The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
84) ชิงจังหวะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://coolwallpapers.me
……………………
เสือร้ายวนเวียนรอบกาย สายตาจับจ้องมาวินอยู่ตลอด ท่าทางแสดงออกถึงประสงค์ร้ายอย่างชัดเจนชนิดที่ไม่จำเป็นต้องตีความให้มากมาย
มาวินยกสองแขนขึ้นตั้งการ์ด ท่วงท่าดูเข้มแข็ง ทั้งที่ความเป็นจริง เด็กหนุ่มรู้สึกอ่อนล้าจนแทบจะทิ้งตัวลงไปนอน
“ มอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งมาก การโจมตีแบบธรรมดาไม่อาจทำอะไรได้ กระบวนท่าซึ่งมีพลังทำลายมากที่สุดก็คือ....เสือดาวไล่เหยื่อ แต่ถ้าไม่อยู่กับที่ ก็คงอัดไม่โดน จะหยุดการเคลื่อนไหวของมันด้วยวิธีใด” มาวินแสร้งยิ้มสบายใจ แต่ภายในรู้สึกร้อนรน เพราะคิดไม่ออกว่าจะเดินเกมต่อไปยังไง
“ กรร........ ” เสือร้ายยังเดินวนเวียนต่อไป แต่เริ่มตีวงแคบเข้ามาเรื่อยๆ สายตาจับจ้องเด็กหนุ่มอยู่ตลอด ปากก็ขู่คำรามเบาๆ ประหนึ่งว่า…..มันเองก็น่าจะใช้ความคิดอย่างหนักเช่นเดียวกัน
ระหว่างที่หนึ่งคนกับหนึ่งตัวกำลังชิงไหวชิงพริบกัน เด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายคิดได้ก่อน คิ้วเรียวจึงเลิกสูง พร้อมสีหน้าที่ดูระรื่น
“ กรร ” เสือดาวขู่คำราม ร่างเพรียวผงะถอยหลังเล็กน้อย มันดูคล้ายแมวตกใจอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ทันทีที่มาวินเห็นท่าทางของเสือดาว เด็กหนุ่มก็เปิดยิ้มกว้าง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงระรื่น
“ ฮะๆ ในเมื่อชั้นช้าและอ่อนแอกว่านาย ก็ต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีใหม่ ” มาวินยังคงยิ้มแฉ่ง ส่วนปลายเท้าช้อนก้อนหินขนาดฝ่ามือที่อยู่บนพื้น อึดใจต่อมา เด็กหนุ่มก็กระดกมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ศิลาขนาดฝ่ามือลอยสูงระดับอก
“ โจมตีจากระยะไกล ” มาวินตะโกนดัง พร้อมใช้เท้าอีกข้างหวดเข้าไปที่เป้าหมายสุดแรง หินก้อนเขื่องจึงพุ่งปะทะใบหน้าของเสือดาวเข้าอย่างจัง
“ เปรี้ยง ”
“ โฮก..... ” เสือร้ายสะบัดหน้าหนี พร้อมคำรามด้วยความเจ็บปวด
“ เยี่ยม ” มาวินร้องอุทานด้วยความดีใจ แผนโจมตีระยะไกลได้ผลกว่าที่คิด เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กหนุ่มจึงใช้ปลายเท้างัดหินก้อนต่อไปให้ลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ เอ้า รับไปอีก ไอ้หน้ายาว ” มาวินรัวเพลงเท้าใส่หินสามก้อนที่ลอยขึ้นมา ศิลาขนาดฝ่ามือพุ่งใส่เสือร้ายอีกชุดใหญ่
“ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ”
กระสุนหินเข้าเป้าทั้งสามจุด มันกระทบหน้าผาก ลำคอ และสีข้างของเสือร้ายแบบเต็มๆ นับได้ว่าเด็กหนุ่มหัวเขียวมีเพลงเท้าที่แม่นยำและฉับไวพอสมควร (น่าจับไปเตะบอลเนอะ)
“ โฮก...... ” เสือร้ายถอยหลังหนีถึงสามก้าว แม้กระสุนหินจะไม่อาจน็อคมันได้ แต่ก็สร้างความรำคาญอยู่ไม่ใช่น้อย
“ หึ ทนนักนะ ” มาวินเคลื่อนที่ไปรอบๆ เพื่อค้นหากระสุนหินนัดต่อไป ทว่าเจ้าเสือร้ายไม่ยอมเปิดโอกาสให้ยิงได้ถนัด มันกระโจนใส่เด็กหนุ่มด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
จังหวะที่เสือร้ายกำลังจะเข้าถึงตัว รอยยิ้มจางๆก็ปรากฏบนใบหน้าเล็กเรียวของมาวิน
“ ดีล่ะ รอโอกาสนี้มานานแล้ว ” เด็กหนุ่มตะโกนสุดเสียง พร้อมพุ่งเข้าใส่เสือดาวอย่างดุดัน
เมื่อหนึ่งมนุษย์ หนึ่งสัตว์เข้าถึงจุดแตกหัก เด็กหนุ่มได้เอียงกายหลบกรงเล็บของเสือดาว ก่อนจะเหวี่ยงหมัดซ้ายเข้าไปที่กกหูเต็มแรง
“ เปรี้ยง ”
เสียงปะทะดังสนั่นไปทั่วบริเวณ สิ่งที่ตามมาในลำดับถัดไปก็คือเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของเดรัจฉานเขี้ยวยาว
“ โฮก...... ”
เสือร้ายถอยหลังไปอีกสามก้าวและสะบัดศีรษะไปมา เพื่อขับไล่ความมึนงง
“ ฮะๆ โดนดอกนี้เข้าไป มึนมั้ยล่ะเพื่อน ” มาวินกำหมัดซ้ายแน่น แม้จะเข้าเป้าหมายอย่างสมบูรณ์ แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่ามือข้างนั้นน่าจะแหลกจนใช้งานไม่ได้แล้ว
“ โฮก...... ” เสือร้ายคำรามอีกครั้ง คราวนี้กระแสของมันทั้งดังยาวและดุร้ายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“ ท่าทางจะโกรธเต็มที่แล้วล่ะมั้ง ” มาวินหน้าเสีย พลางเหลือบมองสองมือของตนเอง จึงพบว่ามันทั้งแดงก่ำและบวมช้ำ
เสือร้ายไม่พูดพร่ำทำเพลง มันพุ่งเข้าใส่มาวินอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มจึงช้าลงจนหลบกรงเล็บไม่ทัน
“ ผั้ว ”
กรงเล็บตบเข้าไปที่ขมับซ้ายของเด็กหนุ่ม ส่งผลให้ร่างบางกระเด็นไกลถึง 3 เมตร ก่อนจะไถลไปกับพื้นอีกหลายตลบจนฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ
“ กรร....... ” เสือร้ายแยกเขี้ยวใส่เด็กหนุ่ม กิริยาคล้ายสะใจที่สามารถตบมนุษย์ร่างเล็กได้เต็มอุ้งมือ
มาวินนอนแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง อึดใจต่อมา เขาก็ค่อยๆยันกายลุกขึ้นมานั่งชันเข่า บนศีรษะปรากฏบาดแผลฉกรรจ์ เลือดแดงฉานไหลเป็นทางยาวและร่วงหล่นลงสู่พื้นดินข้างตัว ทว่าประกายตากลับเปล่งประกายแวววาวอย่างประหลาด ทันใดนั้นเอง เสียงของโจจี้ก็ดังขึ้น
“ เฮ้ น้องชายผมเขียว นายน่าจะไม่ไหวแล้ว ถึงตอนนี้ ทางรอดเดียวก็คือ......ยอมแพ้ แล้วหนีออกจากดันเจี้ยน ”
มาวินนิ่งฟังด้วยอาการสงบ อันผิดกับนิสัยทโมนที่มีมาแต่กาลก่อน เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็กล่าวห้วนๆว่า.....
“ จะหนีจากที่นี่ยังไง ”
“ ศาสตราจารย์จูนสัญญาณนาฬิกาของนายได้แล้ว เพียงกดปุ่มเขียวบนตัวเรือน นายก็จะวาร์ปกลับมา ” โจจี้รีบบอกโดยเร็ว
“ ฮะๆ เป็นวิธีที่ง่ายจริงๆ แต่ขอโทษที ชั้นยังไม่คิดจะหนี ” มาวินหัวเราะเบาๆ พร้อมเซอร์ไพรส์ด้วยการกล่าวถึงสิ่งที่เหลือเชื่อ
“ หา.... เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ถ้าโดนตบอีกทีเดียว นายต้องตายอย่างแน่นอน รีบกดปุ่มเขียวซักทีซิโว้ย ” โจจี้โวยหนักด้วยความเป็นห่วง
“ ฮะๆ ขอบใจมากว่ะ ไอ้พี่ชายผมทอง ” มาวินขอบคุณ แต่ยังไม่กดปุ่มเขียว เขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด เพื่อลุกขึ้นยืนและตั้งท่าสู้
“ กรร.....โฮก..... ” เสือร้ายส่งเสียงขู่ จากนั้นก็คำรามใส่อย่างดุดัน ถ้าจะให้แปลเป็นภาษามนุษย์ก็น่าจะประมาณว่า…….น่วมขนาดนี้ ยังจะกำแหงอีกรึ เจ้ามนุษย์ตัวน้อย
ถึงเด็กหนุ่มจะได้ยินคำขู่ แต่เจ้าตัวกลับไม่แสดงท่าทีหวาดหวั่น มิหนำซ้ำยังหัวเราะร่า พร้อมกวักมือท้าทายแบบไม่คิดเกรงกลัว
“ ฮะๆ อย่ามัวแต่ขู่อยู่เลยน่า ไอ้หน้ายาว นายรีบเข้ามาเถอะ ชั้นจะยืนรออยู่ตรงนี้แหละ ”
แม้เสือร้ายจะไม่เข้าใจภาษามนุษย์ แต่จากอากัปกิริยาและสีหน้าของมนุษย์เบื้องหน้าก็ค่อนข้างชัดเจนว่านี่เป็นการท้าทายอำนาจ สิ่งนั้นทำให้เจ้าป่ารู้สึกฉุนขาด
“ โฮก........ ”
สิ้นเสียงคำรามครั้งสุดท้าย ร่างเพรียวที่ปราดเปรียวก็พุ่งทะยานเข้าใส่มาวินสุดกำลัง หวังสังหารมนุษย์ร่างเล็กให้ม้วยมรณาในคมเขี้ยวเดียว แต่ก่อนที่เสือร้ายจะเข้าถึงตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“ แจ่มมาก ชั้นรอจังหวะนี้มานานแล้ว ”
เสือร้ายรู้สึกเสียวสันหลังตามสัญชาตญาณระวังภัย แต่ไม่อาจฉุดรั้งตัวเอง เพราะกระโจนใส่อริสุดกำลัง และแล้ว ความระแวงก็เป็นจริง เด็กหนุ่มหัวเขียวทิ้งตัวไปข้างหลังอย่างฉับพลัน ทำให้หลบคมเขี้ยวได้อย่างหวุดหวิด มิหนำซ้ำในจังหวะที่หงายหลัง เขาก็ยกสองขาขึ้นถีบไปที่ลำตัวแกร่งของสัตว์ป่า
“ ไปตายซะ ” เด็กหนุ่มตะโกนดัง ก่อนกดแรงไปที่สองขาสุดกำลังจนกลายเป็นลูกถีบคู่ที่ดุดัน
“ โฮก.......” เสือดาวคำรามดัง แม้มันจะไม่บาดเจ็บจากการโจมตีเพียงแค่นี้ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าคือ......เหวลึกที่สูงชัน
“ โฮก....... ” เสือร้ายคำรามยาวอีกครั้ง กระแสดูแตกตื่นกว่าครั้งก่อน ดวงตาเรียวเหลือกพองด้วยความหวาดกลัว วินาทีต่อมา ร่างเพรียวก็ร่วงหล่นลงสู่ก้นเหวตามแรงโน้มถ่วงโลก นับว่าเป็นการต่อสู้ที่พลิกล็อคอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าสิ่งที่เจ้าป่าต้องเผชิญ ย่อมหนีไม่พ้นความตายที่น่าเวทนา
มาวินนอนหงายบนพื้น ดวงตาเหม่อมองท้องฟ้าด้วยประกายสดใส ปากแย้มยิ้มออกมา ภายในนึกดีใจที่สามารถพิชิตชัยด้วยปัญญา สุดท้ายเขาก็ยื่นหมัดขวาไปที่นภา พร้อมให้สัญญากับตัวเอง
“ ฮะๆ สำเร็จแล้ว ซักวันหนึ่ง ชั้นจะกลับไปหาเธอ ”
เด็กหนุ่มนอนนิ่งอยู่นานสองนาน เขารู้สึกเหนื่อยล้าและบอบช้ำจนแทบขยับตัวไม่ได้ ทันใดนั้นเอง เสียงโจจี้ก็ดังขึ้นมา
“ ไง เจ้าน้องชายหัวเขียว พอขยับตัวไหวมั้ย ถ้าไหวก็รีบคลานไปที่แท่นวาร์ตรงหน้า พวกชั้นจะได้พาตัวนายกลับมา ” น้ำเสียงของโจจี้ดูยินดีอย่างชัดเจน
“ ฮะๆ ว่าแล้ว....ซักพักนายต้องโฟนอินมาสั่งชั้นแบบนี้ แทงหวยไม่ผิดเลย ” มาวินตอบกลับด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“ เออ......ดิ เอ๊ะ อะไรคือ…โฟนอิน แล้วไหนจะแทงหวยอีก ภาษาบ้านนายนี่มันพิลึกกึกกือจริงๆ ” โจจี้ตอบกลับ หางเสียงบังเกิดอาการมึน
“ ฮะๆ โอเคๆ เดี๋ยวจะลุกขึ้นนะ ว่าแต่….ชั้นต้องเจอตัวอะไรอีกมั้ยเนี่ย คราวนี้หมดก๊อกจริงๆแล้ว ” มาวินหัวเราะเบาๆ พร้อมเถไปถามเรื่องอื่น
“ อ้อ.... หมด ไม่มีตัวอะไรออกมาอีกแล้ว เพราะไอ้เสือดาวตัวนั้นคือบอสใหญ่ของดันเจี้ยนนี้ ” โจจี้ตอบกลับทันควัน
มาวินยิ้มระรื่น ซักพักเขาก็รวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่น้อยนิด เพื่อเดินโซซัดโซเซไปยังแท่นวาร์ปซึ่งอยู่ไม่ห่าง พอตะกายขึ้นไปยืนบนกลางแท่น โจจี้ก็ถามถึงสิ่งที่นึกสงสัย
“ ก่อนจะกลับ อยากจะถามว่า….ที่นายทำให้เสือดาวตกเหว มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นแผนการที่วาง ”
มาวินนิ่งไปหลายอึดใจ ก่อนตอบกลับมาแบบกวนๆ
“ แหงล่ะ นี่เป็นแผนที่มาจากมันสมองของชั้นล้วนๆเลย ”
พอมาวินพูดจบ แท่นทรงกลมก็เริ่มเปล่งแสงสีฟ้าออกมา แสงนั้นทวีความสว่างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ก็แผดไปทั่วบริเวณ เวลาผ่านไปประมาณ 10 วินาที กระแสนั้นค่อยๆจางลง พอดับสนิท ก็ปรากฏว่าบนแท่นทรงกลมหลงเหลือแต่ความว่างเปล่า
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ