เซนต์เซย่า ภาคนักรบคนสุดท้าย Saint Seiya The Last Hope

9.3

เขียนโดย Jalando

วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.54 น.

  26 ตอน
  53 วิจารณ์
  27.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2566 11.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เด็กหนุ่มปริศนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
      ทุกคนในที่นั้นถึงกับตะลึง  เพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มวัย 14 จะพูดคำนี้ออกมา  โดยเฉพาะอัยย์ถึงกับหน้าชา  เนื่องจากเธอเป็นบุคคลที่ถูกพาดพิง  และในจังหวะที่ชาวประชามัวแต่สตั้นอยู่นั้นเอง  อันธพาลที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายไจแอนด์  ก็เตรียมขยับเข้ามาจูบ 
 
“ เฮ้ย!  ลูกพี่บ้าไปแล้ว ” สองลูกสมุนอุทานดัง  ใบหน้าแดงก่ำ  เพราะไม่คิดว่าหัวหน้ากลุ่มจะกล้าบ้าบิ่น  ทว่าอัยย์ก็มีสติมากพอจะยกสองมือขึ้นยันอก  ทำให้รอดพ้นจากรสจูบของตุ่มได้อย่างหวุดหวิด 
 
“ จะดิ้นไปทำไม  ขอเราหอมซักทีเถอะ ” หัวหน้ากลุ่มจอมหื่น  เพิ่มแรงกอด  หวังฉุดรั้งให้เด็กสาวเข้าใกล้ยิ่งขึ้น  จะได้บดริมฝีปากไปที่พวงแก้มนุ่มๆ  แต่อัยย์ก็ดันสุดกำลัง  ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือ 
 
“ กล้าช่วยด้วย  เราจะทนไม่ไหวแล้ว ” 
      
 
       อัยย์ใกล้ความอัปยศเข้าไปทุกที  ซึ่งกล้าก็รู้ดี  แต่สองขากลับไม่ยอมขยับ  ทั้งที่ใจอยากช่วยเหลือเป็นที่สุด 
 
“ เข้าไปช่วยอัยย์สิ  ไอ้กล้า  ทำไมเอ็งถึงได้ปอดแหกนัก ” กล้านึกด่าตัวเอง  แต่ไม่ว่ากระตุ้นเท่าไร  หัวใจก็ยังอุดมไปด้วยความขลาดกลัวอยู่ร่ำไป 
 
“ กล้าช่วยเราด้วย ” อัยย์วิงวอน  ดวงตาที่ส่งมายังกล้า  ช่างดูเศร้าสร้อยและผิดหวัง  เพราะหนุ่มร่างสมบูรณ์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่  วินาทีต่อมา  เด็กสาวก็ต้องจิตตกถึงขีดสุด  เมื่อบุรุษผู้เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียว  กลับเบือนหน้าหนีไปซะอย่างงั้น 
 
“ กล้า….” เด็กสาวจุกจนพูดไม่ออก  และรู้สึกผิดหวังเป็นที่สุด  แต่ในขณะที่เธอกำลังยอมจำนนต่อภัยพาล  ก็รู้สึกถึงแรงลมที่พัดผ่านใบหน้า 
 
“ ปึก…..” 
       
 
       สิ่งที่ปรากฏในคลองจักษุของอัยย์ก็คือ.....ฝ่าเท้าที่ห่อหุ้มด้วยผ้าใบสีแดง  มันกำลังประทับลงไปที่ใบหน้าอ้วนๆของหัวโจก  แต่บาทาปริศนาก็โผล่ให้เห็นเพียงแวบเดียว  จากนั้น  ภาพก็ตัดไป 
 
“ โครม….” 
      
 
      หัวโจกร่างล่ำสันกระเด็นไกล  ก่อนจะกระแทกโต๊ะไม้จนล้มกลิ้งไปทั้งคนและสิ่งของ  ส่วนทางด้านอัยย์ พอเธอเป็นอิสระ  ก็ถึงกับล้มทั้งยืน  แต่โชคยังดีที่เจ้าของบาทา  เข้ามาคว้าตัวไว้ได้ทัน 
     
 
      ฮีโร่ปริศนาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง  ร่างเล็กบางถูกซ่อนอยู่ในเสื้อฮาวายสีเขียวและกางเกงยีนส์ขาสามส่วน  บนศีรษะประดับผมทรงประหลาดที่ด้านหน้าตั้งเป็นกะบัง  ด้านหลังไว้รากไทร  ใบหน้าเรียวเล็กแลอ่อนเยาว์จนเกือบจะกลายเป็นรุ่นเดียวกับอัยย์  ทั้งที่ความจริง เขาอายุ 16 แล้ว  
     
 
      เด็กหนุ่มทรงผมประหลาด  มองอัยย์ที่สิ้นสติอยู่ในวงแขนได้ครู่หนึ่ง  ก็หันมาพูดกับอ้วนแหยที่ยืนตัวสั่น 
 
“ เฮ้  เจ้าอ้วนช่วยมารับเพื่อนของนายด้วย  เพราะดูท่าทางเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ ” 
 
“ คะ….ครับ ” กล้ารีบตอบตกลง  ก่อนจะกุลีกุจอเข้ามารับตัวอัยย์ 
 
“ ลูกพี่เป็นไงบ้าง ” สองสมุนคู่ใจ  ตรงดิ่งเข้ามาประคองตุ่ม  ที่บัดนี้  กำลังนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น  ไม่นาน  หัวโจกก็ลุกขึ้นมาร้องโอดโอย 
 
“ อู้ย…..ใครถีบกูวะ  เจ็บชะมัดเลย ” 
 
“ ,มันเป็นเด็กหนุ่มหน้าละอ่อน  ตัวเล็กบาง  ท่าทางจะรุ่นเดียวกับพวกเรา ” สมุนคนหนึ่งตอบ  ก่อนจะหันไปมองฮีโร่หัวเขียว  เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อ 
 
“ ใช่ครับ  หมอนี่ดูยังไงก็ไม่เกิน ม.ต้น  แถมตัวก็ไล่ๆกับพวกเรา  น่าจะเล่นมันได้ง่ายๆ ” สมุนอีกนายยืนยัน  พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน  ท่าทางเคียดแค้น 
 
“ บังอาจถีบหน้าของข้า  ไหนขอดูหน่อยซิว่ามันเป็นใคร ” ตุ่มคำรามดัง   และพอเหยียบพื้นได้เต็มสองเท้า  เขาก็ประสบกับบุรุษผู้มาใหม่ 
 
“ ฮึ่ม…..ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้  แต่กล้ามาอัดข้า  เห็นทีต้องให้มากินบาทาซะแล้ว ” ตุ่มรู้สึกเสียหน้าอย่างรุนแรง  เพราะถูกหนุ่มวัยใกล้กันที่ดูบอบบาง  เล่นงานจนลงไปนอนกอง  เขาจึงย่างสามขุมเข้าหา  หวังจะระบายแค้นให้สมใจ  แต่ก็ต้องหยุดชะงักโดยพลัน  ด้วยเห็นอีกฝ่ายหยิบบางสิ่งขึ้นมา  มันคือสเก็ตบอร์ดสีเขียวสลักลายเพลิง
 
“ โอ้….มันมีอาวุธด้วย  เอาไงดีครับ  ลูกพี่ ” สองลิ่วล้อหันไปขอความเห็น  ในใจเริ่มหวาดกลัว  เพราะถ้าเข้าผิดจังหวะ  มีหวังหัวแบะ 
 
“ ฮึ่ม….สงสัยต้องลองเจรจาก่อน  เพราะพวกเรากำลังเสียเปรียบ ” ลูกพี่ใหญ่ตอบแบบไม่มองหน้า  หางตาเหลือบแลไปรอบๆ  เพื่อมองหาอาวุธ 
 
“ ตกลงตามนั้น  ลูกพี่ลองคุยกับมันดู ” สองลิ่วล้อเห็นด้วย  สองตาพยายามควานหาอะไรที่เหมาะมือ  จะได้ใช้สัประยุทธ์กับหนุ่มร่างเล็ก 
      
 
      เมื่อมติเป็นเช่นนั้น  ตุ่มก็ร้องถามเสียงดัง  หวังข่มขวัญให้อีกฝ่ายหวาดกลัว 
 
“ เฮ้ย  มึงเป็นใครวะ  ทำไมมายุ่งเรื่องส่วนตัวของกู  หรืออยากเจอดี  ถ้ายังรักชีวิต  ก็รีบหนีไปซะดีกว่า ” 
      
 
      แต่แทนที่เด็กหนุ่มทรงผมประหลาดจะหวาดกลัว  เขากลับหัวเราะเบาๆ  ประมาณว่าขบขันเหลือทน
 
“ ฮะ  ฮะ  ฮะ  เข้าใจขู่เนอะ  ทั้งที่ตัวเองก็ขาสั่นซะขนาดนั้น ” 
 
“ ไม่จริง  พวกข้าไม่ได้กลัว ” ตุ่มโวยวายกลบเกลื่อน  แต่สองตาก็เหลือบไปเห็นขาของตนเอง  ที่สั่นอยู่จริงๆ  จึงแก้ตัวน้ำขุ่นๆ 
 
“ ที่สั่นอยู่  ไม่ใช่ว่ากลัวโฟ้ย  แต่เป็นสั่นสู้ต่างหาก ” 
 
“ ก็แถไปเรื่อยนะ  ไอ้เด็กอ้วน  แต่จะว่าไป  นายควรมีสัมมาคารวะซักหน่อย  เพราะชั้นน่าจะแก่กว่านาย ” เด็กหนุ่มหัวเขียวโบกมือไปมา  เป็นเชิงไม่ใส่ใจ  ก่อนจะกล่าวเนือยๆ 
 
“ อย่ามาโม้ให้เหม็นขี้ฟันเลย  ตัวเล็กๆ  หน้าอ่อนๆอย่างแก  เต็มที่ก็อยู่แค่ ม.สาม ” ตุ่มเถียง  เขาไม่เชื่อแน่ๆ  ด้วยสภาพของเด็กหนุ่มหัวเขียวเป็นเช่นนั้น 
 
“ ไอ้บ้า  ถึงชั้นจะดูเป็นอย่างนั้น  แต่ก็เรียนอยู่ชั้น ป.ว.ช. ปีสองแล้วนะโว้ย  ดังนั้นหัดให้เกียรติรุ่นพี่บ้างนะ  ไอ้เด็กเหลือขอ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวเถียงกลับ  ท่าทางจะเริ่มฉุนนิดๆที่ถูกรุ่นน้องดูถูกแบบนี้ 
       
 
      จากถ้อยวาจาที่ดูจริงจัง  ทำให้ชาวแก๊งเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า  เป็นรุ่นพี่หรือไม่  แต่ถึงจะใช่  ตุ่มก็ไม่สนใจ  เพราะถือคติว่า….ไอ้หมอนี่ไม่ใช่พ่อของกูนี่หว่า 
 
“ ช่างแม่งเถอะ  เข้าไปรุมตื้บมันเลยดีกว่า ” ตุ่มออกคำสั่ง  แต่ตัวเองกลับถอยไปอยู่ข้างหลัง  เพราะคร้ามสเก็ตบอรด์ในมือขวาของเด็กหนุ่มปริศนา  แน่นอนว่าเหล่าลิ่วล้อก็ไม่กล้าเช่นกัน 
 
“ เข้าไปดิ  กลัวอะไร  มันมีแค่คนเดียวเอง ” ตุ่มเร่งเร้า  แต่สองสมุนหันมาสวน 
 
“ แล้วลูกพี่ล่ะ  ทำอะไร ” 
 
“ อะ…เอ่อ….ข้ากะ..ก็คอยสนับสนุนพวกเอ็งไง ” ตุ่มกล่าวไม่เต็มเสียง  จากนั้นก็กระแอมเบาๆ  เป็นการแก้เขิน 
      
 
      ท่าทางปอดลอยของเหล่านักเลงสมัครเล่น  ทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวเริ่มขำ  ก่อนจะทิ้งสเก็ตบอร์ดลงสู่พื้น 
 
“ ตุ้บ….” 
 
“ อึ้ย….” สามชาวแก๊งสะดุ้งโหยง  เพราะคิดว่าจะถูกสเก็ตบอร์ดกระแทกหน้า  แต่พอเห็นว่ามันนอนอยู่บนพื้น  ความฉงนก็เข้ามาแทนที่ 
 
“ เอ๋….ทำไม  มันไม่ใช่สเก็ตบอร์ดเป็นอาวุธ ” 
       
 
      เหมือนเด็กหนุ่มหัวเขียวจะอ่านใจของเหล่าอันธพาลวัยเยาว์ออก  เขาจึงยิ้มเล็กน้อย  แล้วคลายความสงสัยให้หายสับสน 
 
“ ชั้นไม่คิดใช้มันฟาดพวกนายหรอก  เพราะถ้าทำแบบนั้น  สเก็ตบอร์ดสุดที่รัก  ก็พังกันพอดี ” 
      
 
      คำพูดของเด็กหนุ่มหัวเขียว  ทำให้ชาวแก๊งคลายความระแวงลง หลายส่วน  แต่ก็ไม่วางใจ  ด้วยเจ้าสิ่งนั้น  ยังอยู่ใต้ฝ่าเท้า  หัวหน้ากลุ่มจึงลองหยั่งเชิง  ด้วยการร้องถามเสียงดัง  
 
“ ในเมื่อไม่ใช้สเก็ตบอร์ดเป็นอาวุธ  แล้วนายจะหลีกหนีไปเหรอ ” 
 
“ แล้วพวกนายจะเลิกยุ่งกับน้องๆทั้งสองคนนี่หรือเปล่าล่ะ ” หนุ่มหัวเขียวถามกลับ 
 
“ ไม่มีทาง  เพราะเรายังมีเรื่องต้องพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น ” แม้ตุ่มจะเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง  และพูดจาสุภาพขึ้น  แต่ก็ไม่ยอมละทิ้งประสงค์เดิม  หนุ่มหัวเขียวจึงยืนยันมติในใจ  พร้อมรอยยิ้ม 
 
“ งั้นชั้นก็วางมือจากเรื่องนี้ไม่ได้ ” 
 
“ ตะ…แต่นายตัวคนเดียวนะ  ส่วนพะ…พวกเรามีตั้งสามคน ” ตุ่มขู่ต่อ  แต่ปลายน้ำเสียงกลับแอบสั่น  ทว่าหนุ่มหัวเขียวไม่สนใจ  แถมยังเร่งเร้าให้อีกฝ่ายเปิดเกม 
 
“ ช่างเถอะ  ถึงพวกนายจะเยอะกว่า  ชั้นก็ไม่กลัว  เข้ามาเจ็บตัวได้แล้ว ” 
 
“ เฮ้ย  มึงเข้าไปดิ ” 
 
“ มึงนั่นแหละ  เข้าไป ” 
 
“ ไม่เอา  ลูกพี่ใหญ่สุด  ควรเปิดก่อน ” 
       
 
      สามสหายเริ่มเกี่ยงกันเอง  อันชวนให้รู้สึกเวียนหัว  เหมือนงูกินหาง  ทำให้หนุ่มผมเขียวรู้สึกปวดเศียร  จึงกล่าวตัดบท 
 
“ โอเค  เข้าใจพวกนายแล้ว  เอาเป็นว่า….ชั้นจะเป็นฝ่ายลุยเอง ” พอพูดจบ  เด็กหนุ่มหัวเขียวก็พุ่งเข้าใส่  ด้วยการไถสเก็ตบอร์ด  ทำให้ความเร็วในการพุ่งทะยานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี 
 
“ เฮ้ย! ” สามชาวแก๊งพากันตกใจ  เพราะถูกเด็กหนุ่มปริศนาจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว  เพียงชั่วพริบตา  อริหัวเขียวก็เข้าประชิดสองสมุนได้สำเร็จ  พร้อมยกสองแขนขึ้นโคลนส์ไลน์
 
“ อั้ก….” สองสมุนต่างลิ้นห้อยไปตามๆกัน  เพราะถูกท่อนแขนของหนุ่มหัวเขียวอัดไปที่ลำคอ  จากนั้นก็ร่วงล้มลงไปนอน
 
“ เอี๊ยด…..” หนุ่มหัวเขียวเบรกสเก็ตบอร์ด  แล้วดีดมันให้ลอยขึ้นมาระดับอก  จากนั้นก็รวบไว้ที่ซอกแขนซ้าย  ปิดท้ายด้วยการมองผู้เคราะห์ร้ายทั้งสอง  ปากก็กล่าวชมตัวเอง 
 
“ โห……ทีเดียว  เก็บได้สองคนเลย  ฝีมือเหมือนกันนะเนี่ย ” 
       
 
      ใบหน้าของตุ่มเริ่มซีดเผือด  เพราะได้เจอกับศัตรูที่เคี้ยวยากสุดๆ  แต่เพื่อรักษาตำแหน่งหัวโจกประจำห้องเอาไว้  เขาจึงวิ่งเข้ามาเหวี่ยงหมัดใส่เต็มแรง 
 
“ หน็อย…..อย่าอยู่เลย  ไอ้ขี้โกง ” 
       
 
      ทว่าในจังหวะที่ตุ่มขยับตูด  หนุ่มหัวเขียวก็ปล่อยสเก็ตบอร์ดลงพื้น  แล้วกระโดดขึ้นไปยืนบนแผ่นกระดานติดล้อ  จากนั้นก็โยกหลบกำปั้นที่หว่านเข้ามาได้ทุกดอก  พร้อมอาศัยความรวดเร็วที่เหนือกว่า  เคลื่อนที่ไปรอบกายของหัวโจก 
 
“ เฮ้ย…เก่งจริง  อย่าหนีสิวะ ” ตุ่มโวยดัง  ด้วยโมโหที่จับอริไม่ได้ซักที 
        
 
      นับว่าเด็กหนุ่มหัวเขียวใจถึงพอตัว  เพราะทันทีที่ได้รับคำท้า  เขาก็ไถสเก็ตบอร์ดเข้าใส่หัวโจก 
 
“ ไม่หนีก็ได้  เตรียมรับมือ ”
 
 
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/jalando.darksidewriter.version2

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา