The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
88) ความลับของมาวิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.wallpaperflare.com
………………………
มาวินอยู่ในสภาวะท้อแท้ เขาหมายมั่นปั้นมืออย่างเต็มที่ว่าจะสามารถอัพได้อย่างน้อย 20 เลเวลจนทุกคนตื่นตะลึงไปตามๆกัน แต่ความเป็นจริง กลับไม่อัพซักเลเวลเดียว
“ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ไม่ได้ไปแคว้นเยอมาเนียแล้ว เหอๆ ” มาวินหัวเราะเอ๋อๆ ดวงตาลอย น้ำลายไหลยืด
เหมยลี่ยืนกอดอกอยู่ไม่ห่าง เธอเหล่มองมาวินที่นั่งสิ้นสภาพ จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมา
“ เฮ้อ……หมอนี่มันบ้าจนเกินเยียวยาแล้ว ”
ขณะนั้นเอง โจจี้ได้ก้าวออกจากตึกอัพเลเวล เหมยลี่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของหนุ่มหล่อผมทองดูไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอจึงเอ่ยถามตรงๆ
“ ศาสตราจารย์เล่าอะไรให้นายฟัง ”
โจจี้ถึงกลับผงะไปแวบหนึ่ง เสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พร้อมยิ้มฝืนๆ
“ อ้อ ศาสตราจารย์บอกว่าการตรวจสอบในครั้งนี้อาจมีความผิดพลาด เพราะเครื่องเก่ามาก ดังนั้นเขาจะลองเช็คดูอีกที ได้ผลประการใด จะแจ้งให้ทราบ ”
“ ใช่แล้ว มันต้องผิดพลาดอย่างแน่นอน เพราะชั้นคิดว่ามันควรจะขึ้นซัก 20 เลเวลเป็นอย่างน้อย และอีกไม่นาน ชั้นก็จะทะยานเข้าสู่ระดับนักสู้ชั้นเซียนที่แม้แต่เทพเจ้ายังต้องอาย ” มาวินโผล่ขึ้นมากลางวง เพื่อคุยโม้โอ้อวดตามสไตค์ของตนเอง ทำให้โจจี้และเหมยลี่ตั้งตัวไม่ทัน เพราะเมื่อกี้พวกเขายังเห็นเด็กหนุ่มนั่งจิตตกอยู่เลย
“ ฮะๆ หายหงอยแล้วเหรอ น้องชายหัวเขียว ” โจจี้ยิ้มแหยๆ
“ เหอๆ ก็ยังไม่หายดีนักหรอก แต่แกล้งโม้ปลอบใจตัวเองไปอย่างงั้น ว่าแต่……จากการต่อสู้ที่ผ่านมา นายคิดว่าชั้นสามารถ……ร่วมทีมนักล่าได้หรือไม่ ” มาวินหัวเราะแห้งๆ พร้อมเอ่ยถามหนุ่มหล่อผมทอง ท่าทางดูลุ้นระทึก เพราะทุกสิ่งที่ลงทุนทำไป ก็หวังจะได้ร่วมทีมล่ามอนสเตอร์และนำเงินรางวัลมาเป็นค่าเดินทางไปยังแคว้นเยอมาเนีย
โจจี้มองหน้าเด็กหนุ่ม พร้อมอมยิ้มเล็กน้อย ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับมาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“ ตามปกติ ชั้นจะไม่รับนักล่าที่มีระดับต่ำกว่าขั้นสองเข้าทีม เพราะทุกภารกิจที่ทำ ล้วนแต่อันตราย ”
“ หา…… หมายความว่านายจะไม่ให้ชั้นร่วมทีมอย่างนั้นเหรอ ” มาวินทรุดกายลงนั่งกับพื้น พร้อมอ้าปากค้าง เนื่องจากรู้ตัวดีว่าเขาเป็นเพียงนักสู้ขั้นที่ 1
โจจี้เห็นอาการสลดของมาวิน เขาก็แอบสะใจที่สามารถทำให้เด็กหนุ่มคอตกได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน หนุ่มหล่อผมทองก็เริ่มเอ่ยปาก
“ แต่จากที่ดูนายต่อสู้มา ก็นับว่ามีฝีมือพอสมควร ชั้นเลยคิดว่าจะรับนายเข้าทีมเป็นกรณีพิเศษ ”
ทันทีที่ได้ฟัง มาวินก็เงยหน้าขึ้นมองโจจี้ ใบหน้าของเด็กหนุ่มออกอาการดีใจอย่างชัดเจน ดวงตาเรียวเล็กหลั่งน้ำตาอย่างต่อเนื่องจนอาบสองแก้ม จากนั้นก็ย้อนถามด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ นาย…..หมายความว่า…..”
“ ใช่ นายอยู่ในทีมของชั้นแล้ว ” โจจี้ยืนยัน
ทันทีที่หนุ่มหล่อผมทองรับมาวินเข้าทีม เด็กหนุ่มก็แสดงอาการดีใจแบบหลุดโลกด้วยการกระโดดโลดเต้นสลับตีลังกาไปมาอยู่หลายตลบ ราวกับลิงป่าที่กำลังบ้าคลั่ง ปากก็โห่ร้องเสียงดังแบบไม่คิดอายใคร
“ เย้ๆ ดีใจจริงๆโว้ย…… ฮ่าๆ……. ”
โจจี้ยืนมองมาวิน ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ภายในนึกเอ็นดูเพื่อนร่วมทางตัวน้อย ทว่าเหมยลี่กลับแสดงท่าทีตรงกันข้าม เธอมองมาที่หนุ่มทองด้วยความรู้สึกเคลือบแคลง ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
“ ตกลง……นายจะบอกชั้นได้รึยัง คุยอะไรกับศาสตราจารย์ ”
โจจี้สะดุ้งอีกครั้ง พร้อมหันมามองเหมยลี่ ใบหน้าเนียนใสดูเหยเกและบิดเบี้ยว เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสารภาพ
“ ปิดเธอไม่ได้จริงๆ ”
“ จะบอกได้รึยัง หรือจะให้ชั้นเค้นออกจากปากของนาย ” เหมยลี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด แววตาดูเด็ดเดี่ยว อันบ่งบอกว่า…….เธอคิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
“ ฮะๆ ไม่ต้องมองตาแข็งแบบนั้นหรอก แม่คุณ ยังไงชั้นก็บอกเธออยู่แล้ว ” โจจี้ร้องห้าม พร้อมถอยห่างเป็นเชิงยอมแพ้
เหมยลี่สะกิดใจในกิริยาของโจจี้ แต่เธอไม่ได้ถามต่อในประเด็นนี้ เพราะมัวแต่สนใจกับข้อมูลที่ได้รับมาจากศาสตราจารย์เฒ่า
โจจี้อธิบายให้เหมยลี่ฟังอย่างละเอียด โดยที่เจ้าลิงหัวเขียวไม่ได้ร่วมรับรู้ด้วย หลังจากที่เด็กสาวร่างสูงรู้ความจริง คิ้วขวาก็กระตุกขึ้นมานิดนึง บ่งบอกว่าเธอตกตะลึงกับข้อมูลนี้อยู่ไม่น้อย
…………………….
พอทั้งสามรวมกลุ่มกันอีกครั้ง พวกเขาก็เตรียมวางแผนล่า “คองโกล่า” ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง
ภายในร้านเหล้าแห่งนั้นดูเงียบสงบและวังเวง เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน จึงไม่ค่อยมีใครใช้บริการ และจุดที่พวกเขาใช้ประชุมก็คือ……โต๊ะไม้เล็กๆที่ตั้งอยู่ในมุมอับของร้าน
“ เอาล่ะ ชั้นจะลองเสนอแผนการคร่าวๆให้พวกนายฟัง ถ้ามีจุดอ่อนหรือขาดตกบกพร่องอะไร เชิญแสดงความคิดเห็นออกมาได้เต็มที่ ” โจจี้กล่าวนำแบบเป็นงานเป็นการ โดยมีมาวินนั่งฟังอย่างสงบ ส่วนเหมยลี่ยังคงนิ่งซะจนไม่มีใครรู้ว่าเธอคิดอะไร
โจจี้เหลียวซ้ายแลขวาอยู่หลายตลบ เพื่อเช็คดูว่ามีใครหลบซุ่มอยู่แถวนั้นหรือไม่ เนื่องจากหนุ่มหล่อผมทองต้องการให้แผนนี้เป็นความลับมากที่สุด เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครแอบฟัง เขาก็เริ่มสาธยาย
“ แผนการก็คือ…..พวกเราจะออกเดินทางไปยังป่าตะวันออก เพราะสายสืบของชั้นรายงานมาว่า……เจ้าคองโกล่ายังอาละวาดไล่ฆ่าผู้คนแถวนั้นอย่างต่อเนื่อง ”
สิ้นคำกล่าว มาวินก็รีบยกมือขึ้นสูง อันเป็นกิริยาที่คลับคล้ายกับนักเรียนกำลังจะถามอาจารย์
“ มีอะไร น้องชายหัวเขียว ” โจจี้ถามกลับ ท่าทางเคร่งเครียด
“ เอ่อ ชั้นจะถามว่า……เอ่อ อ่า อืม เอ่อ ” มาวินออกอาการอ้ำอึ้งอยู่นานสองนานจนโจจี้เริ่มรำคาญ สุดท้ายเขาก็บันดาลโทสะด้วยการตวาดด่า
“ ไอ้บ้าห้าร้อย มีอะไรก็ว่ามาซิฟะ ”
“ เอ่อ ชั้นอยากถามนายว่า….ห้องน้ำไปทางไหน ข้าศึกกำลังจะถึงประตูด่านสุดท้ายแล้ว ” มาวินโพล่งขึ้นมา พร้อมใบหน้าที่เขียวคล้ำ
ภายในวงสนทนานิ่งไปอึดใจ เนื่องจากทุกคนโดนสตั้นด้วยเหตุที่คาดไม่ถึง ครู่หนึ่ง โจจี้ก็กุมขมับและชี้นิ้วไปในยังที่ตั้งของสุขา
“ ว้าว…… ขอบพระคุณอย่างสูง พี่ชายหัวทอง ชั้นไปแหละ โชคดีกับการวางแผนนะ ” มาวินรีบกล่าวอำลา พร้อมจ้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อไปถึงสุขาให้ทันเวลา
หลังจากที่เจ้าลิงหัวเขียวจรลา โจจี้ก็พยายามปรับอารมณ์ให้สงบ จากนั้นก็หันกลับมาพูดกับเหมยลี่แบบเป็นทางการ
“ ชั้นว่าเรามาประชุมกันต่อเลยดีกว่า เพราะถึงมีเจ้าลิงหัวเขียวร่วมอยู่ด้วย มันก็เหมือนไม่มี ”
“ โอเค ว่ามา ” เหมยลี่รับคำ ดูเหมือนทั้งสองจะเห็นพ้องต้องกันว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพามาวินในด้านการวางแผนเลย (อันที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งอะไรเสียด้วยซ้ำ)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองจึงเริ่มวางแผนการล่าคองโกล่า ซึ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปโดยสะดวกโยธิน เพราะไม่มีใครคอยป่วนให้วงแตก
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ