รักนะ ยัยพี่เลี้ยง

-

เขียนโดย นนิรา

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 21.42 น.

  5 บท
  1 วิจารณ์
  6,084 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 2 

 

 

ฉันยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจก เสื้อยืดกางเกงสแล็คเหมือนเดิมก็แล้วกัน วันนี้ต้องไปส่งคุณหนูที่โรงเรียนงั้นเหรอ แต่งตัวสบาย ๆ ก็แล้วกัน ว่าแต่ฉันลืมถามไปเลยว่าคุณหนูอายุเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเอาของเล่นติดรถไปสักสี่ห้าอย่าง ถ้าคุณหนูร้องไห้จะได้มีของเล่นไว้หลอกล่อ

 

ฉันถูฝ่ามือไปมาด้วยความตื่นเต้นก่อนจับพวงมาลัยรถก่อนเหลือบมองนาฬิกา ฉันต้องไปถึงที่นั่นเวลาเจ็ดโมงเช้าตามตารางที่คุณพ่อบ้านแจ้งไว้

 

ไม่นานรถก็เข้ามาเทียบจอดยังบริเวณหน้าบ้าน ฉันก้าวลงจากรถและส่งยิ้มให้บรรดาคนรับใช้ที่ออกมาต้อนรับ ฉันต้องผูกมิตรไว้ก่อนงั้นการยิ้มคือการผูกมิตรขั้นแรก

 

“สวัสดีค่ะ คือฉันมารับคุณหนูไปโรงเรียนค่ะ” หลังจากที่ฉันเอ่ยถามขึ้นก็มี ก็มีผู้หญิงวัยรุ่นเดินออกมาจากตัวบ้าน เธอใส่ชุดนักศึกษาตัวน้อยรัดติ้วจนกระดุมแทบจะปริออกและกระโปรงทรงเอแสนสั้นเลยหัวเข่ามาเกือบคืบ

 

“ไหนพี่เลี้ยงคนใหม่ของฉัน!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคุยกับสาวใช้

 

“นี่ค่ะ คุณน้ำมนต์จะมาเป็น...” แม่บ้านคนหนึ่งทันได้พูดจบ คุณหนูของบ้านก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

 

“เปิดประตูสิฉันจะขึ้นรถ เดี๋ยวนะฉันไม่นั่งรถคันนี้ เห่ยมาก” ชาหวานมองหน้าพี่เลี้ยงคนใหม่ก่อนจะเหล่มองรถเก๋งสีดำคันน้อยของพี่เลี้ยงเธอ ก่อนจะหันไปสั่งคนของเธอให้เอารถที่เธออยากนั่งมาเปลี่ยน “มงคล ฉันเอาบีเอ็มคันขาว แล้วเอารถขยะนี่ไปเก็บให้พ้นหูพ้นตาฉันด้วย”

 

รถขยะงั้นเหรอ กล้ามาว่าลูกชายฉันได้ยังไงเนี่ย ถึงจะเป็นรถขยะในสายตาเธอแต่มันก็พาฉันไปในที่ที่ฉันอยากไปได้นะเว้ย ฉันละอยากตะโกนประโยคพวกนี้ออกไปให้ได้ยินจริง ๆ

 

“ครับคุณหนู” คุณพ่อบ้านรับคำสั่งของคุณหนูเสร็จก็เดินมาขอกุญแจรถฉันเพื่อเอาไปเก็บในโรงรถก่อนจะขับคันที่เจ้านายต้องการนั่งมาเทียบหน้าบ้านแทน

 

ฉันยืนกะพริบตาจ้องคุณหนูหน้าสวย ไม่คิดเลยว่าพี่เลี้ยงเด็กที่ว่าคือ...ฉันต้องคอยดูแลเด็กมหาลัยเหรอเนี่ย

 

“เร็วสิ มัวยืนรออะไรอยู่ ฉันไม่ได้ว่างทั้งวันนะ ถ้าฉันไปเข้ากิจกรรมสายละเธอได้มีปัญหากับฉันแน่”

 

“หะ?”

 

“เร็วสิ!”

 

ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าตะคอกใส่ ฉันจึงเปิดประตูตามที่เธอสั่งทันที “เชิญค่ะ”

 

เธอยืนดอกอกและมองฉันสักพัก “ข้างหลัง ฉันไม่นั่งหน้ากับเธอหรอกนะ เรามันคนละชั้นกัน”

 

ฉันขมวดคิ้วก่อนปิดประตูหน้าและเดินไปเปิดประตูหลังรถ ไอ้เด็กบ้านี่มาแบ่งชนชั้นอะไรในยุคนี่เนี่ย

 

“ปิดประตูด้วยสิ” เธอสั่งอีกรอบ

 

ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อวานก่อนจะออกจากห้องสัมภาษณ์เขาถึงอวยพรให้ฉันโชคดี ตอนแรกก็นึกว่าเป็นคำอวยพรในการเริ่มงานใหม่เป็นวันแรกปกติเหมือนที่อื่น ๆ แต่ที่นี่ท่าจะไม่ใช่งานธรรมดาซะแล้ว ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่เงินเดือนแล้วแหละ เอาวะคิดว่าเพื่อเงิน! อีกอย่างในหมายเหตุนั้นระบุไว้ว่าต้องการคนที่มีความอดทน ฉันเข้าใจแล้วเข้าใจลึกไปถึงขั้วสมองเลยทีเดียว

 

“ฉันละไม่เข้าใจคุณพ่อจริงจริ๊งว่าจะจ้างคนดูแลให้เปลืองเงินเล่นทำไม แถมดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาดด้วย จริงไหม” ชาหวานพูดขึ้นลอย ๆ “ฉันถามว่าจริงไหม ตอบสิ!” เธอใช้มือตีเบาะนั่งคนขับเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา

 

“ค..คะ คุยกับฉันเหรอคะ” ฉันไม่ได้ยินประโยคก่อนหน้านี้จริง ๆ เพราะกำลังใช้สมาธิในการขับรถ

 

“โอ้ย ให้ตายสิ ไม่ฉลาดจริง ๆ ด้วย อยู่กันแค่สองคนจะให้ฉันคุยกับผีที่ไหน” ชาหวานกอดอกเอาหลังพิงกับเบาะรถ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย

 

นี่ฉันกำลังโดนยัยเด็กนี้ด่างั้นเหรอ แถมด่ากันซึ่ง ๆ หน้าด้วย ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ฉันเพิ่งได้งานเป็นวันแรก ท่องไว้เงินเดือน เงินเดือน ไม่มีงานเท่ากับไม่มีเงิน

 

“ถึงแล้วค่ะ ให้มารับกี่โมงดีคะ”

 

“เธอรอฉันอยู่ที่นี่เลยไม่ต้องไปไหน ฉันน่าจะกลับสักหกโมงเย็นหรืออาจจะเร็วกว่านั้น ช่างเถอะฉันจะกลับเวลาไหนก็ช่าง แต่เธอต้องคอยสแตนบายรอรับฉันอยู่ที่มหาลัย จอดรอฉันตรงนี้จนกว่าฉันจะกลับและห้ามไปไหนด้วย เข้าใจไหม ฉันไม่ชอบรอ” หลังจากที่เธอออกคำสั่งกับฉันเสร็จสรรพแล้วก็หยิบกระเป๋าและก้าวลงจากรถทันที

 

ทีงี้ละเปิดประตูรถเองเป็น ฉันถอนหายใจก่อนมองบน

 

ฉันนั่งมองคุณหนูจอมเอาแต่ใจจนลับตา สรุปฉันต้องรอเธออยู่ที่นี่ ตรงนี้จริงใช่ไหมเนี่ย

 

 

 

 

 

ในระหว่างที่ชาหวานกำลังนั่งเลือกการแสดงของตัวเองอยู่นั้นทุกคนก็เริ่มทยอยมา หลังจากที่ทุกคนมากันจนครบแล้วพี่หมิวก็เริ่มบอกจุดประสงค์ของการนัด

 

“วันนี้พี่จะให้น้อง ๆ คิดว่าพวกเราแต่ละคนจะแสดงความสามารถพิเศษอะไรบนเวทีประกวด คิดได้แล้วเสนอพี่นะ พี่จะช่วยดูให้ว่ามันโอเคหรือเปล่า”

 

พี่ ๆ ส่งเด็กปีหนึ่งในสาขาประกวดทั้งหมดสี่คนได้แก่ผู้ชายสองและผู้หญิงอีกสอง ทุกสาขาต้องส่งเด็กเข้าประกวดทั้งหมดสองคู่ ซึ่งชาหวานก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

 

ไม่นานผู้หญิงที่นั่งข้างชาหวานก็ยกมือขึ้น

 

“มะนาวหวานว่าไง จะแสดงอะไร”

 

ชาหวานหันไปมองหน้าคนที่กำลังยกมือขึ้นทันทีหลังจากได้ยินพี่หมิวเรียกชื่อของเธอ...คนอะไรชื่อมะนาวหวาน มีที่ไหนมะนาวหวาน ต้องเปรี้ยวสิถึงจะถูก ชื่อคนสมัยนี้ปวดหัวเสียจริง เธอคิด

 

“ร้องเพลงแล้วกันค่ะ เป็นสิ่งที่มะนาวหวานถนัดที่สุดแล้ว” เธอยิ้ม

 

“โอเค ไหนเราลองร้องสิ”

 

“ร้องตอนนี้เลยเหรอคะ มะนาวหวานอายจัง”

 

ชาหวานเหล่ตามองมะนาวหวานด้วยสาตตายที่บ่งบอกว่ารำคาญการลีลาของเธอ

 

“ร้องเลยไม่ต้องอาย พี่จะได้รู้ว่าเราควรโชว์ความสามารถนี้หรือเปล่า”

 

“ค่ะงั้นมะนาวหวานร้องเพลง Come away with me นะคะ” จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นและเปล่งเสียงออกมาซึ่งมันทำให้ทุกคนทึ่งและตะลึงในความไพเราะ

 

ชาหวานยอมรับว่ายัยมะนาวหวานร้องเพราะจริง ๆ แต่ก็แอบหมั่นไส้เล็ก ๆ ที่ตอนแรกเธอทำเป็นแกล้งอาย พอร้องออกมาทียังกับกำลังแสดงโชว์อยู่ในคอนเสิร์ตของตัวเองอย่างไงอย่างนั้น

 

หลังจากที่มะนาวหวานโชว์ความสามารถในการร้องเพลงของตัวเองเสร็จแล้วทุกคนก็ต่างพากันปรบมือ

 

“ร้องเพราะเหมือนกันนะเรา เอาเป็นว่ามะนาวหวานร้องเพลง” พี่หมิวจดลงในสมุดทันที “แล้วชาหวานละได้หรือยัง”

 

“ได้แล้วค่ะ ชาหวานคิดว่าจะเล่นไวโอลิน” เธอพูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดยูทูปและยื่นให้พี่หมิว

 

เมื่อพี่หมิวเปิดดูก็เห็นว่าคนในคลิปที่กำลังเล่นไวโอลินนั่นคือชาหวาน

 

“อันนี้ตอนที่ไปประกวดที่เมกา” ชาหวานพูดเสริม

 

“น้องชาหวาน ไวโอลิน” เธอจดลงในสมุด

 

“ถ้าชาหวานเล่นไวโอลินงั้นผมเล่นเปียโนครับ” อาร์มพูดขึ้น

 

“โอ๊ะ ผู้ชายเล่นเปียโน” ชาหวานหันไปถาม

 

“อืม ผมเล่นเก่งนะ”

 

“ฉันว่าฉันเล่นเก่งกว่า” เธอยักคิ้วให้อีกฝ่าย

 

“งั้นอาร์มเล่นเปียโนนะ หลังเลิกประชุมอาร์มตามพี่มาที่ห้องดนตรีด้วยนะ เพื่อความมั่นใจของพี่ต้องขอให้เราเล่นให้ฟังหน่อย”

 

“ได้ครับพี่”

 

“แล้วน้องเติ้งละ เหลือเราคนเดียวแล้วนะจะเอาอะไรเอ่ย”

 

“ผม...เต้นแล้วกันครับ บีบอย” เขาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล หลังจากนั้นเขาก็ออกไปแสดงความสามารถให้พี่ ๆ วิเคราะห์

 

พี่ ๆ แต่ละคนพากันมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก “เออน้องเติ้งหยุดก่อน เรามีความสามารถอะไรอีกไหมนอกจากเต้น”

 

“ไม่ครับ”

 

“โอเคเต้นก็เต้น งั้นวันนี้เลิกประชุมได้ เดี๋ยวมีอะไรพี่จะนัดทางไลน์อีกที ส่วนอาร์มตามพี่มาที่ห้องดนตรีตอนนี้เลย”

 

ทุกคนคงคิดเหมือนกัน ถ้าให้หมอนี้ไปเต้นแสดงโชว์บนเวทีมีหวังพังแน่ ๆ แต่จะให้ทำยังไงได้ละในเมื่อหมอนี่เต้นเป็นอย่างเดียว

 

“ไว้เจอกันนะ” อาร์มกระซิบข้างหูชาหวานก่อนเดินออกจากห้องและตามพี่หมิวไปยังห้องดนตรี

 

ชาหวานพยักหน้าก่อนโทรหาน้ำมนต์ให้มารับทันทีเและเดินออกจากห้องสาขาไป

 

“ฉันเสร็จแล้ว มารับฉันตอนนี้และเดี๋ยวนี้ อีกสิบนาทีเจอกันและเรามีเรื่องต้องคุยกัน!"

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา