สืบสู้ผี ภาค เมฆาคนล่าผี
6.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 04.55 น.
26 ตอน
2 วิจารณ์
22.34K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) สมุดวาดเขียนสั่งตาย Part 15
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแต่แล้วนายเม้งก็กลับกระโดดขึ้นยืน แล้วก็กระโจนผลุงออกจากวงล้อมของสายสิญจน์ทันที จากนั้นมันก็วิ่งโกยอ้าวออกไปจากบ้านหลังนี้อย่างไม่เหลียวหน้ากลับมามองแม้แต่น้อย
"อ้าวๆ ชิบหายแล้ว ยังไม่ทันฟังมันอธิบายอะไรเลย ดันมาเสือกแหกสายสิณจน์เผ่นไปซะแล้ว เฮ้อ..."
อาจารย์คงพูดขึ้นขณะที่ครูชัยรัตน์และเมขลาก็ยังอยู่ในความตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
แล้วเมขลาก็รีบหันมาหาอาจารย์คง
"อา... อาจารย์คะ นายเม้งนั่นรู้จักใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ในภาพวาดนั่นจริงๆ เหรอคะ? "
"ถูกแล้ว แถมนายเม้งนี่ก็ยังได้ร่วมมือกับคนผู้นั้นในการสร้างเรื่องปกปิดความผิดของคนผู้นั้นไว้ด้วย" อาจารย์คงตอบเมขลา
"อาจารย์ครับ..." ครูชัยรัตน์เอ่ยขึ้น "แล้วคนที่อยู่ในภาพวาดอีกคนนั้น เป็นใครกันแน่ครับ? "
"ที่จริง คนที่ให้คำตอบในที่นี้ได้ก็คือ..." อาจารย์คงเหลียวหน้าไปที่เจ้าผีหมอกที่ยังคงหมอบชันแขนทั้งสองข้างอยู่ที่หน้าพานใส่สมุดวาดเขียน "เจ้าผีตาโบ๋นี่ยังไงล่ะ"
แล้วครูชัยรัตน์กับเมขลาก็รีบถลาเข้าไปสวมกอดกันเองอย่างตกใจอีกครั้ง เพราะเมื่อกี้ลืมไปว่ายังมีเจ้าผีตนนี้อยู่ที่ข้างหน้าไปชั่วขณะ
"เหวอ...! อา... อาจารย์ เจ้าผีตัวนี้ที่มันอยู่ในสมุดใช่ไหมครับ?! มันกำลังจะเข้ามาฆ่าผมใช่ไหมครับ อาจารย์ช่วยผมด้วยครับ...! " สีหน้าของครูชัยรัตน์ถึงกับซีดขาวลงไปอีก
"อาจารย์คงคะ อย่า... อย่าให้มันมาฆ่าเราสองคนนะคะ อึ๋ย... หน้าตาของมันน่าเกลียดน่ากลัวจังเลย แค่มองหน้ามันหนูก็จะช็อคตายอยู่แล้วล่ะค่ะ..." เมขลาบอกอาจารย์คงพร้อมกับทำท่าขนลุกขนพอง
แล้วเจ้าผีที่หมอบอยู่หน้าพานก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันรีบกระโดดลุกขึ้นยืน พร้อมกับกางมือทั้งสองออกมา แล้วทำท่าเหมือนกับจะกระโจนเข้าไปในวงสายสิญจ์ทันที
"กรี๊ดดดด/เหวออออ!! " เสียงร้องอย่างตกใจของเมขลาและครูชัยรัตน์ดังลั่น พร้อมๆ กับถลาเข้ามากอดกันแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก
"พอๆ พอได้แล้ว! " อาจารย์คงโบกมือไปยังเจ้าผีหมอก "เลิกเล่นละครกันได้แล้ว เจ้าหมอกโหงพราย...! "
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว เมขลากับครูชัยรัตน์จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วทั้งคู่ก็ได้เห็นว่า เจ้าผีที่ยืนอยู่หน้าพานไม่ได้กระโจนเข้ามาหาพวกตนเหมือนที่ทำท่าในตอนแรก แต่ตอนนี้มันกลับกำลังยืนกอดอกและเอียงหน้ามามองพวกตนอย่างขำๆ
แล้วเมขลาก็กระพริบตาปริบๆ อยู่หลายครั้ง พลางค่อยๆ ชี้นิ้วไปที่เจ้าผี
"เมื่อกี้... อาจารย์พูดว่ายังไงนะคะ? หนูได้ยินว่า อาจารย์พูดว่า เล่นละคร อย่างนั้นเหรอคะ...? "
อาจารย์คงหัวเราะหึหึ "ถูกแล้ว นี่เป็นละครที่ข้าจัดทำขึ้นเพื่อความสนุกเล็กน้อยสำหรับค่ำคืนนี้ ส่วนเจ้าผีที่ยืนอยู่นี้ ก็เป็นดารารับเชิญที่ข้าเชิญมันมาเล่นละครในวันนี้นั่นเอง หึหึ"
เมขลากับครูชัยรัตน์ถึงกับอ้าปากค้างกันอีกครั้ง
"มะ... หมายความว่า ผะ... ผีที่เราเห็นอยู่นี่เป็น พะ... พวกเดียวกับอาจารย์งั้นหรือครับ? " ครูชัยรัตน์ถามออกมาอย่างติดอ่าง
"ถูกต้อง นี่คือเจ้าผีหมอก ซึ่งเป็นโหงพรายผู้จงรักภักดีของข้าเอง" อาจารย์คงตอบ
เมื่อทั้งคู่ได้ฟังแบบนี้แล้ว ความหวาดกลัวที่มีในตอนแรกก็ค่อยๆ สลายหายไปไม่น้อย แต่ก็ยังอดหวาดๆ กันอยู่บ้างไม่ได้ เพราะจะอย่างไรสิ่งที่เห็นอยู่ข้างหน้านี้ก็เป็นผีอยู่ดี
"อาจารย์ครับ อย่างงี้ก็หมายความว่า การทำพิธีทำลายสมุดวาดเขียนเล่มนี้ในวันนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้นใช่ไหมครับ พวกผมเองก็ยังคงต้องอยู่ในอาถรรพ์ต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องตายตอนไหนใช่ไหมครับอาจารย์? " ครูชัยรัตน์ถาม
"มันก็ใช่ล่ะ นี่มันเป็นแค่พิธีปลอม และจุดประสงค์ของข้านั้น ก็คือการขยายภาพของเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจน ว่าคนที่เกี่ยวข้องกับอาถรรพ์นี้มีใครกันบ้าง และได้พัวพันเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์นี้อย่างไร เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ข้าเองก็อาจจะล้างอาถรรพ์นี้ไม่ได้ผลอย่างสมบูรณ์น่ะ" อาจารย์คงพยายามอธิบายให้ทั้งสองเข้าใจ
"และที่จริง เจ้าอาถรรพ์ในสมุดวาดเขียนเล่มนี้น่ะ มันร้ายกาจรุนแรงกว่าที่ข้าได้คาดไว้ซะอีกเพราะที่จริงแล้ว คนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาถรรพ์รุนแรงนี้ขึ้นมา ก็คือคนเดียวกับ คนที่ได้ข่มขืนเด็กคนนั้นจริงๆ นั่นเอง"
ถึงตรงนี้ ครูชัยรัตน์กับเมขลาก็ตกตะลึงจนขากรรไกรแทบค้าง
"เด็กใบ้คนนั้น... ถะ ถูกข่มขืนจริงๆ เหรอครับ?!! " ครูชัยรัตน์ถามด้วยเสียงอันดัง
"ใช่แล้ว..." อาจารย์คงพยักหน้าหลับตา "เฮ้อ... ที่จริงก็น่าสงสารเด็กคนนั้น แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้าวิญญาณพยาบาทนั่นได้วางแผนไว้ตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ"
"อาจารย์คะ อาจารย์พูดเหมือน เด็กคนนั้น กับวิญญาณพยาบาทนั่นเป็นคนล่ะคนกันเลยนะคะ? " เมขลากลับสังเกตุได้ถึงข้อนี้
แล้วรอยยิ้มของอาจารย์คงก็ปรากฏขึ้นบนสีหน้าที่เต็มไปด้วยเคราสีดอกเลา
"เจ้าเข้าใจได้ถูกแล้ว วิญญาณของเด็กคนนั้นก็ดวงหนึ่ง ส่วนวิญญาณพยาบาทที่แฝงอยู่ในร่างของเธอก็อีกดวงหนึ่ง และวิญญาณพยาบาทนั้นล่ะที่ทำให้เด็กใบ้คนนั้นโตเร็วกว่าเด็กคนอื่นๆ มันได้คอยเร่งเด็กคนนั้นให้โตไวๆ เพื่อที่จะได้ล่อลวงคนให้มาสมสู่โดยเร็ว และคนที่ได้พลาดท่าไปสมสู่เข้าแล้ว เขาก็จะต้องกลายไปเป็นข้ารับใช้ผู้ชั่วร้ายของวิญญาณพยาบาทนั้นเอง..."
ครูชัยรัตน์เมื่อฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกหนาวเย็นไปถึงภายใน ฟันของเขาก็กระทบกันกึกๆ อย่างอดที่จะเสียวสยองไม่ได้
"นี่... นี่หมายความว่า ผมรอดจากการตกไปเป็นทาสหรือข้ารับใช้ของมันอย่างหวุดหวิดใช่ไหมครับอาจารย์? "
"รอดจากตรงนั้นน่ะใช่ แต่ยังไม่ถือว่ารอดจากความตายอย่างแท้จริง อาถรรพ์ของสมุดวาดเขียนเล่มนี้จะยังคงมีผลต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีการทำลายสมุดวาดเขียนพร้อมกับทำลายปิศาจพยาบาทนั่น"
แล้วอาจารย์คงก็จ้องหน้าคนทั้งสอง
"เจ้าสองคนรู้ไม๊ ว่าทำไมพวกเจ้าถึงยังมีชีวิตกันถึงตอนนี้? "
ทั้งสองพร้อมใจกันส่ายหัวดิก
"ก็เพราะคนในภาพวาดอีกคนที่ได้ข่มขืนเด็กคนนั้นกำลังต่อต้านพลังอำนาจของปิศาจพยาบาทตนนั้นด้วยการขอความช่วยเหลือจากเกจิอาจารย์อีกผู้หนึ่ง ซึ่งเขาผู้นั้นก็ได้ทำพิธีข่มฤทธิเดชหรืออาถรรพ์ของสมุดเล่มนี้มาได้พักใหญ่แล้ว แต่ดูเหมือนเขาเองก็กำลังจะควบคุมไม่อยู่อีกต่อไป และคนที่ได้ข่มขืนเด็กคนนั้น ก็กำลังจะตกอยู่ในอำนาจหรือกำลังจะกลายเป็นข้ารับใช้ของเจ้าปิศาจพยาบาทนั่นอยู่เต็มทีแล้ว"
อาจารย์คงหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดเน้นเสียงอย่างชัดๆ
"และเมื่อเขาได้กลายเป็นข้ารับใช้โดยสมบูรณ์แล้ว ก็จะถึงวาระของพวกเจ้าที่จะต้องตายด้วยอาถรรพ์อย่างแน่นอน! "
ครูชัยรัตน์กับเมขลาถึงกับแทบสิ้นเรี่ยวแรงหลังจากที่อาจารย์คงเน้นคำหลังชัดๆ
"อาจารย์คะ ฮือๆ อาจารย์อย่าทำให้หนูกลัวถึงขนาดนั้นสิคะ ฮือๆ อาจารย์ต้องช่วยหนูให้ได้นะคะ แล้วต่อไปหนูจะกลับตัวเป็นคนดี ไม่ไปริษยาอาฆาตรใครเขาอีก ฮือๆ " เมขลาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเสียขวัญ
"ผม... ผมก็เช่นกันครับอาจารย์คง ต่อไปผมก็จะขอเป็นคนดี ไม่ไปทำผิดศีลธรรมอะไรกับใครอีกอย่างแน่นอนครับอาจารย์" ครูชัยรัตน์รับรองตัวเองขึ้นมาอีกคน
อาจารย์คงหรือแท้ที่จริงก็คือเมฆาปลอมตัวมา ถึงกับหัวเราะขึ้นมาในใจ คนพวกนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกับคำว่า ไม่เห็นโลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตาเลยแม้แต่น้อย
แต่เอาเถอะ คนพวกนี้จะอย่างไรก็ไม่ได้เลวโดยสมบูรณ์มาตั้งแต่แรก ยิ่งชายทั้งสองอย่างครูชัยรัตน์และนายเม้งนั่น ก็ถือได้ว่า ได้ถูกล่อลวงหรือถูกกระตุ้นด้วยฮอโมนส์ราคะของปิศาจพยาบาทที่สิงสู่อยู่ในเด็กใบ้คนนั้น
และจะอย่างไร เขาก็ต้องปราบปิศาจผู้ชั่วร้ายนี้ให้ได้ แม้ว่าทั้งสองนี้จะไม่ร้องขอ โดยที่ขณะนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่า ภาพของใครอีกคนที่อยู่ในสมุดวาดเขียนนั้นเป็นใครกันแน่ และการกินปูนร้อนท้องของนายเม้งจนกระโจนหนีไปนั้นก็เท่าเป็นการพิสูจน์ถึงเรื่องที่เขาได้ไปสืบเพิ่มเติมมาเมื่อตอนกลางวันได้เป็นอย่างดี
"ข้ารับปากว่าจะช่วยพวกเจ้า แต่ก่อนอื่น เราจะต้องช่วยคนคนหนึ่งก่อน! " อาจารย์คงบอกเสียงดังฟังชัด
"ใครครับ/คะ อาจารย์...?! " ทั้งสองถามออกมาอย่างเร็วปรื๋อ
"เราจะต้องช่วยนายเม้ง เพราะนายเม้งกำลังหนีไปหาความตาย และถ้านายเม้งตายไปในตอนนี้ งานนี้ก็อาจจะพัง และอาจจะมีคนตายเพิ่มขึ้นอีกหลายคน ซึ่งจะรวมถึงเจ้าสองคนด้วยอย่างแน่นอน...! "
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
"อ้าวๆ ชิบหายแล้ว ยังไม่ทันฟังมันอธิบายอะไรเลย ดันมาเสือกแหกสายสิณจน์เผ่นไปซะแล้ว เฮ้อ..."
อาจารย์คงพูดขึ้นขณะที่ครูชัยรัตน์และเมขลาก็ยังอยู่ในความตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
แล้วเมขลาก็รีบหันมาหาอาจารย์คง
"อา... อาจารย์คะ นายเม้งนั่นรู้จักใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ในภาพวาดนั่นจริงๆ เหรอคะ? "
"ถูกแล้ว แถมนายเม้งนี่ก็ยังได้ร่วมมือกับคนผู้นั้นในการสร้างเรื่องปกปิดความผิดของคนผู้นั้นไว้ด้วย" อาจารย์คงตอบเมขลา
"อาจารย์ครับ..." ครูชัยรัตน์เอ่ยขึ้น "แล้วคนที่อยู่ในภาพวาดอีกคนนั้น เป็นใครกันแน่ครับ? "
"ที่จริง คนที่ให้คำตอบในที่นี้ได้ก็คือ..." อาจารย์คงเหลียวหน้าไปที่เจ้าผีหมอกที่ยังคงหมอบชันแขนทั้งสองข้างอยู่ที่หน้าพานใส่สมุดวาดเขียน "เจ้าผีตาโบ๋นี่ยังไงล่ะ"
แล้วครูชัยรัตน์กับเมขลาก็รีบถลาเข้าไปสวมกอดกันเองอย่างตกใจอีกครั้ง เพราะเมื่อกี้ลืมไปว่ายังมีเจ้าผีตนนี้อยู่ที่ข้างหน้าไปชั่วขณะ
"เหวอ...! อา... อาจารย์ เจ้าผีตัวนี้ที่มันอยู่ในสมุดใช่ไหมครับ?! มันกำลังจะเข้ามาฆ่าผมใช่ไหมครับ อาจารย์ช่วยผมด้วยครับ...! " สีหน้าของครูชัยรัตน์ถึงกับซีดขาวลงไปอีก
"อาจารย์คงคะ อย่า... อย่าให้มันมาฆ่าเราสองคนนะคะ อึ๋ย... หน้าตาของมันน่าเกลียดน่ากลัวจังเลย แค่มองหน้ามันหนูก็จะช็อคตายอยู่แล้วล่ะค่ะ..." เมขลาบอกอาจารย์คงพร้อมกับทำท่าขนลุกขนพอง
แล้วเจ้าผีที่หมอบอยู่หน้าพานก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันรีบกระโดดลุกขึ้นยืน พร้อมกับกางมือทั้งสองออกมา แล้วทำท่าเหมือนกับจะกระโจนเข้าไปในวงสายสิญจ์ทันที
"กรี๊ดดดด/เหวออออ!! " เสียงร้องอย่างตกใจของเมขลาและครูชัยรัตน์ดังลั่น พร้อมๆ กับถลาเข้ามากอดกันแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก
"พอๆ พอได้แล้ว! " อาจารย์คงโบกมือไปยังเจ้าผีหมอก "เลิกเล่นละครกันได้แล้ว เจ้าหมอกโหงพราย...! "
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว เมขลากับครูชัยรัตน์จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วทั้งคู่ก็ได้เห็นว่า เจ้าผีที่ยืนอยู่หน้าพานไม่ได้กระโจนเข้ามาหาพวกตนเหมือนที่ทำท่าในตอนแรก แต่ตอนนี้มันกลับกำลังยืนกอดอกและเอียงหน้ามามองพวกตนอย่างขำๆ
แล้วเมขลาก็กระพริบตาปริบๆ อยู่หลายครั้ง พลางค่อยๆ ชี้นิ้วไปที่เจ้าผี
"เมื่อกี้... อาจารย์พูดว่ายังไงนะคะ? หนูได้ยินว่า อาจารย์พูดว่า เล่นละคร อย่างนั้นเหรอคะ...? "
อาจารย์คงหัวเราะหึหึ "ถูกแล้ว นี่เป็นละครที่ข้าจัดทำขึ้นเพื่อความสนุกเล็กน้อยสำหรับค่ำคืนนี้ ส่วนเจ้าผีที่ยืนอยู่นี้ ก็เป็นดารารับเชิญที่ข้าเชิญมันมาเล่นละครในวันนี้นั่นเอง หึหึ"
เมขลากับครูชัยรัตน์ถึงกับอ้าปากค้างกันอีกครั้ง
"มะ... หมายความว่า ผะ... ผีที่เราเห็นอยู่นี่เป็น พะ... พวกเดียวกับอาจารย์งั้นหรือครับ? " ครูชัยรัตน์ถามออกมาอย่างติดอ่าง
"ถูกต้อง นี่คือเจ้าผีหมอก ซึ่งเป็นโหงพรายผู้จงรักภักดีของข้าเอง" อาจารย์คงตอบ
เมื่อทั้งคู่ได้ฟังแบบนี้แล้ว ความหวาดกลัวที่มีในตอนแรกก็ค่อยๆ สลายหายไปไม่น้อย แต่ก็ยังอดหวาดๆ กันอยู่บ้างไม่ได้ เพราะจะอย่างไรสิ่งที่เห็นอยู่ข้างหน้านี้ก็เป็นผีอยู่ดี
"อาจารย์ครับ อย่างงี้ก็หมายความว่า การทำพิธีทำลายสมุดวาดเขียนเล่มนี้ในวันนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้นใช่ไหมครับ พวกผมเองก็ยังคงต้องอยู่ในอาถรรพ์ต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องตายตอนไหนใช่ไหมครับอาจารย์? " ครูชัยรัตน์ถาม
"มันก็ใช่ล่ะ นี่มันเป็นแค่พิธีปลอม และจุดประสงค์ของข้านั้น ก็คือการขยายภาพของเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจน ว่าคนที่เกี่ยวข้องกับอาถรรพ์นี้มีใครกันบ้าง และได้พัวพันเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์นี้อย่างไร เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ข้าเองก็อาจจะล้างอาถรรพ์นี้ไม่ได้ผลอย่างสมบูรณ์น่ะ" อาจารย์คงพยายามอธิบายให้ทั้งสองเข้าใจ
"และที่จริง เจ้าอาถรรพ์ในสมุดวาดเขียนเล่มนี้น่ะ มันร้ายกาจรุนแรงกว่าที่ข้าได้คาดไว้ซะอีกเพราะที่จริงแล้ว คนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาถรรพ์รุนแรงนี้ขึ้นมา ก็คือคนเดียวกับ คนที่ได้ข่มขืนเด็กคนนั้นจริงๆ นั่นเอง"
ถึงตรงนี้ ครูชัยรัตน์กับเมขลาก็ตกตะลึงจนขากรรไกรแทบค้าง
"เด็กใบ้คนนั้น... ถะ ถูกข่มขืนจริงๆ เหรอครับ?!! " ครูชัยรัตน์ถามด้วยเสียงอันดัง
"ใช่แล้ว..." อาจารย์คงพยักหน้าหลับตา "เฮ้อ... ที่จริงก็น่าสงสารเด็กคนนั้น แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้าวิญญาณพยาบาทนั่นได้วางแผนไว้ตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ"
"อาจารย์คะ อาจารย์พูดเหมือน เด็กคนนั้น กับวิญญาณพยาบาทนั่นเป็นคนล่ะคนกันเลยนะคะ? " เมขลากลับสังเกตุได้ถึงข้อนี้
แล้วรอยยิ้มของอาจารย์คงก็ปรากฏขึ้นบนสีหน้าที่เต็มไปด้วยเคราสีดอกเลา
"เจ้าเข้าใจได้ถูกแล้ว วิญญาณของเด็กคนนั้นก็ดวงหนึ่ง ส่วนวิญญาณพยาบาทที่แฝงอยู่ในร่างของเธอก็อีกดวงหนึ่ง และวิญญาณพยาบาทนั้นล่ะที่ทำให้เด็กใบ้คนนั้นโตเร็วกว่าเด็กคนอื่นๆ มันได้คอยเร่งเด็กคนนั้นให้โตไวๆ เพื่อที่จะได้ล่อลวงคนให้มาสมสู่โดยเร็ว และคนที่ได้พลาดท่าไปสมสู่เข้าแล้ว เขาก็จะต้องกลายไปเป็นข้ารับใช้ผู้ชั่วร้ายของวิญญาณพยาบาทนั้นเอง..."
ครูชัยรัตน์เมื่อฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกหนาวเย็นไปถึงภายใน ฟันของเขาก็กระทบกันกึกๆ อย่างอดที่จะเสียวสยองไม่ได้
"นี่... นี่หมายความว่า ผมรอดจากการตกไปเป็นทาสหรือข้ารับใช้ของมันอย่างหวุดหวิดใช่ไหมครับอาจารย์? "
"รอดจากตรงนั้นน่ะใช่ แต่ยังไม่ถือว่ารอดจากความตายอย่างแท้จริง อาถรรพ์ของสมุดวาดเขียนเล่มนี้จะยังคงมีผลต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีการทำลายสมุดวาดเขียนพร้อมกับทำลายปิศาจพยาบาทนั่น"
แล้วอาจารย์คงก็จ้องหน้าคนทั้งสอง
"เจ้าสองคนรู้ไม๊ ว่าทำไมพวกเจ้าถึงยังมีชีวิตกันถึงตอนนี้? "
ทั้งสองพร้อมใจกันส่ายหัวดิก
"ก็เพราะคนในภาพวาดอีกคนที่ได้ข่มขืนเด็กคนนั้นกำลังต่อต้านพลังอำนาจของปิศาจพยาบาทตนนั้นด้วยการขอความช่วยเหลือจากเกจิอาจารย์อีกผู้หนึ่ง ซึ่งเขาผู้นั้นก็ได้ทำพิธีข่มฤทธิเดชหรืออาถรรพ์ของสมุดเล่มนี้มาได้พักใหญ่แล้ว แต่ดูเหมือนเขาเองก็กำลังจะควบคุมไม่อยู่อีกต่อไป และคนที่ได้ข่มขืนเด็กคนนั้น ก็กำลังจะตกอยู่ในอำนาจหรือกำลังจะกลายเป็นข้ารับใช้ของเจ้าปิศาจพยาบาทนั่นอยู่เต็มทีแล้ว"
อาจารย์คงหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดเน้นเสียงอย่างชัดๆ
"และเมื่อเขาได้กลายเป็นข้ารับใช้โดยสมบูรณ์แล้ว ก็จะถึงวาระของพวกเจ้าที่จะต้องตายด้วยอาถรรพ์อย่างแน่นอน! "
ครูชัยรัตน์กับเมขลาถึงกับแทบสิ้นเรี่ยวแรงหลังจากที่อาจารย์คงเน้นคำหลังชัดๆ
"อาจารย์คะ ฮือๆ อาจารย์อย่าทำให้หนูกลัวถึงขนาดนั้นสิคะ ฮือๆ อาจารย์ต้องช่วยหนูให้ได้นะคะ แล้วต่อไปหนูจะกลับตัวเป็นคนดี ไม่ไปริษยาอาฆาตรใครเขาอีก ฮือๆ " เมขลาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเสียขวัญ
"ผม... ผมก็เช่นกันครับอาจารย์คง ต่อไปผมก็จะขอเป็นคนดี ไม่ไปทำผิดศีลธรรมอะไรกับใครอีกอย่างแน่นอนครับอาจารย์" ครูชัยรัตน์รับรองตัวเองขึ้นมาอีกคน
อาจารย์คงหรือแท้ที่จริงก็คือเมฆาปลอมตัวมา ถึงกับหัวเราะขึ้นมาในใจ คนพวกนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกับคำว่า ไม่เห็นโลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตาเลยแม้แต่น้อย
แต่เอาเถอะ คนพวกนี้จะอย่างไรก็ไม่ได้เลวโดยสมบูรณ์มาตั้งแต่แรก ยิ่งชายทั้งสองอย่างครูชัยรัตน์และนายเม้งนั่น ก็ถือได้ว่า ได้ถูกล่อลวงหรือถูกกระตุ้นด้วยฮอโมนส์ราคะของปิศาจพยาบาทที่สิงสู่อยู่ในเด็กใบ้คนนั้น
และจะอย่างไร เขาก็ต้องปราบปิศาจผู้ชั่วร้ายนี้ให้ได้ แม้ว่าทั้งสองนี้จะไม่ร้องขอ โดยที่ขณะนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่า ภาพของใครอีกคนที่อยู่ในสมุดวาดเขียนนั้นเป็นใครกันแน่ และการกินปูนร้อนท้องของนายเม้งจนกระโจนหนีไปนั้นก็เท่าเป็นการพิสูจน์ถึงเรื่องที่เขาได้ไปสืบเพิ่มเติมมาเมื่อตอนกลางวันได้เป็นอย่างดี
"ข้ารับปากว่าจะช่วยพวกเจ้า แต่ก่อนอื่น เราจะต้องช่วยคนคนหนึ่งก่อน! " อาจารย์คงบอกเสียงดังฟังชัด
"ใครครับ/คะ อาจารย์...?! " ทั้งสองถามออกมาอย่างเร็วปรื๋อ
"เราจะต้องช่วยนายเม้ง เพราะนายเม้งกำลังหนีไปหาความตาย และถ้านายเม้งตายไปในตอนนี้ งานนี้ก็อาจจะพัง และอาจจะมีคนตายเพิ่มขึ้นอีกหลายคน ซึ่งจะรวมถึงเจ้าสองคนด้วยอย่างแน่นอน...! "
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ