ลำนำบุปผาพิษ
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) บทที่ 13-14
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 13 เรื่องนี้ให้ยุติลงเพียงเท่านี้แล้วกัน
พวกมู่เฟิงทั้งสี่ที่ได้รับภารกิจเกี่ยวกับเด็กคนนั้นต่างพากันประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม
แววตาของนายท่านวูบไหวเล็กน้อย “พวกเจ้าทั้งสี่คนไปสืบหามาว่าสตรีที่ปรนนิบัติเล่อฮวาโหวในคืนนี้มีผู้ใดบ้าง”
เมื่อวิเคราะห์จากเบาะแสที่มีอยู่แล้ว เด็กที่ขโมยเสื้อผ้าของเขาคนนั้นน่าจะเป็นตัวการที่สังหารหรงอี้ เป็นไปได้ว่าจะเป็นสตรีที่ปรนนิบัติหรงอี้ในคืนนี้...
มู่เฟิงจึงกล่าวต่อ “นายท่าน ข้าน้อยเพิ่งจะตรวจสอบมาอย่างละเอียด เล่อฮวาโหวหรงอี้ผู้นี้ฝึกวิชาแขนงหนึ่งอยู่เป็นวิชาสูบหยินเสริมหยาง ทุกคืนจะเสพสมกับสตรีสามนาง เพื่อดูดซับเอาพลังหยินจากเด็กสาวเยาว์วัยโดยเฉพาะ หลังจากผ่านการเสพสมแล้วเด็กสาวก็จะเสียชีวิตลง ข้ารับใช้ของเขาจะลอบฉุดคร่าเด็กสาวชาวบ้านแล้วนำมาให้เขา คืนนี้มีเด็กสาวสองนางโดนเขาข่มเหง ล้วนสิ้นใจตายทั้งคู่ ข้าน้อยหาศพพวกนางพบแล้ว...”
มู่เหลยเข้าใจเรื่องราวได้ทันที “ไอ้คนผู้นั้นคิดจะเด็ดบุปผาแต่กลับเจอบุปผาพิษเข้าให้ เห็นทีว่าเด็กสาวรายที่สามน่าจะเป็นคนที่พวกเรากำลังตามหา! มู่เฟิง เจ้าสืบหาภูมิหลังของสตรีรายที่สามได้หรือไม่?”
มู่เฟิงส่ายศีรษะ “สืบแล้ว แต่สืบไม่พบ ในคฤหาสน์หลังนั้นเดิมทีก็มีคนอยู่ไม่มาก คนอื่นล้วนไม่เคยเห็นเด็กสาวรายที่สามเลย...”
ดังนั้นเบาะแสจึงชะงักลงตรงนี้อย่างสิ้นเชิง พวกมู่เฟิงทั้งสี่คนได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป สุดท้ายทุกสายตาก็จับจ้องไปยังนายท่านผู้เป็นเจ้านายของพวกเขา
น่าสนใจนัก! เด็กสาวอายุสิบสองสิบสามคนหนึ่งกลับน่าสนใจถึงเพียงนี้! ช่างทำให้ผู้คนต้องมองด้วยความทึ่งจริงๆ!
ในดวงตาสีดำสนิทของนายท่านฉายแววนึกสนุกออกมาแวบหนึ่ง เขาสะบัดมือเล็กน้อยอย่างสง่างาม
“เรื่องนี้ให้ยุติลงเพียงเท่านี้แล้วกัน พวกเจ้าไม่ต้องสืบต่อแล้ว” คนที่น่าสนใจเช่นนี้พบเจอได้น้อยยิ่งนัก กระตุ้นให้เขารู้สึกอยากจะเล่นด้วยสักหน่อย...
........
สวนเล็กๆ ปูด้วยอิฐเขียว เรือนโบราณหลังเล็กๆ ที่มีเพียงสามห้อง
ในสวนถูกเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน ไม่มีวัชพืชขึ้นปกคลุมเลย มีเพียงดอกไม้ป่าไม่กี่ต้นที่สั่นไหวอยู่ตรงมุมกำแพง
ภายในห้องนอนตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย มีเตียงหนึ่งหลัง โต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้หนึ่งตัว บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้รูปทรงธรรมดาอยู่ใบหนึ่ง ในแจกันปักดอกไม้สีเหลืองซึ่งเป็นชนิดเดียวกับดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ตรงกำแพงเอาไว้ เพิ่มความสดใสมีชีวิตชีวาให้ห้องเล็กๆ ที่มืดมนนี้ได้หลายส่วน
ที่นี่ย่อมเป็นสถานที่ที่กู้ซีจิ่วอาศัยอยู่ สถานที่นี้ตั้งอยู่ในซอกหนึ่งของจวนแม่ทัพ ดูไม่สะดุดตาเท่าไหร่ เหมือนเป็นแค่เรือนพักของข้ารับใช้ บางทีเรือนพักของข้ารับใช้อาจจะงดงามกว่าที่นี่เสียด้วยซ้ำ
เธอไม่มีแม้กระทั่งข้ารับใช้ เธอต้องจัดการทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งซักผ้าถูบ้าน เก็บกวาดสวน...ใช้ชีวิตราวกับเป็นซินเดอเรลล่าฉบับยุคโบราณ
พระอาทิตย์ขึ้นมาแล้ว แสงอาทิตย์หลายเส้นลอดผ่านช่องหน้าต่างส่องเข้าไปในห้องที่มืดสลัว กู้ซีจิ่วนั่งอยู่หน้ากระจกเงาบานหนึ่ง ในที่สุดเธอก็จะได้เห็นรูปร่างหน้าตาของร่างนี้อย่างชัดเจนแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมาแล้ว แต่ในชั่วพริบตาที่เธอได้มองอย่างชัดเจน ก็ถึงกับต้องสูดปาก
กระจกเงาบานนี้เป็นเครื่องเรือนชิ้นเดียวในห้องนี้ที่มีฝุ่นจับหนา แสดงให้เห็นว่าเจ้าของร่างเดิมก็ไม่คิดจะส่องกระจก
กู้ซีจิ่วต้องใช้ผ้าเช็ดมันอยู่หลายครั้ง ถึงจะทำให้มันสะท้อนเงาออกมาได้
ยุคนี้ไม่น่าจะใช่ยุคโบราณจริงๆ เพราะกระจกเงาที่ใช้ไม่ใช่กระจกที่ทำจากทองเหลือง แต่เป็นกระจกเงาที่ทำจากแก้วชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับกระจกเงาในยุคปัจจุบันเลย ดังนั้นกระจกเงานี้จึงสมจริงยิ่ง
ในกระจกสะท้อนให้เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ พวงแก้มไม่มีเนื้อส่วนเกิน ปลายคางก็เรียวได้รูปยิ่ง หากพิจารณาจากองคาพยพทั้งห้าบนใบหน้านี้แล้ว นี่ก็คือสาวงามตัวน้อย
จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากงดงามโค้งได้รูป ดวงตากลมโต แต่มีปานแดงขนาดใหญ่ซึ่งครอบครองพื้นที่ครึ่งหนึ่งของหน้าผากไว้ ทำให้ความงามทั้งปวงถูกทำลายจนหมดสิ้น เมื่อมองดูมือเล็กๆ ก็เห็นว่าทั้งขาวซีดและบอบบาง กระดูกเปราะบางราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ ฝ่ามือหยาบกร้านเต็มไปด้วยตุ่มไตแข็งๆ น้อยใหญ่
-------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 14 ละครฉากใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว
มุมปากของกู้ซีจิ่วยกโค้งขึ้นเล็กน้อย แม่รองของร่างนี้ ที่ปัจจุบันกลายเป็นฮูหยินแม่ทัพแล้ว มีงานอดิเรกที่ไม่ได้มีพิษมีภัยสักเท่าใดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือในฤดูหนาวนางชื่นชอบให้กู้ซีจิ่วผู้เป็นบุตรสาวภรรยาเอกไปผ่าฟืนแล้วนำมาเผาอบเป็นถ่านไม้ด้วยตัวเอง อีกทั้งปริมาณที่ต้องการก็ไม่ใช่น้อยๆ เสียด้วย ดังนั้นกิจวัตรประจำวันของกู้ซีจิ่วหลังจากชำระร่างกายตนเองให้เรียบร้อย ก็ต้องไปที่โรงฟืนเพื่อช่วยผ่าฟืนให้แก่ฮูหยินผู้นี้...
กู้ซีจิ่วยกมือขึ้นนวดคลึงตรงหว่างคิ้วเบาๆ ร่างกายที่อ่อนแอนี้เริ่มดีขึ้นมากแล้ว นางบำรุงรักษาร่างกายตนเองให้ดีขึ้นได้ แต่ปานขนาดใหญ่บนหน้าผากนี้ไม่สามารถลบออกไปได้
ภายนอกเรือนปรากฏเสียงฝีเท้าที่สับสนวุ่นวายขึ้น ประตูเรือนของนางถูกทุบจนดังกึกก้องไปทั่ว
กู้ซีจิ่วลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ในที่สุดสิ่งที่ควรจะมาก็มาได้เสียที ละครฉากใหญ่จะเริ่มขึ้นแล้ว
เธอค่อยๆ บรรจงหวีผมช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ล้างหน้าช้าๆ แล้วจึงเดินเยื้องกรายออกจากห้องมาที่กลางเรือน
ด้านนอกเรือนมีเสียงผู้คนกำลังถกเถียงกันอยู่อย่างดุเดือด
“นางแอบออกไปหาชายอื่นจริงๆ ใช่ไหม? ไม่ได้อยู่เรือนใช่หรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อคืนมีคนเห็นว่านางปีนกำแพงออกไป นางยังอายุน้อยอยู่แท้ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกระทำเรื่องไม่เหมาะสมเช่นนี้!”
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าข้าไม่ควรฝึกฝนให้นางพึ่งพาตนเอง โดยส่งให้นางมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ยามนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ทำให้วงศ์ตระกูลต้องได้รับความอัปยศอดสูยิ่งนัก!” มีน้ำเสียงนุ่มนวลเจือความขมขื่นของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น นี่ย่อมเป็นเสียงของกู้ฮูหยินคนปัจจุบัน
“ท่านแม่ น้องเจ็ด น้องห้า ตอนนี้ไม่มีหลักฐานอะไร พวกเราไม่ควรคาดเดาส่งเดช ควรไปดูในเรือนให้เห็นกับตาก่อนว่าจริงหรือไม่” น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนนี้เป็นของกู้เทียนฉิง พี่สาวคนโตของเธอ
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่ากู้ซีจิ่วจะเป็นคนเช่นนี้! ปกติแล้วนางก็ดูคล้ายอยู่ในโอวาทดี” เสียงนี้ค่อนข้างเยือกเย็นแจ่มใส ต้องขอบคุณความทรงจำที่เจ้าของร่างคนเดิมเหลือไว้ ทำให้กู้ซีจิ่วรู้ว่านี่คือเสียงคู่หมั้นราคาถูกของนางที่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ยามอยู่ในครรภ์
“ท่านอ๋องย่อมไม่ทรงทราบเพคะ บางคนก็ปกปิดธาตุแท้ไว้ได้อย่างเก่งกาจ น้องหกของหม่อมฉันปกติแล้วดูเป็นคนน่าเอ็นดู แต่ธาตุแท้เป็นเช่นไรจะมีผู้ใดทราบได้ ทรงอย่าลืมสิเพคะว่ามารดาของนางก็ทอดทิ้งสามีแล้วหนีตามผู้อื่น...”
“หุบปากไปซะ! พวกเจ้ามานี่ พังประตูซะ!” น้ำเสียงทุ้มกังวานกึกก้องเสียงหนึ่งดังขึ้น นี่ก็คือแม่ทัพกู้ แม่ทัพประจำรัชสมัยนี้ กู้ซีจิ่วไม่ได้เห็นใบหน้าที่แสนเย็นชาของบิดามาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว
ดีเหลือเกิน วันนี้มีผู้คนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา เห็นทีว่าผู้ที่วางอุบายนี้คงต้องการเล่นงานนางถึงตาย ไม่เหลือทางรอดแก่นางเลยสักทาง
ประตูหน้าทั้งสองบานของเรือนนี้ทำมาจากไม้ธรรมดา เมื่อถูกคนกระแทกก็เปิดออกได้อย่างง่ายดาย ผู้คนราวสิบกว่าคนต่างกรูกันเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวในเรือนเล็กๆ แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คน...
คนเหล่านี้เข้ามาด้วยท่าทางหาเรื่อง แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นสตรีเยาว์วัยยืนพิงประตูห้องอยู่ แต่ละคนแสดงสีหน้าแตกต่างกันไป
โดยเฉพาะคู่หมั้นราคาถูกของกู้ซีจิ่ว องค์ชายสิบสองซีอ๋องหรงเหยียนและกู้ฮูหยิน รวมถึงกู้เทียนฉิงที่สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย...
แม่ทัพกู้เป็นผู้ที่ได้สติก่อนใคร แววตาดุดันราวกับเสือจับจ้องไปยังกู้ซีจิ่ว สีหน้าเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน! เจ้าอยู่ด้านใน แล้วทำไมไม่มาเปิดประตู!?”
กู้ซีจิ่วยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น เหลือบมองผู้คนที่เข้ามาด้วยสายตาเย็นชาอยู่สักพัก แล้วสุดท้ายจึงมองไปที่แม่ทัพกู้
“ท่านแม่ทัพกู้ ตัวข้านั้นจะดีจะร้ายอย่างไรก็ยังเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนแม่ทัพ นับเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างแท้จริง ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว เคยเห็นคุณหนูคนใดมาเปิดประตูด้วยตนเองเช่นนั้นหรือ?”
ถึงแม้ว่ากู้ซีจิ่วจะมีหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเสียงที่ไพเราะ โดยเฉพาะน้ำเสียงที่นางใช้กล่าวออกมาในตอนนี้ ช่างเย็นยะเยือกราวกับกระดิ่งน้ำแข็ง ดังกังวานอยู่ในเรือนเล็กๆ แห่งนี้
-------------------------------------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ