เซนต์เซย่า ภาคนักรบคนสุดท้าย Saint Seiya The Last Hope
เขียนโดย Jalando
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.54 น.
แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2566 11.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) ความจริงที่น่าตกใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ…………………….
“ ที่นี่คือที่ไหน ” กล้าตื่นขึ้นมา และพบว่าตนได้กลับคืนสู่ร่างของเด็กหนุ่มผู้ตุ้ยนุ้ย แต่ที่แย่กว่านั้น คือเขาตกอยู่ในภวังค์ ทุกสิ่งดูเลื่อนลอย เสมือนอยู่ท่ามกลางความฝัน หรือไม่ก็กำลังพี้ยากับเพื่อนฝูง ทว่า……
“ เอ๊ะ! ตั้งแต่เกิดมา ชั้นยังไม่เคยลิ้มลองของเมาเลยนี่หว่า แล้วจู่ๆจะมาตกอยู่ในภาวะแบบนี้ได้ยังไง ”
หลังจากสำนึกถึงความจริง กล้าก็พยายามขยับตัว แต่กลับทำได้ยากยิ่ง คล้ายมีโซ่เส้นโตผูกมัดร่างกาย ทำให้เขารู้สึกร้อนใจ
“ บ้าน่า ทำไมถึงขยับไม่ได้ ”
ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังร้อนรนอยู่นั้นเอง ก็มีใครบางคนขยับเข้ามานั่งข้างๆ คนผู้นั้นเป็นเด็กสาววัยเดียวกัน แถมใบหน้าหวานใสก็แลคุ้นตา พอกล้าพิจารณาได้ไม่นาน เขาก็ร้องอุทานด้วยความดีใจ
“ เอ๊ะ! นั่น”อัยย์”นี่นา เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ”
สาวน้อยหน้าใสยิ้มให้เพื่อนหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับมาด้วยกระแสเสียงที่หวานจนน้ำตาลเรียกพี่
“ ชั้นก็มาหาเธอไง เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ย กล้า ”
กล้ารู้สึกกระอักกระอ่วน และเขินอายเป็นที่สุด เพราะตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
“ เป็นไปได้ไง ไม่น่าเชื่อว่าคนขี้แพ้อย่างเราจะมีสาวมาให้กำลังใจ ”
หลังจากเคลิ้มได้อึดใจ กล้าก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ เลยกล่าวขอโทษ พร้อมเอียงหนีไปทางอื่น ด้วยไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนสาววัยเดียวกัน จิตรำลึกถึงเหตุการณ์ช่วงที่ตุ่มรังแกอัยย์ในร้านไอติม
“ เอ่อ….เราขอโทษนะที่ไม่ได้เข้าไปช่วยเธอในตอนนั้น ”
เด็กสาวไม่ตอบคำ จึงบังเกิดเดดแอร์ปกคลุมสถานการณ์ ซึ่งกล้าก็ไม่เรียกร้องสิ่งใด เพราะรู้ดีว่าตนสมควรโดนอัยย์รังเกียจอยู่แล้ว เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ต่างจากพวกขี้ขลาด
“ เฮ้อ…..ก็กะไว้แล้วว่าอัยย์จะไม่ให้อภัย ด้วยสิ่งที่เราทำ มันเลวร้ายและชั่วช้า ”
แต่แล้ว เหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เมื่อมีมือบางเลื่อนมาแตะพวงแก้มของหนุ่มร่างสมบูรณ์ กล้าเลยหันไปมอง จึงประจักษ์ว่ารสสัมผัสนั้นเป็นของอัยย์ เพื่อนสาวที่ลอบหมายปอง และเธอกำลังส่งยิ้มอบอุ่นให้
“ อัยย์ไม่โกรธเราแล้วหรือ ” กล้าเอ่ยถาม ดวงตาฉายแววสำนึกผิด ทว่าสาวเจ้ากลับตีหน้าบึ้งอย่างฉับพลัน ก่อนจะตวาดเสียงดัง พร้อมเหวี่ยงฝ่ามือใส่แก้มป่องๆของเด็กหนุ่ม
“ โกรธสิ โกรธมากด้วย ไปตายซะ ไอ้หมูตอนจอมขี้ขลาด ”
“ เพลี้ย…..”
“ โอ๊ย…….”
.........................
กล้ารีบลุกพรวดขึ้นมานั่ง แต่พอเหลียวมองรอบตัว เพื่อหาเพื่อนสาว กลับพบอาจารย์สาวผมแดงที่ชื่อ “มารีน” เธออยู่ในตำแหน่งเดียวกับอัยย์เมื่อครู่นี้
“ เอ๊ะ! คุณมารีน ที่นี่มันที่ไหน แล้วผลการประลองล่ะ ” กล้ารีบถาม เพราะสมองเริ่มจับต้นชนปลายได้บางส่วน
“ ที่นี่คือโคลอสเซี่ยม ส่วนผลการประลอง เจ้าเป็นผู้ชนะ แต่ดันสลบไป ข้าเลยต้องปลุกให้ตื่น ” มารีนยกฝ่ามือขวาขึ้นมา ประมาณจะบอกว่านี่คืออุปกรณ์ที่ใช้เรียกสติ
“ ฮะ ฮะ ฮะ ขอบคุณครับ ” กล้าในร่างเซย่าเริ่มหัวเราะแห้งๆ เพราะเข้าใจแล้วว่าอัยย์ที่พบเมื่อครู่ น่าจะเป็นความฝัน ทว่าบุคลิกแบบนั้น ยิ่งทำให้อาจารย์สาวฉงน เพราะนี่ไม่ใช่รีแอคชั่นของเซย่าที่เคยรู้จัก
“ หมอนี้กลายเป็นคนหงิ่มๆ มารยาทดีตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่เมื่อก่อน เจอตบเข้าไปแบบนี้ทีไร เป็นอันต้องโวยวายทุกที ”
แต่ก่อนที่ทุกสิ่งจะออกทะเลไปมากกว่านี้ มารีนก็เริ่มเข้าประเด็น ด้วยการถามตรงๆ
“ เรื่องอื่นช่างมันก่อนเถอะ ว่าแต่เจ้าใช้คอสโม่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเก็บงำพลังนี้ไว้ เพื่อให้ข้าแปลกใจ ”
กล้าไม่รู้จะตอบยังไง เพราะตัวเขาเองก็เพิ่งเข้ามาในโลกนี้แค่คืนเดียว แต่พอจับเคล็ดได้ว่า….การจะปลุกพลังคอสโม่ มันต้องใช้ความรู้สึกที่เรียกว่า…..มุ่งมั่น
“ อืม…ตอนที่ทำได้ รู้สึกว่าเราจะอยากกลับบ้านอย่างแรงกล้า และเดิมพันทุกสิ่งไว้กับความปรารถนานั้น ” กล้ายกสองมือขึ้นมาดู เขาเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าตนจะปล่อยท่าไม้ตายในตำนานอย่าง…เพกาซัส หมัดดาวตกได้ แต่ไม่ทันจะตั้งตัว มารีนก็รีบทวงถาม พร้อมยื่นมือมาเขย่าหัวไหล่
“ เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่า…ใช้คอสโม่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และถ้ามีพลังนี้มานาน ทำไมถึงเก็บงำมันเอาไว้ ”
“ อุ้ก ” กล้ารู้สึกเจ็บ ด้วยกำลังของอาจารย์สาวนั้นไม่ธรรมดา เนื่องจากเธอใช้อุ้งมือบี้ก้อนหินให้เขาดูทุกวัน เด็กหนุ่มจึงรีบตอบตามจริง
“ เอ่อ ผมรู้สึกถึงคอสโม่ได้เลาๆตั้งแต่เมื่อวาน ในช่วงที่ฝึกซ้อมพิเศษ แต่พลังนั้นมาตื่นเต็มที่ ก็เมื่อตอนที่ถูกคาชิออสเล่นงาน ”
มารีนนิ่งเงียบ ดวงตาภายใต้หน้ากากเหล็กจับจ้องมาที่กล้า ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัด ไม่นาน อาจารย์สาวก็ตัดบท พร้อมลุกขึ้นยืน
“ เอาล่ะ ในเมื่อปลุกพลังคอสโม่จนชนะคาชิออสได้สำเร็จ เจ้าก็ควรจะไปรับชุดครอธเพกาซัส อันเป็นบำเหน็จแก่ผู้ชนะในศึกนี้ ”
“ แฮะ แฮะ แฮะ นิสัยของคุณมารีนเหมือนในการ์ตูนเลย ” กล้ายันกายลุกขึ้นยืน ปากก็บ่นพึมพำเบาๆ แต่กระแสนั้นไม่พ้นหูของอาจารย์สาว
“ เมื่อกี้เจ้าพูดว่าไงนะ และไอ้การ์ตูนที่เจ้าว่า หมายถึงอะไร ”
“ เอ่อ…..มันก็คือ…..อืม…..” กล้าพูดไม่ออก ในใจนึกด่าตัวเองที่ปากไวเกินไป ไม่รู้จักเก็บอาการ
“ ช่างเถอะ ไปรับรางวัลได้แล้ว ท่านเคียวโกกำลังรอพวกเราอยู่ ” เหมือนมารีนจะมีความอดทนที่จำกัด เธอจึงไม่สนท่าทีพิรี้พิไรของลูกศิษย์หนุ่ม พร้อมนำทางไปยังปะรำพิธี ซึ่งกล้าก็ยินดี เพราะยังคิดหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมไม่ได้
“ ครับ……”
พอสองศิษย์อาจารย์มาถึงปะรำพิธี สิ่งแรกที่กล้าได้เห็นก็คือ….กล่องใส่ชุดครอธเพกาซัส
สิ่งนั้นมีลักษณะเป็นกล่องเหล็กทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดก็ประมาณว่าพอแบกได้ และน่าจะเต็มแผ่นหลังของผู้สะพาย พื้นผิวสลักเป็นรูปม้าบินติดปีก ชวนให้รู้สึกเข้มขลัง
“ โอ้….ว้าว……นี่น่ะเหรอ กล่องครอธเพกาซัสในตำนาน เราเคยเห็นแต่ในการ์ตูน อนิเมะมาหลายล้านครั้ง แต่นี่คือหนแรกที่ได้เห็นของจริง ตื่นเต้นจนมือชาเลย ” กายของกล้าเริ่มสั่นเทา แต่เขาก็พยายามเก็บอาการ เพราะโดยรอบมีเหล่าเซนต์ฝึกหัดและทหารเลวนับสิบยืนมองอยู่
“ ไม่ได้ ต้องเก๊กเอาไว้ ” และในขณะที่กล้าพยายามฝืนอยู่นั้นเอง เขาก็นึกถึงฉากที่ปรากฏในหนังการ์ตูน นั่นก็คือ…..การให้โอวาทของเคียวโก ซึ่งเด็กหนุ่มค่อนข้างรำคาญ เลยรีบหันไปมองประมุขแห่งแซงทัวร์รี่ที่ด้านหลัง จากนั้นก็ชิงกล่าว
“ โอเคครับ ผมรู้แล้วว่าเซนต์สามารถใช้ชุดครอธนี้ เพื่อผดุงคุณธรรมเท่านั้น ถ้าฝืนนำไปต่อสู้ในเรื่องส่วนตัว พวกท่านจะตามมาลงโทษ ”
ทุกคนในที่นั้นดูอึ้ง เพราะประโยคนี้ควรออกมาจากปากของเคียวโก ผู้เป็นประมุขเท่านั้น แต่หนุ่มน้อยนายนี้ กลับเป็นคนสาธยายด้วยตัวเอง เลยเกิดเสียงพึมพำด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน
“ เฮ้ย ไอ้หมอนี่มันห้าวว่ะ ถึงขั้นเเย่งท่านเคียวโกพูด ”
“ นี่มันสู่รู้เกินไปแล้ว ช่างไม่รู้ฟ้าเหนือแผ่นดินต่ำ ”
“ แต่จะว่าไป หมอนี่มันก็กล้าดีนะ เป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ กลับชิงครอธเพกาซัสในตำนานได้ ”
“ ในเมื่อมารยาททรามแบบนี้ ก็ควรปรับแพ้ และไล่กลับประเทศของมัน ”
ขณะที่ทุกชีวิตกำลังถกกันเอง เคียวโกกลับรู้สึกอีกอย่าง ประมาณว่านึกทึ่งเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“ เหลือเชื่อ เจ้าหนุ่มน้อยรู้ได้ไงว่าเราจะให้โอวาทแบบนี้ จะว่ามันจดจำจากงานมอบชุดครอธครั้งก่อน ก็ไม่น่าใช่ เพราะเหตุการณ์ในตอนนั้นก็ผ่านมาร่วม 10 ปี ซึ่งเด็กนี่ยังเล็กอยู่ และไม่รู้ความ ” เคียวโกใคร่ครวญอยู่อึดใจ เลยได้ข้อสรุป
“ หรือว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะมีพลังจิตแอบแฝงอยู่ จึงอ่านใจของเราได้ ไม่ได้การ ต้องลองทดสอบว่ามันอยู่ในระดับไหน ” พอตรึกตรองเสร็จ เคียวโกก็เพ่งจิตไปที่กล้า ด้วยความที่ประมุขแห่งแซงทัวร์รี่เคยเป็นเซนต์ชั้นสูงที่ถนัดใช้พลังจิต กระแสกดดันเลยถาโถมใส่เด็กหนุ่มอย่างมากมาย แต่ผู้เป็นเป้าหมาย กลับโต้ตอบด้วยการโค้งคำนับ
“ ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่สู่รู้อีก ”
เคียวโกไม่ได้ตอบประการใด เพราะมัวแต่ตกใจ ด้วยใครก็ตามที่ถูกกระแสกดดันขนาดนี้ น่าจะออกอาการลนลานแทบทุกคน ต่อให้มีพลังจิตสูงส่งเพียงใด ก็ไม่น่าจะต้านทานได้ เขาเลยเพิ่มแรงกดดันเข้าไปอีก
“ อึก……” มารีนถึงกับสะอึก รวมถึงหลายคนที่พอมีฝีมือเริ่มออกอาการอึดอัด เนื่องจากรับรู้ถึงแรงกดดันที่แผ่จากกายสูงเพรียวของเคียวโก ทว่าเด็กหนุ่มจากแดนสยามกลับเอาแต่โค้งคำนับ ปากก็ร้องละล่ำละลัก
“ ขอโทษครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว อภัยให้ผมเถอะ ”
เคียวโกทดลองอีกสามที แต่ละกระแสจิตที่ส่งออกไปล้วนหนักหน่วง ทำให้ยอดฝีมือที่อยู่บริเวณนั้นแทบจะหายใจไม่ออก สุดท้าย ประธานแห่งแซงทัวร์รี่ก็เริ่มถอดใจ และล้มเลิกการกดดันไปโดยปริยาย ดวงตาภายใต้หน้ากากเหล็ก ฉายประกายเลื่อมใส
“ เราเพ่งเจ้าหนูนี่ด้วยพลังจิตเกือบเต็มสูบ แต่กลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย น่ากลัวว่ามันจะฝึกถึงขั้นไร้ตัวตน เลยทนแรงกดดันขนาดนี้ได้ อายุเพียงแค่นี้ แต่กลับมีฝีมือล้ำลึก น่าทึ่งจริงๆ อีกไม่นาน เซนต์เพกาซัสคนนี้ต้องเป็นกำลังสำคัญให้กับอาเธอน่าอย่างแน่นอน ”
ทว่าเคียวโกไม่รู้อยู่อย่าง สาเหตุที่กล้าไม่รับรู้ถึงแรงกดดันในครั้งนี้ เพราะหนุ่มน้อยมัวแต่กลัวว่าตนจะชวดจากครอธเพกาซัส ด้วยตัวเองดันโชว์เหนือ ร่ายคำโอวาทแทนประมุขแห่งแซงทัวร์รี่ หาใช่เหนือชั้นอย่างที่หลายคนเข้าใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ