าคือเด็กโข่งเว้ย!”

 

บอลลี่เอียงคอสงสัย [ยังไงวะ]

 

“เด็กมหาลัยค่าเด็กมหาลัย ฉันต้องคอยดูแลตามใจยัยคุณหนูชาหวาน ดุยังกับหมา คนอะไรไม่รู้บ่นได้ตลอดเวลา”

 

[แกก็หาสำลีมาอุดหูสิแล้วก็อุดจมูกต่อเลย]

 

“ไอ้บ้า ฉันยังไม่ตายเว้ยแล้วก็จะไม่ตายง่าย ๆ ด้วย แค่นี้ละจะไปนอนเอาแรงแล้ว” พูดจบฉันก็กดตัดสายทันที

 

 

เช้าวันนี้ฉันต้องไปรอรับคุณหนูเหมือนเดิมและเวลาเดิม แต่วันนี้ยัยคุณหนูนี่ต้องไปรถฉันเพราะเมื่อเช้าพี่ชายของเธอเอารถคันโปรดของเธอไปเนื่องจากรถของพี่ชายเธอมีปัญหาต้องเข้าอู่ บ้านของเธอมีรถอยู่สามคัน ของเธอ พี่เธอและคุณพ่อซึ่งทุกคันล้วนไม่ว่าง คุณหนูชาหวานเลยจำใจต้องนั่งรถฉันไปมหาลัย

 

“เชิญขึ้นรถค่ะคุณชาหวาน” ฉันเปิดประตูหลังรถให้เธอ

 

ชาหวานหรี่ตามองสำรวจหลังเบาะสักพักก่อนเบ้ปาก “สกปรก ฉันนั่งไม่ลงหรอก นั่งหน้าก็แล้วกัน” แล้วเธอก็เปิดประตูเดินขึ้นรถข้างคนขับปล่อยให้ฉันเปิดประตูเก้อ “นี่ขึ้นรถสิ” ชาหวานเลื่อนกระจกรถก่อนจะตะโกนบอกฉันที่กำลังจะเดินไปนั่งฝั่งคนขับ ให้ตายเธอช่างใจร้อนเสียจริง ฉันแกล้งขับรถตกคลองน้ำดีไหมฮะ ไม่ใช่สิต้องหาวิธีที่ตัวเองปลอดภัยด้วย

 

ฉันจอดรถที่เดิมกับที่จอดเมื่อวาน รถทันได้ดับสนิทคุณหนูหน้าหวานนั้นก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที เธอเดินไปไม่กี่ก้าวก็ย้อนกลับมา ฉันเปิดเลื่อนกระจกลงเพื่อจะถามแต่ชาหวานก็พูดขึ้นมาก่อน

 

“วันนี้เธอจะไปเดินเล่นที่ไหนก็ได้ แต่เวลาฉันเรียกต้องมาให้ทันเข้าใจไหม” สั่งเสร็จชาหวานก็รีบเดินออกไปทันที เธอไม่อยากให้เพื่อนถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเธอถึงนั่งรถกระป๋องคันเล็ก

 

ในขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดว่าแถวนี้มีห้างไหนใกล้ ๆ ให้พอเดินเล่นบ้างก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของชาหวานตกอยู่หลังเบาะรถ จึงเอื้อมมือไปหยิบมันและเดินไปให้คุณหนูนั่น

 

“คุณชาหวาน ชาหวาน”

 

ชาหวานหันมาตามเสียงเรียกและรีบเดินมาประชิดตัวฉันทันที

 

“เธอออกมานอกรถทำไม” ชาหวานไม่อยากให้เพื่อนของเธอเห็นพี่เลี้ยงคนนี้

 

“คุณลืมโทรศัพท์” ฉันยื่นให้และชาหวานก็รีบคว้าไปทันทีโดยที่ไม่เอ่ยปากขอบคุณอะไรฉันเลย

 

“ชาหวาน ใครอะฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย” ลิ้นจี่ที่เพิ่งมาถึงมหาลัยถามขึ้นเมื่อเห็นเธอกำลังยืนคุยกับใครสักคนอยู่

 

ชาหวานหันมามองหน้าฉัน “เออ คนใช้ที่บ้านน่ะ พอดีฉันลืมโทรศัพท์เลยโทรให้เอามาให้น่ะ”

 

คนใช้งั้นเหรอ ได้เลยชาหวาน

 

ฉันใช้ฝ่ามือฟาดลงไปที่ไหล่ของเธอหนึ่งที

 

“โอ๊ย ทำไรฉันเนี่ย” ชาหวานหันจ้องหน้าฉันทันทีที่ฟาดลงไปที่ไหล่ของเธอ

 

“พี่ชื่อน้ำมนต์นะคะ เป็นพี่ของชาหวาน พอดีช่วงนี้ว่างเลยตั้งใจจะมารับส่งน้องสาวเพื่อไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง”

 

“ไม่แนะนำเพื่อน ๆ ให้พี่รู้จักหน่อยเหรอชาหวาน”

 

“เพื่อนฉันไม่อยากรู้จักหรอก” ชาหวานตอบปัด ๆ ตอนนี้เธออยากพาเพื่อน ๆ ออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

 

“แต่ฉันอยากรู้จักนะ หนูชื่อซูกัสค่ะ ส่วนนี้ลิ้นจี่” ซูกัสพูดขึ้นและแนะนำตัว

 

เมื่อฉันคุยกับเพื่อนทั้งสองของชาหวานเสร็จ ฉันก็หันไปหาชาหวาน “ชอบแกล้งพี่อยู่เรื่อยเลยนะเรา งั้นพี่ไปก่อนนะ ให้มารับตอนไหนโทรมาแล้วกันนะ”

 

ฉันบอกกล่าวกับเพื่อน ๆ ของชาหวานจบก็รีบเดินขึ้นรถและออกรถทันที ขืนฉันออกช้ากว่านี้มีหวังคุณหนูชาหวานตวาดแว้ดเสียงแหลมไปทั่วมหาลัยแน่ ที่ฉันกล้าพูดแบบนี้ก็เพราะว่าเมื่อวานก่อนที่ฉันจะกลับบ้านฉันดันไปบ่นเรื่องที่คุณหนูชาหวานชอบขู่ไล่ฉันออกให้คุณพ่อบ้านและคุณท่านดันมาได้ยินเข้า ตอนแรกฉันก็ตกใจนึกว่าตัวเองต้องซวยแน่ ๆ แต่เดชะบุญคุณท่านกลับเปิดทางสว่างให้กับฉันแทน

 

 

 

“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณน้ำมนต์ในการเริ่มงานวันแรก” คุณพ่อบ้านที่เป็นคนสัมภาษณ์ฉันถามขึ้นหลังจากที่ฉันกลับมาเปลี่ยนรถ

 

“ก็โอเคค่ะ แต่ฉันสงสัยตั้งแต่วันที่คุณรับฉันเข้าทำงาน ฉันของถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยถามเรื่องที่ค้างคาใจออกไป

 

“ได้สิครับ”

 

“คิดว่าฉันจำได้ว่าก่อนหน้าฉันก็มีคนสมัครงาน แต่ทำคุณถึงรับฉันเข้าทำงานทันทีเลยละคะ”

 

“อ่อเรื่องนี้เอง คือคนก่อนหน้านี้ไม่ตรงตามคุณสมบัติตามที่คุณท่านต้องการครับ แล้วอีกอย่างผมว่าคุณน้ำมนต์น่าจะเหมาะมากกว่า ดูจากโหงวเฮ้งแล้ว มีอะไรคาใจอีกไหมครับถามผมได้ตลอดเลยนะ”

 

รับคนเข้าทำงานจากโหงวเฮ้งเนี่ยนะ

 

“อ่อมีอีกเรื่องค่ะ ฉันคิดว่าสักวันคงโดนไล่ออกแน่เลยค่ะ คุณชาหวานเอาแต่พูดขู่ฉันด้วยคำนี้”

 

คุณพ่อบ้านที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็หยุดกิจกรรมทุกอย่างลงและโค้งคำนับ ฉันจึงหันไปดูว่าคุณพ่อบ้านกำลังทำความเคารพใคร เมื่อหันไปก็พบกับผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐาน สะอาดสะอ้าน มองครั้งเดียวก็รู้เลยว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แน่ ๆ

 

“สวัสดีครับคุณท่าน” เมื่อพ่อบ้านทำความเคารพเสร็จก็หันมาแนะนำนายจ้างของฉันให้ฉันรู้จัก “คุณน้ำมนต์ครับนี่คุณท่านอัมพุชครับ”

 

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อน้ำมนต์นะคะ เป็นพี่เลี้ยงของคุณหนูชาหวานค่ะ” แนะนำตัวเสร็จฉันก็ยิ้ม

 

ไม่รู้ว่าคุณอัมพุชจะได้ยินที่ฉันบ่นเมื่อกี้หรือเปล่า

 

“สวัสดีจ้ะ” คุณอัมพุชรับไหว้ “หนูไม่ต้องห่วงเรื่องจะโดนชาหวานไล่ออกนะ ลุงเป็นคนจ้างหนูแสดงว่าคนที่สามารถไล่หนูออกได้มีแต่ลุงเท่านั้น แล้วลุงฝากเรื่องหนึ่ง ลุงอยากให้ดูช่วยดูแลชาหวานให้หน่อย เด็กคนนี้ดื้อนิดหน่อย จะสั่งจะสอนได้ตามสบายเลยนะ คิดซะว่าหนูเป็นพี่สาวคนหนึ่งของชาหวานแล้วกัน”

 

ดื้อมากต่างหากค่ะคุณท่าน!

 

“ค่ะคุณท่าน”

 

“ฉันขอตัวก่อนนะ มงคลเอาชาขึ้นไปให้ฉันด้วยนะ วันนี้จะนอนที่นี่”

 

ปกติคุณท่านไม่ได้นอนที่นี่เหรอเนี่ย จะว่าไปแล้วเท่าที่ฉันสังเกตมาตั้งแต่เมื่อวาน บ้านหลังนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่เลย ส่วนใหญ่ที่เห็นเดินไปมาเดินก็มีแต่เหล่าคนรับใช้ทั้งนั้น

 

บ้านใหญ่โต แต่ไม่มีคน ดูเงียบเหงาเหมือนกันแฮะ

 

“สวัสดีค่ะคุณท่าน” ฉันกล่าวลาและคุณอัมพุชก็หันมาพยักหน้ารับคำลาก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

คราวนี้ฉันก็ไม่ต้องเกร็งกับยัยคุณหนูชาหวานนั่นแล้ว

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา