The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

87) ไอ้โง่ดักดาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://www.wallpapertip.com

 

“ สวัสดี วัยรุ่น พวกนายจะออกเดินทางแล้วเหรอ ” ศาสตราจารย์วัยครึ่งศตวรรษร้องถามหนุ่มสาวด้วยใบหน้ายิ้มละไม 

 

“ แม่นแล้ว ชั้นและพวกจะออกเดินทางในวันนี้ มีอะไรจะสั่งเสียหรือเปล่า ตาแก่ ” มาวินแหลมหน้าขึ้นไปถามเกรียนๆ แต่ทันทีที่กล่าวจบ ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็เริ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้า ดูท่าทางเขาจะไม่พอใจอย่างแรงที่มีคนเรียกว่า….ตาแก่ 

        

 

      เด็กหนุ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของศาสตราจารย์เฒ่า แต่เขาไม่สำนึกเลยซักนิด มิหนำซ้ำยังคิดแหย่ต่อ เพื่อความสนุก จังหวะที่จะเปิดปาก ก็ถูกบีบข้อมือเต็มแรงจนทำให้รู้สึกเจ็บ

 

“ โอ๊ย ใครฟะ เจ็บนะ ”

        

 

       เด็กหนุ่มหัวเขียวรีบหันไปด่า แต่ไม่ทันอ้าปาก ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เพราะบุคคลที่กำลังกำข้อมือก็คือ….เหมยลี่ 

            

 

       มาวินหรือลิงหัวเขียวประจำคณะ สงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่างฉับพลัน เนื่องจากเกรงมือที่หนักหน่วงของเหมยลี่ ทำให้โจจี้เข้ามาแก้สถานการณ์ โดยการตอบศาสตราจารย์เฒ่าอย่างนอบน้อม 

 

“ ใช่แล้วครับ พวกผมจะกลับในวันนี้ ท่านศาสตราจารย์มีอะไรจะชี้แนะรึเปล่าครับ ” 

           

 

       สีหน้าของศาสตราจารย์เฒ่าดูดีขึ้นทันตา แต่ยังกระแอมดังๆอยู่หลายที คล้ายพยายามขับไล่อารมณ์ร้ายที่คั่งค้างอยู่ภายใน ไม่นาน ก็กล่าวเป็นงานเป็นการ 

 

“ ที่มาในวันนี้ นอกจากจะมาร่ำลา ยังนำสรุปผลพัฒนาการของเจ้าหนูหัวเขียวมาให้ดู ” ศาสตราจารย์เฒ่ากล่าวจบ เขาก็หยิบกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมขนาดครึ่งฝ่ามือขึ้นมา

 

“ กล่องพลาสติกเล็กๆไร้ราคานี่น่ะเหรอ สรุปผลพัฒนาการของชั้น ” มาวินแทรกขึ้นมากลางปล้องอย่างไร้มารยาท แต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะถูกสายตาดุๆของเหมยลี่ข่มเอาไว้ 

 

“ ใช่แล้ว เจ้าหนู นี่แหละสรุปผลพัฒนาการของนาย ทีนี้เอานาฬิกาวิญญาณมาให้ชั้นสิ ” ศาสตราจารย์เฒ่าตอบกลับ พร้อมยื่นมือมาทางมาวิน 

            

 

        ทีแรก มาวินทำท่าจะกวนประสาทตามสันดานลิง แต่เกรงหมัดหนักๆของเหมยลี่ที่ยืนคุมเชิงอยู่ เลยถอดนาฬิกาวิญญาณให้ศาสตราจารย์เฒ่า กระนั้นก็ยังแอบยักคิ้วหลิ่วตาให้ เป็นเชิงล้อเลียน

            

 

       ศาสตราจารย์เฒ่ารับนาฬิกาข้อมือมา โดยไม่สนอาการหยอกเย้าของลิงน้อย จากนั้นก็แกะกล่องพลาสติกออก ข้างในมีชิบที่ใหญ่ประมาณนิ้วมือบรรจุอยู่ 

          

 

        ศาสตราจารย์เฒ่านำชิบนั้นเสียบเข้าไปที่ช่องใส่ซึ่งอยู่ด้านหลังของนาฬิกาวิญญาณ จากนั้นก็กดปุ่มสีเขียวบนตัวเรือน เพื่อรีบูทระบบ

 

“ ตู้ด….. ” เสียงสัญญาณเตือนดังออกมาจากนาฬิกา กระแสนั้นกังวานจนทำให้มาวินผวา เพราะนึกว่ามันจะระเบิด 

 

“ เหวอ แล้วมันจะระเบิดมั้ยเนี่ย ” เด็กหนุ่มหัวเขียวอุทานดัง แต่เขาก็กลับมาเงียบอีกครั้ง เมื่อเหมยลี่เริ่มตีหน้ายักษ์ พร้อมยื่นคำขาด 

 

“ ถ้าขืนนายยังพูดจาเหลวไหลอีกที ชั้นจะกระชากลิ้นออกจากปาก ” 

             

 

       ใบหน้าเรียวเล็กเจื่อนลงถนัดตา พร้อมกลายสภาพเป็นไอ้ใบ้โดยปริยาย ซึ่งถ้าพิจารณาจากพฤติกรรมของเด็กสาวร่างสูง  ก็มีแนวโน้มว่าคำขู่จะเป็นความจริง

              

 

       หลังเสร็จสิ้นภารกิจกำราบลิงจอมซน ภาพโฮโลแกรมก็พุ่งออกมาจากหน้าปัดนาฬิกา ภาพนั้นลอยอยู่กลางอากาศ มันเป็นตัวอักษรที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

 

ชื่อ  มาวิน   เทพอัศวิน

ระดับ 9  อาชีพระดับที่ 1  ไร้อาชีพ

พลังชีวิต 100   กำลัง 7   โชค 6

พลังกาย 55   ความเร็ว 18   ปัญญา 7

พลังเวท 0   ทนทาน 7   ทักษะ 12

 

“ เย้ๆ นี่คือค่าพลังของชั้นใช่มั้ย สุดยอดจริงๆ เป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ” มาวินเฮดัง เขากระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ แต่อีกสามคนกลับมีทีท่าหดหู่

 

“ อ้าว แล้วทำไมพวกนายไม่ดีใจ ไม่เห็นรึไงว่าค่าพลังของชั้น มันสุดยอดขนาดไหน ” มาวินไถ่ถามเสียงเศร้า โจจี้จึงรีบปรับสีหน้าเป็นเกรี้ยวกราด พร้อมตวาดด่า

 

“ เจ้าบ้า จะดีใจได้ยังไง ไม่ได้สังเกตเลยเหรอ……ค่าพลังไม่ได้ขยับขึ้นมาซักเลเวลเดียว นายนี่มันโง่ดักดานจริงๆ ” 

 

“ นายนั่นแหละบ้า เลเวลของชั้นอัพขึ้นมาตั้งเยอะ นายนี่เหมือนตาแก่ที่แสนเลอะเลือน ” มาวินเถียงคอเป็นเอ็น แต่พอสิ้นคำว่า…แก่ ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็กระแอมดังสามที เป็นเชิงตักเตือนว่าเด็กหนุ่มกำลังพูดคำต้องห้าม

 

“ โอ๊ย ตูจะบ้าตาย อย่างกะคุยกับเด็กปัญญาอ่อนเลย ” โจจี้กุมขมับ ท่าทางเพลียๆ ถึงอย่างนั้น เขาก็หยุดการออกตัวแรงของมาวินไม่ได้

 

“ นายนั่นแหละปัญญาอ่อนที่จำค่าพลังของชั้นผิด ถ้าไม่เชื่อ ลองไปถามเหมยลี่ดิ ” มาวินพูดจบ เขาก็พยักพเยิดไปทางเหมยลี่ เพื่อหาพวก ทว่าเด็กสาวร่างสูงกลับตอบเรียบๆว่า…. 

 

“ จริงตามที่เขาว่านั่นแหละ ค่าพลังของนายไม่ขยับขึ้นมาเลยซักเลเวล ” 

 

“ เห็นมั้ย พลังของชั้นเพิ่มขึ้นมาตั้งเยอะ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอพูดว่าไง ” มาวินเตรียมเฮที่หาพวกได้ แต่เขาก็สะดุดกับคำพูดของเด็กสาวจนต้องย้อนถาม

            

 

       เด็กสาวร่างสูงสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆอยู่หลายครั้ง เพื่อปรับอารมณ์ให้เย็นลง พอเข้าที่เข้าทาง เธอก็เริ่มกล่าวช้าๆชัดๆ หวังให้ทุกถ้อยกระบวนคำจารึกในสมองของอีกฝ่าย 

 

“ พลังของนาย…..ไม่เพิ่มขึ้นมาเลย ” 

            

 

       มาวินถึงกับสตั้นไปหลายอึดใจ เพราะสิ่งที่ออกจากปากของเหมยลี่ค่อนข้างจะน่าเชื่อถือ เนื่องจากเด็กสาวนางนี้แทบไม่เคยพูดจาล้อเล่น แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้จอมดื้อยอมแพ้ง่ายๆ เขาหันไปถามศาสตราจาย์อ็อคซี่อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจ

 

“ ตกลงที่ทุกคนพูดมาเป็นความจริงรึเปล่า พลังของชั้นไม่เพิ่มขึ้นมาเลยเหรอ ” 

            

 

       ศาสตราจารย์เฒ่ายิ้มเศร้าๆ พร้อมตอบเบาๆ ท่าทางสังเวช 

 

“ จริงอย่างที่ทั้งสองคนนั้นบอก ระดับพลังของนายไม่ได้พัฒนาขึ้นมาซักเลเวลเดียว ” 

            

 

       สิ้นคำของศาสตราจารย์อ็อคซี่ ทั้งสี่พากันเงียบกริบโดยไม่ได้นัดหมาย โดยเฉพาะมาวิน เขาถึงกับทรุดกายลงไปนั่งคุกเข่าด้วยอาการท้อแท้

 

“ ศาสตราจารย์ครับ มันผิดปกติมาก เพราะระดับเลเวลของเจ้าน้องชายหัวเขียวน่าจะอัพขึ้นมาอย่างน้อยซักสาม สี่เลเวลเป็นอย่างต่ำ แต่นี่ไม่ขยับเลย ผมว่าเครื่องตรวจต้องเสียแน่ๆ ” โจจี้หันมาร้องท้วง ส่วนเหมยลี่ให้ความสนใจอยู่ห่างๆ 

          

 

       ศาสตราจารย์เฒ่าไม่ตอบในทันที สีหน้าและแววตาดูนิ่งเฉยและเงียบขรึม แต่ถ้าสังเกตให้ดี ก็จะเห็นว่ามือทั้งสองข้างกำลังสั่นเล็กน้อย เป็นนัยว่าตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง แน่นอนว่าทุกสิ่งที่เกิด อยู่ในสายตาของโจจี้

 

“ เอ่อ ตกลงว่ายังไงครับ ช่วยตอบคำถามของผมด้วย ” โจจี้ทวงถามต่อ น้ำเสียงคาดคั้นเล็กน้อย 

 

“ เอ๊ะ อ่อ ก็เป็นไปได้ว่าเครื่องจะเสียนะ เอาเป็นว่า…..ทางเราไม่เก็บค่าใช้จ่ายในการลงดันเจี้ยนก็แล้วกัน ” ศาสตราจารย์เฒ่าสะดุ้ง เนื่องจากเขากำลังขบคิดบางอย่าง           

        

 

       โจจี้หรี่ตามอง ท่าทางระแวง หลังจากนั้น หนุ่มหล่อผมทองก็ปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติ พร้อมตอบตกลงแต่โดยดี 

 

“ รับทราบครับ ” 

           

 

       ทีมล่ามอนสเตอร์เตรียมออกจากตึกอัพเลเวล มีเพียงมาวินเท่านั้นที่ยังแข้งขาอ่อนจนยืนไม่ไหว ดวงตาปรือลอย พร้อมเพ้อละเมออยู่คนเดียว

 

“ เหอๆ พลังของชั้นไม่ขยับขึ้นมาเลย ” 

          

 

       เหมยลี่ส่ายหัวเล็กน้อยเป็นเชิงเวทนา หลังจากนั้น เด็กสาวร่างสูงก็ก้าวเข้ามาหิ้วปีก แล้วพาเดินออกจากห้อง ส่วนทางด้านโจจี้ เขาเป่าปากระบายลม ภายในนึกปลอบใจตัวเอง

 

“ ถึงแม้พลังของน้องชายหัวเขียวจะยังต่ำต้อย แต่หมอนี่ก็มีฝีมือพอจะผ่านดันเจี้ยนระดับ 20 น่าจะเป็นประโยชน์ในภารกิจล่ามอนสเตอร์ (มั้งนะ) ” 

           

 

       ขณะที่โจจี้กำลังจะเดินออกจากห้อง ศาสตราจารย์เฒ่าก็เรียกหนุ่มหล่อผมทอง

 

“ โจจี้ นายพอมีเวลาจะคุยกับชั้นมั้ย ” 

 

“ เรื่องอะไรหรือครับ ศาสตราจารย์ ” โจจี้หันกลับมามอง สีหน้าเหลอหลา  

 

“ เอ่อ……เรื่องค่าพลังของเจ้าหนูหัวเขียวน่ะ ” ศาสตราจารย์เฒ่าอ้ำอึ้งนิดหนึ่ง ก่อนจะเปิดประเด็น

 

“ ครับๆ ว่ามาได้เลยครับ ” โจจี้รับคำ เขาตั้งใจฟังอย่างเต็มที่  

            

 

       ศาสตราจารย์เฒ่าหันรีหันขวางอยู่หลายวาระ ก่อนจะบอกหนุ่มหล่อผมทองด้วยเสียงกระซิบ คล้ายว่าสิ่งที่กำลังเล่านั้นเป็นความลับระดับพรีเมี่ยม ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่สมควรกล่าวแก่ผู้ใด

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา