รักนะ ยัยพี่เลี้ยง
-
1) บทที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1
(ขอแสดงความเสียใจ คุณไม่ผ่านสัมภาษณ์)
ฉันอ่านข้อความนี้ซ้ำไปซ้ำมา นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ฉันถูกปฏิเสธ ถ้าฉันขืนตกงานอีกเดือนมีหวังกินแกลบจริง ๆ แน่คราวนี้ ฉันตกงานมาเกือบหนึ่งปีเต็ม ๆ แถมตอนนี้เงินเก็บฉันแทบจะไม่เหลือแล้ว
งานสมัยนี้มันช่างหายากเหลือเกิน
ฉันถอนหายใจอีกครั้งก่อนปิดข้อความนั้นทิ้งและเปิดเว็บหางานทันที จนกระทั่งไปสะดุดกับงาน ๆ หนึ่ง
ค่าตอบแทนเดือนละห้าหมื่น ห้าหมื่น! ฉันขยี้ตาและอ่านอีกครั้งและฉันก็พบว่าฉันไม่ได้ตาฝาดไป
พี่เลี้ยงเด็กงั้นเหรอ?
“บอลลี่ แกว่าไอ้งานพี่เลี้ยงเด็กเนี่ยมันมีโอกาสเงินเดือนถึงห้าหมื่นเปล่าวะ” ฉันถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“มันก็มีอยู่นะ แต่น่าจะเป็นพวกแบบบ้านลูกคุณหนู และน่าจะต้องการพวกคุณสมบัติพิเศษเช่นเก่งภาษาอังกฤษ ต้องคุยอิ้งค์กับลูกเขาตลอดเวลาอะไรพวกนี้แหละฉันว่า แล้วในนั้นมีหมายเหตุหรือต้องการอะไรเป็นพิเศษมะ”
คุณสมบัติพิเศษงั้นเหรอ นั่นไงเจอหมายเหตุแล้ว
(หมายเหตุ: ทำงานบ้านเป็น ทำกับข้าวเป็น มีใบขับขี่และมีความอดทนสูง)
ฉันขมวดคิ้วทันทีที่อ่านหมายเหตุนั่น
“มีอะไรน้ำมนต์ ตกลงมันบอกอะไรไหม”
“บอก บอกว่าต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าว มีใบขับขี่แล้วก็มีความอดทนวะ มีแค่นี้เลยแล้วก็ไม่บอกอะไรแล้ว”
“นี่ต้องการพี่เลี้ยงหรือแม่บ้านวะ เขาลงผิดปะเนี่ย แต่เงินเดือนเยอะ แกก็ลองสมัครไปอีกสักงานเผื่อฟลุ๊ค”
อย่างที่บอลลี่พูด ลองสมัครดูก็ไม่เสียหายอะไร อีกอย่างเงินมันช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน
หลังจากที่กดสมัครและส่งเรซูเม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ถึงสิบนาทีก็มีสายเข้า
“สวัสดีค่ะ”
[คุณน้ำมนต์ใช่ไหมคะ]
“ใช่ค่ะ”
[พรุ่งนี้สะดวกมาสัมภาษณ์งานหรือเปล่าคะ]
[อ่อ ว่างค่ะว่าง พี่เลี้ยงเด็กใช่ไหมคะ] ฉันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะฉันสมัครไปหลายงานมาก
[ใช่ค่ะ เดี๋ยวทางเราส่งแผนที่ให้ทางเมลนะคะ]
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“แก งานพี่เลี้ยงเด็กเขาโทรมาเรียกสัมภาษณ์พรุ่งนี้! ช่วยฉันภาวนาให้ได้งานด้วยนะเว้ย”
“แกเพิ่งสมัครไปเมื่อกี้ใช่ป่ะ เร็วทันใจเว่อร์ ดีไม่ดีแกอาจจะได้งานนี้ก็ได้นะ”
“เออขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ ฉันขี้เกียจหางานแล้วเนี่ย แป๊บนะเมลเข้า” ฉันเปิดอีเมลที่เพิ่งถูกส่งมา
สัมภาษณ์เวลาหกโมงเช้า
เมื่ออ่านเวลานัดสัมภาษณ์ฉันก็ทำหน้าเหยเกขึ้นทันทีจนคนที่นั่งตรงข้ามต้องถามขึ้น
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“นัดสัมภาษณ์หกโมงเช้าวะแก เช้ามากกกก ไหนจะต้องตื่นมาอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวอีก ฉันต้องตื่นตีสี่ครึ่งเลยไหมเนี่ย”
“เช้าจริง แต่แกก็ตื่น ๆ ไปเถอะ ใช่ว่าจะได้งานนี้ซะเมื่อไหร่”
“เอ้าอีนี่ ก่อนหน้านี้ยังอวยพรฉันอยู่เลย ทำไมมาแช่งฉันแล้วละ”
“นมเย็นกับชาเขียวได้แล้วค่ะ” ในระหว่างที่ฉันกำลังคุยกับบอลลี่พนักงานก็มาเสิร์ฟน้ำที่สั่งไปก่อนหน้านี้พอดี
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับชาเขียวมาดูด
“แล้วแกมีชุดสำหรับพรุ่งนี้ยัง”
“อย่างฉันเตรียมพร้อมอยู่แล้ว พร้อมตั้งแต่ตอนตกงานใหม่ ๆ เลย เนี่ยใส่จนมันจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่แล้ว ยังไม่มีใครจ้างสักงาน ฉันกลับบ้านละนะ จะไปเตรียมตัวเตรียมใจสัมภาษณ์ ไปละ” ฉันบอกลาบอลลี่ก่อนขึ้นรถเก๋งสีดำคันเล็กกลับบ้าน เห็นทีจะต้องล้างรถหน่อยแล้ว ขืนพรุ่งนี้ขับเจ้านี่ไปแล้วเขาเห็นฝุ่นเขรอะขนาดนี้มีหวังตกสัมภาษณ์ตั้งแต่แรกเห็นแน่ ๆ
หลังจากที่ฉันตกลงกับตัวเองเรียบร้อยแล้วก็เลี้ยวรถเข้าคาร์แคร์ทันที ล้างแปดสิบบาทก็พอ ทำความสะอาดแค่นอกตัวรถ
เมื่อกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้วก็รีบหาชุดที่จะใส่สำหรับพรุ่งนี้ทันที ฉันว่าใส่กางเกงสแล็คดำไปน่าจะเข้าท่ากว่ากระโปรง ถ้าหากเขาให้ลองงานจะได้ทะมัดทะแมงหน่อย เลี้ยงเด็กคงเหนื่อยน่าดู
เช้าวันถัดมาฉันขับรถตามแผนที่ไปยังบ้านของนายจ้าง หน้าบ้านเป็นประตูรั้วไฮโดรลิคเปิด-ปิดโดยการกดรีโมทเพียงคลิ๊กเดียว เมื่อประตูรั้วบานโตค่อย ๆ เปิดออกฉันจึงขับรถเข้าไปข้างในและจอดในโรงจอดรถสำหรับแขกตามที่ลุงยามหน้าประตูบอก
“สวัสดีค่ะ คุณมาสมัครงานใช่ไหมคะ” ผู้หญิงสูงวัยราว ๆ ห้าสิบออกมาต้อนรับ
“ใช่ค่ะ” ฉันตอบและอมยิ้ม
“งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” เธอผายมือไปหน้าประตูบ้านก่อนจะเดินนำตรงไปยังห้องสัมภาษณ์
ฉันเดินตามเข้าไปและมองไปรอบ ๆ ภายในตัวบ้าน ใหญ่โตอลังการอะไรแบบนี้ ตายกี่ชาติฉันถึงจะมีแบบนี้บ้าง ลูกบ้านนี้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดแท้ ๆ อยากเห็นหน้าจังว่าจะน่ารักมากแค่ไหน
คนบ้านรวยและมีหน้าตาที่ดีมักเป็นของคู่กัน
“คุณนั่งรอหน้าห้องก่อนนะคะ พอดีมีผู้สมัครอีกท่านยังอยู่ข้างใน”
“อ่อค่ะ”
มีคนก่อนหน้าฉันอีกเหรอเนี่ย ต้องมาเช้าแค่ไหนกันนะ แค่หกโมงสำหรับฉันก็เช้ามากพอแล้ว
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” ว่าจบแม่บ้านสูงวัยก็เดินหายเข้าห้องครัวไป ฉันเดาว่าคงจะรีบไปทำอาหารสำหรับมื้อเช้า
“เชิญคุณน้ำมนต์เข้ามาเลยครับ”
“ค่ะ” ฉันลุกขึ้นสำรวจเสื้อผ้าก่อนเดินเข้าห้องไป
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ชายที่ออกมาเรียกและเขาเป็นคนสัมภาษณ์ฉัน ดูจากเสื้อผ้าการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นพ่อบ้านของที่นี่ แต่งเหมือนคุณป้าก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
ให้พ่อบ้านเป็นคนรับสมัครงั้นเหรอ แสดงว่าต้องเป็นคนที่ไว้วางใจสุด ๆ
“เชิญนั่งครับ”
“ค่ะ” ฉันนั่งลงตามคำบอกของคนตรงหน้า
“ผมจะถามคำถามแรกเลยนะครับ คุณทำงานบ้านงานเรือนเป็นใช่ไหมครับ”
“ห๊ะ.. อ่อเป็นค่ะ” บ้านออกจะใหญ่โต คนทำความสะอาดก็น่าจะมีทำไมถึงถามคำถามนี้นะ
“คุณอาจจะสงสัย แต่คุณหนูของเราไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในห้องส่วนตัวของเธอมากเท่าไหร่ครับ แล้วอีกอย่างที่คอนโดไม่มีแม่บ้านคอยดูแลเพราะเธอไม่ชอบเช่นกันครับ”
ฉันพยักหน้ารับ
“ข้อสองทำอาหารเป็นใช่ไหมครับ”
“เป็นค่ะ งานถนัดเลย” ฉันเผลอพูดอะไรออกไป ฉันแค่พอทำได้ต่างหากเล่า อยากจะตีปากตัวเองจริง ๆ เอาเถอะต้มมาม่าอร่อยก็ถือว่าทำอาหารเป็นนั่นแหละ
“แล้วใบขับขี่มีไหมครับ”
“มีค่ะ ครบทั้งรถยนต์และมอ’ ไซค์เลยค่ะ”
“งั้นดีเลยครับ พรุ่งนี้คุณมาเริ่มงานเลยแล้วกันครับ คุณหนูของเราเปิดเรียนพรุ่งนี้เป็นวันแรกพอดี แล้วเรื่องการแต่งกายเอาตามที่คุณสะดวกเลยนะครับ”
“พรุ่งนี้เหรอคะ” ทำไมมันเร็วอย่างนี้ งั้นแสดงว่าเขารับฉันเข้าทำงานแล้วใช่ไหม
“เออ มีปัญหาอะไหมครับ”
“มะ ไม่ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลย พร้อมเริ่มงานค่ะ ว่าแต่ว่าฉันได้งานนี้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ฉันถามย้ำอีกรอบ แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ทำไมมันช่างง่ายแสนง่ายขนาดนี้
“ใช่ครับคุณได้งานนี้แล้ว ขอให้คุณโชคดีครับ อ้อผมลืมบอกไป คุณหนูของเราชื่อชาหวานนะครับ”
ชาหวานงั้นเหรอ ชื่อน่ารักดีแฮะ ขอให้น่ารักสมชื่อก็แล้วกัน ให้อย่าให้เป็นเด็กงอแงเลยเถอะ เพี้ยง!
(ขอแสดงความเสียใจ คุณไม่ผ่านสัมภาษณ์)
ฉันอ่านข้อความนี้ซ้ำไปซ้ำมา นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ฉันถูกปฏิเสธ ถ้าฉันขืนตกงานอีกเดือนมีหวังกินแกลบจริง ๆ แน่คราวนี้ ฉันตกงานมาเกือบหนึ่งปีเต็ม ๆ แถมตอนนี้เงินเก็บฉันแทบจะไม่เหลือแล้ว
งานสมัยนี้มันช่างหายากเหลือเกิน
ฉันถอนหายใจอีกครั้งก่อนปิดข้อความนั้นทิ้งและเปิดเว็บหางานทันที จนกระทั่งไปสะดุดกับงาน ๆ หนึ่ง
ค่าตอบแทนเดือนละห้าหมื่น ห้าหมื่น! ฉันขยี้ตาและอ่านอีกครั้งและฉันก็พบว่าฉันไม่ได้ตาฝาดไป
พี่เลี้ยงเด็กงั้นเหรอ?
“บอลลี่ แกว่าไอ้งานพี่เลี้ยงเด็กเนี่ยมันมีโอกาสเงินเดือนถึงห้าหมื่นเปล่าวะ” ฉันถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“มันก็มีอยู่นะ แต่น่าจะเป็นพวกแบบบ้านลูกคุณหนู และน่าจะต้องการพวกคุณสมบัติพิเศษเช่นเก่งภาษาอังกฤษ ต้องคุยอิ้งค์กับลูกเขาตลอดเวลาอะไรพวกนี้แหละฉันว่า แล้วในนั้นมีหมายเหตุหรือต้องการอะไรเป็นพิเศษมะ”
คุณสมบัติพิเศษงั้นเหรอ นั่นไงเจอหมายเหตุแล้ว
(หมายเหตุ: ทำงานบ้านเป็น ทำกับข้าวเป็น มีใบขับขี่และมีความอดทนสูง)
ฉันขมวดคิ้วทันทีที่อ่านหมายเหตุนั่น
“มีอะไรน้ำมนต์ ตกลงมันบอกอะไรไหม”
“บอก บอกว่าต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าว มีใบขับขี่แล้วก็มีความอดทนวะ มีแค่นี้เลยแล้วก็ไม่บอกอะไรแล้ว”
“นี่ต้องการพี่เลี้ยงหรือแม่บ้านวะ เขาลงผิดปะเนี่ย แต่เงินเดือนเยอะ แกก็ลองสมัครไปอีกสักงานเผื่อฟลุ๊ค”
อย่างที่บอลลี่พูด ลองสมัครดูก็ไม่เสียหายอะไร อีกอย่างเงินมันช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน
หลังจากที่กดสมัครและส่งเรซูเม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ถึงสิบนาทีก็มีสายเข้า
“สวัสดีค่ะ”
[คุณน้ำมนต์ใช่ไหมคะ]
“ใช่ค่ะ”
[พรุ่งนี้สะดวกมาสัมภาษณ์งานหรือเปล่าคะ]
[อ่อ ว่างค่ะว่าง พี่เลี้ยงเด็กใช่ไหมคะ] ฉันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะฉันสมัครไปหลายงานมาก
[ใช่ค่ะ เดี๋ยวทางเราส่งแผนที่ให้ทางเมลนะคะ]
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“แก งานพี่เลี้ยงเด็กเขาโทรมาเรียกสัมภาษณ์พรุ่งนี้! ช่วยฉันภาวนาให้ได้งานด้วยนะเว้ย”
“แกเพิ่งสมัครไปเมื่อกี้ใช่ป่ะ เร็วทันใจเว่อร์ ดีไม่ดีแกอาจจะได้งานนี้ก็ได้นะ”
“เออขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ ฉันขี้เกียจหางานแล้วเนี่ย แป๊บนะเมลเข้า” ฉันเปิดอีเมลที่เพิ่งถูกส่งมา
สัมภาษณ์เวลาหกโมงเช้า
เมื่ออ่านเวลานัดสัมภาษณ์ฉันก็ทำหน้าเหยเกขึ้นทันทีจนคนที่นั่งตรงข้ามต้องถามขึ้น
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“นัดสัมภาษณ์หกโมงเช้าวะแก เช้ามากกกก ไหนจะต้องตื่นมาอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวอีก ฉันต้องตื่นตีสี่ครึ่งเลยไหมเนี่ย”
“เช้าจริง แต่แกก็ตื่น ๆ ไปเถอะ ใช่ว่าจะได้งานนี้ซะเมื่อไหร่”
“เอ้าอีนี่ ก่อนหน้านี้ยังอวยพรฉันอยู่เลย ทำไมมาแช่งฉันแล้วละ”
“นมเย็นกับชาเขียวได้แล้วค่ะ” ในระหว่างที่ฉันกำลังคุยกับบอลลี่พนักงานก็มาเสิร์ฟน้ำที่สั่งไปก่อนหน้านี้พอดี
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับชาเขียวมาดูด
“แล้วแกมีชุดสำหรับพรุ่งนี้ยัง”
“อย่างฉันเตรียมพร้อมอยู่แล้ว พร้อมตั้งแต่ตอนตกงานใหม่ ๆ เลย เนี่ยใส่จนมันจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่แล้ว ยังไม่มีใครจ้างสักงาน ฉันกลับบ้านละนะ จะไปเตรียมตัวเตรียมใจสัมภาษณ์ ไปละ” ฉันบอกลาบอลลี่ก่อนขึ้นรถเก๋งสีดำคันเล็กกลับบ้าน เห็นทีจะต้องล้างรถหน่อยแล้ว ขืนพรุ่งนี้ขับเจ้านี่ไปแล้วเขาเห็นฝุ่นเขรอะขนาดนี้มีหวังตกสัมภาษณ์ตั้งแต่แรกเห็นแน่ ๆ
หลังจากที่ฉันตกลงกับตัวเองเรียบร้อยแล้วก็เลี้ยวรถเข้าคาร์แคร์ทันที ล้างแปดสิบบาทก็พอ ทำความสะอาดแค่นอกตัวรถ
เมื่อกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้วก็รีบหาชุดที่จะใส่สำหรับพรุ่งนี้ทันที ฉันว่าใส่กางเกงสแล็คดำไปน่าจะเข้าท่ากว่ากระโปรง ถ้าหากเขาให้ลองงานจะได้ทะมัดทะแมงหน่อย เลี้ยงเด็กคงเหนื่อยน่าดู
เช้าวันถัดมาฉันขับรถตามแผนที่ไปยังบ้านของนายจ้าง หน้าบ้านเป็นประตูรั้วไฮโดรลิคเปิด-ปิดโดยการกดรีโมทเพียงคลิ๊กเดียว เมื่อประตูรั้วบานโตค่อย ๆ เปิดออกฉันจึงขับรถเข้าไปข้างในและจอดในโรงจอดรถสำหรับแขกตามที่ลุงยามหน้าประตูบอก
“สวัสดีค่ะ คุณมาสมัครงานใช่ไหมคะ” ผู้หญิงสูงวัยราว ๆ ห้าสิบออกมาต้อนรับ
“ใช่ค่ะ” ฉันตอบและอมยิ้ม
“งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” เธอผายมือไปหน้าประตูบ้านก่อนจะเดินนำตรงไปยังห้องสัมภาษณ์
ฉันเดินตามเข้าไปและมองไปรอบ ๆ ภายในตัวบ้าน ใหญ่โตอลังการอะไรแบบนี้ ตายกี่ชาติฉันถึงจะมีแบบนี้บ้าง ลูกบ้านนี้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดแท้ ๆ อยากเห็นหน้าจังว่าจะน่ารักมากแค่ไหน
คนบ้านรวยและมีหน้าตาที่ดีมักเป็นของคู่กัน
“คุณนั่งรอหน้าห้องก่อนนะคะ พอดีมีผู้สมัครอีกท่านยังอยู่ข้างใน”
“อ่อค่ะ”
มีคนก่อนหน้าฉันอีกเหรอเนี่ย ต้องมาเช้าแค่ไหนกันนะ แค่หกโมงสำหรับฉันก็เช้ามากพอแล้ว
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” ว่าจบแม่บ้านสูงวัยก็เดินหายเข้าห้องครัวไป ฉันเดาว่าคงจะรีบไปทำอาหารสำหรับมื้อเช้า
“เชิญคุณน้ำมนต์เข้ามาเลยครับ”
“ค่ะ” ฉันลุกขึ้นสำรวจเสื้อผ้าก่อนเดินเข้าห้องไป
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ชายที่ออกมาเรียกและเขาเป็นคนสัมภาษณ์ฉัน ดูจากเสื้อผ้าการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นพ่อบ้านของที่นี่ แต่งเหมือนคุณป้าก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
ให้พ่อบ้านเป็นคนรับสมัครงั้นเหรอ แสดงว่าต้องเป็นคนที่ไว้วางใจสุด ๆ
“เชิญนั่งครับ”
“ค่ะ” ฉันนั่งลงตามคำบอกของคนตรงหน้า
“ผมจะถามคำถามแรกเลยนะครับ คุณทำงานบ้านงานเรือนเป็นใช่ไหมครับ”
“ห๊ะ.. อ่อเป็นค่ะ” บ้านออกจะใหญ่โต คนทำความสะอาดก็น่าจะมีทำไมถึงถามคำถามนี้นะ
“คุณอาจจะสงสัย แต่คุณหนูของเราไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในห้องส่วนตัวของเธอมากเท่าไหร่ครับ แล้วอีกอย่างที่คอนโดไม่มีแม่บ้านคอยดูแลเพราะเธอไม่ชอบเช่นกันครับ”
ฉันพยักหน้ารับ
“ข้อสองทำอาหารเป็นใช่ไหมครับ”
“เป็นค่ะ งานถนัดเลย” ฉันเผลอพูดอะไรออกไป ฉันแค่พอทำได้ต่างหากเล่า อยากจะตีปากตัวเองจริง ๆ เอาเถอะต้มมาม่าอร่อยก็ถือว่าทำอาหารเป็นนั่นแหละ
“แล้วใบขับขี่มีไหมครับ”
“มีค่ะ ครบทั้งรถยนต์และมอ’ ไซค์เลยค่ะ”
“งั้นดีเลยครับ พรุ่งนี้คุณมาเริ่มงานเลยแล้วกันครับ คุณหนูของเราเปิดเรียนพรุ่งนี้เป็นวันแรกพอดี แล้วเรื่องการแต่งกายเอาตามที่คุณสะดวกเลยนะครับ”
“พรุ่งนี้เหรอคะ” ทำไมมันเร็วอย่างนี้ งั้นแสดงว่าเขารับฉันเข้าทำงานแล้วใช่ไหม
“เออ มีปัญหาอะไหมครับ”
“มะ ไม่ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลย พร้อมเริ่มงานค่ะ ว่าแต่ว่าฉันได้งานนี้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ฉันถามย้ำอีกรอบ แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ทำไมมันช่างง่ายแสนง่ายขนาดนี้
“ใช่ครับคุณได้งานนี้แล้ว ขอให้คุณโชคดีครับ อ้อผมลืมบอกไป คุณหนูของเราชื่อชาหวานนะครับ”
ชาหวานงั้นเหรอ ชื่อน่ารักดีแฮะ ขอให้น่ารักสมชื่อก็แล้วกัน ให้อย่าให้เป็นเด็กงอแงเลยเถอะ เพี้ยง!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ