The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
9.7
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
174 LV
22 วิจารณ์
166.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) คุณคือโคบาล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.facebook.com/jalando.darksidewriter.version2
ขณะนั้นบรรยากาศในโซนเกมดูมาคุยังไงชอบกล ทุกอย่างตึงเครียดและร้อนระอุ ขนาดมีผู้คนรายล้อมเกินกว่าครึ่งร้อย แต่ความเงียบยังเข้ามาเยี่ยมเยียนได้ ทุกสายตาจับจ้องไปที่กลางวงซึ่งมีคู่กรณียืนประจัน
หนึ่งในคู่กรณีคือมาวิน ข้างๆของเด็กหนุ่มจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก…..แตงไทย ส่วนอีกฝ่ายคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ด้านหลังมีแห้งปืนเทพคอยคุมเชิงอยู่
“ ปล่อยน้องชั้นเดี๋ยวนี้ ” ชายร่างใหญ่ผู้มีผิวดำปานหมึกตะโกนสั่ง เสียงนั้นทั้งกังวานและดุดัน
“ เอ่อ….น้องของนายก็คือ…..เด็กคนนี้หรือ ” มาวินทำหน้างงๆ พร้อมชี้นิ้วไปยังเด็กสาวซึ่งกำลังเกาะกุมแขน
“ เออ นั่นแหละ แกรีบปล่อยตัวน้องชั้นได้แล้ว ” ชายร่างใหญ่คำรามดัง
มาวินสตั้นไปหลายอึดใจ เขาแอบคิดอยู่ภายในว่านี่น่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลกเป็นแน่ เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็ไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองจะเป็นพี่น้องกัน มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เหมือนเด็กสาววัยใสจะอ่านใจของมาวินออก เธอจึงแนะนำพี่ชายในไส้ให้รู้จัก เพื่อคลายความสับสนงงงวยที่บังเกิด
“ ขอแนะนำให้รู้จัก คนตัวโตๆที่อยู่ตรงหน้าคือพี่ชายของหนูเอง เขาชื่อว่า…..พี่ขนุน ”
คำตอบนั้น ทำให้มาวินตื่นจากภวังค์และหันไปส่งยิ้มแหยๆให้สาวน้อยที่ยืนเคียง
“ เหอ เหอ เหอ ไม่เหมือนกันเลยเนอะ ”
ยักษ์ใหญ่นึกรำคาญหรืออย่างไร ไม่ทราบได้ เขาจึงกล่าวตัดบทด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้ง
“ เอ้า มัวแต่พูดกันอยู่นั่นแหละ จะปล่อยน้องชั้นได้รึยัง ”
“ เฮ้อ…..ว่าตามจริงแล้ว ชั้นเองก็อยากปล่อยน้องนายนะ แต่ดูนี่สิ ” มาวินพูดจบ ก็ชักแขนข้างที่โดนคล้องยื่นไปข้างหน้า ทำให้เด็กสาวร่างเล็กถลาไปตามแรงเหวี่ยง กระนั้นเธอก็ยังคงคล้องแขนไว้ได้อย่างเหนียวแน่นชนิดที่ตุ๊กแกยังอาย
“ ฮึ่ม……ปล่อยแขนเดี๋ยวนี้นะ ยัยแตงไทย ” ยักษ์ใหญ่กัดฟันแน่น ปากร้องสั่งน้องสาวเสียงเข้ม
“ ไม่ปล่อย ” เด็กสาวแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
“ จะปล่อยหรือไม่ปล่อย ” ชายร่างยักษ์เริ่มหน้าแดง อารมณ์โกรธพุ่งทะยาน
“ ไม่มีทาง ” เด็กสาวปฏิเสธเสียงแข็ง
“ ยอมไม่ได้นะ พี่ขนุน แบบนี้มันต้องนองเลือด ” หนุ่มแห้งที่ยืนด้านหลังเริ่มก่อหวอด
“ ถามเป็นครั้งสุดท้าย จะปล่อยหรือไม่ปล่อย ” ชายร่างยักษ์งัดแขนเสื้อขึ้น เพื่อเตรียมประจัญบาน
“ ไม่ ” เด็กสาวตอบกลับเสียงแหลม เธอเกาะกุมแขนเล็กๆของมาวินแน่นกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“ ลุยเลย เพ่ ” หนุ่มแห้งยุอีกคำรบ เพื่อหวังให้เกิดการวิวาท
“ ชั้นปล่อยแล้วนะ นายไม่เห็นรึไง ” คราวนี้เป็นฝ่ายเด็กหนุ่มพูดมั่ง ดวงตาหยีลงเล็กน้อย เพราะกลัวจะถูกกำปั้นของหนุ่มร่างยักษ์ปะทะหน้า
“ ดี งั้นเจอนี่ ” หนุ่มร่างยักษ์ย่างสามขุมเข้าหาเด็กหนุ่ม
“ เหวอ…….” เด็กหนุ่มหัวเขียวเอามืออีกข้างที่ว่างปิดป้องใบหน้า ดวงตาปิดสนิท เพราะคิดว่ายังไงเขาก็ไม่น่ารอดจากฝ่าเท้าของคู่กรณี เสียงฝูงชนเริ่มฮือฮา ทุกคนคาดว่างานนี้ต้องจบไม่สวยแน่
เวลาผ่านไปหลายวินาที เด็กหนุ่มหัวเขียวยังอยู่ดีมีสุข ไม่ได้รับประทานขนมตุ้บตั้บอย่างที่คาด
หูของมาวินสัมผัสได้ถึงความเงียบ เสียงฮือฮาเริ่มหายไป นั่นทำให้เขานึกสงสัยจนต้องลืมตาขึ้นดู สิ่งแรกที่เห็นก็คือ…..ใบหน้าเหี้ยมๆของหนุ่มร่างยักษ์ มันถูกยื่นเข้ามาใกล้จนแทบจะแนบชิด
“ เหวอ……. ”
เด็กหนุ่มตกใจสุดขีด เขาล้มลงไปนั่งกับพื้น โดยมีเด็กสาวร่างเล็กร่วงหล่นลงไปก้นจ่ำเบ้าอีกคน มันเป็นอะไรที่ชวนหลอนแบบสุดๆ เพราะหน้าตาของชายผู้นี้เข้าขั้นน่ากลัวมาก อีแบบนี้ให้โดนกระทืบจนดาวดิ้นซะยังดีกว่า
หนุ่มร่างยักษ์ไม่แยแสต่ออาการตระหนกของมาวิน ครู่หนึ่งเขาก็เสนอทางออกด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ ก็มาตัดสินด้วยเกม ”
“ ฮะๆ……ตกลงก็ได้มั้ง ” มาวินหัวเราะแฮะๆ เขาฝืนรับคำ เพราะคงไม่มีทางอื่นให้เลือกอีกแล้ว
………………………
กลุ่มคนกว่าครึ่งร้อยเฮโรไปรวมตัวกันหน้าคอกเกมขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะกินพื้นที่ถึง 8 ×8 เมตร พื้นด้านล่างถูกบุด้วยเบาะพลาสติกนิ่มๆสำหรับเซฟผู้เล่นในยามที่ต้องล้ม ส่วนคอกกั้นทั้งสี่ด้านทำด้วยยาง ตรงกึ่งกลางปรากฏกระทิงไม้ตัวหนึ่ง หน้าตาของมันดูดุดันไม่แพ้ตัวจริง
“ ตกลงเราจะแข่งไอ้นี่จริงๆน่ะเหรอ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวทำหน้าเหลอ
“ ใช่ นายเป็นเซียนเกมไม่ใช่หรือ นายน่าจะเล่นเก่งทุกเกมสิ ” ชายร่างยักษ์พูด น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูกดดันไม่ใช่น้อย
“ ก็จริงอยู่ แต่เกมที่ชั้นเล่น มันไม่ใช่แนวนี้ ” มาวินตอบกลับแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะหวั่นเกรงขนาดตัวของคู่สนทนา
“ แต่มันก็คือเกมและนายคือเกมเมอร์อันดับหนึ่งของเมืองกรุง นายต้องเล่นเก่งทุกเกมสิ ” ชายร่างยักษ์ตวาด พร้อมทำท่าเบ่งกล้ามโชว์ด้วยอาการข่มขู่
“ ครับๆ เล่นก็เล่น ” เด็กหนุ่มรับคำท้าทายแบบไม่เต็มใจ
“ ดีมาก งั้นเรามาทำข้อตกลงกันก่อน ถ้าชั้นชนะ นายต้องเลิกยุ่งกับน้องสาวของชั้น เข้าใจมั้ย ” ยักษ์ใหญ่เปิดเงื่อนไข ท่าทางเหมือนจะบอกว่า…..ถ้าไม่อยากตาย ก็รับเงื่อนไขนี้ซะ
“ ได้เลย แต่ถ้าพี่มาวินชนะ พี่ต้องเลิกยุ่งเรื่องของเรา ตกลงมั้ย ” เด็กสาวหน้าใสที่ยังคงคล้องแขนของมาวินอยู่ทำข้อตกลงให้เสร็จสรรพ โดยไม่ได้ถามความยินยอมจากเจ้าตัวที่ยืนมึน
“ โอเค ตกลงตามนั้น งั้นชั้นขอเป็นฝ่ายเริ่มเกมก่อน ” ชายร่างยักษ์พูดจบ เขาก็ก้าวเข้าสู่สังเวียน
แต่ก่อนที่เกมจะเริ่มต้น นายตุ้ยนุ้ยก็โผล่ออกมาอย่างฉับพลัน เพื่ออธิบายวิธีการเล่นและกฎกติกา
“ เกมนี้มีชื่อว่า “ผมคือโคบาล” เหล่าเกมเมอร์ตัวจริงไม่นิยม เพราะมันเป็นเกมที่ต้องใช้พลังกาย วิธีการเล่นก็คือ……ผู้เล่นต้องขึ้นไปนั่งคร่อมกระทิงไม้ที่อยู่กลางคอก จากนั้นมันจะกระดกขึ้นลงและหมุนไปมา เพื่อสะบัดผู้เล่นให้ตก ความเร็วและความแรงจะมีมากขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่าน ผู้เล่นต้องทำยังไงก็ได้ ให้เกาะบนหลังได้นานที่สุด ใครอยู่นานสุด คนนั้นคือผู้ชนะ ”
เด็กหนุ่มหัวเขียวหันมามองประธานสมาคม สายตาฉายแววดูแคลน ปากเอ่ยถามแบบเซ็งๆ
“ เมื่อกี้นายไปไหนมา ”
“ อะ……เอ่อ……ผมปะ…….ไปเข้าห้องน้ำมา ฮะๆ ” ประธานสมาคมตอบตะกุกตะกัก พลางหัวเราะเบาๆแก้เขิน
“ ตลอดเลย มีเรื่องทีไร แกหนีทุกที ” เด็กหนุ่มหัวเขียวส่ายหน้าช้าๆ ในใจนึกระอาเป็นยิ่งนัก
“ ฮะๆ ตุ้ยนุ้ยไม่สู้คน ” ประธานสมาคมหัวเราะแห้งๆ จากนั้นก็ก้มหัวให้เป็นเชิงขอโทษ ทำเอามาวินอ่อนอกอ่อนใจจนด่าไม่ลง
ชายร่างยักษ์ขึ้นคร่อมบนหลังกระทิงไม้ ท่วงท่าดูทะมัดทะแมงอย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่าเขาคือยอดโคบาลผู้ยิ่งใหญ่ ทันทีที่ประจำตำแหน่ง ปากหนาๆก็เปิดกว้าง เพื่อให้สัญญาณเริ่มต้น
“ เริ่มได้ ”
กระทิงไม้เริ่มเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ไม่ว่าใครก็สามารถเกาะหลังได้โดยง่าย เมื่อเวลาผ่านไปนาทีนึง มันก็กระดกขึ้นลงด้วยจังหวะที่แรงขึ้นคล้ายกระทิงเปลี่ยวดุๆ กระนั้นข้อมือแกร่งของหนุ่มร่างยักษ์ก็ยังเกี่ยวรอบคอเอาไว้แน่น ใบหน้ายิ้มละไมราวกับกำลังเดินชมสวนอุทยานที่แสนสวยงาม
เวลาผ่านไปสองนาที กระทิงไม้เจ้าปัญหาเริ่มกระดกเร็วและแรงขึ้น แต่ชายร่างยักษ์ก็ยังเอาอยู่ ทว่าสีหน้าเริ่มเบ้เล็กน้อย
พอย่างเข้านาทีที่สาม กระทิงไม้เริ่มหมุนไปมาสลับกับกระดกขึ้นลงอย่างดุดัน การหมุนของมันชวนให้ผู้เล่นเวียนหัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเวียนเป็นวงกลม ยังมีแอบสลับซ้ายทีขวาทีอย่างจงใจ เมื่อแตะไปถึงนาทีที่สี่ การโลดโผนของจักรกลก็รุนแรงและคาดเดาได้ยากกว่าเดิม
ใบหน้าชายร่างยักษ์ในตอนนี้ดูบูดเบี้ยว ช่วงแขนล่ำสันเริ่มมีเส้นเลือดปูดโปน เพราะเขาออกแรงมากเกินไป
กำลังของหนุ่มร่างยักษ์ถดถอยลงไปเรื่อยๆ แต่กระทิงไม้จอมโหดยังไม่คลายความบ้าคลั่ง ตรงกันข้ามมันกลับทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกเท่าตัว จนในที่สุด……
“ โครม ”
เสียงของหนักกระแทกพื้นดังสนั่น เหตุเพราะหนุ่มร่างใหญ่ร่วงลงมากระทบกับเบาะนุ่มๆในคอกเกม
“ โห…..ทำเวลาได้ตั้ง 5.10 นาที กำลังมหาศาลจริงๆ ” เสียงฮือฮาจากผู้คนดังต่อเนื่อง เพราะขนาดนักกีฬารักบี้มาลองเล่น ยังทำเวลาได้แค่ 4 นาทีเท่านั้นเอง นับเป็นความแข็งแรงที่เกินคน
“ ว่าไง ถึงตานายแล้ว ” ชายร่างใหญ่ผิวดำ ยิ้มฟันขาวให้มาวิน
“ เฮือก…… ” มาวินกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ เด็กหนุ่มเคยเล่นเกมนี้มาครั้งหนึ่ง ทำเวลาได้แค่สองนาทีเท่านั้น เขาไม่ชอบเลย เพราะมันเป็นเกมที่ต้องใช้กำลังจากข้อแขนอย่างมากมาย
“ แล้วเราจะเอาอะไรไปชนะ ก็ไอ้หมอนั่นมันแรงควายซะขนาดนั้น ” เด็กหนุ่มหัวเขียวนิ่งคิด สีหน้าวิตกกังวล
“ มาวิน มาวิน มาวิน……..” เสียงเชียร์จากฝูงชนดังลั่นไปทั่วโซนเกม ทุกคนอยากเห็นปาฏิหาริย์ของเกมเมอร์มือหนึ่งอีกครั้ง
เด็กหนุ่มหัวเขียวยิ้มแหยๆ พลางหันไปมองประธานสมาคมร่างอ้วนเตี้ย พอสบตากัน ทั้งสองรู้ในทันทีว่า……..
“ เกมนี้เตรียมหน้าแหก ”
“ หมดมุกแล้วว่ะ ตุ้ยนุ้ย ขอโทษพี่น้องทั้งหลายที่ต้องเสียแรงเชียร์ ไปแพ้ให้มันทุเรศน้อยที่สุดดีกว่า เฮ้อ…… ” เด็กหนุ่มทอดถอนใจ พลางเดินไปประจำตำแหน่ง
เด็กหนุ่มหัวเขียวขึ้นไปนั่งบนหลังกระทิงไม้แบบกล้าๆกลัวๆ ท่าทางดูเก้ๆกังๆ ถึงกระนั้นสายตาทุกคู่ยังจับจ้องอย่างมีความหวัง คนเหล่านั้นล้วนอยากเห็นปาฏิหาริย์
ชายร่างยักษ์ยืนกอดอกมองคู่ต่อสู้ เขามั่นใจว่าตนเองน่าจะชนะในเกมนี้ เพราะเท่าที่สังเกตหน่วยก้านของเด็กหนุ่ม รู้ในทันทีว่านี่เป็นเพียง……โคบาลมือใหม่
“ ฟื้ด….. ” เสียงเครื่องจักรคำรามดัง ทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวสะดุ้งตกใจจนเกือบจะร่วงลงสู่พื้น โชคดีที่มือซ้ายยังคว้าคอกระทิงไว้ได้ทัน
“ ฟู่…..เกือบไปแล้ว แค่เริ่มก็จะร่วงซะแล้ว พี่มาวินจะไหวมั้ยเนี่ย ” ตุ้ยนุ้ยยกมือกุมขมับ ในใจนึกกลัดกลุ้มถึงขีดสุด
กระทิงไม้อุ่นเครื่องด้วยการขยับอย่างช้าๆ เด็กหนุ่มหัวเขียวยังทนได้ แต่สีหน้ากลับไม่ค่อยสู้ดีนัก
ต่อมากระทิงไม้เริ่มกระดกขึ้นลง เด็กหนุ่มใช้สองแขนโอบรอบคอเอาไว้แน่น เวลาผ่านไปเกือบสองนาที ความแรงในการเคลื่อนที่มีมากขึ้น กายบางสั่นไหวไปมาตามแรงสะบัด แต่เขายังฝืนสุดกำลัง เพื่ออยู่บนหลังมันในนานที่สุด ทว่าด้วยกำลังที่น้อยนิด จึงทำให้แขนที่คล้องรอบคอหมิ่นเหม่ต่อการหลุด
“ เย้ เก่งมาก ทนไว้ สู้เขา ” แตงไทยกับตุ้ยนุ้ยส่งเสียงเชียร์คู่กัน
เมื่อล่วงเข้าสู่นาทีที่สาม ก็ได้เวลาของการสะบัดซ้ายขวา แน่นอนว่าแขนเล็กๆเหมือนตะเกียบที่เริ่มอ่อนล้าย่อมไม่อาจทนทานต่อแรงเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นผลให้….
“ ตุ้บ ”
เสียงกระแทกดังดุจเดียวกับชายร่างยักษ์ เพียงแต่กระแสเบากว่ามาก เพราะรูปร่างที่แตกต่างกัน พอเสียงสงบลง เด็กหนุ่มก็นอนกองบนเบาะนุ่มๆภายในคอก
“ เวลาออกมาคือ 3.21 นาที คุณขนุนเป็นฝ่ายชนะ ” ประธานสมาคมทำหน้าที่ประกาศชัย แต่เสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างแผ่วเบา เนื่องจากผู้ชนะไม่ใช่คนของฝ่ายตน
“ ฮ่าๆ ” หนุ่มร่างยักษ์หัวเราะลั่น น้ำเสียงสะใจสุดเหวี่ยง
“ เฮ้อ…….” ประธานสมาคมถอนหายใจ เขาคาดไว้แล้วว่าผลลัพธ์ต้องออกมาเป็นแบบนี้
ชายร่างยักษ์หันมาทางน้องสาวร่างเล็ก จากนั้นก็แยกเขี้ยวเล็กน้อย ปากร้องทวงสัญญา
“ ไง แตงไทย ตามสัญญา มานี่เลย ”
“ พี่อ่ะ ขี้โกง ” เด็กสาวสะบัดสะบิ้ง แต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปหาพี่ชาย จากนั้นเธอส่งสายตาละห้อยให้มาวินที่ตอนนี้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเบาะกันกระแทก
“ แฮะๆ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวส่งยิ้มแหยๆให้พี่น้องจอมป่วน
นายขนุนยิ้มมุมปาก จากนั้นเขาก็ย่างสามขุมเข้าไปหา เป็นผลให้เด็กหนุ่มเกิดอาการปอดลอย ภายในใจคิดคำนึง
“ คราวนี้มันจะมาไม้ไหนอีกนะ ”
เมื่อชายร่างยักษ์หยุดยืนเบื้องหน้า เขาก็แสดงสปิริตด้วยการยื่นมือให้มาวินจับ มันทำให้เด็กหนุ่มถึงกลับอึ้ง
“ โห…..ช่างมีน้ำใจนักกีฬาซะจริงๆ ” ฝูงชนพากันโห่ร้องสรรเสริญ พร้อมตบมือเกรียวกราวแสดงความชื่นชม
“ ฮะๆ ขอบใจมากนะ นายตัวใหญ่ ” มาวินยิ้มเล็กน้อย พลางยื่นมือไปจับ ทันใดนั้นเองยักษ์ใหญ่ก็ดึงตัวเด็กหนุ่มเข้ามาในระยะประชิด พร้อมเอ่ยเบาๆให้ได้ยินแค่เพียงสองคน
“ เฮ้ย ไอ้กร๊วก เกมเมอร์เมืองกรุงมันก็แค่นี้เอง ต่อไปอย่าริอาจมาเสนอหน้าให้พวกข้าเห็นอีก เข้าใจมั้ย ”
ใบหน้าของมาวินกระตุกแรง ทว่าเจ้ายักษ์ใหญ่กลับยิ้มร่าราวกับนางงาม สองมือโบกสะบัดไปรอบๆ เพื่อรับเสียงโห่ร้องยินดี ไม่นานก็เดินจากไป แต่ยังไม่วายหันกลับมายิ้มเย้ยหยันให้เด็กหนุ่มอีกครั้ง
คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากัน อันเป็นการบอกถึงอารมณ์ที่ใกล้ระเบิด และก่อนที่สามเทพเกมแห่งเมืองสุพรรณจะจากไป เด็กหนุ่มก็ร้องท้าเสียงดัง
“ อย่าเพิ่งหนี นายไม่คิดจะให้ชั้นแก้มือบ้างหรือ ไอ้คุณพี่ขนุน ”
สิ้นเสียงร้องท้า ชายร่างยักษ์ก็หยุดชะงัก พร้อมหันกลับมา ใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยอาการโกรธเกรี้ยว ปากก็เอ่ยถามเสียงขรึม
“ เมื่อกี้แกว่าไงนะ ”
“ ก็ว่าตามที่แกได้ยินนั่นแหละ เก่งจริงให้ชั้นแก้มืออีกทีสิ ” เด็กหนุ่มตอบหนักแน่น ดวงตาประสานกับชายร่างยักษ์อย่างไร้ความเกรงกลัว
“ ว้าว…..พี่มาวินโคตรเท่เลยอ่ะ ” แตงไทยร้องลั่น น้ำเสียงปลาบปลื้ม
“ เงียบเลย นังเด็กคนนี้ ” พี่ชายร่างยักษ์หันไปตวาดน้องสาวตัวเล็ก หลังจากนั้นเขาก็กลับมาสนใจอริหนุ่มอีกครั้ง
ชายร่างยักษ์ก้าวเข้าหามาวิน ท่าทางเอาเรื่อง แต่คราวนี้เด็กหนุ่มหัวเขียวกลับไม่หลบ เขายืนจังก้าท้าทายสายตาอย่างไม่ลดละ ในที่สุดทั้งสองก็ประจันหน้ากันในท่ายืนประชิดจนทรวงอกแทบกระทบ
แม้ร่างของมาวินจะเล็กกว่าอีกฝ่ายจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง กระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่ยอมถอยให้คู่อริแม้แต่ก้าวเดียว ทำเอาชายร่างยักษ์รู้สึกตกตะลึงนิดๆ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าต่อกรกับเขาถึงขนาดนี้
“ ถ้าแกแพ้คราวนี้ จะว่ายังไง ” หนุ่มร่างยักษ์ถามเสียงดังด้วยอาการคุกคาม
“ แล้วแกจะเอาอะไร ” เด็กหนุ่มหัวเขียวตอบกลับทันควัน
ชายร่างยักษ์เกิดอาการอึ้งอย่างฉับพลัน เนื่องจากสมองของเขาทำงานค่อนข้างช้า
“ เอางี้ ใครแพ้ต้องก้มลงกราบงามๆและเรียกผู้ชนะว่าพ่อ โอเคมั้ย ” เด็กหนุ่มหัวเขียวเห็นว่าคู่กรณีชักช้า เลยกำหนดเงื่อนไขตามสไตค์ของตัวเอง
“ โอเค ตกลงตามนี้ ” ยักษ์ใหญ่ตอบกลับแบบไม่ต้องคิด เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าตนจะชนะ
“ ดีมาก ” มาวินร้องดัง พลางยื่นมือออกมาให้นายขนุนจับ เพื่อทำสัญญาลูกผู้ชาย พอชายร่างยักษ์หลงกล เขาก็แอบบีบมืออย่างรุนแรง จากนั้นก็รีบชักมือออก เพื่อไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายบีบตอบ
“ อู้ย…… แล้วใครจะเล่นก่อน ” ชายร่างยักษ์ถามไถ่ เขากุมมือข้างที่ถูกบีบ เพราะเสียรู้เจ้าตัวแสบ
“ คราวนี้ ชั้นเล่นก่อนมั่ง ” มาวินตอบ
“ ได้เลย ไอ้กร๊วก ” ชายร่างยักษ์ตอบแค้นๆ เนื่องจากยังเคืองที่ถูกมาวินบีบมือ
“ ได้เลย ไอ้กร๊วก ” มาวินตอกกลับแบบไร้ความเกรงกลัว จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปคร่อมกระทิงไม้อย่างรวดเร็ว
ทันทีที่มาวินประจำตำแหน่ง เขานิ่งคิดถึงสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ สติสัมปชัญญะ พลังใจและสมาธิพุ่งทะยานถึงขีดสุด
“ กระทิงไม้ตัวนี้เป็นเครื่องเล่นที่เปลืองแรง ต้องใช้พลังในการยึดจับที่สูง ถ้าเราใช้แค่กำลังกายของตัวเอง ยังไงก็ไม่มีทางชนะ มีทางไหนอีกนา…… ”
“ พี่มาวินจะชนะมั้ยอ่ะ พี่ตุ้ยนุ้ย ” แตงไทยเตร่มาถามตุ้ยนุ้ย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ เธอก็ต้องตกตะลึง เพราะมันดูเกร็งอย่างรุนแรง
“ พี่ตุ้ยนุ้ย เป็นอะไรไปคะ ” เด็กสาวถามเสียงสั่นด้วยความเป็นห่วง
“ มะ…..ไม่เป็นไรหรอก พะ…..พอดี วันนี้พี่รู้สึกว่าตัวเองกำลังโชคดีแบบสุดๆ ” ตุ้ยนุ้ยแจงแผ่วๆ เขาพยายามแสยะยิ้มที่มุมปาก อาการคล้ายคนที่กำลังคุมสติเอาไว้ไม่อยู่
“ ทำไมล่ะคะ ” เด็กสาวทำหน้างง
“ เพราะเวลาที่พี่มาวินทำหน้าแบบนี้ทีไร มันหมายความว่าเขากำลังจะเอาจริง จากนั้นปาฏิหาริย์ก็จะตามมา เป็นบุญของพวกเราที่ได้เห็นสิ่งนั้น ” ตุ้ยนุ้ยตอบรัวเร็ว เขารู้เรื่องนี้ดีที่สุด เพราะเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้ง
“ เฮือก……. ” แตงไทยมองไปที่เด็กหนุ่มหัวเขียว พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ในใจนึกตื่นเต้นเป็นที่สุด
“ เริ่มได้ ” มาวินตะโกนสั่งคนคุมเครื่อง ท่าทางดูเอาจริงและแน่วแน่ ผิดกับบุคลิกกวนๆในยามปกติ
“ ฟื้ด…… ” เสียงเครื่องจักรดังขึ้น กระทิงไม้เริ่มขยับ ฝูงชนที่คอยชมเกิดอาการเกร็งกันถ้วนทั่วทุกตัวคน
แรกเริ่มกระทิงไม้เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แต่ที่น่าแปลกก็คือ…..เด็กหนุ่มดันขยับไปตามแรงเหวี่ยงคล้ายคนไร้กำลัง ชวนให้รู้สึกหวาดเสียวเป็นที่สุด
“ ฮะๆ ทำท่าเหมือนคนไม่มีแรงแบบนี้ ยังกล้าปากดีอีก แบบนี้ไม่ถึงนาทีก็ร่วงแล้วล่ะมั้ง ” หนุ่มร่างยักษ์ตะโกนหยาม
มาวินขยับตัวไปตามแรงเหวี่ยง มีหลายครั้งที่เกือบจะร่วงหล่น แต่สุดท้ายก็ยังเกาะติด
เวลาล่วงเข้าสู่นาทีที่สอง กระทิงไม้เริ่มกระดกขึ้นลง ทำให้ร่างเล็กบางกระดกตามจนก้นลอยออกจากอาน สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ชม บางคนที่ขวัญอ่อนถึงกลับไม่กล้าดูภาพกีฬามันๆ ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังไม่หลุดร่วงลงไปนอนอย่างที่ทุกคนนึกกังวล
“ นี่มันอะไรกันวะ ” ยักษ์ใหญ่เริ่มหงุดหงิดที่มาวินไม่ร่วงตามที่คาด
เข้าสู่นาทีที่สาม กระทิงไม้เริ่มเพิ่มกลเม็ดด้วยการส่ายไปทางซ้ายและขวา หลายคนคิดว่ามาวินไม่รอดแน่ แต่ร่างเล็กๆกลับหมุนตามจังหวะเหวี่ยงได้ไหลลื่นอย่างไม่น่าเชื่อ
“ โห…….อะไรกัน นี่มัน ” คนดูเริ่มฮือฮา เพราะตื่นตาตื่นใจในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ส่วนเจ้ายักษ์ใหญ่เริ่มอ้าปากค้างด้วยอาการตะลึง
กระทิงไม้กระดกขึ้นลงสลับกับหมุนซ้ายขวา ทว่าการเคลื่อนไหวตามยังไม่ผิดพลาด พอเข้าสู่นาทีที่สี่ เครื่องจักรแสนดุก็เริ่มขยับไม่เป็นระบบ ทำให้เด็กหนุ่มเกือบอ่านจังหวะผิด แต่สุดท้ายก็ประคองตัวไว้ได้ด้วยไหวพริบปฏิภาณที่เป็นเลิศ
เข้าสู่นาทีที่ห้า ความเร็วในการเคลื่อนที่มีมากขึ้นจนเกินกว่าคนธรรมดาจะรับได้ แต่มาวินกลับทำได้ดีกว่าเดิม เขาสามารถตามติดการเคลื่อนไหวของเครื่องจักรได้ทุกช็อต ทำให้ทุกคนรู้สึกอึ้งกับความสามารถที่เกินมนุษย์
เวลาผ่านไปแปดนาที ทุกคนได้แต่ตกตะลึงจนยืนตาค้าง ทันใดนั้นเองกระทิงไม้ก็เริ่มเคลื่อนไหวช้าลง มันช้าลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็…….หยุดนิ่ง
พอมันสงบลง มาวินก็เงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ทุกคนที่รายล้อมต่างพากันนิ่งเงียบ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเล่นเกมนี้จบซักคน
“ แฮ่กๆ….เพิ่งรู้ว่าเกมนี้ก็มันไม่ใช่ย่อยแฮะ ” มาวินยิ้มไปหอบไป ดูเหมือนว่าเขาเริ่มจะติดใจเกมนี้เข้าให้แล้ว
“ วะ……เวลา….ทะ…..เท่าไหร่ ” ชายร่างยักษ์ถามตะกุกตะกัก ดวงตาเบิ่งโตราวกับไข่ห่าน
“ ยังจะถามอีกหรือ พี่ มันคร่อมซะจนกระทิงหยุดแบบนี้ ก็น่าจะประมาณแปดนาทีล่ะมั้ง หรือพูดง่ายๆก็คือมันเล่นเกมนี้จบ ” แห้งปืนเทพตอบ เขาดูตกใจไม่แพ้พี่ใหญ่
เด็กหนุ่มหัวเขียวเดินออกจากคอกเกม จากนั้นก็หันมามองยักษ์ใหญ่ผิวหมึก พร้อมรอยยิ้มที่กวนประสาท
“ ว่าไงล่ะ ท่านพี่เขย จะเล่นเกมนี้ต่อไปมั้ยครับ ”
“ กรี๊ด….. พี่มาวินเก่งจริงๆ คราวนี้พี่ขนุนแพ้แน่ ” เด็กสาววัยใสวิ่งเข้ามากระโดดกอดคอเด็กหนุ่มเต็มเหนี่ยว
เด็กหนุ่มไม่สนการกอดรัดของเด็กสาว เขายังคงส่งยิ้มยียวนให้ชายร่างยักษ์ พร้อมพูดเรียบๆแต่แฝงแววเย้ยหยัน
“ ถ้าพี่เขยเล่นแพ้ เห็นทีต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนดนะ ไม่งั้น เอ…ว่าไงนะ อ้อ เสียชื่อสามเทพเมืองสุพรรณหมด ไม่สิแค่เดินทางมาแพ้ก็ถือว่าเสียชื่อไปแล้วล่ะมั้ง เหอๆ….”
เจ้ายักษ์ผิวหมึกได้แต่ยืนกัดฟันกรอดใหญ่ เพราะไม่ว่าเขาจะท็อปฟอร์มเพียงใด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นจนจบเกม
“ ใช่ๆ สมน้ำหน้า แบร่……. ” เด็กสาววัยใสยื่นหน้าไปแลบลิ้นใส่พี่ชายของตนเอง ดูท่าทางจะลืมไปซะสนิทว่าเธอก็เป็นหนึ่งในสามเทพเมืองสุพรรณ
“ ฮึ่ม…… ” ชายร่างยักษ์ก้มหน้านิ่ง เขากัดฟันกรอดๆ โดยมีแห้งปืนเทพยืนหน้าซีดอยู่ด้านหลัง
“ ว่าไงคร้าบ….. คุณพี่เขย จะทำยังไงดี จะเสียชื่อเล็กน้อยโดยทำตามสัญญา หรือเสียชื่อฉาวโฉ่ที่เบี้ยวสัญญา ว่ายังไงล่ะคร้าบ….. ” แม้เด็กหนุ่มจะถามไถ่ด้วยท่าทีกวนประสาท แต่เขาก็ยังแอบดึงเด็กสาวมาไว้ใกล้ตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ยักษ์ใหญ่ผู้เป็นพี่ทำอะไรรุนแรง ซึ่งเจ้าหล่อนก็เต็มใจที่ได้เคียงข้างหนุ่มรุ่นพี่ที่ปลาบปลื้ม
“ เออ ก็ได้วะ ” ชายร่างยักษ์ร้องตะโกน ทำเอามาวินสะดุ้งโหยงด้วยอาการปอดลอย
วินาทีต่อมา ชายร่างยักษ์ก็ทรุดกายลงนั่งคุกเข่า พร้อมก้มลงกราบพื้นอย่างรวดเร็ว ปากก็เค้นคำเสียงกร้าว
“ หวัดดีครับพ่อ ”
เมื่อเสร็จกิจ เจ้ายักษ์รีบลุกขึ้นยืน แล้วคว้าคอน้องสาวตัวแสบมาไว้ในอ้อมอก จากนั้นก็ยื่นหน้าโหดๆมาใกล้มาวิน พร้อมขู่อาฆาตอย่างดุดัน
“ อย่าให้ชั้นเห็นแกที่สุพรรณนะ ไอ้หนู ”
ในเวลาต่อมายักษ์ใหญ่ก็ลากคอน้องสาวเดินจากไป พร้อมแห้งปืนเทพผู้เป็นสมุนเอก เพื่อหลีกหนีความอัปยศจากการพ่ายแพ้
“ ไปแล้วนะจ๊ะ พี่มาวิน แล้วหนูจะโทรหา ” เด็กสาววัยใสยังไม่วายเอ่ยคำลา แม้ว่าเธอจะถูกพี่ชายลากคอเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆก็ตามที
“ เหอๆ ” มาวินยิ้มแหยๆ เขายังปรับตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทุกสิ่งมันรวดเร็วเกินไป ระหว่างที่กำลังยืนงงอยู่นั้น ก็ปรากฏว่ามีหลายคนเฮโรเข้ามารุมล้อม
“ เฮ้ย พวกแกจะทำอะไร ” เด็กหนุ่มหัวเขียวอุทานดัง แต่ก็สายไปแล้ว ร่างเล็กบางถูกทุกคนรุมแบก จากนั้นก็ถูกโยนให้ลอยขึ้นไปกลางอากาศ
“ เฮ…….ดีใจให้พระเอกของเราหน่อย เฮ….. ” ฝูงชนพากันโห่ร้องดีใจ ทุกคนปลาบปลื้มและภาคภูมิในตัวของฮีโร่น้อยจอนกวน
แม้มาวินจะตกใจในตอนแรก แต่หลังจากปรับอารมณ์ได้ เขาก็ดีใจจนเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ แหม……. อันที่จริง การเป็นฮีโร่ มันก็ดีเหมือนกันแฮะ แต่ตอนนี้เริ่มมึนหัวแล้วล่ะ ฮะๆ ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/jalando.darksidewriter.version2
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ