Accident Of Love พรหมลิขิตผ้าพันแผล
-
เขียนโดย jaindyzone
วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.14 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
9,983 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562 22.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) เข็มที่ 6 บทพิสูจน์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความSKY
ผมมานั่งรอคุณหมอที่ร้านปิ้งย่าง ในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆมหาลัย มากับไอ้ตั้มสองคน คุณหมอเพิ่งไลน์มาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว
“มึงกับพี่หมอนี้ยังไง” อยู่ๆไอ้ตั้มก็ถามขึ้นมา
“ก็ไม่ยังไง” “มึงถามเพื่อ”
“เปล๊า ก็กูเห็นเมื่อเช้าพี่เค้าโทรมาแล้วมึงก็ทิ้งทุกอย่างรีบไปหาเค้า มันแบบ...แปลกๆ”
“แปลกยังไงกูก็ปกติ”
“ไม่อ่ะ มึงไม่ปกติ มึงจะไม่รับสายใครตอนปั่นงาน”
“แต่ครั้งนี้มึงรับแถมทิ้งงานไปหาพี่เค้าอีก และที่สำคัญมึงกับพี่เค้าไปสนิทจนมีเบอร์กันตอนไหน” มันถามยาวแถมส่งสายตาคาดคั้นมาให้ ผมคิดตามที่มันพูดก็จริงอย่างที่มันว่าปกติผมไม่ค่อยรับสายใครตอนปั่นงาน เพราะมันเป็นการทำลายสมาธิ แต่เมื่อเช้าแค่เห็นเบอร์คุณหมอ ผมดีใจมากกกก รู้ตัวอีกทีมือก็กดรับสายไปแล้ว
“กูก็ไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเหมือนกัน แค่ทำเพราะอยากทำ ส่วนเรื่องเบอร์ ก็พี่เค้าขอกูก็ให้ มันแปลกตรงไหน”
ผมตอบมันไปตามความจริง
“มึงกลัวอะไร” “เพราะพี่เค้าเป็นผู้ชายหรอวะ” พูดเหมือนมานั่งในใจกูเลยนะมึง
“มันก็ใช่ กูสับสนนิดหน่อย” ผมรู้ตัวว่าผมสนใจในตัวคุณหมอเพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะวางความสนใจนี้ไว้ในจุดไหน
“มึงอยากแน่ใจมั้ยล่ะ” ไอ้ตั้มถามพร้อมทั้งทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ไอ้นี่แผนมันสูงครับ หน้ามันดูจริงจังแต่หูมันนี่กระดิกเชียว ผมจะไม่มีวันหลงกลมันเด็ดขาด
“ยังไง” ???
“ข้อแรกถ้ามึงสับสนในตัวเอง มึงไปเที่ยวกับกูคืนนี้สิ นัดกิ๊กมึงออกมาสักคนทำเหมือนที่มึงเคยทำ”
“ถ้ามึงยังไปต่อได้แสดงว่ารสนิยมมึงก็ไม่ได้เปลี่ยนไป มึงก็ยังเป็นมึงคนเดิม”
.
.
“แต่ถ้ามึงไปต่อไม่ได้... มึงต้องคิดเอาเองแล้วว่ามึงรู้สึกยังไงกับเค้า”
“ข้อสองพิสูจน์ให้ชัดเจนไปเลย”
“ชวนพี่เค้าไปทริปน้ำตกเอราวัณกับพวกเราสิ เดือนหน้าพี่เค้าน่าจะหยุดหรือถ้าพี่เค้าไม่หยุดพวกกูยอมเลื่อนวันให้เลย”
โคตรลงทุน จริงมึงอยากเผือกเรื่องของกูใช่ไหม คือทริปนี้พวกเราคุยกันไว้นานแล้วครับว่าจะไปเทียวกันหลังสอบเสร็จ
“จริงๆแล้วการที่มึงชอบพี่หมอไม่ได้แปลว่ามึงจะชอบผู้ชายทุกคนนี่หว่า”
“.....” ตั้มมองเพื่อนตัวเองที่นั่งนิ่ง ทำหน้าคิดหนัก จริงๆมันก็เป็นคนฉลาดนะทำไมเรื่องแค่นี้มันโง่วะ มองมาจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามึงชอบเค้าไอ้บื่อเอ๊ยย
ที่มีคนบอกว่าเมื่อความรักมันบังตา จะ ป.6 หรือปริญญาก็โง่เท่ากัน คงจะจริง เพราะพอมาเป็นเรื่องของตัวเองมันมักจะยากเสมอ เชื่อผมเถอะผมเรียนมา
“มึงไม่อยากทำให้มันชัดเจนหรอ ถ้าไม่ใช่มึงก็ถอยออกมา แต่ถ้าใช่ก็ลุย”
“ปกติกูไม่เห็นมึงคิดไรเยอะ” นี่มึงด่ากูอยู่หรือเปล่าวะ
“ถ้ามึงช้า...... โดน..คาบไปแดกไม่รู้ด้วยน๊าาา”
“เออ..เอาก็เอา” หลงกลมันจนได้
“ขอโทษทีที่ให้รอนานนะ” พี่หมอเดินมาถึงพอดีเราเลยหยุดพูดเรื่องนั้นไป
“ไม่เป็นไรครับพี่หมออยากกินไรสั่งเลย เพราะพี่หมอเป็นคนเลี้ยง 555” ไอ้ตั้มพูดอย่างอารมณ์ดี
“พี่หมอนี่หน้าเด็กจังเลยนะครับ มีคนดูแลดีใช่มั้ยครับเนี้ยะ” ผมนี่มองมันตาขวางเลยครับ ถามอะไรของมันวะ แต่มันยังทำเป็นไม่เห็น แล้วหันไปพูดกับคุณหมอต่อ
“ถ้าน้องตั้มหมายถึงแฟนพี่ไม่มีหรอกครับ”
“แค่ทำงานก็เหนื่อยแล้วจะดูแลใครได้ หลังเลิกงานหน้าน้องหมอนกับน้องผ้าห่มก็ลอยมาแล้ว 555”
ทำไมผมรู้สึกโล่งใจแปลกๆ
หืมมม.....น้องตั้มงั้นหรอ ทำไมกับไอ้ตั้มแทนตัวเองว่าพี่แถมเรียกมันว่าน้อง ทีกับผม พูด คุณๆ ตลอดสองมาตรฐานชัดๆ
“ผมว่าพี่หมอน่าจะหาคนมาดูแลสักคนนะครับ” ดูมันพูดแต่ละอย่างมึงอยากช่วยกูจริงป่ะเนี๊ยะ
“หล่ออย่างพี่น่าจะหาไม่ยาก” พี่หมอหัวเราะ
“คนนั้นของพี่อาจจะยังไม่เกิดก็ได้”
“หรือไม่ก็ไว้พี่เจอเค้าแล้วพี่จะบอกนะ 555”
“พี่ก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหน้าตาจะเป็นยังไง”
ไอ้ตั้มมันชวนคุยเรื่องอื่นต่อระหว่างรออาหาร เรานั่งคุยกันไปสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ คุณหมอเลยหันไปสนใจอาหารแทน คุณหมอไฟกับอาหารยังเป็นสิ่งทีน่ามองสำหรับผมเสมอ ท่าทางมีความสุขเวลาที่ได้กิน กินแล้วอมยิ้มน้อยๆทำเหมือนว่ามันอร่อยมากมาย ทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้
ไอ้ตั้มมันคีบหมูที่เพิ่งย่างเสร็จใส่จานให้พี่หมอ
“ขอบคุณครับน้องตั้ม” ผมมองหน้ามัน แล้วจากนั้นก็คีบปลาหมึกที่ย่างสุกแล้วใส่จานให้พี่หมอบ้าง พี่หมอมองหน้าผมแล้วเลิกคิ้ว
“คือผมไม่กินปลาหมึกย่างน่ะครับ ให้น้องตั้มกินแทนแล้วกันเนาะ”
เพล้งงง !!
ได้ยินเสียงหน้าผมไหมครับ แตกละเอียด
พี่หมอพูดพลางคีบปลาหมึกชิ้นนั้นไปวางบนจานไอ้ตั้ม มันหันมายักคิ้วใส่ผม แล้วคีบปลาหมึกชิ้นนั้นเข้าปากมันและกินอย่างเอร็ดอร่อย
ผมมองมันอย่างคาดโทษ ไอ้เพื่อนทรยศ
หลังกินเสร็จไอ้เพื่อนตัวดีก็ขอตัวออกไป เห็นบอกมีธุระต้องไปทำ
ส่วนพี่หมอบอกจะไปเดินดูของใช้ผมเลยอาสาไปเดินเป็นเพื่อน
ตอนนี้เราอยู่ที่โซนพวกของใช้ ซื้อ แชมพู,ครีมโกนหนวด,ครีมอาบน้ำ เดินกันจนเพลินกว่าจะได้เวลากลับก็ดึกพอสมควร ผมเลยอาสาไปส่งพี่หมอเองเพราะผมเอารถมอเตอร์ไซด์มา
ออกจากห้างสรรพสินค้ามาได้ไม่ไกลเท่าไหร่
.
.
ซ่าาาาาาาาาา
จู่ๆฝนก็ดันตกลงมาอย่างหนักแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ตกหนักจนมองไม่เห็นถนน เลยต้องหาที่หลบฝนกันก่อนเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ผมจอดรถไว้ริมถนนและเอาของที่ซื้อมาใส่ใต้เบาะรถ เราวิ่งมาหลบฝนกันตรงป้ายรถเมล์ ซึ่งตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลย
“หลบตรงนี้กันก่อนดีกว่าผมว่าฝนน่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ”
“ตกหนักเชียว ลมแรงด้วย” พี่หมอพูดพลางเอามือลูบแขนตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่โดนน้ำฝนจนบางส่วนแนบไปกับลำตัว
“หนาวหรอครับ”
“นิดหน่อย” ผมเลยถอดเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ของตัวเองส่งให้ เพราะผมไม่ใช่คนขี้หนาวแค่นี้สบายมาก
“เฮ้ยยยไม่เป็นไรผมไม่ได้หนาวขนาดนั้น” “คุณใส่ไว้เถอะ” ผมส่ายหัว แล้วเอาเสื้อไปคลุมไหล่ให้คนปากแข็ง ปากบอกไม่หนาวๆแต่ตัวนี้สั่นเชียว
คุณหมอก็ดันเสื้อออกจะเอามาให้ผมคืน แต่ผมไม่ยอมเลยจัดการโอบไหล่แล้วจับไว้แน่นเพื่อไม่ให้เสื้อหลุดออกมา
เจ้าตัวหันไปมองไหล่ตัวเองที่ผมจับไว้ แล้วหันหน้ากลับมาพอดีกับที่ผมก้มลงไป หน้าเราห่างกันแค่คืบเดียว คุณหมอนั่งนิ่งจนตัวเกร็ง
ผมก็นั่งนิ่งในท่าเดิมแต่ว่าหัวใจนั้นสวนทางกับร่างกายเพราะมันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งแข่งกับสายฝนที่ตกลงมาในตอนนี้
อาจจะเป็นเพราะฝนตกบรรยากาศเป็นใจ ผมเลยก้มมองใบหน้าของคนตรงหน้าชัดๆ ไล่จากหน้าผาก คิ้ว ดวงตา จมูก และ
ปาก ..
ปากที่วันนั้นผมได้ใช้มือสัมผัสแล้วรู้ดีว่ามันนุ่มแค่ไหน ทำให้วันนี้ผมรู้สึกอยากลองสัมผัสมันอีกครั้ง
ผมใช้มืออีกข้างลูบเบาๆตรงมุมปากที่เดียวกันกับวันนั้นที่ผมเคยลูบ คุณหมอหลับตา เม้มปากเข้าหากันเล็กน้อย ช่องว่างระหว่างเราเหลือน้อยลงทุกที
ทุกที.
.
.
เหลือน้อยจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด และ ทันทีปากเราสัมผัสกัน
.
.
.
.
“ซ่าาาาาาาาาาาา” รถเมล์ที่วิ่งผ่านไปเหยียบน้ำกระเด็นมาใส่จนเราเปียกกันทั้งคู่ เราสะดุ้งและผละออกจากกันทันที
ผมมานั่งรอคุณหมอที่ร้านปิ้งย่าง ในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆมหาลัย มากับไอ้ตั้มสองคน คุณหมอเพิ่งไลน์มาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว
“มึงกับพี่หมอนี้ยังไง” อยู่ๆไอ้ตั้มก็ถามขึ้นมา
“ก็ไม่ยังไง” “มึงถามเพื่อ”
“เปล๊า ก็กูเห็นเมื่อเช้าพี่เค้าโทรมาแล้วมึงก็ทิ้งทุกอย่างรีบไปหาเค้า มันแบบ...แปลกๆ”
“แปลกยังไงกูก็ปกติ”
“ไม่อ่ะ มึงไม่ปกติ มึงจะไม่รับสายใครตอนปั่นงาน”
“แต่ครั้งนี้มึงรับแถมทิ้งงานไปหาพี่เค้าอีก และที่สำคัญมึงกับพี่เค้าไปสนิทจนมีเบอร์กันตอนไหน” มันถามยาวแถมส่งสายตาคาดคั้นมาให้ ผมคิดตามที่มันพูดก็จริงอย่างที่มันว่าปกติผมไม่ค่อยรับสายใครตอนปั่นงาน เพราะมันเป็นการทำลายสมาธิ แต่เมื่อเช้าแค่เห็นเบอร์คุณหมอ ผมดีใจมากกกก รู้ตัวอีกทีมือก็กดรับสายไปแล้ว
“กูก็ไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเหมือนกัน แค่ทำเพราะอยากทำ ส่วนเรื่องเบอร์ ก็พี่เค้าขอกูก็ให้ มันแปลกตรงไหน”
ผมตอบมันไปตามความจริง
“มึงกลัวอะไร” “เพราะพี่เค้าเป็นผู้ชายหรอวะ” พูดเหมือนมานั่งในใจกูเลยนะมึง
“มันก็ใช่ กูสับสนนิดหน่อย” ผมรู้ตัวว่าผมสนใจในตัวคุณหมอเพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะวางความสนใจนี้ไว้ในจุดไหน
“มึงอยากแน่ใจมั้ยล่ะ” ไอ้ตั้มถามพร้อมทั้งทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ไอ้นี่แผนมันสูงครับ หน้ามันดูจริงจังแต่หูมันนี่กระดิกเชียว ผมจะไม่มีวันหลงกลมันเด็ดขาด
“ยังไง” ???
“ข้อแรกถ้ามึงสับสนในตัวเอง มึงไปเที่ยวกับกูคืนนี้สิ นัดกิ๊กมึงออกมาสักคนทำเหมือนที่มึงเคยทำ”
“ถ้ามึงยังไปต่อได้แสดงว่ารสนิยมมึงก็ไม่ได้เปลี่ยนไป มึงก็ยังเป็นมึงคนเดิม”
.
.
“แต่ถ้ามึงไปต่อไม่ได้... มึงต้องคิดเอาเองแล้วว่ามึงรู้สึกยังไงกับเค้า”
“ข้อสองพิสูจน์ให้ชัดเจนไปเลย”
“ชวนพี่เค้าไปทริปน้ำตกเอราวัณกับพวกเราสิ เดือนหน้าพี่เค้าน่าจะหยุดหรือถ้าพี่เค้าไม่หยุดพวกกูยอมเลื่อนวันให้เลย”
โคตรลงทุน จริงมึงอยากเผือกเรื่องของกูใช่ไหม คือทริปนี้พวกเราคุยกันไว้นานแล้วครับว่าจะไปเทียวกันหลังสอบเสร็จ
“จริงๆแล้วการที่มึงชอบพี่หมอไม่ได้แปลว่ามึงจะชอบผู้ชายทุกคนนี่หว่า”
“.....” ตั้มมองเพื่อนตัวเองที่นั่งนิ่ง ทำหน้าคิดหนัก จริงๆมันก็เป็นคนฉลาดนะทำไมเรื่องแค่นี้มันโง่วะ มองมาจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามึงชอบเค้าไอ้บื่อเอ๊ยย
ที่มีคนบอกว่าเมื่อความรักมันบังตา จะ ป.6 หรือปริญญาก็โง่เท่ากัน คงจะจริง เพราะพอมาเป็นเรื่องของตัวเองมันมักจะยากเสมอ เชื่อผมเถอะผมเรียนมา
“มึงไม่อยากทำให้มันชัดเจนหรอ ถ้าไม่ใช่มึงก็ถอยออกมา แต่ถ้าใช่ก็ลุย”
“ปกติกูไม่เห็นมึงคิดไรเยอะ” นี่มึงด่ากูอยู่หรือเปล่าวะ
“ถ้ามึงช้า...... โดน..คาบไปแดกไม่รู้ด้วยน๊าาา”
“เออ..เอาก็เอา” หลงกลมันจนได้
“ขอโทษทีที่ให้รอนานนะ” พี่หมอเดินมาถึงพอดีเราเลยหยุดพูดเรื่องนั้นไป
“ไม่เป็นไรครับพี่หมออยากกินไรสั่งเลย เพราะพี่หมอเป็นคนเลี้ยง 555” ไอ้ตั้มพูดอย่างอารมณ์ดี
“พี่หมอนี่หน้าเด็กจังเลยนะครับ มีคนดูแลดีใช่มั้ยครับเนี้ยะ” ผมนี่มองมันตาขวางเลยครับ ถามอะไรของมันวะ แต่มันยังทำเป็นไม่เห็น แล้วหันไปพูดกับคุณหมอต่อ
“ถ้าน้องตั้มหมายถึงแฟนพี่ไม่มีหรอกครับ”
“แค่ทำงานก็เหนื่อยแล้วจะดูแลใครได้ หลังเลิกงานหน้าน้องหมอนกับน้องผ้าห่มก็ลอยมาแล้ว 555”
ทำไมผมรู้สึกโล่งใจแปลกๆ
หืมมม.....น้องตั้มงั้นหรอ ทำไมกับไอ้ตั้มแทนตัวเองว่าพี่แถมเรียกมันว่าน้อง ทีกับผม พูด คุณๆ ตลอดสองมาตรฐานชัดๆ
“ผมว่าพี่หมอน่าจะหาคนมาดูแลสักคนนะครับ” ดูมันพูดแต่ละอย่างมึงอยากช่วยกูจริงป่ะเนี๊ยะ
“หล่ออย่างพี่น่าจะหาไม่ยาก” พี่หมอหัวเราะ
“คนนั้นของพี่อาจจะยังไม่เกิดก็ได้”
“หรือไม่ก็ไว้พี่เจอเค้าแล้วพี่จะบอกนะ 555”
“พี่ก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหน้าตาจะเป็นยังไง”
ไอ้ตั้มมันชวนคุยเรื่องอื่นต่อระหว่างรออาหาร เรานั่งคุยกันไปสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ คุณหมอเลยหันไปสนใจอาหารแทน คุณหมอไฟกับอาหารยังเป็นสิ่งทีน่ามองสำหรับผมเสมอ ท่าทางมีความสุขเวลาที่ได้กิน กินแล้วอมยิ้มน้อยๆทำเหมือนว่ามันอร่อยมากมาย ทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้
ไอ้ตั้มมันคีบหมูที่เพิ่งย่างเสร็จใส่จานให้พี่หมอ
“ขอบคุณครับน้องตั้ม” ผมมองหน้ามัน แล้วจากนั้นก็คีบปลาหมึกที่ย่างสุกแล้วใส่จานให้พี่หมอบ้าง พี่หมอมองหน้าผมแล้วเลิกคิ้ว
“คือผมไม่กินปลาหมึกย่างน่ะครับ ให้น้องตั้มกินแทนแล้วกันเนาะ”
เพล้งงง !!
ได้ยินเสียงหน้าผมไหมครับ แตกละเอียด
พี่หมอพูดพลางคีบปลาหมึกชิ้นนั้นไปวางบนจานไอ้ตั้ม มันหันมายักคิ้วใส่ผม แล้วคีบปลาหมึกชิ้นนั้นเข้าปากมันและกินอย่างเอร็ดอร่อย
ผมมองมันอย่างคาดโทษ ไอ้เพื่อนทรยศ
หลังกินเสร็จไอ้เพื่อนตัวดีก็ขอตัวออกไป เห็นบอกมีธุระต้องไปทำ
ส่วนพี่หมอบอกจะไปเดินดูของใช้ผมเลยอาสาไปเดินเป็นเพื่อน
ตอนนี้เราอยู่ที่โซนพวกของใช้ ซื้อ แชมพู,ครีมโกนหนวด,ครีมอาบน้ำ เดินกันจนเพลินกว่าจะได้เวลากลับก็ดึกพอสมควร ผมเลยอาสาไปส่งพี่หมอเองเพราะผมเอารถมอเตอร์ไซด์มา
ออกจากห้างสรรพสินค้ามาได้ไม่ไกลเท่าไหร่
.
.
ซ่าาาาาาาาาา
จู่ๆฝนก็ดันตกลงมาอย่างหนักแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ตกหนักจนมองไม่เห็นถนน เลยต้องหาที่หลบฝนกันก่อนเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ผมจอดรถไว้ริมถนนและเอาของที่ซื้อมาใส่ใต้เบาะรถ เราวิ่งมาหลบฝนกันตรงป้ายรถเมล์ ซึ่งตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลย
“หลบตรงนี้กันก่อนดีกว่าผมว่าฝนน่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ”
“ตกหนักเชียว ลมแรงด้วย” พี่หมอพูดพลางเอามือลูบแขนตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่อยู่โดนน้ำฝนจนบางส่วนแนบไปกับลำตัว
“หนาวหรอครับ”
“นิดหน่อย” ผมเลยถอดเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ของตัวเองส่งให้ เพราะผมไม่ใช่คนขี้หนาวแค่นี้สบายมาก
“เฮ้ยยยไม่เป็นไรผมไม่ได้หนาวขนาดนั้น” “คุณใส่ไว้เถอะ” ผมส่ายหัว แล้วเอาเสื้อไปคลุมไหล่ให้คนปากแข็ง ปากบอกไม่หนาวๆแต่ตัวนี้สั่นเชียว
คุณหมอก็ดันเสื้อออกจะเอามาให้ผมคืน แต่ผมไม่ยอมเลยจัดการโอบไหล่แล้วจับไว้แน่นเพื่อไม่ให้เสื้อหลุดออกมา
เจ้าตัวหันไปมองไหล่ตัวเองที่ผมจับไว้ แล้วหันหน้ากลับมาพอดีกับที่ผมก้มลงไป หน้าเราห่างกันแค่คืบเดียว คุณหมอนั่งนิ่งจนตัวเกร็ง
ผมก็นั่งนิ่งในท่าเดิมแต่ว่าหัวใจนั้นสวนทางกับร่างกายเพราะมันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งแข่งกับสายฝนที่ตกลงมาในตอนนี้
อาจจะเป็นเพราะฝนตกบรรยากาศเป็นใจ ผมเลยก้มมองใบหน้าของคนตรงหน้าชัดๆ ไล่จากหน้าผาก คิ้ว ดวงตา จมูก และ
ปาก ..
ปากที่วันนั้นผมได้ใช้มือสัมผัสแล้วรู้ดีว่ามันนุ่มแค่ไหน ทำให้วันนี้ผมรู้สึกอยากลองสัมผัสมันอีกครั้ง
ผมใช้มืออีกข้างลูบเบาๆตรงมุมปากที่เดียวกันกับวันนั้นที่ผมเคยลูบ คุณหมอหลับตา เม้มปากเข้าหากันเล็กน้อย ช่องว่างระหว่างเราเหลือน้อยลงทุกที
ทุกที.
.
.
เหลือน้อยจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด และ ทันทีปากเราสัมผัสกัน
.
.
.
.
“ซ่าาาาาาาาาาาา” รถเมล์ที่วิ่งผ่านไปเหยียบน้ำกระเด็นมาใส่จนเราเปียกกันทั้งคู่ เราสะดุ้งและผละออกจากกันทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ