เซนต์เซย่า ภาคนักรบคนสุดท้าย Saint Seiya The Last Hope

9.3

เขียนโดย Jalando

วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.54 น.

  26 ตอน
  52 วิจารณ์
  26.97K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2566 11.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) พ่อหนุ่มจอมเพี้ยน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     สิ่งที่หัวโจกควรกระทำ คือ….เตรียมพร้อมรับมือ  แต่เขากลับทำตรงข้าม  นั่นก็คือ…ปิดตา  แล้วแหกปากลั่น 

 

“ เหวอ…….” 

      

 

      ตุ่มกัดฟันรับความเจ็บปวด  เพราะเมื่อดูจากความเร็วของนายหัวเขียว  น่าจะทำให้อะไรก็ตามที่กระแทกเข้ามา  หนักพอตัว  ทว่าสิบวินาทีผ่านไป  เขาก็ยังพบกับความเงียบสงบ 

 

“ เอ๊ะ!  นี่มันเกิดอะไรขึ้น  หรือว่าเราจะโดนชกจนสลบไปแล้ว ” ตุ่มชักไม่แน่ใจว่าตนยังรู้สึกตัวอยู่  แต่ไม่นาน  เขาก็ยินเสียงหัวเราะเล็กแหลมของเด็กหนุ่มหัวเขียว 

 

“ ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า  ไม่ต้องกลัวไป  ไจแอนด์น้อย  ชั้นไม่ทำนายแล้ว  จากนี้ไป  ขอให้เลิกแล้วต่อกัน  และไม่ตามรังควานสองหนุ่มสาวตรงนี้อีก ” 

      

 

     ไจแอนด์น้อยหรือตุ่ม  แทบไม่เชื่อหูของตัวเอง  เพราะเด็กหนุ่มหัวเขียวยอมให้อภัยอย่างง่ายดาย  ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อน  เขาเพิ่งสั่งรุมทำร้ายนายคนนี้มาหมาดๆ 

 

“ เฮ้ย!  อะไรกันวะ  ทำไมมันถึงยอมเลิกรา  หรือจะเป็นหลุมพราง ” ตุ่มยังไม่มั่นใจเต็มร้อย  จึงค่อยๆลดการ์ดที่ปิดใบหน้าลง  ทำให้พบกับเด็กหนุ่มหัวเขียวที่ยืนยิ้มแฉ่ง 

 

“ ไง  พ่อหนุ่มร่างสมบูรณ์  เราเลิกทะเลาะ  แล้วไปตามทางของตัวเองเถอะ ” หนุ่มหัวเขียวเอื้อไมตรี  พร้อมยื่นมือมาให้จับ 

 

“ เอ่อ….ละ…แล้วทำไม  นายถึงยอมอภัยให้ชั้นล่ะ ” ตุ่มยื่นมือไปจับตอบแบบกล้าๆกลัวๆ  แถมยังแอบชำเลืองเด็กหนุ่มหัวเขียวเป็นระยะ  เพราะไม่กล้าสบตาตรงๆ 

      

 

     ทันทีที่ตุ่มพูดจบ  ดวงตาเรียวเล็กของหนุ่มหัวเขียวก็พลันเบิกโพลงด้วยความโกรธ  ก่อนจะประเคนมะเหงกใส่กระบาลเต็มมือ 

 

“ โป๊ก…..” 

 

“ โอ๊ย…..แกเล่นทีเผลอนี่หว่า ” ตุ่มรีบชักมือกลับ  จากนั้นก็กุมศีรษะตรงบริเวณที่ถูกมะเหงก  ปากก็กล่าวต่อว่า 

 

“ น่านปะไร  ยังกล้าสามหาวอีก  หรืออยากโดนมะเหงกอีกชุดใหญ่ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวถลกแขนเสื้อขึ้นมา  พร้อมทำท่าขึงขังใส่  ประมาณว่าอยากฟาดปาก  ทำให้หัวโจกประจำห้องนึกกลัวจนถอยกรูด 

 

“ ว้าก….อย่าเข้ามานะ  ชั้นทำอะไรผิด  นายถึงโกรธขนาดนี้ ” 

 

“ หึ  หึ  หึ  ถึงขนาดนี้  ยังไม่สำนึก ” หนุ่มหัวเขียวหัวเราะเหี้ยมๆ  พร้อมทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน 

 

“ ก็รีบบอกมาซะทีสิ  ชั้นกลัวนายจะแย่อยู่แล้ว ” หัวโจกถามเสียงสั่น  น้ำตาเริ่มไหลอาบสองแก้ม 

      

 

      ด้วยท่วงท่าที่ดูน่าเวทนาของหัวโจก  ทำให้หนุ่มหัวเขียวเริ่มใจอ่อน  จึงลดมือลง  แล้วเริ่มเฉลย 

 

“ สาเหตุที่โดนมะเหงก  เพราะนายมันปีนเกลียว  รู้มั้ยว่าพวกเราห่างกันถึงสองปี  แต่นายกลับเรียกชั้นห้วนๆ อย่างกับเป็นรุ่นเดียวกัน  แบบนี้สมควรเจอดีมั้ย ” หนุ่มหัวเขียวพูดจบ  ก็เริ่มของขึ้น  จึงตั้งท่าจะเข้ามาแจกมะเหงกอีกรอบ  แต่หัวโจกก็เป็นมวยสุดๆ  จึงรีบก้มหัวคารวะนอบน้อม  พร้อมเยินยอเป็นการใหญ่ 

 

“ ขอให้ท่านพี่หัวเขียวอภัยให้ผมด้วย  ต่อไปนี้  ผมจะไม่ทำอะไรให้ท่านพี่ขุ่นเคืองอีกแล้ว ” 

 

“ อะ…เอ่อ…นี่ก็เล่นใหญ่เกินเบอร์ไป  เอาให้พอดีหน่อยเถอะ  เจ้าอ้วน ” หนุ่มหัวเขียวเริ่มเขิน  เพราะเห็นผู้คนเริ่มเมียงมอง  สีหน้าแย้มยิ้มไปตามๆกัน  เนื่องจากได้รับฟังคำขออภัยที่ลิเกเกินจริง  ทว่าคำทัดทานนั้นกลับทำให้หัวโจกฉุนกึก 

 

“ หน็อย….ไอ้หัวเขียวบังอาจเรียกเราว่าเจ้าอ้วน  ฝากไว้ก่อนเถอะ  รอให้ข้ากลับมาได้เปรียบ  จะกลับมาทบคืนทั้งต้นและดอก ” 

      

 

     ทว่าหัวโจกขู่อาฆาตในใจได้ไม่นาน  หนุ่มหัวเขียวก็ร้องห้ามโดยเร็ว แล้วโบกมือไล่  เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตามากกว่านี้ 

 

“ โอเค  ชั้นอภัยให้นายแล้ว  ทีนี้เลิกคารวะ  แล้วจะไปไหนก็ไป  ชิ้วๆ ”  

      

 

      หัวโจกมองหนุ่มหัวเขียว  ดวงตาแลถมึงทึง  ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง  แต่พอตั้งท่าจะจากลา  กลับประสบว่า........บุรุษปริศนาได้หันหลังไปถามอาการของเด็กสาว 

 

“ เฮ้…นายอ้วนแหย  น้องสาวคนนั้นเป็นยังไงบ้าง  เธอฟื้นขึ้นมารึยัง ” 

     

 

      ทันทีที่เห็นภาพนี้  ดวงตาของหัวโจกก็พลันลุกโชน  เพราะมันคือโอกาสเหมาะที่จะได้ล้างแค้น  จึงกำหมัดขวาแน่น  หวังจะใช้มันทุบต้นคอ 

 

“ ช่วยไม่ได้  นายอยากประมาทเองนะ  ขออัดซักทีให้สมใจเถอะ ” 

      

 

     เมื่อได้ข้อสรุป หัวโจกก็พุ่งเข้าใส่สุดกำลัง  แต่ก่อนจะเข้าถึงตัว  ก็มีบางอย่างพุ่งขึ้นมากระแทกปลายคางของไจแอนด์น้อย  ส่งผลให้หน้าหงายในบัดดล  พร้อมร่วงล้มลงไปนอนวัดพื้น 

 

“ อึก…..นะ…นี่มัน…อะไรกัน คร่อก…. ” และนี่คือคำสุดท้ายที่ออกจากปากของหัวโจก  ก่อนที่เขาจะสิ้นสติ 

 

“ ฮะ  ฮะ  ฮะ  กะไว้แล้วว่านายต้องใช้วิธีนี้  ชั้นจึงขุดบ่อล่อปลาให้หลงกล ” หนุ่มหัวเขียวหันกลับมาหัวเราะ  พร้อมขยับสเก็ตบอร์ดที่ตั้งชันเข้ามาใกล้  เพื่อสอดส่องรอยถลอก 

 

“ อื้อหือ  ดูซิว่ามีร่องรอยความเสียหายหรือไม่  อันที่จริง ชั้นไม่อยากใช้นายกระแทกหน้าของพวกนี้เลย  แต่มันจวนตัว  เลยจำเป็นต้องทำ ” หนุ่มหัวเขียวหันมาพูดกับสเก็ตบอร์ดสุดที่รัก  เพราะก่อนที่หัวโจกจะเข้าถึงตัว  เขาได้งัดมันให้ลอยขึ้นมากระแทกคางของศัตรู 

       

 

     อ้วนแหยมองหนุ่มหัวเขียว  ดวงตาแฝงแววฉงน  เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นคนกล่าวขอโทษสิ่งของ  ราวกับว่ามันคือเพื่อนรัก  แต่ไม่นาน  หนุ่มร่างสมบูรณ์ก็ได้คิด 

 

“ อืม….พี่ชายคนนี้คงจะชื่นชอบสเก็ตบอร์ดเอามากๆ เหมือนกับเราที่คลั่งไคล้การ์ตูนเซนต์เซย่า  เขาถึงได้ใส่ใจขนาดนี้ ” 

     

 

     เมื่อเข้าใจดังนั้น  อ้วนแหยจึงเลิกสนใจอาการจิตตกของเด็กหนุ่ม  แล้วกล่าวขอบคุณจากใจจริง 

 

“ เอ่อ….ผมขอขอบคุณ นี่ถ้าไม่ได้พี่มาช่วย  เพื่อนของผมก็คง…..” เมื่อพูดถึงตรงนี้  สีหน้าของอ้วนแหยก็ดูสลด  และนึกตำหนิตัวเองตลอด  เพราะเขาได้แต่ยืนเฉย  มองอัยย์ประสบเคราะห์กรรม  ทว่าฮีโร่หัวเขียวกลับเอาแต่ลูบคลำสเก็ตบอร์ด 

 

“ โถ…พ่อคุณเอย  ดันไปกระแทกคางของไอ้ไจแอนด์น้อยเต็มแรง  เจ็บมากมั้ยล่ะเนี่ย  ถลอกตรงไหนรึเปล่า ” 

      

 

      ด้วยอาการที่ดูหนักของเด็กหนุ่มหัวเขียว  ทำให้กล้าเริ่มหลอนนิดๆ 

 

“ เอ…ท่าทางของพี่ชายคนนี้ดูแปลกๆ  สงสัยจะไม่ปกติ  หรือจะเผ่นหนีซะตอนนี้  แต่อัยย์ยังไม่ได้สติ ” อ้วนแหยเริ่มเขย่ากายของอัยย์  หวังให้เพื่อนสาวฟื้นขึ้นมาโดยไว  จะได้ไปจากที่นี่ซักที แต่มันก็ไม่ทันการ 

 

“ อ้าว….นายอ้วนแหยยังอยู่อีกเหรอ  เป็นไงมั่ง ” หนุ่มหัวเขียวเริ่มหันมาถาม  สีหน้าดูเหลอหลา 

 

“ อะ…เอ่อ…มะ…ไม่เป็นไรมากครับ ” แน่นอนว่ากล้าทำตัวไม่ถูก  เพราะรุ่นพี่นายนี้ดูขึ้นๆล่องๆยังไงชอบกล  คาดว่าไม่เต็มบาทล้านเปอร์เซ็นต์  แต่เพื่อรักษามารยาท  จึงรีบตอบกลับ  พร้อมรอยยิ้มที่ดูเสแสร้งสุดๆ 

 

“ โอ้….งั้นก็ดีแล้วที่ไม่เป็นไร  แต่น้องสาวคนนั้นยังไม่ฟื้น  ชั้นช่วยพยุงมั้ย  จะได้รีบไปจากที่นี่  เพราะแถวนี้มีพวกงี่เง่ากองอยู่หลายศพ ” หนุ่มหัวเขียวพูดจบ  ก็ชำเลืองมองสามนักเลงรุ่นเยาว์ที่นอนทอดกาย 

      

 

     กล้าอยากย้อนกลับไปเหมือนกันว่า….พวกงี่เง่าที่ว่า  รวมถึงพี่ด้วยหรือไม่  แต่ก็ยั้งปากไว้ได้ทัน  เพราะไม่อยากเจ็บตัว  จึงปฏิเสธแบบผู้ดี 

 

“ ไม่เป็นไรครับ  เกรงใจ  เดี๋ยวผมจัดการเอง ” 

 

“ โอ้….ไม่ต้องเกรงใจหรอก  ไอ้น้องชายพุงโต  ชั้นว่างอยู่พอดี  นายจะได้เบาแรงไง ” หนุ่มหัวเขียวพูดจบ  ก็ทำท่าจะเข้ามาช่วยหิ้วปีก  แต่ด้วยความตกใจ  จึงทำให้กล้าเค้นแรงเฮือกสุดท้ายออกมา  เพื่ออุ้มเพื่อนสาวร่างบางขึ้นมาทั้งตัว 

 

“ ว้าว…..นายนี่ก็แข็งแรงใช่ย่อย  ถึงกับยกน้องคนนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ” หนุ่มหัวเขียวออกลูกเหวอ  เพราะไม่อยากเชื่อว่ารุ่นน้องร่างสมบูรณ์ที่ดูอ่อนแอ  จะมีเรี่ยวแรงขนาดนี้ 

     

 

     ทว่าหนุ่มหัวเขียวหารู้ไม่ว่านี่คือแรงฉุกเฉินที่กล้าเก็บซ่อนอยู่  ซึ่งจะผุดขึ้นมาในยามที่เขาตกใจ  อ้วนแหยจึงรีบกล่าวลา  พร้อมเผ่นหนีโดยเร็ว 

 

“ ลาล่ะครับ  พี่ชาย  ขออย่าได้เจอกันอีกเลย ” 

     

 

      หลังจากสองหนุ่มสาวหายลับไปจากสายตา  หนุ่มผมเขียวก็ได้แต่เกาหัวแกร๊กๆ  ในใจนึกทบทวนถึงคำลาที่ดูประหลาด 

 

“ เอ….เจ้าหมอนี่ลาแปลกๆ  หรือว่ามันจะกลัวเราฟะ  แล้วทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ ” 

      

 

      แต่หนุ่มหัวเขียวสงสัยได้ไม่นาน  เจ้าของร้านที่เป็นหญิงสาววัยสะคราญก็เข้ามาสะกิดหัวไหล่  แล้วไถ่ถามด้วยอาการนอบน้อม 

 

“ อะ…เอ่อ…ขอโทษนะคะ  ไม่ทราบว่าใครจะเป็นคนจ่ายค่าเสียหาย  และค่าอาหารที่หนุ่มน้อยกับสาวน้อยทานคะ ” 

     

 

      หนุ่มหัวเขียวถึงกับขนลุก  เพราะไม่คิดว่าการเข้ามาเป็นฮีโร่  จะต้องลงเอยด้วยการเสียตังค์แบบนี้  และเมื่อดูจากถ้วยจานที่แตกกระจาย  โต๊ะไม้ล้มกระแทกพื้นจนเกิดรอยบิ่น  แถมด้วยค่าไอติมที่อัยย์และอ้วนแหยเพิ่งกินไป  ท่าทางจะเกินกำลังทรัพย์ของเขาอย่างรุนแรง 

 

“ อื้อหือ…เบ็ดเสร็จ  น่าจะเกินสามพันแน่ๆ  แล้วเรามีติดตัวอยู่สามร้อย  จะไปพอใช้หนี้ได้ยังไง  ไม่ได้การ  เห็นทีต้องรีบปัดความรับผิดชอบ ” หนุ่มหัวเขียวแอบคิดแผนอยู่ในใจ  ก่อนจะงัดมันขึ้นมาใช้

 

“ เข้าใจแล้วครับ  น้า  ผมจะหาทางชดใช้ให้  แฮะ  แฮะ  แฮะ…” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ  ก่อนจะดึงมือของสาววัยสะคราญออกจากหัวไหล่  และพอหลุดจากพันธนาการ  เจ้าตัวดีก็เผ่นหนีโดยพลัน  แต่ด้วยมารยาทอันดี  จึงแจ้งวิธีแก้ไขให้แม่ค้าสาว 

 

“ จะไปยากอะไรครับ  น้าก็รีบหาเชือกมามัดไอ้สามตัวนั่นไว้  พอฟื้นขึ้นมา  ก็เอาตำรวจมาขู่  เพื่อรีดเงิน  เพราะพวกมันคือตัวการสำคัญ ” 

     

 

      แม่ค้าวัยสะคราญและเด็กเสิร์ฟสาว  รวมถึงลูกค้าอีกห้าหกชีวิตในร้าน  ถึงกับสตั้น  แต่พอตั้งหลักได้  เจ้าของร้านก็หันมามองสามนักเลงรุ่นเยาว์ 

 

“ หรือว่าเราควรจะทำตามคำแนะนำของน้องชายหัวเขียวคนนั้น  เพราะไม่งั้น  คงหนี้สูญแน่ๆ ”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/jalando.darksidewriter.version2

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา