ลำนำบุปผาพิษ
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.
30 ตอน
0 วิจารณ์
28.19K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) บทที่ 15-16
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 15 ออกจะเกินไปหน่อยแล้ว!
ทุกคนตกอยู่ในสภาพงงงวย ไม่มีใครคาดคิดว่ากู้ซีจิ่วที่ตามธรรมดาแล้วจะพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวเมื่อพบปะผู้คน ได้แต่นิ่งเงียบไม่หือไม่อือมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะสามารถใช้ถ้อยคำเช่นนี้ถามกลับมาซึ่งๆ หน้าได้ ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือนางไม่เรียกขานท่านพ่อ แต่กลับเรียกว่าท่านแม่ทัพกู้...
สีหน้าของทุกคนซับซ้อน แต่ก็ไม่มีใครกล่าวได้เต็มปากว่าคำพูดของกู้ซีจิ่วไม่มีเหตุผล
ในตระกูลชนชั้นสูง อย่าว่าแต่บุตรสาวภรรยาเอกเลย ต่อให้เป็นบุตรสาวอนุ ข้างกายก็ยังมีสาวใช้ถึงหกเจ็ดนางคอยติดตามรับใช้เป็นพรวน เรื่องธรรมดาเช่นการเปิดประตูย่อมไม่รบกวนให้ถึงมือคุณหนูผู้สูงศักดิ์...
สีหน้าของแม่ทัพกู้เซี่ยเทียนเข้มขึ้นเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเหลิ่งเซียงอวี้ฮูหยินคนปัจจุบันของตน ในแววตาแฝงการตำหนิไว้จางๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบบุตรสาวคนนี้สักเท่าไหร่ แต่ข้างกายนางไม่มีสาวใช้เลยแม้แต่คนเดียวออกจะเกินไปหน่อยแล้ว! โดยเฉพาะต่อหน้าองค์ชายและคนอื่นๆ เช่นนี้...
เหลิ่งเซียงอวี้เป็นสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง ถึงแม้อายุใกล้จะสี่สิบแล้ว แต่ยังเปี่ยมด้วยเสน่ห์เย้ายวน เห็นได้ชัดว่าบำรุงตนเองอย่างดี นางเองก็เป็นบุตรีในตระกูลใหญ่ ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวล้วนมีบุคลิกของสตรีสูงศักดิ์
ปกติแล้วนางมักจะปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วอย่างโหดร้าย กู้ซีจิ่วแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่กล้าฟ้องบิดาตน ประกอบกับยามปกติแล้วกู้เซี่ยเทียนไม่ต้องการเห็นหน้าบุตรสาวคนนี้สักเท่าไหร่ ปีสองปีแทบไม่ได้พบหน้ากัน ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนมาโดยตลอด
ยามนี้นางจึงไม่ได้ระวังตัวเพราะไม่คิดว่ากู้ซีจิ่วจะกล่าวคำพูดเช่นนี้ตอกกลับมาตรงๆ นี่ถือเป็นการตบหน้านางอย่างจัง ใบหน้าของนางรู้สึกร้อนฉ่าขึ้นมาเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตาม นางมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว เงยศีรษะขึ้นมองกู้ซีจิ่วแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ซีจิ่ว เจ้าทำไม่ถูกนะ เหตุใดเจ้าจึงเรียกขานบิดาเจ้าเช่นนั้น? ที่แม่ไม่ได้มอบสาวใช้ไว้ให้เจ้าก็เพื่อเป็นการดีต่อตัวเจ้าเอง ร่างกายของเจ้าอ่อนแอบอบบาง อีกทั้งไม่มีทักษะในการช่วยเหลือตนเอง หากว่าเจ้าได้ใช้แรงทำงานมากๆ จะทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแรงขึ้นมาบ้าง...” นางใช้ไม่กี่ประโยคนี้ค่อยๆ อำพรางสิ่งที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นการตำหนิถ้อยคำก่อนหน้านี้ของกู้ซีจิ่วอีกด้วย
กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ “แม่รองช่างกล่าวได้อย่างวางท่าเสียจริง! วิธีการฝึกฝนร่างกายมีอีกตั้งมากมายหลายวิธี ทว่าแม่รองกลับเลือกวิธีการที่แสนยอดเยี่ยมเช่นนี้ ผู้ที่เข้าใจก็จะกล่าวว่าแม่รองช่างหวังดีกับซีจิ่วนัก แต่ผู้ที่ไม่เข้าใจก็อาจคิดว่าเป็นเพราะแม่รองอิจฉาริษยาฮูหยินใหญ่คนก่อน ดังนั้นจึงฉวยโอกาสนี้กระทำทารุณบุตรสาวของนางเสีย ทำให้บุตรสาวฮูหยินคนก่อนต้องใช้ชีวิตไม่ต่างกับข้ารับใช้...”
“...” เหลิ่งเซียงอวี้จนคำพูดไป
‘นังเด็กที่ปกติบื้อใบ้เหมือนน้ำเต้าไม่มีปาก[1]คนนี้ ไปฝึกฝนฝีปากจนคมกริบขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?’
ผู้ที่เข้ามาในเรือนครานี้ไม่ได้มีแค่คนตระกูลกู้ ยังมีองค์ชายอีกสองพระองค์ แม้กระทั่งเจ้ากรมกรมวังที่รับผิดชอบจัดการเรื่องราวต่างๆ ของราชวงศ์ก็อยู่ด้วย...
ต้องโดนกู้ซีจิ่วพูดจาหักหน้าต่อหน้าบุคคลภายนอกมากมายเช่นนี้ ใบหน้าของเหลิ่งเซียงอวี้แทบจะข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ อีกทั้งนางยังหาช่องโหว่จากคำพูดของกู้ซีจิ่วไม่ได้เลยสักนิด ใบหน้าจึงแดงขึ้นอีกเล็กน้อย
กู้เทียนฉิงแย้มยิ้มพลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “น้องหก ท่านแม่ทำแบบนี้เพราะหวังดีต่อเจ้าจริงๆ ถึงแม้นางจะไม่ได้มอบสาวใช้ไว้ให้เจ้า แต่นางก็ดูแลเอาใจใส่เจ้ามาโดยตลอด บางครั้งเมื่อเห็นเจ้าทำงานหนักนางก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่ง มักจะมารำพันปรับทุกข์กับข้าอยู่เสมอ แต่เพื่อสุขภาพของเจ้า จึงต้องทำเช่นนี้...”
กู้เทียนฉิงเป็นบุตรสาวที่กำเนิดจากเหลิ่งเซียงอวี้ ปีนี้อายุสิบหกแล้ว นางเกิดมาพร้อมรูปโฉมที่ล้ำเลิศ น้ำเสียงยามพูดจาก็นุ่มนวลอ่อนหวาน บนร่างสวมชุดที่ทำจากผ้าแพรพลิ้วบาง ดูงดงามดุจเทพธิดา
นางแตกต่างกับกู้ซีจิ่ว เพราะนางคือความภาคภูมิใจของจวนแม่ทัพ นางมีรากฐานวิญญาณธาตุไม้ระดับสูง อายุยังน้อยแต่กลับฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นที่สี่แล้ว นับเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก
ในบรรดาคุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง นางคือผู้ที่โดดเด่นที่สุด จึงได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากกู้เซี่ยเทียนเป็นอย่างมาก ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือถึงแม้นางจะเป็นยอดอัจฉริยะ แต่นางกลับไม่หยิ่งยโสเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังจิตใจดีมีเมตตา เป็นภรรยาในอุดมคติของเหล่าคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง
เมื่อนางอายุครบสิบห้าปีหลังจากเข้าพิธีปักปิ่น[2] แล้ว หน้าจวนสกุลกู้มีแม่สื่อที่พากันมาเจรจาสู่ขอนางมากมาย จนธรณีประตูจวนแทบจะถูกเหยียบย่ำพังทลาย
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 16 ในที่สุดก็ได้ประสบเข้ากับตัวแล้ว!
เพราะกู้เซี่ยเทียนต้องการหาคู่ครองที่ดีที่สุดให้แก่แก้วตาดวงใจของตน ดังนั้นจึงไม่ตอบรับผู้มาสู่ขอเหล่านั้น
ยามนี้เมื่อนางเอ่ยปากขึ้น กู้เซี่ยเทียนจึงเชื่อนางทันที เขามองบุตรสาวที่ตนแสนภาคภูมิใจ แล้วก็มองกู้ซีจิ่วที่ผอมแห้งแถมไม่มีอะไรพิเศษเลยสักนิด ชักสีหน้าเอ่ยว่า “ลูกหก ถึงแม้วิธีการของแม่เจ้าจะรุนแรงไปสักหน่อย แต่ก็เป็นเพราะหวังดีต่อเจ้าจริงๆ เจ้าดูตัวเจ้าเองสิ ปีนี้อายุสิบสามแล้วไม่ใช่หรือ? แต่กลับแคระแกร็นเหมือนสิบขวบ! ขาดการฝึกฝนร่างกายจริงๆ!”
กู้ซีจิ่วแค่นหัวเราะ คนๆ หนึ่งจะสามารถลำเอียงได้ถึงขนาดไหน ในที่สุดยามนี้เธอก็ได้ประสบเข้ากับตัวแล้ว!
ขนาดเธอไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมยังรู้สึกผิดหวังถึงเพียงนี้ แล้วเจ้าของร่างเดิมล่ะ? หากเจ้าของร่างเดิมยังมีชีวิตอยู่ไม่รู้นางจะสิ้นหวังถึงเพียงใด?!
เธอไม่พูดอะไร เพียงแค่หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง หลังจากนั้นสักพักก็ยกชามโจ๊กที่ใสจนแทบจะสะท้อนเงาคนได้ออกมาชามหนึ่ง จานผักดองสีดำคล้ำจานหนึ่ง และหมั่นโถวที่เหมือนจะขึ้นราแล้วลูกหนึ่ง นำมาวางไว้บนโต๊ะหินที่มีอยู่เพียงตัวเดียวในเรือนนี้ เธอยิ้มบางๆ แล้วกล่าวออกมา “เดิมทีกู้ฮูหยินไม่มอบสาวใช้ไว้ให้ซีจิ่วก็เพราะหวังดีกับซีจิ่ว ถ้าเช่นนั้นของพวกนี้เล่า? สิ่งเหล่านี้เป็นอาหารเย็นของข้าเมื่อวาน แม่ทัพกู้เห็นแล้วรู้สึกว่าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ? ยังกล้าบอกว่ากู้ฮูหยินหวังดีต่อข้าอีกหรือไม่?”
เมื่อคืนกู้ซีจิ่วคนเดิมปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทันได้กินอาหารเย็นก็ลอบออกไปตามนัดหมายของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้น จึงมีสิ่งเหล่านี้เหลือทิ้งไว้ใช้เป็นหลักฐาน...
อาหารทั้งสามอย่างนี้ถูกวางไว้อย่างโดดเด่นจนแทบจะทิ่มเข้าไปในดวงตาของผู้คนทั้งหลาย นี่ถือเป็นการตบหน้ากู้ฮูหยินเหลิ่งเซียงอวี้ฉาดใหญ่อย่างซึ่งๆ หน้าอีกครั้ง! สีหน้าของนางเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด ดูย่ำแย่อย่างยิ่ง... อาหารเช่นนี้ อย่าว่าแต่คุณหนูบุตรสาวภรรยาเอกของจวนแม่ทัพเลย ต่อให้เป็นสาวใช้ก็ยังไม่กินอาหารที่เลวร้ายเช่นนี้!
ใบหน้าแก่ๆ กู้เซี่ยเทียนแทบข่มอารมณ์ไว้ไม่ได้ สีหน้าดำทะมึน สายตาคมปลาบที่จ้องมองไปยังเหลิ่งเซียงอวี้แฝงความไม่พอใจอยู่รางๆ
“เซียงอวี้ เหตุใดเจ้าจึงปฏิบัติต่อซีจิ่วอย่างเลวร้ายเช่นนี้? ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็ยังเป็นลูกสาวของข้าคนนี้!”
กู้ฮูหยินอับอายจนหน้าแดง “นี่...นี่...ท่านพี่ ข้าไม่ได้...”
กู้เทียนฉิงขบเม้มริมฝีปากสักพักจึงเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ ท่านแม่ไม่ใช่คนเช่นนั้น ย่อมต้องเป็นพวกบ่าวไพร่จอมเกียจคร้านที่จงใจละเลยน้องซีจิ่ว ท่านแม่ ท่านเป็นคนจิตใจดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ปฏิบัติต่อบ่าวไพร่อย่างอบอุ่นเป็นกันเอง แต่ก็ยากจะหลีกเลี่ยงคนบางส่วนที่ปลิ้นปล้อนละเลยหน้าที่ จงใจบิดเบือนคำสั่งของท่านแม่แล้วละเลยน้องซีจิ่วก็เป็นได้ ท่านแม่เลยกลายเป็นแพะรับบาปแทนพวกบ่าวไพร่ชั่วช้าเหล่านั้น ใส่ร้ายว่าท่านกระทำทารุณบุตรสาวภรรยาเอกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และทำให้น้องซีจิ่วเกิดความแค้นเคืองขึ้นในใจ นี่นับว่าจงใจสร้างปัญหาขึ้นมาชัดๆ มิใช่หรือ?”
นางมองไปที่กู้ซีจิ่วอีกครา “น้องซีจิ่ว ในจวนแม่ทัพของพวกเรานั้นมีกิจการภายในที่ยุ่งยากวุ่นวาย ถึงแม้ว่าท่านแม่จะทำงานอย่างขยันขันแข็งทุกวันแต่อย่างไรเสียท่านก็มีเพียงสองมือ จึงมีช่วงที่สะเพร่าเลิ่นเล่อไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ พวกบ่าวไพร่ชั่วช้ากระทำทารุณเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่มารายงานให้ท่านแม่ทราบเล่า? ต้องได้รับความทุกข์ยากอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะผอมบางเช่นนี้ ท่านแม่และข้ามองแล้วก็ปวดใจอยู่เสมอ แต่ไม่เคยรู้สาเหตุที่แท้จริงมาก่อนเลย...”
กู้เทียนฉิงผู้นี้คือบุคคลมีความสามารถโดยแท้ เพียงพูดจาอย่างนุ่มนวลคราหนึ่งก็ผลักความผิดทั้งหมดไปให้ข้ารับใช้ได้แล้ว ไม่เพียงแต่ลบล้างความผิดของเหลิ่งเซียงอวี้ที่จงใจกระทำทารุณบุตรสาวภรรยาเอกได้ ยังสามารถตำหนิกู้ซีจิ่วได้อีกครั้งด้วย...
เหลิ่งเซียงอวี้เองก็เป็นคนเฉียบแหลม จึงกล่าวขึ้นมาทันที “ล้วนเป็นเพราะพวกบ่าวไพร่ชั่วช้าเหล่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะหลอกลวงข้าแล้วกระทำเรื่องเช่นนี้... พวกเจ้ามานี่สิ! ไล่สาวใช้ที่ทำหน้าที่ตระเตรียมอาหารของคุณหนูหกออกจากจวนแม่ทัพไปให้หมด ไม่ว่าจ้างอีกต่อไป!”
จากนั้นก็ใช้สีหน้าที่อ่อนโยนเอ่ยกับกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว วางใจเถอะนะ เมื่อก่อนเป็นเพราะแม่ไม่รู้เรื่อง แต่ยามนี้ในเมื่อแม่รู้เรื่องแล้ว จะต้องคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้าแน่นอน หลังจากนั้นแม่จะหาคนที่เหมาะสมไปคอยจัดการเรื่องอาหารให้แก่เจ้า แม่จะพยายามบำรุงให้ร่างกายที่ผอมบางของเจ้าสมบูรณ์ขึ้นให้ได้...”
-------------------------------------------------------------------------------------
[1] น้ำเต้าไม่มีปาก หมายถึง ถึงบุคคลที่พูดน้อยหรือแทบไม่พูดเลย
[2] พิธีปักปิ่น เป็นประเพณีสมัยโบราณที่จะจัดให้กับเด็กผู้หญิงที่อายุครบ 15 ปี โดยเด็กผู้หญิงที่ผ่านพิธีปักปิ่นแล้วจะถือว่าเติบโตเป็นสตรีอย่างสมบูรณ์ สามารถตบแต่งออกเรือนได้แล้ว
ทุกคนตกอยู่ในสภาพงงงวย ไม่มีใครคาดคิดว่ากู้ซีจิ่วที่ตามธรรมดาแล้วจะพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวเมื่อพบปะผู้คน ได้แต่นิ่งเงียบไม่หือไม่อือมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะสามารถใช้ถ้อยคำเช่นนี้ถามกลับมาซึ่งๆ หน้าได้ ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือนางไม่เรียกขานท่านพ่อ แต่กลับเรียกว่าท่านแม่ทัพกู้...
สีหน้าของทุกคนซับซ้อน แต่ก็ไม่มีใครกล่าวได้เต็มปากว่าคำพูดของกู้ซีจิ่วไม่มีเหตุผล
ในตระกูลชนชั้นสูง อย่าว่าแต่บุตรสาวภรรยาเอกเลย ต่อให้เป็นบุตรสาวอนุ ข้างกายก็ยังมีสาวใช้ถึงหกเจ็ดนางคอยติดตามรับใช้เป็นพรวน เรื่องธรรมดาเช่นการเปิดประตูย่อมไม่รบกวนให้ถึงมือคุณหนูผู้สูงศักดิ์...
สีหน้าของแม่ทัพกู้เซี่ยเทียนเข้มขึ้นเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเหลิ่งเซียงอวี้ฮูหยินคนปัจจุบันของตน ในแววตาแฝงการตำหนิไว้จางๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบบุตรสาวคนนี้สักเท่าไหร่ แต่ข้างกายนางไม่มีสาวใช้เลยแม้แต่คนเดียวออกจะเกินไปหน่อยแล้ว! โดยเฉพาะต่อหน้าองค์ชายและคนอื่นๆ เช่นนี้...
เหลิ่งเซียงอวี้เป็นสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง ถึงแม้อายุใกล้จะสี่สิบแล้ว แต่ยังเปี่ยมด้วยเสน่ห์เย้ายวน เห็นได้ชัดว่าบำรุงตนเองอย่างดี นางเองก็เป็นบุตรีในตระกูลใหญ่ ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวล้วนมีบุคลิกของสตรีสูงศักดิ์
ปกติแล้วนางมักจะปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วอย่างโหดร้าย กู้ซีจิ่วแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่กล้าฟ้องบิดาตน ประกอบกับยามปกติแล้วกู้เซี่ยเทียนไม่ต้องการเห็นหน้าบุตรสาวคนนี้สักเท่าไหร่ ปีสองปีแทบไม่ได้พบหน้ากัน ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนมาโดยตลอด
ยามนี้นางจึงไม่ได้ระวังตัวเพราะไม่คิดว่ากู้ซีจิ่วจะกล่าวคำพูดเช่นนี้ตอกกลับมาตรงๆ นี่ถือเป็นการตบหน้านางอย่างจัง ใบหน้าของนางรู้สึกร้อนฉ่าขึ้นมาเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตาม นางมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว เงยศีรษะขึ้นมองกู้ซีจิ่วแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ซีจิ่ว เจ้าทำไม่ถูกนะ เหตุใดเจ้าจึงเรียกขานบิดาเจ้าเช่นนั้น? ที่แม่ไม่ได้มอบสาวใช้ไว้ให้เจ้าก็เพื่อเป็นการดีต่อตัวเจ้าเอง ร่างกายของเจ้าอ่อนแอบอบบาง อีกทั้งไม่มีทักษะในการช่วยเหลือตนเอง หากว่าเจ้าได้ใช้แรงทำงานมากๆ จะทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแรงขึ้นมาบ้าง...” นางใช้ไม่กี่ประโยคนี้ค่อยๆ อำพรางสิ่งที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นการตำหนิถ้อยคำก่อนหน้านี้ของกู้ซีจิ่วอีกด้วย
กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ “แม่รองช่างกล่าวได้อย่างวางท่าเสียจริง! วิธีการฝึกฝนร่างกายมีอีกตั้งมากมายหลายวิธี ทว่าแม่รองกลับเลือกวิธีการที่แสนยอดเยี่ยมเช่นนี้ ผู้ที่เข้าใจก็จะกล่าวว่าแม่รองช่างหวังดีกับซีจิ่วนัก แต่ผู้ที่ไม่เข้าใจก็อาจคิดว่าเป็นเพราะแม่รองอิจฉาริษยาฮูหยินใหญ่คนก่อน ดังนั้นจึงฉวยโอกาสนี้กระทำทารุณบุตรสาวของนางเสีย ทำให้บุตรสาวฮูหยินคนก่อนต้องใช้ชีวิตไม่ต่างกับข้ารับใช้...”
“...” เหลิ่งเซียงอวี้จนคำพูดไป
‘นังเด็กที่ปกติบื้อใบ้เหมือนน้ำเต้าไม่มีปาก[1]คนนี้ ไปฝึกฝนฝีปากจนคมกริบขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?’
ผู้ที่เข้ามาในเรือนครานี้ไม่ได้มีแค่คนตระกูลกู้ ยังมีองค์ชายอีกสองพระองค์ แม้กระทั่งเจ้ากรมกรมวังที่รับผิดชอบจัดการเรื่องราวต่างๆ ของราชวงศ์ก็อยู่ด้วย...
ต้องโดนกู้ซีจิ่วพูดจาหักหน้าต่อหน้าบุคคลภายนอกมากมายเช่นนี้ ใบหน้าของเหลิ่งเซียงอวี้แทบจะข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ อีกทั้งนางยังหาช่องโหว่จากคำพูดของกู้ซีจิ่วไม่ได้เลยสักนิด ใบหน้าจึงแดงขึ้นอีกเล็กน้อย
กู้เทียนฉิงแย้มยิ้มพลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “น้องหก ท่านแม่ทำแบบนี้เพราะหวังดีต่อเจ้าจริงๆ ถึงแม้นางจะไม่ได้มอบสาวใช้ไว้ให้เจ้า แต่นางก็ดูแลเอาใจใส่เจ้ามาโดยตลอด บางครั้งเมื่อเห็นเจ้าทำงานหนักนางก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่ง มักจะมารำพันปรับทุกข์กับข้าอยู่เสมอ แต่เพื่อสุขภาพของเจ้า จึงต้องทำเช่นนี้...”
กู้เทียนฉิงเป็นบุตรสาวที่กำเนิดจากเหลิ่งเซียงอวี้ ปีนี้อายุสิบหกแล้ว นางเกิดมาพร้อมรูปโฉมที่ล้ำเลิศ น้ำเสียงยามพูดจาก็นุ่มนวลอ่อนหวาน บนร่างสวมชุดที่ทำจากผ้าแพรพลิ้วบาง ดูงดงามดุจเทพธิดา
นางแตกต่างกับกู้ซีจิ่ว เพราะนางคือความภาคภูมิใจของจวนแม่ทัพ นางมีรากฐานวิญญาณธาตุไม้ระดับสูง อายุยังน้อยแต่กลับฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นที่สี่แล้ว นับเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก
ในบรรดาคุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง นางคือผู้ที่โดดเด่นที่สุด จึงได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากกู้เซี่ยเทียนเป็นอย่างมาก ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือถึงแม้นางจะเป็นยอดอัจฉริยะ แต่นางกลับไม่หยิ่งยโสเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังจิตใจดีมีเมตตา เป็นภรรยาในอุดมคติของเหล่าคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง
เมื่อนางอายุครบสิบห้าปีหลังจากเข้าพิธีปักปิ่น[2] แล้ว หน้าจวนสกุลกู้มีแม่สื่อที่พากันมาเจรจาสู่ขอนางมากมาย จนธรณีประตูจวนแทบจะถูกเหยียบย่ำพังทลาย
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 16 ในที่สุดก็ได้ประสบเข้ากับตัวแล้ว!
เพราะกู้เซี่ยเทียนต้องการหาคู่ครองที่ดีที่สุดให้แก่แก้วตาดวงใจของตน ดังนั้นจึงไม่ตอบรับผู้มาสู่ขอเหล่านั้น
ยามนี้เมื่อนางเอ่ยปากขึ้น กู้เซี่ยเทียนจึงเชื่อนางทันที เขามองบุตรสาวที่ตนแสนภาคภูมิใจ แล้วก็มองกู้ซีจิ่วที่ผอมแห้งแถมไม่มีอะไรพิเศษเลยสักนิด ชักสีหน้าเอ่ยว่า “ลูกหก ถึงแม้วิธีการของแม่เจ้าจะรุนแรงไปสักหน่อย แต่ก็เป็นเพราะหวังดีต่อเจ้าจริงๆ เจ้าดูตัวเจ้าเองสิ ปีนี้อายุสิบสามแล้วไม่ใช่หรือ? แต่กลับแคระแกร็นเหมือนสิบขวบ! ขาดการฝึกฝนร่างกายจริงๆ!”
กู้ซีจิ่วแค่นหัวเราะ คนๆ หนึ่งจะสามารถลำเอียงได้ถึงขนาดไหน ในที่สุดยามนี้เธอก็ได้ประสบเข้ากับตัวแล้ว!
ขนาดเธอไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมยังรู้สึกผิดหวังถึงเพียงนี้ แล้วเจ้าของร่างเดิมล่ะ? หากเจ้าของร่างเดิมยังมีชีวิตอยู่ไม่รู้นางจะสิ้นหวังถึงเพียงใด?!
เธอไม่พูดอะไร เพียงแค่หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง หลังจากนั้นสักพักก็ยกชามโจ๊กที่ใสจนแทบจะสะท้อนเงาคนได้ออกมาชามหนึ่ง จานผักดองสีดำคล้ำจานหนึ่ง และหมั่นโถวที่เหมือนจะขึ้นราแล้วลูกหนึ่ง นำมาวางไว้บนโต๊ะหินที่มีอยู่เพียงตัวเดียวในเรือนนี้ เธอยิ้มบางๆ แล้วกล่าวออกมา “เดิมทีกู้ฮูหยินไม่มอบสาวใช้ไว้ให้ซีจิ่วก็เพราะหวังดีกับซีจิ่ว ถ้าเช่นนั้นของพวกนี้เล่า? สิ่งเหล่านี้เป็นอาหารเย็นของข้าเมื่อวาน แม่ทัพกู้เห็นแล้วรู้สึกว่าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ? ยังกล้าบอกว่ากู้ฮูหยินหวังดีต่อข้าอีกหรือไม่?”
เมื่อคืนกู้ซีจิ่วคนเดิมปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทันได้กินอาหารเย็นก็ลอบออกไปตามนัดหมายของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้น จึงมีสิ่งเหล่านี้เหลือทิ้งไว้ใช้เป็นหลักฐาน...
อาหารทั้งสามอย่างนี้ถูกวางไว้อย่างโดดเด่นจนแทบจะทิ่มเข้าไปในดวงตาของผู้คนทั้งหลาย นี่ถือเป็นการตบหน้ากู้ฮูหยินเหลิ่งเซียงอวี้ฉาดใหญ่อย่างซึ่งๆ หน้าอีกครั้ง! สีหน้าของนางเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด ดูย่ำแย่อย่างยิ่ง... อาหารเช่นนี้ อย่าว่าแต่คุณหนูบุตรสาวภรรยาเอกของจวนแม่ทัพเลย ต่อให้เป็นสาวใช้ก็ยังไม่กินอาหารที่เลวร้ายเช่นนี้!
ใบหน้าแก่ๆ กู้เซี่ยเทียนแทบข่มอารมณ์ไว้ไม่ได้ สีหน้าดำทะมึน สายตาคมปลาบที่จ้องมองไปยังเหลิ่งเซียงอวี้แฝงความไม่พอใจอยู่รางๆ
“เซียงอวี้ เหตุใดเจ้าจึงปฏิบัติต่อซีจิ่วอย่างเลวร้ายเช่นนี้? ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็ยังเป็นลูกสาวของข้าคนนี้!”
กู้ฮูหยินอับอายจนหน้าแดง “นี่...นี่...ท่านพี่ ข้าไม่ได้...”
กู้เทียนฉิงขบเม้มริมฝีปากสักพักจึงเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ ท่านแม่ไม่ใช่คนเช่นนั้น ย่อมต้องเป็นพวกบ่าวไพร่จอมเกียจคร้านที่จงใจละเลยน้องซีจิ่ว ท่านแม่ ท่านเป็นคนจิตใจดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ปฏิบัติต่อบ่าวไพร่อย่างอบอุ่นเป็นกันเอง แต่ก็ยากจะหลีกเลี่ยงคนบางส่วนที่ปลิ้นปล้อนละเลยหน้าที่ จงใจบิดเบือนคำสั่งของท่านแม่แล้วละเลยน้องซีจิ่วก็เป็นได้ ท่านแม่เลยกลายเป็นแพะรับบาปแทนพวกบ่าวไพร่ชั่วช้าเหล่านั้น ใส่ร้ายว่าท่านกระทำทารุณบุตรสาวภรรยาเอกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และทำให้น้องซีจิ่วเกิดความแค้นเคืองขึ้นในใจ นี่นับว่าจงใจสร้างปัญหาขึ้นมาชัดๆ มิใช่หรือ?”
นางมองไปที่กู้ซีจิ่วอีกครา “น้องซีจิ่ว ในจวนแม่ทัพของพวกเรานั้นมีกิจการภายในที่ยุ่งยากวุ่นวาย ถึงแม้ว่าท่านแม่จะทำงานอย่างขยันขันแข็งทุกวันแต่อย่างไรเสียท่านก็มีเพียงสองมือ จึงมีช่วงที่สะเพร่าเลิ่นเล่อไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ พวกบ่าวไพร่ชั่วช้ากระทำทารุณเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่มารายงานให้ท่านแม่ทราบเล่า? ต้องได้รับความทุกข์ยากอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะผอมบางเช่นนี้ ท่านแม่และข้ามองแล้วก็ปวดใจอยู่เสมอ แต่ไม่เคยรู้สาเหตุที่แท้จริงมาก่อนเลย...”
กู้เทียนฉิงผู้นี้คือบุคคลมีความสามารถโดยแท้ เพียงพูดจาอย่างนุ่มนวลคราหนึ่งก็ผลักความผิดทั้งหมดไปให้ข้ารับใช้ได้แล้ว ไม่เพียงแต่ลบล้างความผิดของเหลิ่งเซียงอวี้ที่จงใจกระทำทารุณบุตรสาวภรรยาเอกได้ ยังสามารถตำหนิกู้ซีจิ่วได้อีกครั้งด้วย...
เหลิ่งเซียงอวี้เองก็เป็นคนเฉียบแหลม จึงกล่าวขึ้นมาทันที “ล้วนเป็นเพราะพวกบ่าวไพร่ชั่วช้าเหล่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะหลอกลวงข้าแล้วกระทำเรื่องเช่นนี้... พวกเจ้ามานี่สิ! ไล่สาวใช้ที่ทำหน้าที่ตระเตรียมอาหารของคุณหนูหกออกจากจวนแม่ทัพไปให้หมด ไม่ว่าจ้างอีกต่อไป!”
จากนั้นก็ใช้สีหน้าที่อ่อนโยนเอ่ยกับกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว วางใจเถอะนะ เมื่อก่อนเป็นเพราะแม่ไม่รู้เรื่อง แต่ยามนี้ในเมื่อแม่รู้เรื่องแล้ว จะต้องคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้าแน่นอน หลังจากนั้นแม่จะหาคนที่เหมาะสมไปคอยจัดการเรื่องอาหารให้แก่เจ้า แม่จะพยายามบำรุงให้ร่างกายที่ผอมบางของเจ้าสมบูรณ์ขึ้นให้ได้...”
-------------------------------------------------------------------------------------
[1] น้ำเต้าไม่มีปาก หมายถึง ถึงบุคคลที่พูดน้อยหรือแทบไม่พูดเลย
[2] พิธีปักปิ่น เป็นประเพณีสมัยโบราณที่จะจัดให้กับเด็กผู้หญิงที่อายุครบ 15 ปี โดยเด็กผู้หญิงที่ผ่านพิธีปักปิ่นแล้วจะถือว่าเติบโตเป็นสตรีอย่างสมบูรณ์ สามารถตบแต่งออกเรือนได้แล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ