ก๊วนเทพวัยใสป่วนหัวใจให้ตกหลุมรัก

-

เขียนโดย เจ้าหนอน

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.37 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  17.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ตอนที่ 12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                 ตอนนี้ฉันอยู่ทางเข้านรกโดยมีเบิร์น ฟินิกส์เป็นคนมาส่ง ยัยนั่นบอกว่าไม่อยากให้ฉันเข้าไปที่นั่น แต่ฉันบอกว่าไม่เป็นไร ยัยนั่นเลยรามือจากการกล่อมฉัน แต่ยังไม่วายพูดเพื่อให้ฉันเปลี่ยนใจ -_-^^
                “น่านะ วอลต์ สเทลลาส ฉันว่าเธอกลับไปคิดใหม่ดีกว่านะ หรือไม่ก็ถ้าจะบุกจริงๆก็น่าจะมีคนมาช่วยเธอสักคนสองคนก็ยังดี” เบิร์น ฟินิกส์พูดในขณะที่เราอยู่ในนรกเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งที่ที่เราอยู่คือทางเข้าของฝ่ายมืด
                ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราสองคนถึงได้เข้ามาในเขตของฝ่ายมืดง่ายจังทั้งๆฉันนั่งวางแผนอยู่ตั้งนานสองนาน ความจริงมันไม่อะไรมากหรอก เราแค่ร่ายเวทย์พลางตัวแล้วเดินเข้ามาเท่านั้นเอง แต่ฉันว่ามันแปลกๆไปนะที่พวกฝ่ายมืดไม่มีการรักษาความปลอดภัยแบบนี้
                “ระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรให้เรียกฉันทันทีนะ” เบิร์น ฟินิกส์พูด ถ้าฉันเรียกเธอแล้วเธอจะได้ยินฉันป่ะ?
                แต่ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักหน้ารับ พลางกอดเธอเอาไว้เบาๆ ก่อนจะมองเธอที่ค่อยๆบินหายไปจนลับตา
                ฉันมองทางเข้าตรงหน้าก่อนจะสูดหายใจลึกๆ เพื่อเป็นการเรียกกำลังใจ ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าสู่จุดที่มืดมนที่สุดของนรก……รอก่อนนะทุกคน ฉันจะไปช่วยพวกเธอเดี๋ยวนี้แหละ!!!

            พรึบๆ!!
            
ฉันหลบอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่เมื่อมีเทพนรกตนหนึ่งเดินผ่าน ตอนนี้ฉันใกล้จะถึงแม่น้ำแห่งลูซ ออลโฮพแล้วล่ะ แต่ทางไปมันก็ค่อนข้างลำบากนะ เพราะถึงแม้ทางเข้าจะไม่มีคนเฝ้า แต่ด้านในก็ใช่ว่าจะไม่มี ถึงแม้จะน้อยกว่าที่ฉันคิดก็เถอะ ไม่น่าเชื่อว่าพวกมันจะขึ้นไปโลกมนุษย์กันมากขนาดนี้ มากถึงขนาดมีเทพนรกเฝ้ากันอยู่ไม่กี่ตน ทำไมการป้องกันถึงได้หละหลวมขนาดนี้นะ
                วิ๊งงงงๆๆๆ!!
                แต่ฉันก็สามารถมาถึงแม่น้ำแห่งลูซ ออลโฮพจนได้ ก่อนจะแฝงตัวเองไปกับน้ำ แล้วไหลไปเรื่อยๆตามกระแสน้ำ ซึ่งทางที่แม่น้ำไหลผ่านคือศูนย์กลางของความมืดมน!!!
                ระหว่างทางฉันเห็นเทพตนหนึ่งกำลังทำอะไรสักอย่างกับดาบในมือ ดูเหมือนจะกำลังลับดาบอยู่มั้ง ไม่ทราบว่าจะไปฆ่าใครที่ไหนกันคะ 
                “อะไรของแกว่ะ เรื่องแค่นี้ปอดแหกไปได้” ฉันได้ยินเสียงพวกเทพนรกคุยกัน ฉันก็เลยหยุดฟังดูเหมือนอีกตนคือรุ่นพี่ อีกตนคือรุ่นน้องสินะ
                “นะ นั่นเทพสวรรค์นะขอรับ!! เราไม่มีทางสู้เขาได้หรอก!” อีตาเทพที่ดูเหมือนว่าจะอายุน้อยกว่าอีกตนพูดขึ้น อะไร??
                 “มันไม่น่ากลัวอย่างที่แกคิดหรอกน่า ไว้เจอเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันจะจัดการให้ดูเป็นตัวอย่าง” อีตาเทพรุ่นพี่เอ่ยด้วยความมั่นใจ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะแน่สักแค่ไหน!!
                ฉันเลิกสนใจเทพสองตนนั้น ก่อนจะว่ายมาตามกระแสน้ำที่กำลังไหลผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าหอคอยแห่งไวซ์  เด็ธ ซัฟเฟอริง ฉันจึงโผล่ขึ้นเหนือน้ำ
                 พรวดดดด!!!
                ฉันมองหอคอยที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันทั้งน่ากลัว น่าเกรงขาม ถอยกลับตอนนี้ยังทันมั้ยอ่ะ T^T
                ฉันมองไปรอบๆหอคอยที่ไม่มีใครเฝ้าอยู่เลย ซึ่งมันก็สร้างความสงสัยให้ฉันไม่น้อย ต่อให้วันนี้จะเป็นวันเดียวที่ประตูมิติเปิดก็เถอะ แต่ไม่น่าปล่อยทุกอย่างให้ว่างเปล่าขนาดนี้ ฉันว่ามันจะยังไงๆแล้วนะ
                 เมื่อไม่มีใครเฝ้าฉันจึงก้าวเข้าไปในหอคอยก่อนจะขึ้นไปตามบันไดวนที่พาขึ้นไปสู่ชั้นบนสุด
                “ใครก็ได้ช่วยด้วย!! ช่วยปลดปล่อยเราที!!” ยิ่งใกล้ชั้นบนมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงเรียกของวิญญาณก็มากขึ้นเท่านั้น ฉันจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนกระทั่งมาหยุดที่ชั้นบนที่เต็มไปด้วยวิญญาณนับพัน!! นี่พวกมันชิงมาเยอะถึงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย!!
                 “ทุกคน ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย!?” ฉันเดินไปที่ลูกแก้วลูกหนึ่งที่ขังเพื่อนฉันเอาไว้
                “ช่วยด้วยคะ!! เพื่อนเรากำลังจะหายไป!!” ผู้หญิงคนหนึ่งร้องขึ้น ฉันมองเข้าไปในลูกแก้วก่อนจะเจอชายคนหนึ่งที่ตัวเขาเริ่มโปร่งแสง ถ้าเขาหายไปตอนนี้ไม่ดีแน่!!
                ฉันร่ายเวทย์เพื่อส่งพวกเขาไปที่สวรรค์แต่เพราะวิญญาณที่ถูกชิงมามันมีเยอะเกินไปพลังเวทย์ของฉันจึงลดลงเรื่อยๆจนฉันต้องทรุดตัวลงกับพื้นเพราะพลังเวทย์แทบเป็นศูนย์
                 “ไหวมั้ยคะพี่สาว??” เด็กน้อยที่อยู่ในลูกแก้วข้างๆฉันถามขึ้น ฉันหันไปส่งยิ้มให้ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้น
                “พี่ไม่เป็นไรจ้ะ ต่อให้ร่างสลาย พี่ก็ต้องช่วยทุกคนให้ได้” ฉันร่ายเวทย์ส่งลูกแก้วอีกสองลูกไปที่สวรรค์ พลังเวทย์ฉันไม่เหลือจริงๆแล้วทั้งๆที่เหลืออีกแค่สองลูกเท่านั้น ต้องช่วยให้ถึงที่สุดสิ!!
                ฉันใช้คฑาที่มีพลังเวทย์เหลืออยู่นิดหน่อยโบกผ่านลูกแก้วสองลูกที่ค่อยๆเปล่งแสงทีละนิดอีกนิดเดียวพวกเขาก็จะไปที่สวรรค์แล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น!!
                “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเทพสวรรค์กล้ามาถึงที่นี่” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฉันต้องหันกลับไปมอง เทพนรกนับสิบตนกำลังล้อมฉันอยู่!! เป็นไปได้ยังไง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เจอพวกเขาเลย!!
                ฉันมองไปที่ลูกแก้วอีกลูกที่กำลังจะหายไป ฉันรีบไปขว้างเทพนรกตนหนึ่งที่กำลังจะหยุดมัน
                “อย่าคิดว่าจะหยุดฉันได้นะ!!” ฉันตวัดเคียวใส่เทพตนนั้นไม่ยั้ง จนมันต้องหลบไปอีกทาง อย่างที่เคยบอกว่าฉันอยู่กับเทพนรกผู้ชายเกินสองตนไม่ได้ แต่นี้มาถึงสิบ!! แถมตอนนี้พลังเวทย์ฉันไม่เหลือแล้ว!! อย่างมากก็ขอแค่ส่งวิญญาณทุกดวงไปที่สวรรค์ได้ครบก็พอ
                พลั่กกกกก!!!
                เป็นเพราะพลังเวทย์ไม่เหลือเลย ฉันจึงไม่สามารถรับมือกับเทพนรกตนหนึ่งที่ตวัดธนูมาได้ จึงทำให้ฉันที่หลบไม่ได้โดนเข้าไปเต็มๆจนกระเด็นไปติดกับผนัง เจ็บบบบบบ!!!T^T
                 เทพตนหนึ่งเดินมาเชยคางฉันขึ้น ฉันพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ไม่เป็นผล
                 “นึกว่าใคร เทพแห่งน้ำตัวแสบนี่เอง กล้ามากเลยนะที่บังอาจมาปล่อยวิญญาณของฉันแบบนี้!!” มันตวาดลั่น ก่อนจะปล่อยใบหน้าฉันออก ก่อนจะร่ายเวทย์บางอย่างที่ฉันไม่รู้จัก
                “ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะทนได้สักกี่น้ำ” จบคำร่างกายของฉันก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างพันธนาการเอาไว้ จนขยับตัวไปได้ และมันก็เริ่มบีบรัดฉันแน่นขึ้นเรื่อยๆจนหายใจไม่ออก
                 “อ่อก!!” เลือดจำนวนมากพุ่งออกจากปากฉันเหมือนท่อน้ำแตก  ลมหายใจฉันเริ่มแผ่วเบาลงทีละนิดๆ พวกมันทำอะไรกับฉันเนี่ย!!
                “ไม่ไหวแล้วหรอ? นางฟ้า……..” เทพที่เป็นคนร่ายเวทย์เอ่ยขึ้นเบาๆพลางมองฉันด้วยสายตาสมเพช ก่อนจะคลายเวทย์ออก ฉันจึงได้หายใจหายคอบ้าง เกือบตาย
                แกร็ง!
                ยังไม่ทันได้หายใจทั่วท้อง โซ่หนาก็โผล่มามัดแขนแล้วก็ขาฉันเอาไว้ นี่มัน….โซ่แห่งเด็ธ ไวซ์!!
                ฉันเริ่มครองสติไม่อยู่ ภาพตรงหน้าพร่ามัว ทั้งๆที่ฉันไม่มีพลังเหลืออยู่เลย แต่โซ่นี่ก็ยังสามารถดูดพลังออกจากตัวฉันได้งั้นหรอ?? มันเป็นโซ่อะไรกันแน่!!
                แต่ก่อนที่ฉันจะหมดสติไป ร่างของฉันก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างโอบอุ้มเอาไว้ เพียงแต่ว่า สิ่งที่โอบอุ้มฉันอยู่มันไม่ใช่สิ่งที่ดีน่ะสิ……

                Tetsu’s talk
               
“ว่าไงนะ!! โนริหายตัวไป!!” ผมแผดเสียงทันทีเมื่อฟังสมาชิกสภาฯรายงานจบ เป็นไปไม่ได้น่า ยัยนั่นจะหายไปได้ยังไง??
                “เอ่อ….ครับ เธอหายตัวไปได้สองอาทิตย์แล้วครับ ทางบ้านก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอหายไปไหน” ลูกน้องคนสนิทของโนริรายงาน หวังว่าเธอคงไม่ได้ไป……ที่นั่นหรอกนะ
                “ยัยนั่นหายไปเมื่อไหร่??” ผมถาม อย่างน้อยรู้เวลาที่เธอหายไปก็ยังดี
                 “ที่งานโรงเรียนครับ” ที่โรงเรียน!! คนเยอะขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้เลยหรอที่จะไม่มีคนเห็นเธอเลย ต่อให้ใช้เวทมนตร์ อย่างน้อยผมก็ต้องสัมผัสได้สิ
                 “ฉันว่าเกิดเรื่องใหญ่เข้าแล้วล่ะโกเซน” ผมได้ยินคนข้างตัวคุยกัน ผมเลยหันไปมอง
                “เรื่องใหญ่อะไร?”
                “เปล่าครับ เราแค่พูดเรื่อยเปื่อย” โกเซนปฏิเสธ อะไรของพวกนี้ คนเขายิ่งกลุ้มใจอยู่
                 ผมกุมขมับด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เพราะผมแท้ๆยัยนั่นถึงต้องหายตัวไปแบบนี้ ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!!
                 “มีคำสั่งค้นหาหรือยัง?” มาคัสที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมถามขึ้น นั่นสิหายตัวไปตั้งสองอาทิตย์แล้วยังไม่มีคำสั่งค้นหาอีกหรอ?
                “ผอ.กลัวว่านักเรียนอาจจะแตกตื่นที่รู้ว่าควีนหายตัวไป เลยยังไม่มีคำสั่งให้ค้นหาน่ะครับ” ผมหัวเสียไม่น้อยเมื่อหมอนั่นพูดออกมาแบบนั้น ใจคอจะไม่มีคำสั่งค้นหาเพียงเพราะว่ากลัวนักเรียนจะแตกตื่นงั้นหรอ!! ผอ.คิดได้ยังไง!!
                 “ผมจะไปตามหาโนริเอง ส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปตามหา ถ้าได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมให้แจ้งผมด้วย” ผมเดินตึงตังออกจากห้องประชุมทันที ก่อนจะสั่งคนของผมให้ออกตามหาโนริทั่วญี่ปุ่น นอกจากนั้นผมยังสั่งให้ภูตแห่งแสงทุกตนออกตามหาโนริด้วย ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องหาเธอให้เจอ!!!

                  ความเจ็บปวดเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ที่นี่มันที่ไหนกัน?
                “ฟื้นแล้วหรอ?” เสียงของใครบางคนทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมองหลังจากพบว่าตัวเองถูกตรึงไว้กับไม้กางเขนด้วยโซ่
                 “ปล่อยฉันนะ!!” ฉันดิ้นไปมา แต่ยิ่งดิ้นโซ่ก็ยิ่งรัดแน่น ให้ตายเถอะฉันไม่ชอบตัวเองในสภาพนี้เลย!!
                 “พูดง่ายเกินไปหรือเปล่า อีกอย่างตอนนี้เธอทำอะไรฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ” หมอนั่นหัวเราะเยาะฉันเหมือนเป็นตัวตลก สาบานเลยว่าถ้าฉันหลุดจากโซ่เฮงซวยนี่เมื่อไหร่ ฉันไม่เอาพวกมันไว้แน่!!!
                 “แกต้องการอะไรกันแน่ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย!!” ฉันถามเสียงดัง เพราะอะไรหมอนี่ถึงได้ยอมฆ่ามนุษย์มากมายเพื่อให้ได้วิญญาณของพวกเขา เขาทำไปเพราะอะไรกันแน่!!
                “อยากรู้หรอ?” หมอนั่นโน้มหน้าลงมาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา จะโน้มลงมาทำบ้าอะไรเนี่ย!!
                “ไม่อยากรู้จะถามหรือไง” ฉันสะบัดหน้าหนี หมอนั่นเลยผละออกจากฉัน
                 “เธอนี่จะตายอยู่แล้วยังไม่วายกวนประสาทฉันอีกนะ เอาเถอะ ไหนๆเธอก็จะลาโลกอยู่แล้วฉันจะตอบให้ก็ได้” หมอนั่นชักดาบออกมาก่อนจะเอามาจ่อที่คอฉัน ยังไม่ตอบฉันเลยนะ! อย่าเพิ่งฆ่ากันเซ่!!
                “เพื่อล่อเธอมาที่นี่ แล้วฆ่าเธอยังไงล่ะ” หมอนั่นแสะยิ้มอย่างน่ารังเกียจมาให้ ว่าไงนะ! ที่ทำไปทั้งหมดเพียงเพราะต้องการล่อฉันให้มาที่นรกอย่างนั้นหรอ เอาอะไรคิดเนี่ย!! แต่ฉันก็มาจริงๆนั่นแหละ -_-^^
                 “ฆ่าฉันแล้วได้อะไรขึ้นมา นอกจากจะทำให้เทพสวรรค์เกลียดชังพวกนาย” 
                “รู้มั้ยว่าเทพองค์สำคัญมีกี่องค์” หมอนั่นไม่ตอบคำถามฉันแต่ถามฉันกลับ เทพองค์สำคัญก็มีเจ็ดองค์ไง ไม่น่าถาม
                “รู้สิ ถามทำไม?” หรือว่าหมอนี่มันไม่รู้?
                 “แล้วมีใครบ้างล่ะ?” หมอนี่มันไม่รู้จริงๆด้วย
                “ ซุส โพไซดอน ฮาเดส อพอลโล่ อาร์เธน่า เฮร่า แล้วก็อาร์เธมิส” แต่ฉันก็ช่วยสงเคราะห์ให้หมอนี่  โง่ชะมัดเลย
                “ฉลาดมาก แล้วอยากรู้มั้ยว่าถ้าฉันฆ่าเธอแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?” หมอนั่นใช้ปลายดาบเชยคางฉันขึ้น มีมือก็หัดใช้บ้างสิ!!
                “แล้วมันได้อะไรล่ะ?” 
                 “มันก็จริงที่มีเทพองค์สำคัญอยู่เจ็ดองค์ แต่เธอรู้อะไรมั้ย? ว่าการทำลายมนุษย์ไม่จำเป็นต้องฆ่าเทพทั้งเจ็ดองค์นั้น แต่ฆ่าพวกลูกๆของพวกมันแทนก็ได้” หนอย~กล้าเรียกเทพองค์สูงสุดว่ามันหรอ! ยอมไม่ได้!!
                “ถ้าฆ่าคลาวดี้ สายฟ้าจะหายไป ฆ่าเธอน้ำจะหายไป ฆ่าเบิร์น ฟินิกส์ ไฟจะหายไป ฆ่าไลค์สตาร์ แสงจะหายไป ฆ่าวอริเออร์ ดินจะหายไป ฆ่าครีเอ็ต ต้นไม้จะหายไป และถ้าฆ่า โคลว์ สายลมจะหายไป” ฉันเบิกตากว้างเมื่อรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง หมอนี่ต้องการที่จะฆ่าลูกของเทพองค์สูงสุดเพื่อทำลายสมดุลของโลก หลังจากนั้นมนุษย์ก็จะล้มตาย สามคำเน้นๆสำหรับหมอนี่ เลว! ชั่ว! ร้ายกาจที่สุด!!
                “ซึ่งแผนของฉันเริ่มจากเธอเป็นคนแรก แต่ว่าถ้าฆ่าเธอได้ก็เท่ากับว่าฆ่าไลค์ สตาร์ได้เช่นกัน เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงเลือกเธอเป็นแรก”  หมอนั่นดันดาบเข้ามาอีกจนมันกรีดเนื้อฉันเป็นทางยาว เลือดที่แดงไหลซึมออกมาตามรอยแผล หมอนี่ตั้งใจจะทรมานฉันนี่หว่า!! ไม่นะ ถ้าทำแบบนี้เทสึอาจจะ…..
                “เอาล่ะ ได้เวลาส่งเธอไปโลกหน้าแล้ว” หมอนั่นชักดาบออกจากคอฉัน แล้วอยู่ในท่าที่เตรียมจะดับลมหายใจฉัน จบแล้วหรอชีวิตเทพของฉัน…..
                “ลาก่อน วอลต์ สเทลลาส”
                “ม่ายยยยยยยย” ฉันกรีดร้องพลางหลับตาแน่น มันต้องไม่จบแบบนี้สิ!!!
                 เคร้ง!!
                เสียงเหมือนโลหะกระทบกันทำให้ฉันต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง คนตรงหน้ามีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปาก หมอนี่เป็นอะไรไปน่ะ??
                 “มีคนมาช่วยงั้นหรอ? เธอนี่มันดวงแข็งจริงๆ” หมอนั่นเอ่ยขึ้นเบาๆ มีคนมาช่วยฉันงั้นหรอ? เป็นไปไม่ได้!!
                 “ปล่อยตัววอลต์ สเทลลาสซะ แอเรส ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” น้ำเสียงราบเรียบถูกส่งมาจากด้านหลังของคนตรงหน้า ที่แท้หมอนี่เองสินะแอเรส ฉันจะจดจำชื่อนี้จนวันตายเลย!!!
                 แอเรสหันกลับไปมองผู้มาใหม่อย่างช้าๆซึ่งฉันเองก็ได้เห็นโฉมหน้าผู้มาใหม่เช่นกัน ไม่จริงน่าพวกเขาคือ….
                ชายหนุ่มที่เล็งปลายกระบอกปืนมาทางแอเรส เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีเทาที่ยาวไปจนถึงข้อเท้า สวมรองเท้าบูทสีดำ ผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีม่วงแดงจับจ้องมาที่แอเรส ต่างจากชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ สวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำแถบขาวที่ยาวถึงข้อเท้า มีโซ่สีห้อยที่เข็มขัดแต่เบี่ยงข้าง สวมถุงมือสีขาวสวมรองเท้าบูทสีดำ ผมสีดำซีด ในมือมีเคียวสายฟ้าที่ใหญ่อลังการ ดวงตาสีดำซีดไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น แต่ยังคงจับจ้องมาที่แอเรส
                 ถึงแม้พวกเขาจะแต่งตัวไม่เหมือนกัน แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่พวกเขาเหมือนกัน นั่นก็คือปีกสีเทาที่กระพือไปมาอยู่ด้านหลังไงล่ะ!!
                “มาให้ฆ่าถึงที่เลยนะ” แอเรสพูดเหมือนเป็นเรื่องสบายๆ ใครจะฆ่าใครกันแน่นะ?
                “ใครจะฆ่าใครกันแน่” ฉันพูดพึมพำ แอเรสหันมามองฉันนิดหน่อย ก่อนที่ปลายดาบจะจ่อเข้าที่คอฉันอีกครั้ง
                “ถ้ามีปัญญาก็มาแย่งเธอไปสิ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
                 ฉึก!!
                ดาบสีเงินแทงเข้าที่ท้องของฉันจนมิดดาบ ฉันเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา สุดท้ายฉันต้องตายจนได้
                ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!
                เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ฉันไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะลืมตา จบแล้วงั้นหรอ?? ชีวิตเทพของฉันจบแล้วอย่างนั้นหรอ?
                “ทำใจดีๆไว้นะ!!” เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ฉันต้องฝืนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ใครน่ะ?
                 เคร้งๆ!!
                โซ่ที่ตรึงฉันไว้ถูกเคียวเล่มยักษ์ของชายชุดดำฟันขาดสะบั้น ก่อนที่เขาจะรวบตัวฉันไว้ในอ้อมกอด พลางร่ายเวทย์รักษาอย่างรวดเร็ว ปีกสีเทาของเขากระพือไปมา มันสวยมากเลยล่ะ ฉันอยากมีบ้างจัง
                “ระวัง!!!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อมีเทพนรกบางตนพุ่งเข้าใส่ชายชุดดำจากทางด้านหลัง
                 “จงกลายเป็นธุลีไปซะ” เขาเอ่ยขึ้นเบาๆเท่านั้นแหละร่างของเทพนรกตนนั้นก็สลายไปทันที นี่หรอพลังของเขา เหนือกว่าเทพองค์สูงสุดซะอีก
                “กลับกันเถอะ” จู่ๆชายอีกคนก็มาหยุดอยู่ข้างฉันกับชายชุดดำพลางควงปืนเล่น จัดการได้แล้วหรอ??
                 “ก็ดีเหมือนกัน เธอโอเคนะ?” เขาก้มหน้าลงมาถามฉันที่เขากำลังอุ้มอยู่
                “เหมือนจะโอเคนะ” ฉันตอบกลับไป พวกเขาสองคนอมยิ้มนิดหน่อยก่อนที่เราสามคนจะออกมาจากนรก
                 สถานที่ที่พวกเขาพาฉันมาคือบ้านขนาดกลางแต่ดูน่ารัก รายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาชนิด สวยจัง^^
                 ชายชุดดำร่อนลงที่ระเบียงบ้านก่อนจะหุบปีกลง เขาวางฉันลงบนเตียงสีฟ้า ก่อนจะร่ายเวทย์รักษาอย่างเป็นเรื่องราว เพราะเหตุการณ์เมื่อกี้ค่อนข้างที่จะชุลมุน เขาเลยแค่ปฐมพยาบาล
                “พวกนายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”  ฉันเอ่ยถามสองหนุ่มที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างเตียงเมื่อรักษาฉันเรียบร้อย
                “นั่นเป็นคำถามที่เราควรจะถามเธอมากกว่า” ชายอีกคนเอ่ยขัด ไม่ว่าจะร่างมนุษย์หรือเทพนายก็ปากเสียเหมือนเดิม
                “โคลว์ คลาวดี้ พวกนายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นั่น?” สองหนุ่มทำหน้าประหลาดใจเมื่อฉันเอ่ยชื่อพวกเขาออกมา มันมีอะไรน่าประหลาดใจ
                “เธอรู้หรอว่าเราเป็นใคร?” โคลว์เอ่ยถามอย่างงงๆ รู้สิ
                 “รู้สิ นายคือคลาวดี้ บุตรชายของท่านลุงซุส ส่วนนาย โคลว์ บุตรชายของท่านน้าอาร์เธมิส ต้องให้บอกร่างมนุษย์ด้วยป่ะ?”  ฉันเอ่ยถามกวนๆ พวกเขาสองคนยักไหล่เป็นเชิงว่าอยากพูดก็พูด
                “คลาวดี้คือโชตะ ส่วนโคลว์คืออีตาโกเซนปากเสีย” ฉันยักคิ้วให้โคลว์ที่ส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้ น่ากลัวตายล่ะ
                ทั้งสองหนุ่มกลับร่างเป็นมนุษย์เหมือนเดิม ฉันเลยถือโอกาสกลับร่างด้วย ก่อนที่เราจะนั่งคุยกัน
                 “พวกนายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉันเป็นเทพน่ะ” ฉันที่นอนอยู่บนเตียงถามขึ้น แน่นอนต้องเป็นโกเซนอยู่แล้วที่ตอบ
                “เจอเธอครั้งแรกนั่นแหละ เธอล่ะ?”
                “เจอพวกนายครั้งแรกเหมือนกัน ว่าแต่มีคนอื่นรู้หรือเปล่าว่านายเป็นเทพ” ฉันถามต่อ
                “ฉันไม่รู้เหมือนกันนะว่าเราสองคนเป็นเทพหรือเปล่า แต่ถ้าถามว่ามีคนอื่นรู้มั้ย ก็มีนะ เทสึนั่นแหละ” คำตอบที่ได้จากโกเซนทำให้ฉันถึงบางอ้อ มิน่าหมอนั่นถึงไม่อยากให้สองคนนี้เป็นมือขวากับมือซ้ายของฉัน
                “ว่าแต่ พวกนายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ ว่ารู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นรก” ฉันย้อนกลับไปที่คำถามแรก น่าแปลกที่โชตะเป็นคนตอบ
                “ฉันสัมผัสได้น่ะ อย่าลืมสิว่าเราสองคนมีสายเลือดเทพนรกอยู่ด้วย” ไม่ลืมหรอกน่า
                “ฉันว่าเธอควรพักผ่อนได้แล้ว อาทิตย์หน้าเธอต้องไปเคลียเรื่องที่เธอหายตัวไปกับคนในสภาฯทุกคนเขาเป็นห่วงเธอมากเลยนะโดยเฉพาะเทสึ หมอนั่นจะลงแดงตายอยู่แล้วที่เธอหายไป”  โกเซนพูดแบบขำๆ แต่คนฟังอย่างฉันกลับขำไม่ออก
                 “เขาไม่ได้ห่วงฉันหรอก”  ฉันเอ่ยขึ้นเบาๆสองหนุ่มที่กำลังจะเดินออกจากห้องถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองฉัน
                 “อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น?”  โชตะถามขึ้น น่าแปลกใจเหมือนกันนะที่เขาเป็นฝ่ายเปิดปากถาม
                “พวกนายลืมไปแล้วหรอ? ว่าฉันกับเทสึเราสองคนทำพันธะสัญญากัน เขาย่อมรู้ดีกว่าใครว่าฉันอยู่ที่ไหน แต่เขากลับไม่มาช่วยฉัน ในขณะเดียวกันกลับเป็นนายสองคนที่มาช่วยฉัน แล้วอย่างนี้ยังจะเรียกว่าห่วงอีกหรอ?”  ฉันสะอึกนิดหน่อยพลางปาดน้ำตาออก โกเซนที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ดึงฉันเข้าไปกอด ฉันปล่อยโฮทันทีโดยไม่อายสองหนุ่มที่พยายามปลอบฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันเหนื่อยมากเกินไปใช่มั้ย? ฉันถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกไป แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว มันเจ็บปวด ทรมานเกินกว่าที่ฉันจะรับไหว ฉันควรจะทำยังไงต่อไปดีนะ??

                  เช้านี่ค่อนข้างที่จะหนาวนิดหน่อย แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับฉันหรอก เพราะอย่างน้อยฉันก็สามารถสร้างลูกไฟให้ความอบอุ่นได้ ว่าแต่สองหนุ่มล่ะ??
                 เพล้ง!!
                 ฉันก้าวฉับๆมาที่ชั้นล่างเมื่อได้ยินเสียงแก้วแตก เกิดอะไรขึ้น!!!
                 “ไอ้บ้าโชตะ!! แกจะปล่อยจานแกก็บอกฉันก่อนเซ่!!!” ยิ่งเข้าใกล้ห้องครัวเสียงเอะอะโวยวายก็ยิ่งดังขึ้น สองหนุ่มนั่นทำอะไรอยู่หว่า??
                เมื่อมาถึงห้องครัวตาฉันก็แทบทะลุออกมานอกเบ้า พวกบ้านี่มันเปิดสงครามกันหรือไงเนี่ย!!!
                 “พวกนายทำบ้าอะไรกันเนี่ย!!” ฉันถามอย่างสงสัย พื้นห้องครัวเต็มไปด้วยเศษแก้ว ใครเป็นคนทำ??
                 “ก็โชตะอ่ะดิ ทำจานแตก นี่มันใบที่สิบห้าแล้วนะที่โชตะมันทำแตกในรอบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาน่ะ -_-^^” โกเซนทำหน้าเสียดายจานที่แตกไป
                “ก็ฉันทำมันไปแล้ว” โชตะที่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับจานที่แตกกล่าวเสียงเรียบ ในเมื่อมันแตกไปแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ?
                 ปิ๊ง!!
                เพื่อเป็นการตัดปัญหาฉันเลยเสกจานชุดใหม่ให้ สวยกว่าเดิมอีกต่างหาก แค่นี้คงโอเคแล้วมั้ง
                “มันแตกไปแล้วก็ช่างมันเถอะโกเซน ฉันเอาชุดใหม่มาแทนแล้วนะ ทีนี้พวกนายก็เก็บกวาดส่วนที่ทำไว้ด้วย” ฉันมุ่ยปากไปทางจานที่แตก สองหนุ่มเลิกเถียงกันก่อนจะช่วยกันเก็บเศษแก้วที่แตก
                ฉันเดินออกมานอกบ้านที่มีดอกไม้ปลูกอยู่ ดูแลยังไงไหวเนี่ย!!
                ฉันเด็ดดอกไม้ประมาณกำหนึ่ง ก่อนจะเดินเอาไปจัดใส่แจกันที่โต๊ะทานข้าว สวยจัง ^^
                กริ๊งงงงงงง!!!!!!!
                 เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นทำเอาฉันสะดุ้ง ก่อนที่โกเซนจะวิ่งตึงตังมารับ บอกฉันก็ได้นะโกเซน -_-^^
                “ยังเลยครับ แล้วมีใครเจอควีนหรือยังครับ………ผมก็ยังไม่เจอครับ….ได้ครับ สวัสดีครับ” โกเซนวางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะทานอาหาร ฉันเลยถือโอกาสถามเขาซะเลย
                “ตามหาฉันกันหรอ?”
                 “อืม แต่ฉันบอกว่ายังไม่เจอเธอน่ะ เอาไว้ค่อยให้เธอโผล่ไปโรงเรียนที่เดียวเลย” เฮ้ยๆฉันคนนะไม่ใช่ผี จะได้โผล่ไปโผล่มาน่ะ
                โกเซนเอื้อมมือมาขยี้หัวฉันอย่างหมั่นเขี้ยว เฮ้ๆฉันอายุมากกว่านายอีกนะย่ะ!! มาเล่นหัวกันแบบนี้เดี๋ยวสวยหรอก
                 “เฮ้ๆเป็นน้องแล้วมาเล่นหัวรุ่นพี่ได้ไง เดี๋ยวสวยหรอก” ฉันปัดมือโกเซนออก แต่โชตะยังไม่วายมาเล่นต่ออีก
                “ก็เธอน่าแกล้งดีจะตาย แถมตัวก็เล็กกว่าเราสองคนเป็นคืบ ไม่รู้ไปเป็นควีนได้ไง เนอะโชตะ”  โกเซนหันไปขอความเห็นจากโชตะ ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับเป็นเชิงเห็นด้วย
                “ตัวเล็กแล้วไง ลองดูป่ะล่ะว่าใครเก่งกว่ากัน” ฉันท้า สองหนุ่มส่ายหน้าเป็นเชิงว่า‘ท้าผิดที่แล้วล่ะ สาวน้อย’ เออ!ไม่ท้าก็ได้ คอยดูฉันจะเอาคืน!! ฮึ่มมมมม!
                 ทั้งสองหนุ่มเลิกเล่นหัวฉันก่อนจะช่วยกันตั้งโต๊ะอาหาร โห~โคตรเป็นพ่อศรีเรือนเลยอ่ะ ขนาดฉันที่เป็นผู้หญิงแท้ๆยังทำอาหารไม่เป็นเลย T^T
                โกเซนผายมือเป็นการเชิญฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาเลือนให้ ฉันกล่าวขอบคุณเบาๆก่อนจะนั่งลง
                “วันนี้เชฟมือทองของเรานำเสนอเมนูอาหารสุดพิเศษ เพื่อเป็นเกียรติที่ควีนมาทานอาหารด้วยเราขอนำเสนอ บาแว็ต เป็ดอบเชอร์รี่ ชีโก ตับบดใส่เห็ดทรัฟเฟิล ตูร์เนอดอสฟีเลและหอยแมลงภู่แช่ซอสไวน์ขาวคร้าบบบบ ^^” ฉันหลุดขำพรืดเมื่อโกเซนทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านแนะนำอาหาร เว่อร์ชะมัด ^^
                “อย่าเว่อร์นักน่า โกเซน เดี๋ยวโนริเขาก็เอือมแกหรอก” โชตะผลักหัวโกเซนจนเกือบหน้าทิ่ม สองคนนี้เป็นเพื่อนที่รักกันกว่าที่ฉันคิดอีกแฮะ
                “แล้ววันนี้ฉันจะได้กินมั้ยเนี่ย อาหารสูตรพิเศษน่ะ?” ฉันแขวะสองหนุ่มที่กำลังจะเปิดศึกกลางโต๊ะอาหาร โดยมีโกเซนเป็นฝ่ายรุก ส่วนโชตะเป็นฝ่ายรับ ทุกคนเข้าใจความหมายถูกใช่มั้ย??
                “งั้นทานล่ะน้า~” เราสามคนพูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะลงมือทานอาการฝีมือสองหนุ่ม ท่ามกลางเสียงพูดคุยปนกัดของคนที่นั่งตรงข้าม -_-^^

                “โกเซน…ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วยหน่อย” ฉันเอ่ยขึ้นเมื่อเราสามคนกำลังนั่งเล่นเกมส์ที่ห้องนอนของโชตะหลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ
                “ว่ามาสิ” โกเซนพูด สายตายังคงจับจ้องอยู่กับเกมส์ที่เล่น ตกลงนายจะช่วยฉันป่ะ?
                “สัญญาก่อนว่าจะช่วย” ฉันยื่นนิ้วก้อยไปหาโกเซน หมอนั่นทำหน้างงนิดหน่อยก่อนจะยื่นนิ้วมาเกี่ยวกับฉัน โดยมีโชตะร่วมด้วยเพื่อเป็นพยาน
                “กลัวฉันไม่ช่วยหรือไง ถึงได้ต้องทำสัญญากันน่ะ” โกเซนเอ่ยถามอย่างไม่จริงจัง ก่อนจะเลิกสนใจเกมส์ตรงหน้า แล้วหันมามองฉันที่ยังไม่ยอมพูดสักทีว่าจะให้เขาช่วยอะไร
                “ว่าไงล่ะ ตกลงจะให้ฉันช่วยอะไร?” โกเซนถามย้ำ เฮ้อ~บอกดีกว่าจะได้จบๆ
                “เอ่อ….คือ….ช่วยลบความทรงจำระหว่างฉันกับเทสึที ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ…”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา