The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
86) ความอึดอัดที่แสนอบอุ่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpaperboat.com
……………………..
“ ม่าย…… อย่าไปนะ ” มาวินผุดลุกขึ้นมานั่ง พร้อมร้องห้ามเสียงดัง แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับมีเพียงเตียงนอนขนาด 1 คน บนนั้นปรากฏกายของโจจี้ เขากำลังหลับใหลอย่างสบายอารมณ์
“ ครอก…..ฟรี้….”
“ เอ๋.....นั่นมัน พี่ชายผมทองนี่หว่า แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” เด็กหนุ่มพึมพำในลำคอ เขารู้สึกมึนงง พอเหลียวมองไปรอบๆ ก็พบว่าตนนั่งอยู่บนเตียงนอนขนาดเล็ก ตามร่างกายมีผ้าพันแผลประดับอยู่หลายจุด
“ เอ๊ะ มีผ้าพันแผลพันรอบตัวเลยวุ้ย หรือที่นี่จะเป็นโรงพยาบาล ” มาวินปรึกษากับตัวเอง ไม่ทันได้บทสรุป เสียงห้าวใหญ่ของเด็กสาวนางหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามา
“ ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล แต่มันคือห้องพักฟื้นของตึกอัพเลเวล ซึ่งใช้ดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากการลงดันเจี้ยน ”
มาวินหันหน้าไปยังทิศทางที่เกิดเสียง จึงพบกับเหมยลี่ เธอกำลังนั่งสงบอยู่บนเก้าอี้ไม้เล็กๆข้างเตียงที่เด็กหนุ่มประจำการ
“ อ้าว จัน เฮ้ย ไม่ใช่ซิ น่าจะเป็นยัยโย่งมากกว่า ใช่มั้ย ” เด็กหนุ่มร้องทัก ภายในแอบลุ้นอยู่นิดๆ
เด็กสาวมาดขรึมนิ่งอยู่อึดใจ ก่อนตอบในประเด็นที่มาวินไม่ได้ถาม
“ ตื่นแล้วเหรอ เจ้าลิงหัวเขียว นายสลบไปวันหนึ่งเลยนะ ”
มาวินรู้ทันทีว่าบุคคลตรงหน้าก็คือ…เหมยลี่อย่างแน่นอน เพราะมีเพียงเธอเท่านั้นที่เรียกเขาว่า….เจ้าลิงหัวเขียว ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าของเด็กหนุ่มจึงสลดลงเล็กน้อย
“ อืม…… เข้าใจแล้ว ”
บรรยากาศภายในห้องเงียบงันอยู่ชั่วขณะจิต ดวงตาคมเข้มของเหมยลี่ก็ฉายแววอ่อนโยนออกมาจนส่งผลให้ใบหน้าเรียวดูหวานซึ้งขึ้นเป็นเท่าทวี ไม่นาน เธอก็เริ่มเอื้อนเอ่ยวาจาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ หรือจะให้ชั้นเรียกนายว่า……นายวิน ”
สิ้นคำกล่าว มาวินก็หันไปมองเหมยลี่อย่างรวดเร็ว ดวงตาฉายแววตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็กลับมาหงอยตามเดิม
“ อย่าเลย เธอเรียกชั้นแบบเดิมเถอะ เพราะชื่อนั้นมีคนเรียกแล้ว ”
“ อ้อ……คิดจะสงวนชื่อนั้นให้คนรักของนายใช้เท่านั้นเหรอ ” เหมยลี่ถามต่อ แววตาที่จับจ้องมาวินดูคมซึ้งและเปี่ยมไปด้วยประกายอ่อนโยนจนแทบจะละลายความเย็นชารอบกายจนหมดสิ้น
มาวินเริ่มคอตก ใบหน้าเรียวเล็กแลหมองเศร้า เด็กหนุ่มกล้ำกลืนอยู่หลายวินาที ก่อนตอบเบาๆด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“ ไม่ใช่…..คนรัก แต่เป็นชื่อที่…..เพื่อนคนสำคัญ…..ของชั้นเรียกต่างหากล่ะ ”
“ คนๆนั้นคือ..จัน ใช่มั้ย ” เหมยลี่ถามต่อ ดวงตาคมจับจ้องมาวินไม่วางวาย
หลังได้ยินชื่อของเพื่อนคนสำคัญ กายเพรียวบางของเด็กหนุ่มก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย กระนั้นเขาก็ยังก้มหน้านิ่ง
ช่วงเวลาที่หมองหม่น มาวินก็พลันรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นร้อนที่วางบนหลังมือของตนเอง เมื่อเด็กหนุ่มเหลือบมอง เขาก็ถึงกับอึ้งในบัดดล เพราะเจ้าของมือข้างนั้นคือ…เหมยลี่
เหมยลี่ไม่พูดคำใด แต่สายตาที่ส่งมายังมาวินเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น มันมากมายชนิดที่เด็กหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนี้จะออกมาจากเด็กสาวมาดขรึม
“ เอ่อ…..นี่คือความฝันใช่มั้ย แบบนี้จะถือว่าเป็นฝันดีได้รึเปล่า ” มาวินนิ่งคิดในใจ ใบหน้าเรียวเล็กเริ่มแดงก่ำด้วยความเขินอาย หัวใจเต้นตูมตามจนแทบระเบิดออกมาจากทรวง
ขณะที่ช่วงเวลาแห่งความสุขแบบแปลกๆกำลังจะผ่านไป เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ หาว……. กี่โมงกี่ยามแล้ว หลับสบายดีจริงๆ ”
เจ้าของเสียงหาวที่เกียจคร้านไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น.....โจจี้ หนุ่มหล่อผมทองที่นอนหลับอยู่บนเตียง
ทันใดนั้นเอง มือของสองหนุ่มสาวก็ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเหมยลี่ เธอถึงกลับดีดตัวออกไปยืนห่างๆ พร้อมแสดงท่าทีเฉยชาในแบบที่เจ้าตัวชอบกระทำ แต่ถ้าสังเกตให้ดี จะพบร่องรอยของความเขินอายซ่อนอยู่บนใบหน้า
เหมือนหนุ่มหล่อจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศที่ดูแปลกๆ เพราะทันทีที่เห็นมาวิน เขาก็รีบผุดลุกเข้ามาดูอาการ พร้อมร้องทักเสียงดังด้วยความดีใจ
“ เฮ้ย ฟื้นแล้วนี่หว่า นายหลับไปตั้งวันหนึ่งเต็มๆ ชั้นล่ะเป็นห่วงซะจนหลับไปตั้งหลายหน (ห่วงยังไงของมัน) เป็นไงมั่ง เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน….นายดูแปลกๆไปนะ ” โจจี้สะดุดใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงจัดของมาวิน
“ นายเป็นอะไรไปฟะ ทำไมหน้าแดงแบบนั้น ไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวชั้นจะไปเรียกหมอมาดูอาการ ทำใจดีๆไว้ ” พอโจจี้พูดจบ เขาก็รีบวิ่งออกจากห้อง โดยไม่ได้สนเสียงร้องห้ามของเด็กหนุ่ม
“ เฮ้ เดี๋ยวก่อน ชั้นไม่ได้เป็นอะไร ชั้นแค่….. เอ่อ…… ” มาวินพูดค้างไว้แค่นั้น แต่ก็สายเกินไป เพราะหนุ่มผมทองได้วิ่งออกจากห้องเป็นที่เรียบร้อย
ภายในห้องเงียบกริบและเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัดที่แฝงความอบอุ่น มาวินเอาแต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น เนื้อตัวสั่นเล็กน้อย เด็กหนุ่มพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน เพื่อจะได้เอ่ยถามเด็กสาวร่างสูง
“ เอาก็เอาฟะ มัวแต่นั่งเขินแบบนี้ ก็ไม่รู้อะไรซักที ” เมื่อตัดสินใจได้ มาวินก็เงยหน้าขึ้นมา พร้อมร้องถามเสียงดัง
“ ที่ถามถึงจันเมื่อกี้ เธอหมายความว่า….”
แต่ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดจบ ก็บังเกิดเสียงปิดประตูห้องที่ค่อนข้างดัง
“ แอ๊ด….. ปัง ”
เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง ก็พบแต่ความว่างเปล่า ด้วยเหมยลี่เพิ่งจะเดินออกจากห้อง
“ เอ่อ……หมายความว่ายังไง ” มาวินพูดประโยคที่ค้างต่อจนจบ พร้อมทำหน้าเอ๋อรับประทานอยู่ตามลำพัง
…………………………
มาวินได้รับการตรวจรักษาจากทีมแพทย์ของตึกอัพเลเวลอย่างละเอียด พบว่ามีแผลถลอกเล็กน้อย ไม่ได้กระทบกระเทือนถึงอวัยวะภายใน กระดูกมือทั้งสองข้างไม่แตกหัก เป็นเพียงแค่ช้ำธรรมดา จึงลงความเห็นว่าเด็กหนุ่มสามารถกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านในวันรุ่งขึ้น กระนั้นก็สั่งห้ามไม่ให้ออกกำลังหนักถึงหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เพื่อพักฟื้นร่างกายให้หายสนิทดังเดิม
เช้าวันรุ่งขึ้น มาวินสวมชุดกังฟูใหม่เอี่ยมที่เหมยลี่ซื้อมา สิ่งนี้ทำให้เขาได้ปลื้มจนหมุนไปหมุนมาที่หน้ากระจกบานใหญ่อยู่หลายตลบ
“ โว้ๆ นึกว่าจะไม่ได้ใส่ชุดเก่งแบบนี้อีกแล้ว ฮ่าๆ ใส่แล้วขึ้นดีจัง เท่ชะมัด ” มาวินกล่าวชมตัวเอง พร้อมหัวเราะชอบใจ
“ ฮ่าๆ นายนี่มีรสนิยมแปลกๆ ชุดชั้นยังดูหล่อและเท่กว่าชุดยาจกของนายตั้งเยอะ ” โจจี้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กอดอกหัวเราะชอบใจ
“ เชอะ ชุดรุ่มร่ามแบบนายเท่ตรงไหน แถมยังมีผ้าคลุมอยู่กลางหลังอีก คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายหรือซุปเปอร์ฮีโร่รึไงฟะ ไอ้ขี้เก๊กเอย ” มาวินเหล่มองด้วยสายตาที่ดูหมิ่นๆ ปากก็ตอกกลับแบบกวนๆ
“ ไอ้บ้า นี่เป็นชุดสำหรับชนชั้นสูง มันเหมาะกับคนหล่อและสมาร์ทอย่างชั้น ตัวเตี้ย หน้าตลกอย่างนายใส่ชุดผู้ดีแบบนี้ไม่ขึ้นหรอก ” โจจี้โต้กลับด้วยท่าทางที่ดูเหยียดไม่แพ้กัน เหมือนหนุ่มหล่อผมทองจะเริ่มทันเกมกวนประสาทของมาวิน
“ หน็อย….. ไอ้ขี้เก๊กเจ้าสำอาง ” มาวินตวาดด่าเสียงดัง
“ แล้วไงเล่า ไอ้เตี้ยหน้าลิง ” โจจี้ไม่ยอมแพ้ เขาด่ากลับด้วยถ้อยคำที่แสบสันไม่แพ้กัน
ขณะที่พวกเขากำลังจ้องหน้ากัน เพื่อสู้สายตาอย่างเอาเป็นเอาตาย กำปั้นซ้ายและกำปั้นขวาของเหมยลี่ก็ประเคนเข้าไปที่กลางกระบาลของหนุ่มทั้งสอง
“ โป๊ก ”
ทั้งมาวินและโจจี้ถึงกับร่วงลงไปนอนกองกับพื้นในทันที บ่งบอกได้ถึงความหนักของกำปั้นที่ประเคนลงมา สุดท้าย ก็เป็นฝ่ายเหมยลี่ที่สะบัดข้อมือไปมา พร้อมกล่าวเบาๆ.
“ เลิกเล่นปัญญาอ่อนได้แล้ว ”
ขณะที่ทั้งสามกำลังชุลมุนกันอยู่นั้นเอง ด้านหลังก็บังเกิดเสียงเปิดประตู
“ แอ๊ด……”
สามสหายรีบหันกลับไปมอง พวกเขาจึงพบกับชายสูงวัยร่างเล็กบาง ผู้มีนามกรว่า…..ศาสตราจารย์อ็อคซี่
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ