ก๊วนเทพวัยใสป่วนหัวใจให้ตกหลุมรัก
เขียนโดย เจ้าหนอน
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.37 น.
แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ตอนที่ 11
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ การประชุมเป็นไปอย่างล้าช้าในความรู้สึกฉัน อาจเป็นเพราะมีใครบางคนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามล่ะมั้ง ฉันถึงรู้สึกอย่างนั้น
“ไม่สบายหรอ?” โกเซนที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้นเบาๆ พลางมองฉันที่นวดขมับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน
“แค่ปวดหัวน่ะ” ฉันส่งยิ้มไปให้เขาบอกว่าไม่ต้องห่วง รู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่ามีคนกำลังจ้องมองอยู่ ช่างเถอะจะไปใส่ใจทำไม
“ขออนุญาตครับผอ.” จู่ๆโกเซนก็ยกมือขึ้น คนทั้งห้องต่างมองไปที่เขาหมด การประชุมยังไม่จบเลยนะ จะออกความเห็นแล้วหรอ?
“ครับ? คุณคาราโมชิ” ผอ.ถามอย่างสงสัย ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน
“คือว่าควีนเขาป่วยน่ะครับ ผมเกรงว่าเธอจะไม่ไหวเลยจะขออนุญาตพาเธอไปพักผ่อนน่ะครับ” ฉันแทบอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดิน นายจะบอกคนอื่นทำไมเล่า!!
“ไหวมั้ย คุณเอนาริ” อาจารย์ท่านหนึ่งเดินมาดูอาการฉันที่เริ่มไม่สู้ดีเท่าไหร่ก่อนจะเบิกตากว้าง
“ตายแล้ว! ตัวร้อนมากเลย ไปๆคาราโมชิคุง รีบพาควีนไปห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย!” โกเซนรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะอุ้มฉันขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วพาฉันไปที่ห้องพยาบาลตามที่อาจารย์สั่ง
“ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่นา” ฉันบ่นอุบอิบเมื่อโกเซนวางฉันลงบนเตียงพลางห่มผ้าให้
“อาการหนักขนาดนี้ยังทำเก่งอีก” โกเซนดุฉัน ฉันมุ่ยปากด้วยความขัดใจแต่ก็ยอมนอนเพราะฉันเริ่มไม่ไหวเข้าแล้ว
“ขอบคุณนะ โกเซน”
Coshen’s talk
ผมมองร่างบางที่หลับไปพร้อมกับคำขอบคุณ ผมอึ้งนิดหน่อยที่เธอเรียกผมสนิทขนาดนั้น ก็เกิดมาไม่ใครเรียกผมว่าโกเซนเลยนอกจากโชตะ
เธอเป็นควีนของโรงเรียนชื่อ เอนาริ เลมอน แต่เธออนุญาตให้เรียกโนริได้ เพราะมันเป็นชื่อเล่นของเธอ แต่คนส่วนใหญ่เรียกเธอว่าควีนน่ะ แต่มันดูเหมาะกับเธอดีนะผมว่า
โนริ(เรียกอย่างนี้แล้วกัน) เธอเป็นคนที่สวยมากเลยนะ ผมยาวสีดำเหลือบม่วง ดวงตาสีน้ำทะเล แลดูโด่ดเด่น เธอเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง แถมยังเชี่ยวชาญทุกเรื่องอีกต่างหาก วันที่ผมกับโชตะเข้าไปเป็นสมาชิกสภาฯทีแรก เธอก็ไล่ประวัติเราอย่างละเอียดยิบ! ดีนะที่เธอไม่รู้ไปมากกว่านั้น เพราะถ้าเธอรู้มากกว่านั้นมีหวัง…..
ผมเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเนียนสวยเพราะรำคาญตา วันนี้เธอป่วยน่ะ อาการหนักด้วย ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนี้ผมถึงไม่เจอเธอเลย เพิ่งมาเจอเอาตอนบ่ายนี่แหละ
“โกเซน….” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง ผมจึงหันไปส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทตัวเองที่ตอนนี้เดินมาอยู่ข้างผมแล้ว
“เธอไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ พักผ่อนสักหน่อยเดี๋ยวอาการก็ดีขึ้น” ผมบอก โชตะพยักหน้าเข้าใจก่อนจะนั่งลงข้างเตียง
“นายคิดว่า เธอมาดีหรือร้าย?” โชตะถามขึ้น ผมคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบ
“ฉันว่าน่าจะมาดีนะ แล้วอีกอย่างเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราสองคนเป็นใคร”
“ยัยนั่นไม่รู้แต่ฉันรู้” เสียงใครบางคนดังขึ้น บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีแขกมาเพิ่ม
“พวกเราเองก็รู้เหมือนกันว่านายเป็นใคร” โชตะพูดเสียงเรียบ เราสองคนลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเทสึที่ยืนพิงประตูห้อง ในมือมีอาวุธประจำตัวถือไว้เตรียมพร้อม
“อย่าทำเรื่องให้มันวุ่นวายสิ ฉันไม่ได้มาหาเรื่องพวกนายสักหน่อย” เทสึพูดก่อนจะมาหยุดข้างเตียงด้วยความเร็วจนเราสองคนต้องตวัดอาวุธไปหาเขา
เทสึส่ายหน้าเหมือนบอกว่าใช้อาวุธที่นี่มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เราสองคนจึงจำใจเก็บอาวุธลง แต่ยังคงจ้องเทสึไม่วางตา
“ยัยนี่อาการเป็นยังไงบ้าง?” เทสึถามขึ้นเบาๆ พลางมองร่างบางที่หลับตาพริ้มด้วยสายตาที่อ่อนโยนปนรู้สึกผิด
“ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ปล่อยให้พักสักหน่อยอาการก็คงดีขึ้น” ผมตอบเทสึหันมาโค้งให้ผมเป็นการขอบคุณ ผมส่งยิ้มกลับไปเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร จะว่าไปหมอนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่นา ผมไม่รู้สึกถึงจิตสังหารจากหมอนี่เลยสักนิด หวังว่าผมคงไม่ได้รู้สึกไปเองหรอกนะ
“เพราะฉันแท้ๆยัยนี่ถึงเป็นอย่างนี้” เทสึนั่งลงข้างเตียงก่อนจะกุมมือร่างบางเอาไว้ หมอนั่นวางมือไว้บนหน้าผากของโนริก่อนจะร่ายเวทย์รักษาเบาๆ
“หมายความว่าไง?” โชตะที่นานๆทีจะเอ่ยปากถามขึ้นอย่างสงสัย ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน
“เมื่อวานฉันพายัยนี่ไปถ่ายรูปแต่งงาน” พระเจ้า!! นี่จะแต่งกันทั้งๆที่ยังไม่จบมอปลายเนี่ยนะ!!
“แล้วไงต่อ?” แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร จะแต่งตอนไหนมันก็เรื่องของพวกเขา
“แต่ฉันกลับทำร้ายจิตใจเธอ ต่อว่าเธอว่าเธอไม่มีค่า หนำซ้ำยังทิ้งเธอเอาไว้คนเดียวอีก ฉันมันแย่ชะมัด” เทสึลุกพรวดมาต่อยกำแพงระบายอารมณ์ ร่างบางที่อยู่บนเตียงกระตุกวูบก่อนจะนิ่งไป มือขวาของเธอมีเลือดออก อย่าบอกนะว่า….
“เทสึหยุด!!” ผมคว้ามือเทสึก่อนหมอนั่นจะต่อยกำแพงอีกรอบหมอนั่นเอามือยันกำแพงเอาไว้พลางก้มหน้านิ่ง
“ฉันจะไม่ว่าอะไรนายเลย ถ้านายไม่ไปทำพันธะสัญญากับเธอแบบนั้น” ผมชี้ไปที่ร่างบางที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย เทสึเบิกตากว้างก่อนจะปรี่เข้าไปจับมือของร่างบางที่ตอนนี้เลือดอาบ เทสึรีบร่ายเวทย์รักษาอย่างชำนาญ ดูท่าว่าหมอนี่คงชอบทำร้ายตัวเองประจำล่ะสิ ถึงได้ดูเชี่ยวชาญขนาดนี้
เทสึถอนหายก่อนจะถอยออกมา หมอนั่นมองหน้าผมกับโชตะไปมา อะไร?
“ฉันฝากดูแลโนริด้วยนะ” เทสึพูดขึ้นเบาๆพลางทำท่าจะเดินออกไป แต่โชตะพูดขึ้นก่อน
“ในเมื่อนายรักเธอ แล้วทำไมไม่อยู่ดูแลเธอล่ะ”
อึ้ง!! ทึ้ง!! ประหลาดใจ!! โชตะ แกรู้หรือเปล่าว่าแกพูดอะไรออกมา!!!! เดี๋ยวก็โดนเทสึมันตั๊นหน้าเอาหรอก!!
“ฉันยังไม่แน่ใจว่านั่นคือรักหรือเปล่า…..”
“หรือเพราะว่านายยังไม่ลืมเธอคนนั้น” ผมอึ้งเข้าไปใหญ่ โชตะมันรู้เรื่องเทสึได้ยังไง
“ นายรู้?” เทสึเองก็อึ้งไม่แพ้ผม แกไปรู้มาจากหนายยยยย!!!
“นิดหน่อย ถ้าให้ฉันเดา การที่นายต่อว่าเธอเมื่อวานเป็นเพราะเธอไปว่าเธอคนนั้นใช่มั้ย?” เทสึพยักหน้าเมื่อจบคำถามของโชตะ ออ! ผมลืมบอกไป ที่ผมอึ้ง ทึ้ง ประหลาดใจน่ะ เป็นเพราะว่าผมไม่เคยเห็นโชตะพูดคุยกับคนอื่นมากกว่าสองคำน่ะ ผมเลยตกใจ ไม่คิดว่ามันจะคุยกับเทสึนานขนาดนี้ แถมเป็นเรื่องของคนอื่นอีกต่างหาก
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องระหว่างพวกนายสามคนมันเป็นยังไง แต่ฉันอยากบอกว่า ถ้านายไม่อยากเสียเธอไป นายก็ตัดใจจากเรื่องในอดีตไปซะ ไม่งั้นนายจะเสียใจไปตลอดชีวิตที่เอาเรื่องในอดีตมาเป็นปัญหาในปัจจุบัน” จบคำโชตะมันก็เดินออกไปเฉย ผมอ้าปากค้างหมอนี่พูดอะไรแบบนี้เป็นด้วย!! แถมพูดยาวอีกต่างหาก!! สองบรรทัดเลยนะ!! ปกติหมอนี่มันพูดแค่วันล่ะสองคำ -_-^^
ผมเดินตามโชตะออกมานอกห้อง ปล่อยเทสึเอาไว้คนเดียว ก่อนจะถามมัน
“ไปเอาคำพูดแบบนั้นมาจากไหน? อีกอย่างวันนี้กินยาลืมเปิดฝาหรอ ถึงได้พูดยาวขนาดนั้น”
“ฉันก็จำมาจากนายนั่นแหละ ออ!ฉันไม่ได้กินยาลืมเปิดฝาด้วย แค่กินผิดขวด -_-^^” ดู๊~ ดูมันกวนผม ไม่ได้ลืมเปิดฝาแต่กินผิดขวด -_-*
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าเทสึเคยมีคนรัก แล้วก็ยังแอบรักโนริด้วย” ผมถามอีกข้อ โชตะหันมามองผมเหมือนแปลกใจ อะไร?
“นี่นายสนิทกับควีนถึงขนาดเรียกโนริแล้วหรอ?” ชัดเลย!! มิน่าถึงมองผมอย่างนั้น
“อ้าว? เขายังเรียกฉันว่าโกเซนได้เลย ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ตอบคำถามฉันมา นายรู้เรื่องของเทสึได้ไง” ผมกลับเข้าเรื่อง โชตะกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ไม่สนิทกับมันจริงไม่มีทางเห็นมันแสดงอารมณ์หรอก ปกติมันชอบตีหน้านิ่ง แล้วอมขี้ฟันเท่านั้น -_-^^
“ฉันอ่านจากห้องหัวใจอ่อนแอน่ะ” จบข่าว! หมอนี่มันรู้เรื่องเพราะอ่านใจเทสึ แต่ถ้ารู้มากขนาดนี้แสดงว่าหมอนั่นต้องอ่อนแออยู่มากเลยนะ โชตะมันมีความสามารถพิเศษน่ะ คือมันสามารถอ่านใจคนอื่นได้เฉพาะเมื่อคนๆนั้นอ่อนแอ เคลียร์ป่ะ?
“อืมๆ ว่าแต่หมอนั่นก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันนะ” ผมพูดขึ้นเบาๆ
“หมอนั่นไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ฉันง่วงแล้ว กลับบ้านเหอะ” ว่าแล้ว หมอนี่ไม่ทำอะไรหรอกนอกจากนอน
สุดท้ายเราสองคนก็ต้องกลับบ้าน โดยมีโชตะบ่นตลอดทาง เฮ้อ~โนริ เรื่องที่เธอกำลังจะทำ ฉันจะเป็นคนช่วยเธอนะ..
ฉันขยี้ตาไล่ความง่วงก่อนจะทำหน้างงเมื่อที่นี่คือห้องนอนของฉันเอง ถ้าจำไม่ผิดฉันถูกโกเซนพาไปที่ห้องพยาบาลก่อนจะหลับไป แล้วฉันมาอยู่ที่บ้านตัวเองได้ไง??
ฉันลุกมาอาบน้ำ แต่งตัวก่อนจะเดินลงมาชั้นล่าง วาโตรุรีบวิ่งมากอดฉันทันที
“พี่โนริเป็นยังไงบ้างฮะ? ปวดหัวมากมั้ย? แล้วมีไข้หรือเปล่า? ตัวร้อนมั้ย แล้วพี่อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย ผมจะทำให้” วาโตรุรัวคำถามใส่ฉันไม่ยั้ง พี่จะตายเพราะแกนั่นแหละ ไอ้น้องบ้า!!
“พี่ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วง ว่าแต่คนอื่นๆล่ะ?” ฉันมองหาสมาชิกคนอื่นที่ที่วันนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย
“ออกไปข้างนอกกันหมดแล้วฮะ เห็นบอกว่าวันนี้จะมีงานเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ของบ้านเราน่ะฮะ พี่โนริอยากไปมั้ย?” วาโตรุถามเสียงใส ที่อยากไปมันแกต่างหากล่ะ ไอ้น้องชาย ^^
“ไม่ดีกว่า เหนื่อย” ฉันแกล้งทำทีว่าไม่ไป วาโตรุจ๋อยไปเลย ให้มันได้อย่างนี้สิน้องฉัน
“แต่ถ้ามีคนขับรถให้ พี่ก็อาจจะไปน่ะนะ แต่เผอิญว่าใครบางคนแถวนี้ยังไม่หาอะไรมาให้พี่ทานเลย ขืนพี่ไปมีหวังเป็นลมกลางงานแน่ๆ” จบคำวาโตรุก็วิ่งแจ้นไปที่ครัว ก่อนจะจัดโต๊ะทานอาหารแบบเสร็จสรรพ แถมยังมีบริการนวดคลายเมื่อยด้วย อยากไปขนาดนั้นเชียว
“ถ้างั้น ไปบอกแม่บ้านเตรียมชุดไว้ให้พี่นะ พี่ทานเสร็จแล้วพี่จะไปแต่งตัว” วาโตรุฉีกยิ้มหวาน ก่อนจะไปทำตามที่ฉันบอก กะว่าจะพักผ่อนเอาแรงเพื่อลุยวันพรุ่งนี้ซะหน่อย เสียแผนหมด
และแล้วฉันก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เดรสเปิดไหล่สีชมพูที่ยาวเลยเข่าเล็กน้อย ประดับด้วยลูกไม้ที่ชายกระโปรง ทรงผมก็แค่ดัดลอนธรรมดา แต่งหน้าอ่อนๆ พร้อมแล้วสำหรับงานในคืนนี้ ^^
ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น สงสัยวาโตรุจะมาตามแล้วมั้ง
“มาแล้วจ้ามาแล้วO.O!!” เมื่อเปิดประตูออกมาแทนที่จะเป็นวาโตรุตามที่ฉันคาดการเอาไว้ แต่มันกลับกลายเป็นว่า…
“เทสึ!! นายมาทำอะไรที่นี่ ออกไปเลยนะ!!” ฉันแผดเสียงทันที จะมายุ่งวุ่นวายกับฉันทำไม!! ทำให้ฉันเจ็บปวดแค่นี้มันยังไม่สาแก่ใจนายใช่มั้ย!!!??
“ท่านแม่ของเธอบอกให้ฉันมารับเธอ” เทสึบอกเสียงเรียบ ถ้านายมารับฉันก็บอกเลยคำเดียวชัดๆว่าไม่!!
“ถ้างั้นฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าฉัน-ไม่-ไป!!” ฉันพูดทีละคำแบบชัดๆกลับไปได้แล้ว!!
“แต่ต้องขอโทษด้วยที่ฉันขัดคำสั่งท่านแม่ของเธอไม่ได้” เทสึสาวเท้ามาหาฉันช้าๆส่วนฉันก็ถอยหลังอย่างช้าๆเหมือนกัน จะตามจองเวรฉันไปถึงไหนนะ!!
พรึบๆ!!!
เครือไม้โผล่ออกมารวบตัวเทสึเอาไว้ เพราะฉันเป็นคนร่ายเวทย์มาเอง เทสึหยุดการเคลื่อนไหวพลางมองเครือไม้ที่รัดตัวเขาอยู่ แต่เขาแค่กระตุกยิ้มที่มุมปากเท่านั้น ก่อนจะ…..
พรึบ!!
แค่พริบตาเดียว เทสึก็หลุดออกจากเครือไม้ที่ฉันร่ายออกมาได้แล้ว และแค่พริบตาเดียวเช่นกันที่เขาสามารถรวบตัวฉันเอาไว้ได้จากด้านหลัง อย่าคิดว่าจะยอมแค่นี้นะ!!
พลั่ก!! กึก!!
ฉันกระทุ้งศอกใส่เขาก่อนจะจ่อปลายดาบไปที่คอของเขาทันทีเมื่อเขาเสียหลักล้มลง เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับ วอลต์ สเทลลาส!!
เทสึยังคงมองฉันแบบไร้อารมณ์เช่นเดียวกับที่มาถึง เขาจ้องไปที่ดาบเหมือนไม่ได้รู้สึกกลัวสักนิด กลัวไม่กลัวฉันไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆถ้าฉันตวัดดาบใส่เขา แต่คิดว่าคงไม่ทันซะแล้ว!!!
เพล้ง!!!
ดาบของฉันกลายเป็นเศษแก้วทันทีที่เทสึกระพริบตา เทสึปล่อยจิตสังหารออกมางั้นหรอ!! มิน่าฉันถึงหายใจไม่ออก แถมบรรยากาศในห้องก็ยังดูมืดมนอีกด้วย มีหวังตายแน่ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่าง!!
ปิ๊ง!!!
แต่ฉันก็พาตัวเองมาที่ใจกลางมหาสมุทรจนได้โดยการหายตัว รอดไป ^^
ตุ้มมมม!!!!
ฉันกระโดดลงน้ำเพื่อหาที่หลบภัย เทสึไม่สามารถใช้เวทย์ประเภทน้ำได้ ดังนั้นเขาก็ไม่สามารถลงมาในน้ำได้โดยไม่มีอากาศหายใจ ถ้าลงมาได้เขาก็ไม่มีทางจับฉันได้อยู่แล้ว
น้ำคือถิ่นของฉัน แสงคือถิ่นของเขา ดังนั้นที่นี่เป็นมหาสมุทรซึ่งมันก็คือถิ่นของฉัน ถ้าเขาลงมาจริงๆฉันก็สามารถฆ่าเขาได้ในพริบตาเพียงแค่ดีดนิ้ว ^^
ฉันสยายปีกผีเสื้อสีฟ้าออก ออ!ลืมบอกไปทุกครั้งที่ฉันอยู่ในน้ำปีกฉันจะเปลี่ยนจากปีกหงส์สีขาวเป็นปีกผีเสื้อสีฟ้าแทน ดีนะที่ไม่กลายเป็นนางเงือกด้วย ไม่งั้นชาตินี้ฉันคงไม่ลงน้ำอีกเลยตลอดชีวิต -_-^^
ฉันว่ายผ่านหมู่ปลาน้อยใหญ่ไปที่คฤหาสน์ใต้น้ำ ที่ที่ฉันชอบมาบ่อยๆเวลามีเรื่องทุกข์ใจน่ะ มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก เพราะมันอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทร ไม่มีใครมาถึง แม้กระทั่งเทพ มีแค่ฉันคนเดียวที่มาถึงที่นี่ได้ และมันเป็นที่สำหรับฉันเพียงคนเดียวด้วย
ประตูแก้วสลักลวดลายของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่เคยมีเมื่อล้านปีก่อน มันค่อยๆเปิดออกเมื่อฉันวางมือทาบประตู เสียงของมันยังคงก้องกังวานเหมือนระฆังแก้วทุกครั้งที่เปิด ก่อนจะเผยให้เห็นภายใน
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักอย่าง แม้กระทั่งของสิ่งนั้น…..
ฉันไปที่ห้องหนังสือที่มีหนังสือมากกว่าหมื่นเล่ม ทั้งประวัติศาสตร์ ตำราเวทย์ ทุกอย่างมีหมด มันอยู่ที่ว่าใครจะหาเจอมากกว่า ก็มันมีมากว่าหมื่นเล่มเลยนี่นา ใครหาเล่มที่อยากอ่านเจอก็เก่งแล้ว ขนาดฉันที่มาประจำยังหาหนังสือเล่มเดิมที่เคยอ่านไม่เจอเลย T^T
ฉันไล้มือไปตามหนังสือบนชั้น ก่อนจะหยิบตำราเวทย์เล่มหนึ่งออกมา ตำราเล่มนี้เป็นตำราเวทย์ชั้นสูงที่มีเพียงเล่มเดียวเท่านั้น หนังปกเป็นรูปธาตุหลักคือดิน น้ำ ลม ไฟ ด้านในเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับบทเวทย์ต่างๆที่จะใช้ร่าย ฉันเลือกบทที่เกี่ยวกับไฟเพราะมันเป็นจุดอ่อนของฉัน
ตามตำราเขาบอกว่าถ้าต้องการดับไฟที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้เสกขึ้นมา ให้วาดมือเป็นคลื่นในอากาศพร้อมกับร่ายเวทย์และต้องตั้งสมาธิให้ดี ไม่งั้นคนที่จะดับก็คือผู้ร่ายเวทย์ -_-^^
ส่วนการที่จะทำให้ดิน น้ำ ลม ไฟเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องใช้พลังเวทย์มากอยู่พอตัว เพราะการที่จะทำให้เวทย์ประเภทหลักรวมตัวกันมันไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่างการทำแบบนั้นยังเป็นการเสี่ยงต่อการแตกสลายของร่างกายเราอีกด้วย มิน่าถึงไม่มีเทพองค์ไหนกล้าทำแบบนั้น ฉันเองก็ไม่กล้า T^T
ฉันวางหนังสือลงที่เดิม ก่อนจะกลับมาที่ห้องรับแขกที่ไม่น่าจะมีคนอยู่ อย่าลืมสิว่าคนที่จะมาถึงที่นี่ได้มีแค่ฉันคนเดียว แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครบางคนริอาจมาที่นี่ กล้าเกินตัวไปนะ หนุ่มหล่อ ^^
ไลค์ สตาร์นั่งอยู่ในห้องรับแขก ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งนั้น เขาหันมามองฉันที่ตอนนี้กลายเป็นคนละคนกับที่เขาเห็นเมื่ออยู่บ้าน ไม่น่าเชื่อว่าจะลงทุนกลับร่างเทพแล้วร่ายเวทย์ฟลูเพื่อมาตามตัวฉัน แล้วก็ไม่น่าเชื่ออีกนั่นแหละว่าเขาจะรอดมาจากปากฉลามมาได้ -_-^^
“ไม่ลงทุนไปหน่อยหรอ?” ฉันเอ่ยเสียงเรียบ เวทย์ฟลูใช้ได้เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง ซึ่งตามที่ฉันคาดการเอาไว้เขาน่าจะใช้ไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง และระยะทางที่มาที่นี่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบนาที ถ้าเขาไม่ขึ้นบกไปตอนนี้ เขาตายแน่นอน
“เธอมาที่นี่ทำไม มันอันตราย” ไลค์ สตาร์เอ่ยเสียงเรียบ ถ้าฉันตายนายก็ต้องตายด้วยสินะ แต่ฉันลืมไปว่านอกจากที่เราคนใดคนหนึ่งต้องฆ่าอีกฝ่ายหรือไม่ก็ฆ่าตัวตายแล้ว ยังมีอีกวิธีที่สามารถถอนพันธะสัญญาได้ ซึ่งวิธีนั้นก็คือ….
ให้เทพแห่งสายลมลบความทรงจำของเราคนใดคนหนึ่งทิ้ง โดยสิ่งที่ลบไปคือเรื่องราวของคนที่เราทำพันธะด้วย แค่นี้เราสองคนต่างก็ไม่มีใครต้องตาย แต่มันอยู่ที่ว่าฉันอยากทำมันหรือเปล่าต่างหาก
“มันก็เรื่องของฉัน อุ๊ย! ลืมไปว่าถ้าฉันเจ็บนายก็ต้องเจ็บด้วย แต่ว่านะ ไม่ต้องกลัวไปหรอกว่าฉันจะเป็นอะไรไป ส่วนนายก็กลับไปได้แล้ว เพราะถ้านายอยู่ที่นี่นายก็มีแต่จะทำให้ตัวเองทรมานเปล่าๆ จะบอกอะไรให้นะ ถึงแม้เราสองคนจะทำพันธะสัญญากัน แต่ถ้านายมาตายหรือเป็นอะไรในน้ำ มันก็ไม่ส่งผลกับฉันหรอกนะ เพราะฉะนั้นนายรีบกลับขึ้นไปซะ” ฉันบอกความจริงอีกเรื่องกับเขา เขาจะเป็นจะตายในน้ำมันก็ไม่ส่งผลกับเขา แต่ถ้าฉันเป็นอะไรในที่ที่มีแสงเยอะๆมันก็จะส่งผลกับเขาเช่นเดิม อย่างน้อยฉันก็ได้เปรียบในเรื่องนี้ ^^
“ถึงแม้ฉันต้องตายจริงๆเธอก็มีความผิดเหมือนกันนะ ^^” ไลค์ สตาร์ยิ้มแบบไม่กลัวตาย มีความผิด? ความผิดอะไร??
“ก็เพราะฉันตายในถิ่นของเธอ เทพตนอื่นก็ต้องสงสัยอยู่แล้วว่าต้องเป็นเธอที่ฆ่าฉัน” อ๋อ~หรอ? แล้วไง?
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆอย่างน้อยฉันก็มีพยาน” ฉันกวาดสายตาไปรอบๆบรรดาปลาน้อยใหญ่ที่มาอยู่เป็นเพื่อนฉันต่างพยักหน้าหงึกหงักเป็นการรับคำว่าพวกเขาจะเป็นพยานให้ถ้าเกิดเรื่องแบบที่ไลค์ สตาร์ว่า
ไลค์ สตาร์หายฟึดฟัดเพราะไม่อาจหาทางเอาชนะฉันได้ ให้มันรู้ซะบ้างว่าควรจะเก่งในที่แบบไหน
“แต่เธอไม่คิดว่าท่านพ่อกับท่านแม่ของเธอจะโกรธเธอหรอ ที่เธอไม่ไปงานของพวกท่าน” ไลค์ สตาร์พูดอย่างเหนือกว่า ใครกันแน่ที่เหนือกว่า
“ท่านแม่คะ” ฉันเอ่ยเรียกมารดาสุดที่รัก ไลค์ สตาร์ทำหน้าสงสัย เดี๋ยวก็รู้ ^^
“จ๊ะ วอลต์ ตอนนี้ลูกอยู่ไหน งานจะเริ่มแล้วนะลูก” เสียงของท่านแม่ตอบกลับมาอากาศ ไลค์ สตาร์เบิกตากว้างอย่างตกใจ หึ!
“ท่านแม่คะ ลูกคงไปไม่ได้แล้ว ลูกต้องขออภัยด้วย” ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความเศร้า แค่การเล่นละครเล็กๆน้อยๆ
“ไม่เป็นไรจ๊ะลูกรัก แม่ไม่ว่าอะไรนี่นา แล้วลูกอยู่ไหนจ๊ะ?” ท่านแม่ถามกลับมา
“ลูกอยู่ใต้น้ำค่ะ เผอิญโดนเทพแห่งแสงไล่ล่า ลูกเลยมาหลบใต้น้ำ” ฉันหันไปยักคิ้วให้ไลค์ สตาร์ที่อ้าปากค้าง เหงื่อแตกซิกๆ สมน้ำหน้า!
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่มั้ย!!? แม่ไม่น่าปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวเลย”
“ลูกไม่เป็นไรค่ะท่านแม่ ไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องเทพองค์นั้นลูกจัดการเองค่ะ” ฉันบอก ไลค์ สตาร์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โดนหนวดเจ้าคาเรนปิดปากเอาไว้
“ระวังตัวด้วยนะลูก ถ้าเป็นไปได้พาตัวมาหาแม่ด้วยนะ แม่จะสั่งสอนมัน!!” ไลค์ สตาร์ถึงกับเหงื่อตกเมื่อท่านแม่พูดแบบนั้น เตรียมตัวตายได้เลย!!
“รับบัญชา” ฉันตัดการติดต่อจากท่านแม่ก่อนจะมองไลค์ สตาร์ที่ตอนนี้โดนคาเรนมัดเอาไว้แน่น
“ว่ายังไง จะกลับเองหรือว่าอยากให้คาเรนไปส่ง^^” ฉันถามอย่างอารมณ์ดี ไลค์ สตาร์ดิ้นขลุกขลักไปมาอย่างน่าสงสาร
“กลับเองได้โว้ย!! ปล่อยฉันนะไอ้ปลาหมึกเฮงซวย!!” ไลค์ สตาร์โวยวาย พูดแบบนี้ตั้งแต่ที่แรกก็จบ
“คาเรนจัง ปล่อยเขาไปเถอะ มามะ พี่จะเล่านิทานให้ฟัง” ฉันกวักมือเรียกปลาหมึกน้อย คาเรนปล่อยไลค์ สตาร์ลงพื้นทันที ก่อนจะรีบมาหาฉัน
“หวังว่าคงไม่ได้เจอกันอีกนะ เทสึ” ฉันถือโอกาสบอกลาเขาไปในตัว เพราะฉันไม่มั่นใจว่าการชิงวิญญาณในวันพรุ่งนี้จะรอดกลับมาหรือเปล่า…..
และแล้ววันฮาโลวีนที่ใครๆต่างเฝ้าถึงก็มาถึงจนได้ -_-^^
ฉันเดินมาที่ห้องเรียนที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย แต่ภายในห้องก็ได้ทำการตกแต่งเป็นเมดคาเฟ่ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเกี่ยวอะไรกับวันฮาโลวีน แต่ทุกคนก็ย้ำนักหนาว่าเกี่ยว ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเกี่ยวยังไง -_-^^
“อ้าว? โนริทำไมยังไม่ไปเปลี่ยนชุดล่ะ? ทุกคนเค้าเปลี่ยนกันหมดแล้วนะ” มิสะที่มาในชุดเจ้าหญิงเดินมาอย่างเก้งๆกังๆเพราะชุดมันออกจะรุ่มร่ามไปหน่อย แถมดูแล้วคงร้อนน่าดู
“ชุดอะไรอ่ะ แล้วเจ้าหญิงมันเกี่ยวกับวันฮาโลวีนตรงไหนเนี่ย!” ฉันถามอย่างงงๆไหนบอกว่าเกี่ยวไง ดูยังไง๊ ยังไงก็ไม่เกี่ยวสักนิด
“เถอะน่า รีบๆไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว” มิสะยื่นชุดเจ้าหญิงสีม่วงมาให้ ร้อนจะตายชัก ไม่เอาหรอก
“ชุดนี้เนี่ยนะ! ไม่เอาหรอกมิสะ” ฉันปัดชุดนั้นออกห่างจากตัว แต่มิสะมันก็ยัดใส่มือฉันจนได้
“ให้เวลาแค่ยี่สิบนาที ไมงั้นฉันจะบอกไอระมันมาเปลี่ยนให้” จบคำมิสะมันก็เดินออกไปเฉย เปลี่ยนก็ได้ เรี่องอะไรจะให้เทสึเปลี่ยนให้เล่า!!
เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ ฉันก็อยากลาโลกให้รู้แล้วรู้รอด นี่มันสุดยอดของความอลังการอีก ใครกันว่ะที่เป็นคนเลือกชุดนี้ให้ฉันน่ะ? ไม่ดูหน้าคนใส่เอาซะเลย ไอ้สวยมันก็สวยอยู่หรอก แต่มันอลังการไปมั้ย? ใครที่เคยดูสวอนเล็ต แล้วคุณจะรู้ว่าชุดมันเป็นยังไง -_-^^
ก๊อกๆ!
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าฉันควรออกไปได้แล้ว ฉันมองตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย อยากตายชะมัด T^T
“รู้แล้วน่า เคาะอยู่ได้” ฉันบ่นพึมพำก่อนจะเปิดประตู ซึ่งคนที่มาเคาะไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนสนิท ไม่สิ ตอนนี้เป็นแค่คนรู้จักแล้วนี่นา
“แต่งตัวนานจังนะ” เทสึส่งยิ้มมาให้ เหมือนหมอนี่จะลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรกับฉันเอาไว้บ้าง เพราะเป็นอย่างนี่แหละฉันถึงเกลียดเขา เขาไม่เคยจดจำความผิดที่ตัวเองทำไว้หรอก!!
“ไม่มีใครเขายุ่งกับฉันหนิ” ฉันพูดก่อนจะเดินออกมา ไม่สนใจเทสึที่เดินตามมาอย่างเงียบๆก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่อยากพูดกับเขาสักเท่าไหร่หรอก
เราสองคนเดินมาที่ตึกกลาง รู้สึกว่าตอนเช้าเขาจะจัดกิจกรรมเต้นรำล่ะมั้ง ฉันแปลกใจนะว่าทำไมถึงไม่จัดตอนกลางคืนแล้วอีกอย่างทำไมถึงต้องแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงแล้วก็เจ้าชายด้วย มันดูเว่อร์ไปหน่อยน่ะ เพราะมันเป็นแค่งานโรงเรียน ไม่เห็นต้องจัดใหญ่ขนาดนี้เลย
“มาแล้วหรอครับควีน ^^” โกเซนเดินมาทักทาย เขาอยู่ในชุดเจ้าชายสีดำ แดง เข้าใจเลือกนะย่ะ
“ไม่มาจะเห็นมั้ยล่ะ โชตะนายเองก็เปิดปากพูดบ้างนะ ไม่งั้นโกเซนเหงาแย่เลย” ฉันหันไปแซวโชตะที่มาในชุดเจ้าชายสีดำ ออ!ลืมบอกไป หลังจากที่โกเซนช่วยฉันวันนั้น เราสามคนก็สนิทกันมากขึ้น จนตอนนี้เรียกชื่อเล่นพวกเราได้แล้วล่ะ
“อย่าไปว่าโชตะมันสิ มันไม่ชอบพูด ว่าแต่เธอเถอะ ไม่คิดจะสนใจแฟนเธอบ้างหรือไง” โกเซนถามพลางมองที่เทสึที่กำลังยืนคุยกับพวกสาวๆอยู่อีกฟาก
“หมอนั่นมันใช่แฟนฉันซะที่ไหนกัน ถ้าหมอนั่นเป็นแฟนฉันจริง เขาคงไม่ทำแบบนั้น” ฉันชี้ให้สองหนุ่มดูในสิ่งที่เทสึกำลังทำอยู่ อย่างหมอนั่นฉันไม่มีทางคบเป็นแฟนเด็ดขาด!!
“อ้าว? ไหนหมอนั่นบอกว่าพาเธอไปถ่ายรูปแต่งงานแล้วไง นี่ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอ?” โกเซนถามอย่างแปลกใจ ใครบอกนาย??
“เผอิญวันนั้นหมอนั่นมันว่างจัด เลยคิดบ้าๆโดยการพาฉันไปถ่ายรูปแต่งงานและไม่ถามความสมัครใจฉันสักนิด -_-^^” ฉันทำหน้าเซ็งๆใส่สองหนุ่มที่ขำกับสิ่งที่ฉันเล่า มีอะไรน่าขำ?
และแล้วงานเต้นรำก็เริ่มต้นขึ้นโดยมีผอ.และภรรยาเปิดงานก่อนเป็นคู่แรก ทีแรกฉันกะจะนั่งดูเฉยๆแต่ดันมีใครบางคนลากฉันไปเต้นรำน่ะสิ!!
“อย่าทำหน้าเหมือนโลกจะแตกได้มั้ยโนริ ฉันไม่ได้บังคับเธอสักหน่อย” โกเซนพูด ไม่ได้บังคับ แกเอาอะไรมาพูดดดด!! แกนั่นแหละที่บังคับฉันน่ะ ไอ้เพื่อนบ้า!!
“แล้วที่ลากฉันมาเนี่ย ไม่ได้เรียกว่าบังคับหรอย่ะ!? ดูสิฉันว่าจะนั่งดูเฉยๆแล้วแท้ๆ” ฉันบ่นไม่จริงจัง แต่ก็ยังเต้นรำกับเขาต่อไปเรื่อยๆ หมอนี่ไม่ยอมให้ฉันพักอ่ะ ด้วยเหตุที่ว่า ฉันอาจจะหนีออกจากงาน -_-^^
ใครเขาจะหนีจากงานกันเล่า! งานออกจะสนุก ถ้าฉันจะไปก็เที่ยงคืนนู้น~ส่วนตอนนี้ฉันก็มาเที่ยวงานโรงเรียน แล้วนายมีอะไรต้องกังวลเล่า ชอบพูดเหมือนรู้ว่าฉันกำลังจะบุกนรกงั้นแหละ ทั้งๆที่นายเป็นแค่มนุษย์แท้ๆ…..
เมื่อการเต้นรำแบบคฤโหดจบลง ฉันก็แทบจะคลานกลับมาที่โต๊ะ หมอนี่เล่นหมุนฉันจนจะกลายเป็นขนมม้วนอยู่แล้ว เต้นรำนะโว้ย!! ไม่ใช่แข่งทำขนมม้วน ถึงได้หมุนเอ๊า~หมุนเอา @_@
“เต้นแค่นี้ทำเป็นเหนื่อยไปได้” โกเซนแขวะฉันที่นั่งหอบหายใจอยู่ที่โต๊ะ แล้วมันเป็นเพราะใครกันล่ะ!!
“เงียบไปเลย!” ฉันหันไปตวาดโกเซนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ถ้าฉันคุยกับโชตะได้ฉันคุยไปแล้วย่ะ!!
“อ่ะ น้ำ” ฉันทั้งตกใจปนแปลกใจที่โชตะยื่นน้ำมาให้ หมอนี่พูดได้!! กรี๊ดดดดด!!! หมอนี่ไม่ได้เป็นใบ้!!! ^O^!!
“ขะ ขอบใจ ^^;” ฉันรับน้ำจากโชตะก่อนจะดื่มเข้าไปอึกใหญ่ฉันจะจำไว้เลยว่าไม่ควรเต้นรำกับหมอนี่เด็ดขาด!!
เมื่อนั่งหายใจทั่วท้อง ฉันก็มองคู่อื่นๆเต้นรำอย่างเพลินตา หวังว่าคงไม่มีมารมาผจญอีกนะ ไม่งั้นฉันฆ่ามันแน่! ที่บังอาจมาขัดจังหวะความสุขของฉันที่ไม่ได้หากันง่ายๆ
ติ๊ดๆๆๆ!!!
นาฬิกาข้อมือฉันส่งสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาที่ฉันต้องไป นี่มันสองทุ่มแล้วหรอ?? อะไรจะเร็วขนาดนั้น~
“เอ่อ…โกเซน โชตะ ฉันกลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” ฉันบอกสองหนุ่มที่หันมามองฉันอย่างงงๆแต่ก็พยักหน้ารับ
“กลับดีๆล่ะ อย่าให้มีข่าวว่าไปควงหนุ่มหน้าหวานที่ไหนนะ” โกเซนส่งสายตาเป็นเชิงว่า ดูแลตัวเองนะออกมาอย่างเปิดเผย หมอนี่รู้อะไรหรือเปล่านะ??
“ฉันไม่ควงหรอกหนุ่มหน้าหวาน แต่ถ้าเป็นหนุ่มหล่อ เร้าใจล่ะก็…..ไม่แน่ ^^” ฉันส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้โกเซนหมอนั่นทำท่าจะพูดอะไรออกมา แต่ฉันชิ่งออกมาก่อน
ถ้าฉันรอดกลับมา เราสองคนคงได้มาต่อปากต่อคำ เหมือนเดิมแหละโกเซน…… ถ้านะ…..
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ