สืบสู้ผี ภาค เมฆาคนล่าผี
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 04.55 น.
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) สมุดวาดเขียนสั่งตาย Part 14
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้าทุ่มสี่สิบห้านาทีของคืนวันต่อมา อาจารย์คงและชายหญิงทั้งสามได้นั่งอยู่ในวงล้อมสายสิญจน์ที่ได้ผูกกับเสารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ได้จัดวางไว้ในห้องโถงใหญ่ของชั้นสอง โดยที่อาจารย์คงก็ได้นั่งหันหน้าออกไปทางหน้าต่างที่เปิดออกจนกว้าง และตรงหน้าของอาจารย์คงก็ยังมีอุปกรณ์สำหรับทำพิธีไสยศาสต์หลายอย่างตั้งวางอยู่ ซึ่งรวมทั้งสมุดวาดเขียนอาถรรพ์เจ้าปัญหาที่อาจารย์คงได้นำมาวางไว้บนพานข้างหน้าด้วย
"พวกเจ้าทั้งสาม..." อาจารย์คงลืมตาขึ้นพูด หลังจากที่ได้นั่งบริกรรมคาถาบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง "พิธีกรรมในการทำลายสมุดวาดเขียนเล่มนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว..."
คนทั้งสามที่นั่งอยู่เบื้องหลังต่างก็กระเถิบตัวเข้ามาใกล้ๆ อาจารย์คงอีกเล็กน้อยด้วยอาการที่ตื่นเต้นกันทุกคน และสายตาของคนทั้งสามนั้นต่างก็มองไปยังสมุดอาถรรพ์กันอย่างไม่วางตา
"ลำดับแรก ข้าจะเรียกเจ้าวิญญาณแห่งความพยาบาทนั้นออกมา" อาจารย์คงกล่าวขึ้นอีก "หากว่าพวกเจ้าทั้งสามได้มองเห็นวิญญาณนั้นปรากฏขึ้นแล้ว ก็ขออย่าได้มีความตระหนกตกใจอะไรจนเกินไป และอย่าได้ลุกออกจากวงล้อมของสายสิญจน์นี่โดยเด็ดขาดล่ะ พวกเจ้าคงเข้าใจที่ข้าบอกกันดีแล้วนะ...? "
"ครับ/ค่ะ" ทั้งสามรับคำพร้อมๆ กัน ขณะที่อาจารย์คงก็หันหน้ากลับไปยังสมุดวาดเขียนด้วยรอยยิ้มที่มุมปากโดยที่ทั้งสามก็ไม่ทันจะสังเกตุเห็น
แล้วอาจารย์คงก็ได้หลับตาและบริกรรมคาถาอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่สายลมภายนอกหน้าต่างจะเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมีเสียงกิ่งไม้ที่อยู่รอบๆ บ้านหักดังเปรี๊ยะๆ ในเวลาราวเที่ยงคืนพอดี
และหลังจากที่สายลมได้พัดกรรโชกจนดังอื้ออึงอยู่ไม่กี่นาที ก็ค่อยๆ ปรากฏกลุ่มควันที่เป็นหมอกขาวๆ ขึ้นที่เบื้องหน้าของอาจารย์คง จากนั้นกลุ่มหมอกขาวนั้นก็ค่อยๆ รวมตัวกันจนเป็นเงาร่างของอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายๆ กับรูปร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง
ชายหญิงทั้งสามที่นั่งอยู่หลังอาจารย์คงตอนนี้ต่างก็มีอาการราวกับจะขนลุกขนชันขึ้นมากันทั้งหมด แล้วต่างก็เขยิบเข้ามาเบียดร่างชิดกันอย่างไม่รู้ตัว
เงาร่างที่ดูคล้ายๆ ผู้หญิงแต่ยังเป็นกลุ่มหมอกสีขาวนั้น ดูยังไงก็ดูไม่ชัดว่ามีหน้าตาแบบไหนกันแน่ แต่แล้วมันก็ส่งเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกออกมา
"เหอๆๆๆ ..."
คนทั้งสามสะดุ้งกับเสียงนั้นทันที แล้วเมขลากับครูชัยรัตน์ต่างก็เข้าสวมกอดกันอย่างไม่รู้ตัว พร้อมๆ กับอ้าปากค้างราวกับอยากจะอุทานอะไรออกมา แต่ก็กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
"แกเป็นคราย....? " เสียงถามอันแหบเครือที่ฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของชายหรือหญิงกันแน่ดังออกมาจากร่างที่เป็นหมอกขาวนั้น
อาจารย์คงหยุดการบริกรรมคาถาลงทันที แล้วลืมตามองร่างหมอกขาวนั้นด้วยดวงตาที่ดุดัน
"ข้ารึ? ข้าก็คืออาจารย์คง เกจิไสยศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่จะมาทำลายอาถรรพ์ของสมุดวาดเขียนเล่มนี้ที่เกิดจากฤทธิ์เน่าๆ ของเจ้ายังไงล่ะเจ้าผีร้าย...! "
เสียงตอบของอาจารย์คงดังออกมาชัดเจน จนร่างกลุ่มหมอกนั้นเหมือนจะผงะไปเล็กน้อย แต่แล้วมันก็กลับเคลื่อนเข้ามาใกล้กว่าเดิม โดยตอนนี้มันก็เข้ามาอยู่จนชิดกับพานที่ใช้วางสมุดวาดเขียน
และเมื่อมันเข้ามาอยู่ในระยะใกล้ขนาดนี้ คนทั้งหมดที่อยู่ในวงล้อมสายสิญจน์ก็ค่อยๆ มองเห็นใบหน้าของมันที่ยังคงเป็นกลุ่มหมอกวูบๆ วาบๆ ชัดขึ้นกว่าเดิม และถ้ามองดูดีๆ แล้ว ก็เหมือนมันกำลังแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียด
"อาจารย์คง? อ้อ... ที่แท้ก็หมอผีสินะ เกจงเกจิอะไรกัน ข้าว่าเจ้าก็คงจะไม่ต่างอะไรกับหมอผีกำมะลอที่ข้าเคยเจอมาแล้วซะมากกว่าล่ะมั้ง? เหอๆๆๆ ..." เจ้าผีกลุ่มหมอกลากเสียงหัวเราะอย่างหยันๆ
"บังอาจดูถูกข้ารึ?! " เสียงอาจารย์คงดังอย่างมีโทสะ พลางก็ควักบางอย่างออกมา และเหวี่ยงใส่ร่างเจ้าผีหมอกทันที!
"กรี๊ดดดด...!! "
เจ้าผีหมอกร้องลั่น เมื่อสิ่งที่ถูกเหวี่ยงออกมาจากมือของอาจารย์คงนั้นกระทบกับร่างหมอกของมัน
"นี่มัน... อะไรกันๆ โอยๆ ทำไมมันเจ็บอย่างงี้ล่ะ...? " เจ้าผีหมอกบิดตัวไปมาราวกับจะเจ็บปวดเหลือกำลัง
แล้วร่างที่ดูเป็นสายหมอกนั้นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และที่แท้มันก็เป็นปิศาจผมยาวที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นและมีเบ้าตาอันกลวงโบ๋จนมองไม่เห็นลูกตาทั้งสองข้าง ส่วนชุดที่มันใส่นั้นก็เป็นชุดคลุมยาวสีขาวอันขมุกขมอมและขาดวิ่นราวผ้าขี้ริ้ว และบัดนี้มันก็ถึงกับทรุดร่างตรงหน้าพานที่ใส่สมุดวาดเขียน พลางก็ทำท่าหอบอย่างเหนื่อยอ่อน
"หึ... แค่โดนข้าวสารเสกของข้าแค่นี้ก็แทบจะหมดฤทธิ์แล้วรึ? " อาจารย์คงยิ้มย่องขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย "ยังจะคิดว่าข้าเป็นหมอผีกำมะลอีกหรือเปล่าล่ะเจ้าผีร้าย? "
"จะ... เจ้า... เจ้าอย่าทำอะไรข้าอีกเลยนะ แล้ว... แล้วเจ้าต้องการอะไรจากข้ารึ เจ้าเกจิ เอ๊ย... ท่านอาจารย์คง....? " เสียงของเจ้าผีอ่อนลงไป
อาจารย์คงชี้หน้ามันทันที "ข้ามีคำถามบางอย่างอยากจะถามเจ้าสักเล็กน้อย บางทีถ้าเจ้าตอบข้ามาดีๆ ข้าเองก็อาจจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บปวดอะไรอีก และบางทีข้าเองก็อาจจะปล่อยให้เจ้าไปตามทางของเจ้า แต่เจ้าเองก็ต้องถอนอาถรรพ์ทั้งหมดออกไปจากสมุดวาดเขียนเล่มนี้เสียก่อนด้วย...! "
เจ้าผีเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์คงทันที "คำถาม...? คำถามอะไรรึท่านอาจารย์? "
อาจารย์คงชี้นิ้วลงไปที่สมุดวาดเขียนทันที
"ภาพวาดในสมุดวาดเขียนเล่มนี้ นอกจากมีภาพวาดของเด็กสามคนที่ได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ก็ยังมีภาพวาดของผู้ใหญ่อีกสี่ภาพใช่หรือไม่ ตอบข้ามา...? "
เจ้าผีอึ้งไปชั่วครู่ "ใช่แล้ว ท่านอาจารย์ อีกสี่ภาพนั้นเป็นภาพของผู้ใหญ่"
"สามในสี่ภาพนั้น คือภาพของคนทั้งสามที่อยู่ข้างหลังนี่ใช่ไหม? "
เจ้าผีมองผ่านอาจารย์คงไปที่คนทั้งสามที่ยังคงนั่งอ้าปากค้างกันราวถูกสตั๊ฟ
แล้วเจ้าผีก็พยักหน้าให้กับอาจารย์คง "ใช่แล้วอาจารย์ สามในสี่ภาพนั้นก็คือภาพวาดของคนทั้งสามนี่เอง"
อาจารย์คงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ "ดีมาก คราวนี้ข้าอยากจะรู้ว่า อีกภาพที่เหลือนั้น เป็นภาพของใครกันรึ...? "
คราวนี้สีหน้าของเจ้าผีกลับดูบิดเบี้ยวเหยเกจนเกือบจะไม่เป็นทรงหน้า
"ข้า... ข้าบอก... ท่านไม่ได้ ข้า... ถูกบางอย่างควบคุมไว้อยู่ ถ้าข้าบอก... ร่างของข้าอาจจะสลายไปทันที..." เจ้าผีตอบอย่างติดๆ ขัดๆ ราวกับจะเกิดความเครียดหรือความกลัวขึ้นมาอย่างมากมาย
แล้วอาจารย์คงก็พยักหน้าอย่างช้าๆ "เอาล่ะ... ข้าคงจะบีบคั้นเจ้าให้บอกไม่ได้สินะ งั้นข้าขอเปลี่ยนคำถามที่น่าจะทำให้เจ้าเลี่ยงจากการร่างสูญสลายไปได้..."
เจ้าผีแทบจะกราบอาจารย์คง "คำ... คำถามของท่านคือ...? "
อาจารย์คงหันขวับกลับไปที่ชายหญิงทั้งสามที่ยังนั่งอ้าปากค้าง จนทั้งสามแทบจะสะดุ้งขึ้นมาพร้อมๆ กัน
"เจ้าผีเน่า เจ้าบอกข้าหน่อยสิ ว่าในคนทั้งสามนี้ มีคนหนึ่งที่รู้จักคนที่อยู่ในภาพวาดอีกใบหนึ่งเป็นอย่างดีใช่หรือไม่...? และมันเองก็ยังอุตส่าห์ไปทำงานสกปรกให้คนๆ นั้นอีกต่างหากด้วย...?! "
คราวนี้ หนึ่งในสามคนถึงกับมีสีหน้าที่ซีดเผือดกว่าคนอื่นๆ
เจ้าผีพยักหน้าให้อาจารย์คงอย่างช้าๆ แล้วก็ชี้นิ้วออกไป
นิ้วนั้นกลับชี้ไปที่ นายเม้ง ที่ทั้งกำลังหน้าซีดเผือดและตาเหลือกอยู่ในขณะนี้
"อะ... อะ... อาจารย์... ผะ... ผมไม่..." นายเม้งถึงกับติดอ่างขณะที่กำลังจะอธิบายบางอย่าง
และแค่ปฏิกิริยาเพียงแค่นี้ของนายเม้ง ก็เพียงพอที่จะทำให้อาจารย์คงบรรลุถึงข้อเท็จจริงบางอย่าง เหมือนอย่างที่เขาได้สันนิษฐานเอาไว้ก่อนหน้านี้
และอาจารย์คงหรือแท้ที่จริงก็คือ'เมฆา'จำแลงปลอมตัวมา ก็ยังได้แอบหันไปขยิบตาให้กับเจ้าผีที่ยังยกนิ้วชี้ค้างอยู่ที่นายเม้ง
และแม้แต่เจ้าผีเองก็ยังอุตส่าห์ยิ้มเล็กๆ อยู่ที่มุมปากของมัน
ผีร้ายหรือวิญญาณพยาบาท ไฉนถึงดูไม่ค่อยมีฤทธิเดชหรือดูน่ากลัวพอที่จะเป็นอาถรรพ์ต้องสาปของสมุดวาดเขียนได้...?
บางที เร็วๆ นี้เมฆาอาจจะสาธยายเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟังก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ชายหญิงทั้งสามต่างก็ยังไม่ได้ตระหนักหรือเข้าใจแผนการบางอย่างของเมฆา
โดยเฉพาะนายเม้ง ที่ตอนนี้ก็กำลังจะคายชื่อของใครบางคนออกมาในขณะนี้แล้ว...? ่
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ