Accident Of Love พรหมลิขิตผ้าพันแผล
เขียนโดย jaindyzone
วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.14 น.
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562 22.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) เข็มที่ 7 รู้ใจตัวเอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ ไม่สิต้องเป็น “เรา”สิ เราทำอะไรกันอยู่
เราเกือบจะจูบกัน จูบกันงั้นหรอ ปากชนปากเรียกว่าจูบหรือเปล่า
แล้วที่ป้ายรถเมล์ด้วย จูบกับผู้ชายหน้าป้ายรถเมล์ ฉิบหายแล้วไอ้ไฟเอ้ยยยยย
ความจริงเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแค่เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้นแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันนานมาก
นานจนผมจำทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ทันทีที่ดึงสติกลับมาได้ผมทำตัวไม่ถูกก็เลยหันหลังให้ซะเลย ถึงผมจะเคยมีแฟน แต่ผมก็ไม่เคย เอ่อออออ จะ....จูบ นั่นแหละ จูบ ผมยกมือขึ้นลูบปากตัวเอง ความรู้สึกอุ่นๆนั้นยังติดที่ปากอยู่เลย รู้สึกหน้าร้อนๆเหมือนจะระเบิด เลยจับแก้มตัวเองไว้แล้วตบเบาๆสองสามที หัวใจเต้นรัวจนน่ากลัว
“เอ่ออออ” เสียงของสกายที่ดังขึ้นอยู่ด้านหลังทำเอาผมสะดุ้ง
บรรยากาศรอบตัวดูอึดอัดไปหมดจนผมไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว
“คุณหมอโกรธหรอ..ผม...เอ่อ..ผมขอโทษ” เสียงหง่อยๆนั้นทำให้ผมค่อยๆหันไปมอง เห็นสกายนั่งก้มหน้าลงและเอามือปิดหน้าไว้
เห็นแบบนี้ใครจะไปโกรธลง คือจริงๆผมไม่ได้โกรธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแต่มัน.............. แปลกๆอ่ะครับ ข้ามไปเถอะ
“พี่...ผม..เปล่า..เอ่อออออ..ผม...ผมไม่ได้โกรธ” แล้วผมจะสั่นทำไมเนี๊ยะ
.
.
“ผมแค่ไม่คิดว่าเราจะมาทำอะไรแบบนี้และก็ เอ่อออ ในที่แบบนี้” ผมตอบเสียงเบา สกายเงยหน้าขึ้นมามองผม เราสบตากันและเป็นผมเองที่หลบสายตาไปก่อน
“ผมทำให้คุณหมอรู้สึกไม่ดีรึป่าว” ถามแบบนี้ใครมันจะไปตอบได้ฟะ จะให้บอกว่ารู้สึกดีหรอใครมันจะไปกล้าบอกแบบนั้น
ถึงจะรู้สึกอย่างนั้นก็เถอะ
“คือ..ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ” ใช่ครับเราควรหยุดพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว ก่อนที่ผมจะระเบิดตัวเอง ผมหันหน้าหนีไปอีกทาง มือกระชับเสื้อแจ็คเก็ตเข้าหาตัวให้แน่นขึ้น
“แต่ผมรู้สึกดีนะ รู้สึกดีมากเลย” ก็บอกให้เลิกพูดเรื่องนี้ไงฟะ
.
.
“ผมขอเรียกคุณหมอว่าพี่ไฟ”
“ได้รึป่าว” ผมเลยหันไปมองหน้าสกายซึ่งเขาก็มองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว ก็เห็นเรียกกันผมๆคุณๆ มาตั้งนานจะมาอยากเปลี่ยนอะไรตอนนี้
“ก็แล้วแต่คุณสิ”
“แล้วพี่ไฟ เลิกเรียกผมว่าคุณ เรียกน้องสกายได้รึป่าว” สกายพูดพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆ
“ขอเยอะไปแล้วครับ” ผมว่าขำๆ บรรยากาศรอบตัวกลับมาปกติอีกครั้ง
“แล้วได้รึป่าวล่ะครับ”
“อะไรเล่า คุณอยากเรียกอะไรก็เรียกไปสิ ส่วนผมจะเรียกยังไงเดี๋ยวผมเรียกเองนั่นแหละ”
“ไม่ยุติธรรม ทีกับไอ้ตั้มคุณยังเรียกมัน ว่าน้องตั้มเลย แถมแทนตัวเองว่าพี่อีกต่างหาก”
“อย่าพาลเพื่อนสิครับ”
“ก็ผมรู้จักพี่ก่อนมันอีกอ่ะ”
“ไม่รู้แหละเวลาพี่พูดกับผมต้องแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกผมว่าน้องสกาย”
“เรียกคุณมันดูเหมือน..คนแปลกหน้า”
“แล้วเราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันหรอ” จากนั้นเราทั้งคู่ก็..เงียบ เหมือนว่าต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเอง
“ไม่ใช่สักหน่อยเรารู้จักกันแล้ว” สกายพูด ผมลองคิดทบทวนดูว่าเราอยู่ในสถานะไหน คนรู้จัก...ก็คงใช่ แต่เป็นคนรู้จักที่เอ่อออ...ปากชนปากกันแล้วววว แล้วผมจะมาคิดถึงเรื่องนี้อีกทำไมเนี๊ยะ
“ผมขอเป็นมากกว่าคนรู้จักได้มั้ย” สกายทำหน้าจริงจังไม่มีแววล้อเล่น
.
.
.
ผมรู้สึกร้อนที่ใบหน้ามากกก ถ้าหากว่าวัดไข้ผมน่าจะมีไข้สูง หัวใจกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง จนผมกลัวว่ามันจะกระเด็นออกมาข้างนอก เสียงดังมากจนผมได้ยินมันชัดเจน ดังกว่าเสียงฝนซะอีก
แบบนี้เรียกว่าการจีบใช่ไหม ผมเคยใช้มุกพวกนี้จีบสาวตอนสมัยเรียน ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาใช้มันกับผม ถูกผู้ชายขอจีบตรงป้ายรถเมล์
ท่ามกลางสายฝน
และมีสักขีพยานเป็นถังขยะสองใบข้างๆป้ายรถเมล์ อือหือ......โรแมนติคมากครับ
“ฝนเริ่มซาแล้วผมว่าเรากลับกันเถอะ ดูแล้วน่าจะตกแบบนี้ทั้งคืน” สกายนั่งนิ่งไม่ยอมลุก หรือจะโกรธที่ผมไม่ตอบคำถามนั้น แต่จะให้ผมตอบเลย ผมคงตอบไม่ได้ ของแบบนี้มันต้องคิดต้องใช้เวลาไม่ใช่หรือไง ความรู้สึกของผมคือ ไม่ได้อยากตอบรับแต่ก็ไม่ได้อยากปฏิเสธ ไม่รู้ผมบอกไม่ถูก..ผมสับสน สงสัยต้องไปปรึกษาไอ้น้ำ
“พี่ ไม่ใช่ ผม” อยู่ๆสกายก็พูดขึ้น อะไรวะ ตามไม่ทัน ผมคิดตามที่เจ้าตัวพูด อ่อ..
“โอเคๆ สกายยยครับบบพี่ว่าเรากลับกันเถอะ”
“เรียก สกาย แบบนี้ได้มั้ย” เจ้าตัวยิ้มกว้าง ดีดตัวขึ้นเดินไปที่รถทันที ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินตามไป ผมก้าวขึ้นซ้อนท้ายเรียบร้อยแล้วแต่สกายไม่ยอมออกรถไปสักที ผมเลยเปิดหมวกกันน๊อคเพื่อที่จะถามว่าทำไมไม่ออกรถซักที
แต่ยังไม่ทันที่จะถาม
“ผมจะรอคำตอบนะครับพี่ไฟ” สกายพูดขึ้น แล้วบิดรถออกไปทันที
ไอ้เด็กบ้าเอ๊ยย
นินจาสีดำ มาจอดที่ลานจอดรถของคอนโดผม เพราะว่าฝนเริ่มตกหนักขึ้นมาอีกรอบ สกายเลยขอขึ้นมาพักที่ห้องผม จะให้ไล่กลับก็ดูจะใจดำไปหน่อยยังไงก็เป็นคนรู้จักกัน(ที่เอาปากชนกันมาแล้ว) ผมก็เห็นด้วย ไม่อยากให้ฝืนขับไปเพราะดึกมันมากแล้ว
ห้องผมเป็นห้องสำหรับอยู่คนเดียว จึงไม่ได้กว้างขวางมากมี ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน 1ห้อง และมีห้องน้ำ 2 ห้อง คือในห้องนอนและด้านนอก ผมไล่สกายไปอาบน้ำก่อน เพราะเราเปียกกันทั้งคู่ ผมหยิบชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวให้สกาย เสื้อผ้าน่าจะใส่ด้วยกันได้เพราะตัวเราพอๆกัน อีกอย่างเวลาอยู่บ้านผมเป็นคนชอบใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ ผมว่ามันไม่อึดอัดดี จากนั้นผมก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง
ผมอาบน้ำเสร็จเดินออกมาเห็นสกายนั่งเช็ดผมอยู่บนโซฟาแล้ว
“เอาไดร์ไหมจะได้แห้งเร็วๆ”
“ไม่ต้องหรอกครับพี่ไฟเป่าเถอะ ผมของผมสั้นกว่าของพี่อีก”
“เช็ดแปปเดียวก็แห้งแล้ว”
“คุณ....เอ่อ สกายหิวหรือป่าว เอานมอุ่นๆซักแก้วมั้ยจะได้หลับสบาย” คงจะมีแต่ผมที่ยังไม่คุ้นเคยกับคำแทนตัวเองใหม่ๆพวกนั้น
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าพี่ไฟง่วง นอนเลยก็ได้ครับ” ผมเลยเดินไปหยิบฟูกปูนอน หมอน และ ผ้าห่มมาให้ เพราะถ้านอนโซฟาน่าจะไม่เมื่อยตัวเพราะสกายเป็นคนตัวสูง ผมเคยนอนดูหนังแล้วเผลอหลับ ตื่นมายังเมื่อยทั้งตัวเลย
ผมเอาฟูมาปูตรงหน้าทีวี แล้วเอาหมอนกับผ้าห่มมายื่นให้ สกายยื่นมือมารับไป ระหว่างนั้นมือเราสัมผัสกัน ผมรู้สึกได้ว่ามือสกายเย็นมาก
“ทำไมพี่ไฟตัวอุ่นๆ”
“ไม่สบายรึป่าว” สกายพูดพลางเอาหลังมือมาอังหน้าผาก และ ตรงซอกคอ ผมรู้สึกว่ามือสกายเย็นมากจนต้องหันหนี
“เปล่า”
“พี่ตัวร้อนมากเลยอ่ะ ไม่สบายแน่ๆ” พอสกายพูดแบบนั้นผมก็เริ่มรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายจริงๆด้วย สงสัยต้องกินยาซะแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้อาการจะหนัก ดีนะที่พรุ่งนี้ผมไม่ต้องไปทำงาน
“พี่ไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวกินยาก็ดีขึ้นสงสัยเพราะโดนฝนนานไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรแน่นะครับ ไปหาหมอมั้ย”
“พี่ก็เป็นหมอนะครับอย่าลืมสิ พี่รู้ตัวพี่ดี สกายนอนเถอะ” เจ้าตัวพยักหน้าตอบรับ ผมเลยเดินเข้าห้องนอนของตัวเองแต่ยังไม่ทันที่จะปิดประตูลง
“ถ้ามีอะไรพี่เรียกผมได้เลยนะ” แววตาเป็นกังวลนี่มันอะไรนะ
“ฝันดีครับพี่ไฟ” สกายพูดยิ้มๆ
“ฝันดีครับ” ผมพูดแค่นั้น แล้วรีบปิดประตูทันที ผมว่าผมไข้ขึ้นสูงแล้วหละ รีบกินยาแล้วนอนดีกว่า Zzzz
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ