The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
87) ไอ้โง่ดักดาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.wallpapertip.com
“ สวัสดี วัยรุ่น พวกนายจะออกเดินทางแล้วเหรอ ” ศาสตราจารย์วัยครึ่งศตวรรษร้องถามหนุ่มสาวด้วยใบหน้ายิ้มละไม
“ แม่นแล้ว ชั้นและพวกจะออกเดินทางในวันนี้ มีอะไรจะสั่งเสียหรือเปล่า ตาแก่ ” มาวินแหลมหน้าขึ้นไปถามเกรียนๆ แต่ทันทีที่กล่าวจบ ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็เริ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้า ดูท่าทางเขาจะไม่พอใจอย่างแรงที่มีคนเรียกว่า….ตาแก่
เด็กหนุ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของศาสตราจารย์เฒ่า แต่เขาไม่สำนึกเลยซักนิด มิหนำซ้ำยังคิดแหย่ต่อ เพื่อความสนุก จังหวะที่จะเปิดปาก ก็ถูกบีบข้อมือเต็มแรงจนทำให้รู้สึกเจ็บ
“ โอ๊ย ใครฟะ เจ็บนะ ”
เด็กหนุ่มหัวเขียวรีบหันไปด่า แต่ไม่ทันอ้าปาก ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เพราะบุคคลที่กำลังกำข้อมือก็คือ….เหมยลี่
มาวินหรือลิงหัวเขียวประจำคณะ สงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่างฉับพลัน เนื่องจากเกรงมือที่หนักหน่วงของเหมยลี่ ทำให้โจจี้เข้ามาแก้สถานการณ์ โดยการตอบศาสตราจารย์เฒ่าอย่างนอบน้อม
“ ใช่แล้วครับ พวกผมจะกลับในวันนี้ ท่านศาสตราจารย์มีอะไรจะชี้แนะรึเปล่าครับ ”
สีหน้าของศาสตราจารย์เฒ่าดูดีขึ้นทันตา แต่ยังกระแอมดังๆอยู่หลายที คล้ายพยายามขับไล่อารมณ์ร้ายที่คั่งค้างอยู่ภายใน ไม่นาน ก็กล่าวเป็นงานเป็นการ
“ ที่มาในวันนี้ นอกจากจะมาร่ำลา ยังนำสรุปผลพัฒนาการของเจ้าหนูหัวเขียวมาให้ดู ” ศาสตราจารย์เฒ่ากล่าวจบ เขาก็หยิบกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมขนาดครึ่งฝ่ามือขึ้นมา
“ กล่องพลาสติกเล็กๆไร้ราคานี่น่ะเหรอ สรุปผลพัฒนาการของชั้น ” มาวินแทรกขึ้นมากลางปล้องอย่างไร้มารยาท แต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะถูกสายตาดุๆของเหมยลี่ข่มเอาไว้
“ ใช่แล้ว เจ้าหนู นี่แหละสรุปผลพัฒนาการของนาย ทีนี้เอานาฬิกาวิญญาณมาให้ชั้นสิ ” ศาสตราจารย์เฒ่าตอบกลับ พร้อมยื่นมือมาทางมาวิน
ทีแรก มาวินทำท่าจะกวนประสาทตามสันดานลิง แต่เกรงหมัดหนักๆของเหมยลี่ที่ยืนคุมเชิงอยู่ เลยถอดนาฬิกาวิญญาณให้ศาสตราจารย์เฒ่า กระนั้นก็ยังแอบยักคิ้วหลิ่วตาให้ เป็นเชิงล้อเลียน
ศาสตราจารย์เฒ่ารับนาฬิกาข้อมือมา โดยไม่สนอาการหยอกเย้าของลิงน้อย จากนั้นก็แกะกล่องพลาสติกออก ข้างในมีชิบที่ใหญ่ประมาณนิ้วมือบรรจุอยู่
ศาสตราจารย์เฒ่านำชิบนั้นเสียบเข้าไปที่ช่องใส่ซึ่งอยู่ด้านหลังของนาฬิกาวิญญาณ จากนั้นก็กดปุ่มสีเขียวบนตัวเรือน เพื่อรีบูทระบบ
“ ตู้ด….. ” เสียงสัญญาณเตือนดังออกมาจากนาฬิกา กระแสนั้นกังวานจนทำให้มาวินผวา เพราะนึกว่ามันจะระเบิด
“ เหวอ แล้วมันจะระเบิดมั้ยเนี่ย ” เด็กหนุ่มหัวเขียวอุทานดัง แต่เขาก็กลับมาเงียบอีกครั้ง เมื่อเหมยลี่เริ่มตีหน้ายักษ์ พร้อมยื่นคำขาด
“ ถ้าขืนนายยังพูดจาเหลวไหลอีกที ชั้นจะกระชากลิ้นออกจากปาก ”
ใบหน้าเรียวเล็กเจื่อนลงถนัดตา พร้อมกลายสภาพเป็นไอ้ใบ้โดยปริยาย ซึ่งถ้าพิจารณาจากพฤติกรรมของเด็กสาวร่างสูง ก็มีแนวโน้มว่าคำขู่จะเป็นความจริง
หลังเสร็จสิ้นภารกิจกำราบลิงจอมซน ภาพโฮโลแกรมก็พุ่งออกมาจากหน้าปัดนาฬิกา ภาพนั้นลอยอยู่กลางอากาศ มันเป็นตัวอักษรที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ชื่อ มาวิน เทพอัศวิน
ระดับ 9 อาชีพระดับที่ 1 ไร้อาชีพ
พลังชีวิต 100 กำลัง 7 โชค 6
พลังกาย 55 ความเร็ว 18 ปัญญา 7
พลังเวท 0 ทนทาน 7 ทักษะ 12
“ เย้ๆ นี่คือค่าพลังของชั้นใช่มั้ย สุดยอดจริงๆ เป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ” มาวินเฮดัง เขากระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ แต่อีกสามคนกลับมีทีท่าหดหู่
“ อ้าว แล้วทำไมพวกนายไม่ดีใจ ไม่เห็นรึไงว่าค่าพลังของชั้น มันสุดยอดขนาดไหน ” มาวินไถ่ถามเสียงเศร้า โจจี้จึงรีบปรับสีหน้าเป็นเกรี้ยวกราด พร้อมตวาดด่า
“ เจ้าบ้า จะดีใจได้ยังไง ไม่ได้สังเกตเลยเหรอ……ค่าพลังไม่ได้ขยับขึ้นมาซักเลเวลเดียว นายนี่มันโง่ดักดานจริงๆ ”
“ นายนั่นแหละบ้า เลเวลของชั้นอัพขึ้นมาตั้งเยอะ นายนี่เหมือนตาแก่ที่แสนเลอะเลือน ” มาวินเถียงคอเป็นเอ็น แต่พอสิ้นคำว่า…แก่ ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็กระแอมดังสามที เป็นเชิงตักเตือนว่าเด็กหนุ่มกำลังพูดคำต้องห้าม
“ โอ๊ย ตูจะบ้าตาย อย่างกะคุยกับเด็กปัญญาอ่อนเลย ” โจจี้กุมขมับ ท่าทางเพลียๆ ถึงอย่างนั้น เขาก็หยุดการออกตัวแรงของมาวินไม่ได้
“ นายนั่นแหละปัญญาอ่อนที่จำค่าพลังของชั้นผิด ถ้าไม่เชื่อ ลองไปถามเหมยลี่ดิ ” มาวินพูดจบ เขาก็พยักพเยิดไปทางเหมยลี่ เพื่อหาพวก ทว่าเด็กสาวร่างสูงกลับตอบเรียบๆว่า….
“ จริงตามที่เขาว่านั่นแหละ ค่าพลังของนายไม่ขยับขึ้นมาเลยซักเลเวล ”
“ เห็นมั้ย พลังของชั้นเพิ่มขึ้นมาตั้งเยอะ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอพูดว่าไง ” มาวินเตรียมเฮที่หาพวกได้ แต่เขาก็สะดุดกับคำพูดของเด็กสาวจนต้องย้อนถาม
เด็กสาวร่างสูงสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆอยู่หลายครั้ง เพื่อปรับอารมณ์ให้เย็นลง พอเข้าที่เข้าทาง เธอก็เริ่มกล่าวช้าๆชัดๆ หวังให้ทุกถ้อยกระบวนคำจารึกในสมองของอีกฝ่าย
“ พลังของนาย…..ไม่เพิ่มขึ้นมาเลย ”
มาวินถึงกับสตั้นไปหลายอึดใจ เพราะสิ่งที่ออกจากปากของเหมยลี่ค่อนข้างจะน่าเชื่อถือ เนื่องจากเด็กสาวนางนี้แทบไม่เคยพูดจาล้อเล่น แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็ไม่ทำให้จอมดื้อยอมแพ้ง่ายๆ เขาหันไปถามศาสตราจาย์อ็อคซี่อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจ
“ ตกลงที่ทุกคนพูดมาเป็นความจริงรึเปล่า พลังของชั้นไม่เพิ่มขึ้นมาเลยเหรอ ”
ศาสตราจารย์เฒ่ายิ้มเศร้าๆ พร้อมตอบเบาๆ ท่าทางสังเวช
“ จริงอย่างที่ทั้งสองคนนั้นบอก ระดับพลังของนายไม่ได้พัฒนาขึ้นมาซักเลเวลเดียว ”
สิ้นคำของศาสตราจารย์อ็อคซี่ ทั้งสี่พากันเงียบกริบโดยไม่ได้นัดหมาย โดยเฉพาะมาวิน เขาถึงกับทรุดกายลงไปนั่งคุกเข่าด้วยอาการท้อแท้
“ ศาสตราจารย์ครับ มันผิดปกติมาก เพราะระดับเลเวลของเจ้าน้องชายหัวเขียวน่าจะอัพขึ้นมาอย่างน้อยซักสาม สี่เลเวลเป็นอย่างต่ำ แต่นี่ไม่ขยับเลย ผมว่าเครื่องตรวจต้องเสียแน่ๆ ” โจจี้หันมาร้องท้วง ส่วนเหมยลี่ให้ความสนใจอยู่ห่างๆ
ศาสตราจารย์เฒ่าไม่ตอบในทันที สีหน้าและแววตาดูนิ่งเฉยและเงียบขรึม แต่ถ้าสังเกตให้ดี ก็จะเห็นว่ามือทั้งสองข้างกำลังสั่นเล็กน้อย เป็นนัยว่าตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง แน่นอนว่าทุกสิ่งที่เกิด อยู่ในสายตาของโจจี้
“ เอ่อ ตกลงว่ายังไงครับ ช่วยตอบคำถามของผมด้วย ” โจจี้ทวงถามต่อ น้ำเสียงคาดคั้นเล็กน้อย
“ เอ๊ะ อ่อ ก็เป็นไปได้ว่าเครื่องจะเสียนะ เอาเป็นว่า…..ทางเราไม่เก็บค่าใช้จ่ายในการลงดันเจี้ยนก็แล้วกัน ” ศาสตราจารย์เฒ่าสะดุ้ง เนื่องจากเขากำลังขบคิดบางอย่าง
โจจี้หรี่ตามอง ท่าทางระแวง หลังจากนั้น หนุ่มหล่อผมทองก็ปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติ พร้อมตอบตกลงแต่โดยดี
“ รับทราบครับ ”
ทีมล่ามอนสเตอร์เตรียมออกจากตึกอัพเลเวล มีเพียงมาวินเท่านั้นที่ยังแข้งขาอ่อนจนยืนไม่ไหว ดวงตาปรือลอย พร้อมเพ้อละเมออยู่คนเดียว
“ เหอๆ พลังของชั้นไม่ขยับขึ้นมาเลย ”
เหมยลี่ส่ายหัวเล็กน้อยเป็นเชิงเวทนา หลังจากนั้น เด็กสาวร่างสูงก็ก้าวเข้ามาหิ้วปีก แล้วพาเดินออกจากห้อง ส่วนทางด้านโจจี้ เขาเป่าปากระบายลม ภายในนึกปลอบใจตัวเอง
“ ถึงแม้พลังของน้องชายหัวเขียวจะยังต่ำต้อย แต่หมอนี่ก็มีฝีมือพอจะผ่านดันเจี้ยนระดับ 20 น่าจะเป็นประโยชน์ในภารกิจล่ามอนสเตอร์ (มั้งนะ) ”
ขณะที่โจจี้กำลังจะเดินออกจากห้อง ศาสตราจารย์เฒ่าก็เรียกหนุ่มหล่อผมทอง
“ โจจี้ นายพอมีเวลาจะคุยกับชั้นมั้ย ”
“ เรื่องอะไรหรือครับ ศาสตราจารย์ ” โจจี้หันกลับมามอง สีหน้าเหลอหลา
“ เอ่อ……เรื่องค่าพลังของเจ้าหนูหัวเขียวน่ะ ” ศาสตราจารย์เฒ่าอ้ำอึ้งนิดหนึ่ง ก่อนจะเปิดประเด็น
“ ครับๆ ว่ามาได้เลยครับ ” โจจี้รับคำ เขาตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
ศาสตราจารย์เฒ่าหันรีหันขวางอยู่หลายวาระ ก่อนจะบอกหนุ่มหล่อผมทองด้วยเสียงกระซิบ คล้ายว่าสิ่งที่กำลังเล่านั้นเป็นความลับระดับพรีเมี่ยม ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่สมควรกล่าวแก่ผู้ใด
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ