The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
85) โลกแห่งความฝัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpapercave.com
แสงสว่างอันเจิดจ้าทำให้สายตาของเด็กหนุ่มพร่ามัวไปชั่วขณะ เมื่อบรรเทาลง สิ่งแรกที่เห็นก็คือ.....โจจี้และศาสตราจารย์อ็อคซี่ ใกล้ๆกันนั้นคือเหมยลี่ ที่ตอนนี้กำลังยืนกอดอก สีหน้าเรียบเฉย
“ ฮะๆ นี่ชั้นกลับมาแล้ว ใช่มั้ยเนี่ย ” มาวินเหลียวมองไปรอบๆ
“ ใช่แล้ว ที่นี่คือห้องทดลองวิทยาศาสตร์บนตึกอัพเลเวล นายเก่งมากที่เคลียร์ดันเจี้ยนระดับ 20 ได้ ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่กล่าวชม ท่าทางดูทึ่งเล็กน้อย
“ ฮ่าๆ นายก็มีฝีมือเหมือนกันนี่ ชั้นดูผิดไปจริงๆ ขอโทษด้วยนะ น้องชายหัวเขียว ” โจจี้ยื่นมือขวาออกมา เพื่อขอจับมือ ทำให้เด็กหนุ่มอึ้งไปชั่วขณะ แต่แล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง พร้อมโอ้อวดตามสันดาน
“ ฮะๆ มันแหงอยู่แล้ว เพราะชั้นคืออัจฉริยะนักสู้ผู้ไร้ผู้เทียมทาน ” พอพูดจบ เด็กหนุ่มก็จับมือโจจี้
“ เหอๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ ” โจจี้หัวเราะแหม่งๆ หางคิ้วกระตุกเล็กน้อย ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้....เขาเริ่มรู้สึกหมั่นไส้มาวินขึ้นมานิดๆ
“ ฮะๆ ก็ใช่อ่ะดิ ชั้นคือผู้ไร้พ่าย ฮัดๆ...... ” มาวินโม้ต่ออีกหน่อย แต่ในตอนท้ายเหมือนเด็กหนุ่มจะเกิดอาการคัดจมูก
“ เฮ้ๆ..... เดี๋ยวอย่าเพิ่ง ” โจจี้เริ่มรู้แล้วว่าตนเองกำลังจะเจอกับอะไร หนุ่มหล่อผมทองพยายามดึงมือออกและถอยห่าง แต่ไม่ทันการ
“ เช้ย...... ” มาวินจามออกมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้น้ำมูกพุ่งทะลักไปกระทบใบหน้าของโจจี้
“ จ้าก..... ว้า..... ยี้....... สกปรก ” โจจี้ร้องลั่นด้วยความรังเกียจ เพราะเขาเป็นหนุ่มเจ้าสำอางที่รักความสะอาดเอามากๆ ดังนั้นสิ่งที่เผชิญในตอนนี้ ย่อมต้องเป็นฝันร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ ฮะๆ ขอโทษทีนะพี่ชาย ความชื้นในป่าทำให้รู้สึกคัดจมูกน่ะ เดี๋ยวชั้นจะเช็ดให้นายเอง ” มาวินกล่าวขอโทษ จากนั้นก็เข้ามาใกล้ๆ เพื่อเช็ดคราบสกปรกบนใบหน้า
“ ว้าก...... ไม่ๆ ไม่นะ ตัวของนายเปื้อนคราบเลือด เหงื่อ และโคลน เรียกได้ว่าสกปรกไปทั้งตัว ถอยไปห่างๆเลย ไอ้บ้าเอย ” โจจี้ชี้นิ้วสั่ง พร้อมโวยวายเสียงดัง แต่ยิ่งหนุ่มหล่อผมทองร้อนรนมากเท่าไหร่ มาวินยิ่งอยากแกล้งมากขึ้นเท่านั้น
“ เอาน่า เลือดของชั้นออกมานิดเดียวเอง ไม่เปื้อนหรอก ” มาวินแสร้งเป็นคนดี แล้วตรงเข้าไป หวังจะเช็ดคราบสกปรกให้หนุ่มหล่อ
“ ว้าก..... ไม่..... ไม่นะ จ้าก......” หนุ่มหล่อผมทองกระโดดลอยตัว พร้อมร้องดังด้วยอาการเสียขวัญ อึดใจต่อมา เขาก็วิ่งหนีออกจากห้อง
สิ่งที่เกิด ทำให้ทั้งทุกคนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน แม้กระทั่งเหมยลี่ยังอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย
“ ฮะๆ....... ”
ทั้งสามขบขันได้พักหนึ่ง ศาสตราจารย์อ็อคซี่ก็หันมาสนใจอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่ม
“ เอาล่ะ สนุกพอแล้ว ทีนี้มาดูกันว่านายเป็นยังไง ”
“ ฮะๆ ก็คล้ายๆถูกควายทั้งฝูงเหยียบมานั่นแหละ ลุง ” มาวินหัวเราะเพลียๆ
“ หน็อย ชั้นชื่อศาสตราจารย์อ็อคซี่โว้ย ไม่ใช่ลุง ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่โวยดัง ชายสูงวัยไม่ชอบให้ใครเรียกว่าลุง แต่ไม่ทันจบประโยค เด็กหนุ่มผมเขียวก็ล้มลงนอนกับพื้น
“ เฮ้ย.....เจ้าหนูอย่าเพิ่งเป็นอะไร นังหนูกังฟูช่วยโทรเรียกหน่วยแพทย์มาทีซิ บอกเขาว่ามีผู้ป่วยอาการสาหัส ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน ” ศาสตราจารย์อ็อคซี่สั่งการแข็งขัน ซึ่งผู้ถูกสั่งน่าจะไม่พ้นเหมยลี่ และนั่นคือเสียงสุดท้ายที่เด็กหนุ่มได้ยินก่อนสิ้นสติไป
……………………….
ทันทีที่เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นก็คือ......ท้องฟ้าสีคราม มีเมฆขาวลอยผ่าน สิ่งที่สัมผัสได้ในเวลาต่อมาก็คือแสงแดดอ่อนๆ นอกจากนี้ยังมีสายลมเย็นที่พัดพาความชุ่มฉ่ำสู่จิตใจและร่างกายจนชวนให้อยากหลับใหลในสถานที่นี้ไปตลอดกาล
เด็กหนุ่มกะพริบตาถี่ เขาพยายามระลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ในใจอยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้ ตนเองอยู่ที่ไหน
“ เอ..... เราอยู่ไหนหว่า ถ้าจำไม่ผิด เมื่อกี้ เพิ่งจะเคลียร์ดันเจี้ยนระดับ 20 นี่นา ” เด็กหนุ่มหัวเขียวขบคิด
มาวินลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เขาเหลียวซ้ายแลขวา จึงพบว่าถูกแวดล้อมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็รู้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้คือ……ที่ไหน
“ เฮ้ย.......ที่นี่คือทุ่งกว้างที่เราสู้กับฝูงหมาป่านี่หว่า ” มาวินเริ่มโวยวาย แต่สิ่งที่เขากังวลจริงๆก็คือ…..จะมีหมาป่าตัวไหนโผล่ออกมาทักทายมั้ย ระหว่างนั้นเอง ก็ปรากฏเสียงเด็กสาวที่ฟังดูห้าวใหญ่
“ ที่นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยน นายไม่ต้องกังวลไปหรอก ”
“ เอ๊ะ เสียงคุ้นๆ ใครน่ะ เหมยลี่เหรอ ” มาวินทักกลับ พร้อมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาเจ้าของเสียง
เด็กหนุ่มพยายามอยู่ไม่นาน ก็พบกับบุคคลผู้หนึ่ง คนผู้นั้นกำลังเดินตรงเข้ามา
“ เชอะ ศัตรูตัวใหม่รึไง ” มาวินตั้งท่าต่อสู้
คนผู้นั้นเข้าใกล้มาวินมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงระยะ 5 ก้าวก่อนถึงตัว เด็กหนุ่มก็พบว่าบุคคลผู้นี้ซ่อนร่างสูงเพรียวในเสื้อแขนกุดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวและรองเท้าผ้าใบสีเดียวกัน
“ เอ๊ะ นี่มันชุดของคนบนโลกนี่หว่า แต่คนจากโลกนั้นจะมาเดินเล่นที่นี่ได้ยังไง ” มาวินนึกสงสัย เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าบุคคลผู้นี้คือเด็กสาววัยรุ่นนางหนึ่ง เธอมีใบหน้าที่เรียวยาวได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มส่อแววจริงจัง บนศีรษะประดับไปด้วยผมดกหนาที่สั้นประมาณบ่า
“ เฮ้ย......นี่มัน ยัยจันนี่หว่า ไม่ใช่ซิ เธอจะมาที่โลกนี้ได้ยังไง จริงๆแล้ว คนนี้คือเหมยลี่ใช่มั้ย แล้วทำไมถึงใส่ชุดแบบนี้ ” มาวินร้องทัก เขาดีใจสุดชีวิต
“ หึๆ ไม่ใช่เหมยลี่หรอก ถามจริงเถอะ นายจำชั้นไม่ได้เหรอ ” เด็กสาวอมยิ้มเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าคมเข้มดูสดใสน่ารักขึ้นเป็นเท่าทวี
“ อ้าว.....ถ้าเธอไม่ใช่เหมยลี่ งั้นก็ต้องเป็นจัน เพราะหน้าตาแบบนี้ มันมีแค่สองคน แต่จะเป็นจันได้ยังไง ยัยนั่นไม่น่ามาที่โลกนี้ได้ ” มาวินยิ่งงงหนักกว่าเดิม ใบหน้าเล็กเรียวเริ่มบิดเบี้ยวเหยเก
“ แล้วทำไมชั้นจะมาไม่ได้ล่ะ นายคิดว่าที่นี่คือโลกแห่งความจริงรึไง ” เด็กสาวตอบกลับ แต่มันกำกวมจนมาวินงงหนักกว่าเดิม เขาเริ่มกุมขมับและขยี้เส้นผมบนหัวจนยุ่งเหยิง ปากก็โวยดังราวคนสติแตก
“ โว๊ย..... ตกลงนี่คือความจริงหรือความฝัน เอ๊ะ หรือใครแอบเอากัญชามาฉีดเข้าเส้นเลือด เลยทำให้ประสาทหลอนแบบนี้ ใครก็ได้ช่วยบอกที เมมโมรี่ในสมองยิ่งมีน้อยๆอยู่ซะด้วย ”
“ ฮะๆ นายนี่ไม่เปลี่ยนเลย ยังคงเพี้ยนเหมือนเดิม ” เด็กสาวที่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นจันหรือเหมยลี่ ปิดปากหัวเราะเบาๆด้วยอาการขบขัน
ทันทีที่มาวินได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กสาวร่างสูง เขาก็คลายความสับสน จากนั้นก็เริ่มยิ้มเล็กน้อย พร้อมก้มหน้าตอบ ท่าทางเขินอาย
“ ฮะๆ จริงๆแล้ว ไม่ว่าเธอจะเป็นจันหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ดีใจนะที่ได้พบ ถึงแม้จะเป็นเพียงความฝัน ชั้นก็ยินดี และ....... ” คำสุดท้ายที่เด็กหนุ่มจะพูดดูติดขัด
“ และอะไร นายช่วยพูดให้จบดิ ” เด็กสาวร่างสูงเอียงคอถาม ใบหน้าคมเข้มเริ่มแย้มยิ้ม ทำให้มาวินเขินหนักกว่าเดิม เพราะท่วงท่าแบบนี้ มันคล้ายกับตอนที่จันกำลังหยอกล้อ เขาเลยติดอ่างต่อไป
“ เอ่อ....... ”
“ เอ่อคือว่าคือ….” เด็กสาวทวนคำ ท่าทางร่าเริง ถึงตอนนี้ มาวินแน่ใจแล้วว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าก็คือ…...จัน
อึดใจต่อมา มาวินก็เริ่มได้คิด......ช่วงที่เขาอยู่ในโลก The Dark World เรื่องอันตรายมักย่างกรายเข้ามาหาเสมอ จนไม่แน่ใจว่าตนจะได้กลับโลกอีกหรือไม่ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจพูดในสิ่งที่รู้สึกค้างคา
“ ถึงแม้นี่เป็นเพียงความฝัน ก็ไม่อยากให้มันจบลง ชั้นยอมนอนหลับไปตลอดกาล ” มาวินตะโกนดัง ใบหน้าเรียวเล็กแดงก่ำราวตำลึงสุก
สิ้นคำสารภาพ ใบหน้าคมเข้มของเด็กสาวก็สลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มาวินรู้สึกผิดและกล่าวขอโทษเสียงเศร้า
“ เอ่อ.......ชั้นคงพูดผิดไป ขอโทษ ชั้นอาจจะ…”
ไม่ทันจบประโยค จันก็โผเข้ากอด ทำให้มาวินถึงกับชาไปทั้งตัว ยิ่งได้สัมผัสไออุ่นจากร่างกาย ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มเกิดอาการเอ๋อรับประทานจนจำชื่อของตัวเองไม่ได้
“ เอ่อ..... นี่คือ..... อ่อ..... อื้อ.......อ้อ.....อืม....... ” มาวินยืนตัวแข็ง ปากพล่ามไม่เป็นภาษา แต่จันก็ไม่สนอาการช็อคของอีกฝ่าย เธอดึงเด็กหนุ่มออกจากอ้อมกอด พร้อมจ้องไปที่ดวงตา
“ อ่า...... มะๆ....มีอะ.....ไรเหรอ ” เด็กหนุ่มพยายามเอ่ยถาม
วินาทีนั้นเอง มาวินรู้สึกว่าดวงตาของจันเหมือนจะสั่นเล็กน้อย อึดใจต่อมา เด็กสาวร่างสูงก็ตอบกลับเสียงเครือ
“ ที่นี่คือโลกแห่งความฝัน ชั้นติดต่อนายได้ด้วยเครื่องมือเชื่อมจิตที่น้าเดชคิดค้น ซึ่งจะทำงานในยามที่นายบาดเจ็บสาหัส ”
“ หา.....งั้นแปลว่าเธอคือจันตัวจริง ใช่มั้ย ” มาวินตกใจจนตาโตเป็นไข่ห่าน เขาคิดว่าถ้าได้กลับสู่โลก คงวางตัวไม่ถูกเป็นแน่ เพราะได้พูดเรื่องที่น่าอายไปแล้ว
“ อาจใช่ แต่ถึงยังไง โลกนี้ก็เป็นเพียงความฝันที่มีระยะเวลาจำกัด นี่ก็ใกล้หมดเวลาเต็มทีแล้ว ” จันตอบเบาๆ สีหน้าดูเศร้าจับใจ
พอสิ้นคำของจัน เด็กหนุ่มก็รู้สึกฉากรอบตัวเริ่มบิดเบี้ยว
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ” มาวินเหลียวมองไปรอบๆ
“ มันคืออาการที่บ่งบอกว่าโลกแห่งความฝันกำลังจะสลาย หรือพูดง่ายๆก็คือ…นายกำลังจะตื่น ” สีหน้าของจันดูหมองเศร้า เรือนร่างเริ่มจางลงเรื่อยๆ
“ เอ๊ะ เดี๋ยวซิ ไม่นะ ยังไปไม่ได้ เธอต้องอยู่กับชั้นก่อน ” มาวินร้องลั่นด้วยอาการเสียขวัญ เขารีบรุดเข้ามาเกาะแขน ทว่ากลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่า ราวกับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน
“ ไม่ต้องตกใจ เราต้องได้เจอกันอีกแน่ และสิ่งที่อยากบอกเป็นอย่างสุดท้ายก็คือ......ทุกคนบนโลกพยายามจะดึงนายกลับมา แต่นายต้องสู้ในโลกนี้ เพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้ ” จันพยายามฝืนยิ้ม
“ สู้ยังไง และชั้นต้องไปที่ไหน ” มาวินร้องถามเสียงหลง ในใจรู้สึกเคว้ง มันเหมือนว่าตนเองกำลังลอยคออยู่กลางทะเลลึก
“ นายต้องไปแคว้นเยอมาเนีย ที่นั่น จะพบกับคนที่ช่วยให้นายกลับบ้านได้ ” เสียงของจันเริ่มขาดๆหายๆ ร่างกายสูญสลายไปบางส่วน
“ อ้อ ได้ แต่ถึงยังไง ชั้นก็อยากให้เธออยู่ด้วย ” น้ำตาของมาวินเริ่มหลั่งไหล เพราะรู้ชัดว่าเขากำลังจะจากเพื่อนรักไปอีกครั้ง แต่เด็กสาวหน้าเข้มกลับยิ้มเยาะ
“ ตาบ้าเอย ถึงยังไง เราก็ต้องเจอกันอีก ที่สำคัญ ถึงชั้นไม่ได้อยู่กับนาย แต่รอบกายก็มีสหายที่ไว้ใจได้ ชั้นเชื่อมั่นว่านายน่าจะไปถึงแคว้นเยอเมอเนียได้ไม่ยาก ”
“ ใครคือสหาย ไม่เอา ไม่สนอะไรทั้งนั้น ชั้นต้องการแค่เธอ อย่าไปนะ ” มาวินเริ่มร้องไห้ออกมาเต็มที่ เขาเสียใจต่อการจากลาที่สุด ทว่าจันกลับแย้มยิ้มด้วยท่าทางที่ดูสุขใจ
“ พวกนั้นเป็นเพื่อนตายของเธอ พวกเขาเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและฝีมือ แถมยังพึ่งพาได้ ชั้นดีใจเหลือเกินที่นายได้พบกับคนพวกนั้น เอาล่ะ ถึงเวลาที่ต้องจากลาแล้ว บาย นายวิน ”
จันยกมือขึ้นโบกไปมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มสดใสที่ฉายบนใบหน้าคมเข้ม ครู่หนึ่ง ร่างของเธอก็เลือนหายไป ส่วนฉากรอบข้างเริ่มบิดเบี้ยวจนดูไม่เป็นรูปทรง ทว่าเด็กหนุ่มไม่สนอะไรแล้ว เขาเอาแต่ร่ำร้อง
“ อย่าไปนะ จัน ชั้นไม่ให้เธอไป ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ