The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
9.7
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
174 LV
22 วิจารณ์
165.85K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
85) โลกแห่งความฝัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpapercave.com
แสงสว่างอันเจิดจ้าทำให้สายตาของเด็กหนุ่มพร่ามัวไปชั่วขณะ เมื่อบรรเทาลง สิ่งแรกที่เห็นก็คือ.....โจจี้และศาสตราจารย์อ็อคซี่ ใกล้ๆกันนั้นคือเหมยลี่ ที่ตอนนี้กำลังยืนกอดอก สีหน้าเรียบเฉย
“ ฮะๆ นี่ชั้นกลับมาแล้ว ใช่มั้ยเนี่ย ” มาวินเหลียวมองไปรอบๆ
“ ใช่แล้ว ที่นี่คือห้องทดลองวิทยาศาสตร์บนตึกอัพเลเวล นายเก่งมากที่เคลียร์ดันเจี้ยนระดับ 20 ได้ ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่กล่าวชม ท่าทางดูทึ่งเล็กน้อย
“ ฮ่าๆ นายก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ชั้นดูผิดไปจริงๆ ขอโทษด้วยนะ น้องชายหัวเขียว ” โจจี้ยื่นมือขวาออกมา เพื่อขอจับมือ ทำให้เด็กหนุ่มอึ้งไปชั่วขณะ แต่แล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง พร้อมโอ้อวดตามสันดาน
“ ฮะๆ มันแหงอยู่แล้ว เพราะชั้นคืออัจฉริยะนักสู้ผู้ไร้ผู้เทียมทาน ” พอพูดจบ เด็กหนุ่มก็จับมือโจจี้
“ เหอๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ ” โจจี้หัวเราะแหม่งๆ หางคิ้วกระตุกเล็กน้อย ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้....เขาเริ่มรู้สึกหมั่นไส้มาวินขึ้นมานิดๆ
“ ฮะๆ ก็ใช่อ่ะดิ ชั้นคือผู้ไร้พ่าย ฮัดๆ...... ” มาวินโม้ต่ออีกหน่อย แต่ในตอนท้ายเหมือนเด็กหนุ่มจะเกิดอาการคัดจมูก
“ เฮ้ๆ..... เดี๋ยวอย่าเพิ่ง ” โจจี้เริ่มรู้แล้วว่าตนเองกำลังจะเจอกับอะไร หนุ่มหล่อผมทองพยายามดึงมือออกและถอยห่าง แต่ไม่ทันการ
“ เช้ย...... ” มาวินจามออกมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้น้ำมูกพุ่งทะลักไปกระทบใบหน้าของโจจี้
“ จ้าก..... ว้า..... ยี้....... สกปรก ” โจจี้ร้องลั่นด้วยความรังเกียจ เพราะเขาเป็นหนุ่มเจ้าสำอางที่รักความสะอาดเอามากๆ ดังนั้นสิ่งที่เผชิญในตอนนี้ ย่อมต้องเป็นฝันร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ ฮะๆ ขอโทษทีนะพี่ชาย ความชื้นในป่าทำให้รู้สึกคัดจมูกน่ะ เดี๋ยวชั้นจะเช็ดให้นายเอง ” มาวินกล่าวขอโทษ จากนั้นก็เข้ามาใกล้ๆ เพื่อเช็ดคราบสกปรกบนใบหน้า
“ ว้าก...... ไม่ๆ ไม่นะ ตัวของนายเปื้อนคราบเลือด เหงื่อ และโคลน เรียกได้ว่าสกปรกไปทั้งตัว ถอยไปห่างๆเลย ไอ้บ้าเอย ” โจจี้ชี้นิ้วสั่ง พร้อมโวยวายเสียงดัง แต่ยิ่งหนุ่มหล่อผมทองร้อนรนมากเท่าไหร่ มาวินยิ่งอยากแกล้งมากขึ้นเท่านั้น
“ เอาน่า เลือดของชั้นออกมานิดเดียวเอง ไม่เปื้อนหรอก ” มาวินแสร้งเป็นคนดี แล้วตรงเข้าไป หวังจะเช็ดคราบสกปรกให้หนุ่มหล่อ
“ ว้าก..... ไม่..... ไม่นะ จ้าก......” หนุ่มหล่อผมทองกระโดดลอยตัว พร้อมร้องดังด้วยอาการเสียขวัญ อึดใจต่อมา เขาก็วิ่งหนีออกจากห้อง
สิ่งที่เกิด ทำให้ทั้งทุกคนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน แม้กระทั่งเหมยลี่ยังอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย
“ ฮะๆ....... ”
ทั้งสามขบขันได้พักหนึ่ง ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็หันมาสนใจอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่ม
“ เอาล่ะ สนุกพอแล้ว ทีนี้มาดูกันว่านายเป็นยังไง ”
“ ฮะๆ ก็คล้ายๆถูกควายทั้งฝูงเหยียบมานั่นแหละ ลุง ” มาวินหัวเราะเพลียๆ
“ หน็อย ชั้นชื่อศาสตราจารย์อ็อคซี่โว้ย ไม่ใช่ลุง ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่โวยดัง ชายสูงวัยไม่ชอบให้ใครเรียกว่าลุง แต่ไม่ทันจบประโยค เด็กหนุ่มผมเขียวก็ล้มลงนอนกับพื้น
“ เฮ้ย.....เจ้าหนูอย่าเพิ่งเป็นอะไร นังหนูกังฟูช่วยโทรเรียกหน่วยแพทย์มาทีซิ บอกเขาว่ามีผู้ป่วยอาการสาหัส ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่สั่งการแข็งขัน ซึ่งผู้ถูกสั่งน่าจะไม่พ้นเหมยลี่ และนั่นคือเสียงสุดท้ายที่เด็กหนุ่มได้ยินก่อนสิ้นสติไป
……………………….
ทันทีที่เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นก็คือ......ท้องฟ้าสีคราม มีเมฆขาวลอยผ่าน สิ่งที่สัมผัสได้ในเวลาต่อมาก็คือแสงแดดอ่อนๆ นอกจากนี้ยังมีสายลมเย็นที่พัดพาความชุ่มฉ่ำสู่จิตใจและร่างกายจนชวนให้อยากหลับใหลในสถานที่นี้ไปตลอดกาล
เด็กหนุ่มกะพริบตาถี่ เขาพยายามระลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ในใจอยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้ ตนเองอยู่ที่ไหน
“ เอ..... เราอยู่ไหนหว่า ถ้าจำไม่ผิด เมื่อกี้ เพิ่งจะเคลียร์ดันเจี้ยนระดับ 20 นี่นา ” เด็กหนุ่มหัวเขียวขบคิด
มาวินลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เขาเหลียวซ้ายแลขวา จึงพบว่าถูกแวดล้อมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็รู้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้คือ……ที่ไหน
“ เฮ้ย.......ที่นี่คือทุ่งกว้างที่เราสู้กับฝูงหมาป่านี่หว่า ” มาวินเริ่มโวยวาย แต่สิ่งที่เขากังวลจริงๆก็คือ…..จะมีหมาป่าตัวไหนโผล่ออกมาทักทายมั้ย ระหว่างนั้นเอง ก็ปรากฏเสียงเด็กสาวที่ฟังดูห้าวใหญ่
“ ที่นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยน นายไม่ต้องกังวลไปหรอก ”
“ เอ๊ะ เสียงคุ้นๆ ใครน่ะ เหมยลี่เหรอ ” มาวินทักกลับ พร้อมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาเจ้าของเสียง
เด็กหนุ่มพยายามอยู่ไม่นาน ก็พบกับบุคคลผู้หนึ่ง คนผู้นั้นกำลังเดินตรงเข้ามา
“ เชอะ ศัตรูตัวใหม่รึไง ” มาวินตั้งท่าต่อสู้
คนผู้นั้นเข้าใกล้มาวินมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงระยะ 5 ก้าวก่อนถึงตัว เด็กหนุ่มก็พบว่าบุคคลผู้นี้ซ่อนร่างสูงเพรียวในเสื้อแขนกุดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวและรองเท้าผ้าใบสีเดียวกัน
“ เอ๊ะ นี่มันชุดของคนบนโลกนี่หว่า แต่คนจากโลกนั้นจะมาเดินเล่นที่นี่ได้ยังไง ” มาวินนึกสงสัย เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าบุคคลผู้นี้คือเด็กสาววัยรุ่นนางหนึ่ง เธอมีใบหน้าที่เรียวยาวได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มส่อแววจริงจัง บนศีรษะประดับไปด้วยผมดกหนาที่สั้นประมาณบ่า
“ เฮ้ย......นี่มัน ยัยจันนี่หว่า ไม่ใช่ซิ เธอจะมาที่โลกนี้ได้ยังไง จริงๆแล้ว คนนี้คือเหมยลี่ใช่มั้ย แล้วทำไมถึงใส่ชุดแบบนี้ ” มาวินร้องทัก เขาดีใจสุดชีวิต
“ หึๆ ไม่ใช่เหมยลี่หรอก ถามจริงเถอะ นายจำชั้นไม่ได้เหรอ ” เด็กสาวอมยิ้มเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าคมเข้มดูสดใสน่ารักขึ้นเป็นเท่าทวี
“ อ้าว.....ถ้าเธอไม่ใช่เหมยลี่ งั้นก็ต้องเป็นจัน เพราะหน้าตาแบบนี้ มันมีแค่สองคน แต่จะเป็นจันได้ยังไง ยัยนั่นไม่น่ามาที่โลกนี้ได้ ” มาวินยิ่งงงหนักกว่าเดิม ใบหน้าเล็กเรียวเริ่มบิดเบี้ยวเหยเก
“ แล้วทำไมชั้นจะมาไม่ได้ล่ะ นายคิดว่าที่นี่คือโลกแห่งความจริงรึไง ” เด็กสาวตอบกลับ แต่มันกำกวมจนมาวินงงหนักกว่าเดิม เขาเริ่มกุมขมับและขยี้เส้นผมบนหัวจนยุ่งเหยิง ปากก็โวยดังราวคนสติแตก
“ โว๊ย..... ตกลงนี่คือความจริงหรือความฝัน เอ๊ะ หรือใครแอบเอากัญชามาฉีดเข้าเส้นเลือด เลยทำให้ประสาทหลอนแบบนี้ ใครก็ได้ช่วยบอกที เมมโมรี่ในสมองยิ่งมีน้อยๆอยู่ซะด้วย ”
“ ฮะๆ นายนี่ไม่เปลี่ยนเลย ยังคงเพี้ยนเหมือนเดิม ” เด็กสาวที่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นจันหรือเหมยลี่ ปิดปากหัวเราะเบาๆด้วยอาการขบขัน
ทันทีที่มาวินได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กสาวร่างสูง เขาก็คลายความสับสน จากนั้นก็เริ่มยิ้มเล็กน้อย พร้อมก้มหน้าตอบ ท่าทางเขินอาย
“ ฮะๆ จริงๆแล้ว ไม่ว่าเธอจะเป็นจันหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ดีใจนะที่ได้พบ ถึงแม้จะเป็นเพียงความฝัน ชั้นก็ยินดี และ....... ” คำสุดท้ายที่เด็กหนุ่มจะพูดดูติดขัด
“ และอะไร นายช่วยพูดให้จบดิ ” เด็กสาวร่างสูงเอียงคอถาม ใบหน้าคมเข้มเริ่มแย้มยิ้ม ทำให้มาวินเขินหนักกว่าเดิม เพราะท่วงท่าแบบนี้ มันคล้ายกับตอนที่จันกำลังหยอกล้อ เขาเลยติดอ่างต่อไป
“ เอ่อ....... ”
“ เอ่อคือว่าคือ….” เด็กสาวทวนคำ ท่าทางร่าเริง ถึงตอนนี้ มาวินแน่ใจแล้วว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าก็คือ…...จัน
อึดใจต่อมา มาวินก็เริ่มได้คิด......ช่วงที่เขาอยู่ในโลก The Dark World เรื่องอันตรายมักย่างกรายเข้ามาหาเสมอ จนไม่แน่ใจว่าตนจะได้กลับโลกอีกหรือไม่ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจพูดในสิ่งที่รู้สึกค้างคา
“ ถึงแม้นี่เป็นเพียงความฝัน ก็ไม่อยากให้มันจบลง ชั้นยอมนอนหลับไปตลอดกาล ” มาวินตะโกนดัง ใบหน้าเรียวเล็กแดงก่ำราวตำลึงสุก
สิ้นคำสารภาพ ใบหน้าคมเข้มของเด็กสาวก็สลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มาวินรู้สึกผิดและกล่าวขอโทษเสียงเศร้า
“ เอ่อ.......ชั้นคงพูดผิดไป ขอโทษ ชั้นอาจจะ…”
ไม่ทันจบประโยค จันก็โผเข้ากอด ทำให้มาวินถึงกับชาไปทั้งตัว ยิ่งได้สัมผัสไออุ่นจากร่างกาย ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มเกิดอาการเอ๋อรับประทานจนจำชื่อของตัวเองไม่ได้
“ เอ่อ..... นี่คือ..... อ่อ..... อื้อ.......อ้อ.....อืม....... ” มาวินยืนตัวแข็ง ปากพล่ามไม่เป็นภาษา แต่จันก็ไม่สนอาการช็อคของอีกฝ่าย เธอดึงเด็กหนุ่มออกจากอ้อมกอด พร้อมจ้องไปที่ดวงตา
“ อ่า...... มะๆ....มีอะ.....ไรเหรอ ” เด็กหนุ่มพยายามเอ่ยถาม
วินาทีนั้นเอง มาวินรู้สึกว่าดวงตาของจันเหมือนจะสั่นเล็กน้อย อึดใจต่อมา เด็กสาวร่างสูงก็ตอบกลับเสียงเครือ
“ ที่นี่คือโลกแห่งความฝัน ชั้นติดต่อนายได้ด้วยเครื่องมือเชื่อมจิตที่น้าเดชคิดค้น ซึ่งจะทำงานในยามที่นายบาดเจ็บสาหัส ”
“ หา.....งั้นแปลว่าเธอคือจันตัวจริง ใช่มั้ย ” มาวินตกใจจนตาโตเป็นไข่ห่าน เขาคิดว่าถ้าได้กลับสู่โลก คงวางตัวไม่ถูกเป็นแน่ เพราะได้พูดเรื่องที่น่าอายไปแล้ว
“ อาจใช่ แต่ถึงยังไง โลกนี้ก็เป็นเพียงความฝันที่มีระยะเวลาจำกัด นี่ก็ใกล้หมดเวลาเต็มทีแล้ว ” จันตอบเบาๆ สีหน้าดูเศร้าจับใจ
พอสิ้นคำของจัน เด็กหนุ่มก็รู้สึกฉากรอบตัวเริ่มบิดเบี้ยว
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ” มาวินเหลียวมองไปรอบๆ
“ มันคืออาการที่บ่งบอกว่าโลกแห่งความฝันกำลังจะสลาย หรือพูดง่ายๆก็คือ…นายกำลังจะตื่น ” สีหน้าของจันดูหมองเศร้า เรือนร่างเริ่มจางลงเรื่อยๆ
“ เอ๊ะ เดี๋ยวซิ ไม่นะ ยังไปไม่ได้ เธอต้องอยู่กับชั้นก่อน ” มาวินร้องลั่นด้วยอาการเสียขวัญ เขารีบรุดเข้ามาเกาะแขน ทว่ากลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่า ราวกับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน
“ ไม่ต้องตกใจ เราต้องได้เจอกันอีกแน่ และสิ่งที่อยากบอกเป็นอย่างสุดท้ายก็คือ......ทุกคนบนโลกพยายามจะดึงนายกลับมา แต่นายต้องสู้ในโลกนี้ เพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้ ” จันพยายามฝืนยิ้ม
“ สู้ยังไง และชั้นต้องไปที่ไหน ” มาวินร้องถามเสียงหลง ในใจรู้สึกเคว้ง มันเหมือนว่าตนเองกำลังลอยคออยู่กลางทะเลลึก
“ นายต้องไปแคว้นเยอมาเนีย ที่นั่น จะพบกับคนที่ช่วยให้นายกลับบ้านได้ ” เสียงของจันเริ่มขาดๆหายๆ ร่างกายสูญสลายไปบางส่วน
“ อ้อ ได้ แต่ถึงยังไง ชั้นก็อยากให้เธออยู่ด้วย ” น้ำตาของมาวินเริ่มหลั่งไหล เพราะรู้ชัดว่าเขากำลังจะจากเพื่อนรักไปอีกครั้ง แต่เด็กสาวหน้าเข้มกลับยิ้มเยาะ
“ ตาบ้าเอย ถึงยังไง เราก็ต้องเจอกันอีก ที่สำคัญ ถึงชั้นไม่ได้อยู่กับนาย แต่รอบกายก็มีสหายที่ไว้ใจได้ ชั้นเชื่อมั่นว่านายน่าจะไปถึงแคว้นเยอเมอเนียได้ไม่ยาก ”
“ ใครคือสหาย ไม่เอา ไม่สนอะไรทั้งนั้น ชั้นต้องการแค่เธอ อย่าไปนะ ” มาวินเริ่มร้องไห้ออกมาเต็มที่ เขาเสียใจต่อการจากลาที่สุด ทว่าจันกลับแย้มยิ้มด้วยท่าทางที่ดูสุขใจ
“ พวกนั้นเป็นเพื่อนตายของเธอ พวกเขาเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและฝีมือ แถมยังพึ่งพาได้ ชั้นดีใจเหลือเกินที่นายได้พบกับคนพวกนั้น เอาล่ะ ถึงเวลาที่ต้องจากลาแล้ว บาย นายวิน ”
จันยกมือขึ้นโบกไปมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มสดใสที่ฉายบนใบหน้าคมเข้ม ครู่หนึ่ง ร่างของเธอก็เลือนหายไป ส่วนฉากรอบข้างเริ่มบิดเบี้ยวจนดูไม่เป็นรูปทรง ทว่าเด็กหนุ่มไม่สนอะไรแล้ว เขาเอาแต่ร่ำร้อง
“ อย่าไปนะ จัน ชั้นไม่ให้เธอไป ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ