The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) The Dark World
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://www.pexels.com
ท้องฟ้ามืดมิด แต่ไร้ซึ่งแสงดวงดาว เนื่องจากเวลานี้เป็นยามดึกกลางเมืองกรุง สถานที่ที่จะกล่าวถึงมีสภาพเป็นลานกว้าง รอบด้านรายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่สลับพุ่มกุหลาบหลากสี กลางลานมีเสาไฟนีออนตั้งอยู่ประมาณ 4-5 ต้น แต่แสงสว่างที่ส่องออกมานั้นรำไรจนทำให้ทัศนวิสัยดูคลุมเครือ ทว่ามิอาจหยุดยั้งให้เด็กหนุ่มกระทำการบางสิ่ง
เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นคนร่างเล็กที่น่าจะมีความสูงไม่เกิน 170 ซ.ม. โครงหน้าแหลม คิ้วบางยาว รูปดวงตาเรียว จมูกโด่งพอประมาณ ปากบางราวอิสตรี เขาไว้ทรงรากไทรที่มีผมด้านหน้าตั้งเป็นกะบัง ร้ายกว่านั้นคือย้อมเขียวทั้งหัว ให้ความรู้สึกถึงเด็กแสบที่คอยป่วนเมืองด้วยการแว้นมอเตอร์ไซด์ในยามค่ำคืน
เด็กหนุ่มตั้งสติแน่วนิ่ง ใบหน้าแฝงแววมุ่งมั่น เท้าซ้ายเหยียบสเก็ตบอร์ดสีแดงเขียว สายตาจับจ้องไปยังเสาหินสองต้นที่อยู่ห่างออกไป
เสาหินทั้งสองตั้งขนานและอยู่ห่างกันประมาณ 2 เมตร และแต่ละต้นมีความสูงประมาณ 90 ซ.ม. บนยอดของมันมีท่อนไม้ยาววางพาดอยู่จนมีสภาพคล้ายกับสะพานขนาดจิ๋ว
“ ซู้ด……. ” เด็กหนุ่มหลับตา พลางสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ท่าทางเหมือนกำลังรวบรวมสมาธิ เพื่อทำบางอย่างที่สำคัญ วินาทีต่อมาเขาก็ลืมตา พร้อมตะโกนดัง
“ เอาล่ะ gooo ”
เด็กหนุ่มไถสเก็ตบอร์ดไปข้างหน้า พร้อมกระโดดขึ้นไปเหยียบ ความเร็วในการออกตัวมีมากจนทำให้พุ่งถึงเสาหินได้ในอึดใจเดียว
ทันทีที่มาถึงเป้าหมาย เด็กหนุ่มย่อตัวลงต่ำ เสี้ยววินาทีต่อมาก็ดีดตัวขึ้นสูงขึ้นพร้อมสเก็ตบอร์ด เขาเกือบจะลอยผ่านท่อนไม้ที่พาดยาวระหว่างเสาหิน แต่ล้อยางเจ้ากรรมดันไปเฉี่ยวเครื่องกีดขวาง
“ เคร้ง ”
ท่อนไม้ที่พาดยาวหลุดกระเด็นลงมากระแทกพื้นเต็มแรง ก่อให้เกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณ
“ เอี๊ยด……. ” เด็กหนุ่มลงสู่พื้นพร้อมสเก็ตบอร์ด เขาใช้เท้าเบรกมันให้หยุด จากนั้นก็หมุนตัวกลับมาดู พิจารณาได้ครู่หนึ่ง ก็พึมพำเบาๆ สีหน้าฉายแววผิดหวังอย่างชัดเจน
“ เฮ้อ……ยังไม่สำเร็จ ”
ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังเซ็งในอารมณ์อยู่นั้นเอง ก็บังเกิดเสียงตบมือจากทางด้านหลัง
“ แปะๆ ”
เด็กหนุ่มหันกลับมามอง สิ่งแรกที่เห็นก็คือ……….เด็กสาวนางหนึ่ง เธอมีใบหน้าเรียวยาว ดวงตาโตเปล่งประกายจริงจัง จมูกโด่งเป็นสัน ปากบางเชิดเล็กน้อยทำให้ดูคล้ายคนรั้น เส้นผมดำขลับยาวสลวย หน้าม้าถูกปลดปล่อยให้ปลกจนดูลึกลับและน่าค้นหาอยู่ในที
“ อ้าว ว่าไง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวทักสาวผู้มาเยือนแบบเนือยๆ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักเด็กสาวนางนี้เป็นอย่างดี
“ ก็ซักพักแล้ว นึกแล้วเชียวว่าต้องเจอนายที่สวนสาธารณะ ท่าสวยนี่นา ” เด็กสาววัยรุ่นตอบกลับ น้ำเสียงดูห้าวใหญ่ เมื่อนำมาประกอบกับเสื้อยืด กางเกงยีนส์ที่สวมใส่ มันให้ลุคหญิงเท่ที่เหล่าสาวกรี๊ดกร๊าด
“ สวยแค่ไหน มันก็พลาดอยู่ดี ” เด็กหนุ่มตอบเซ็งๆ
“ เอาน่า อีกหน่อยนายก็โดดพ้น ” เด็กสาวให้กำลังใจ
“ เชอะ กว่าจะทำได้ คงแก่ตายพอดี ” เด็กหนุ่มสบถ กิริยาส่ออาการหงุดหงิด
ความเงียบเข้าครอบงำสองหนุ่มสาวอีกครั้ง ครู่หนึ่งเด็กหนุ่มหัวเขียวก็หันกลับไปเล่นสเก็ตบอร์ด ทั่วลานกว้างจึงมีแต่เสียงล้อยางบดกับพื้นปูน ทันใดนั้นเองเด็กสาวก็เอ่ยถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ เมื่อไหร่ นายจะกลับมาเรียน ”
เมื่อเจอคำถามนี้ เด็กหนุ่มก็ถึงกลับหยุดเล่นสเก็ตบอร์ด เขานิ่งอยู่พักใหญ่ อึดใจต่อมาก็ตอบกลับ
“ เมื่อชั้นอยากกลับ ”
“ มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ” เด็กสาวกล่าวลอยๆ พร้อมเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ลานกว้าง
“ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของไอ้ต๋องเช่นกัน ” เด็กหนุ่มหัวเขียวขึ้นเสียง ท่าทางดูดุร้ายและโกรธเกรี้ยว เหตุเพราะเด็กสาวนางนี้คงไปแตะในเรื่องที่เจ้าตัวไม่อยากให้แตะ
เด็กสาวไม่เกรงท่าทีคุกคามของเด็กหนุ่ม ตรงกันข้ามกลับเดินตรงเข้าไปหาอย่างมาดมั่น เมื่อเหลือระยะห่างกันเพียงแค่หนึ่งก้าว เธอก็ยืนนิ่ง พร้อมพูดเสียงเข้ม
“ สรุป…….มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น นายควรกลับมาเรียนได้แล้ว ”
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ ยัยบ้า ” เด็กหนุ่มตะโกนใส่สุดเสียง
“ โครม ”
เสียงดังโครมใหญ่ราวกับรถสิบล้อพุ่งกระแทกอะไรบางอย่าง ทว่านั่นไม่ใช่รถสิบล้อ แต่เป็นเสียงหมัดลุ่นๆที่กระทบใบหน้าจนทำให้เด็กหนุ่มล้มลงไปนอนหงายสิ้นท่า เจ้าของหมัดจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจาก…..เด็กสาวทอมบอยผู้เลือดร้อน
“ อู้ย……ยัยบ้า เจ็บนะโว้ย ” เด็กหนุ่มกุมแก้มที่บอบช้ำจากแรงหมัด พร้อมลุกขึ้นมาตวาดด่า
“ สำหรับนาย จะให้พูดจากันด้วยภาษาคน คงไม่รู้เรื่อง มันต้องพูดกันด้วยกำปั้นนี่แหละ ถึงจะเข้าใจ ” เด็กสาวเหลือบแลด้วยหางตา พลางกล่าวเรียบๆ
“ หน็อย……ทนไม่ไหวแล้ว เอะอะอะไรก็ใช้กำลัง ” เด็กหนุ่มหน้าบูดบึ้งด้วยความโกรธเกรี้ยว อึดใจต่อมาเขาก็บันดาลโทสะด้วยการพุ่งเข้าใส่เด็กสาวราวกับวัวคลั่ง
เด็กสาวฉากหลบการจู่โจมที่โง่เขลา จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่คู่ต่อกรคว้าลม เพื่อเตะตัดขา ส่งผลให้เด็กหนุ่มถึงกลับลอยถลาไปกลางอากาศ ปิดท้ายด้วยการล้มลงไปนอนบนพื้นอีกคำรบ
“ หน็อย……. ยังไม่จบหรอก ” เด็กหนุ่มไม่ยอมง่ายๆ เขารีบลุกขึ้น พร้อมพุ่งใส่เด็กสาวอีกครั้ง คราวนี้โดนบาทาถีบสวนเข้ามาที่หน้าท้อง ทำให้ทรุดกายลงไปคุกเข่างอตัว
“ อุ้บ…..จุก หน็อย…..แน่ ” แม้เด็กหนุ่มจะรู้สึกจุกเสียด แต่เขาก็พยายามจะคว้ากายเด็กสาว ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันแผนโง่ๆ เลยหมุนตัวหลบและศอกกลับเข้าไปที่ขมับ
“ ปัง ”
“ โอ๊ย ” เด็กหนุ่มถลาลงไปนอนกองกับพื้นอีกครั้ง แต่ไม่นานเจ้าจอมดื้อก็ฟื้นตัวและลุกขึ้นมาคว้าจับเด็กสาวอีก ทว่าก็ได้แต่คว้าลม เพราะเธอว่องไวเกินกว่าจะพลาดท่าเสียทีแบบง่ายๆ
เด็กหนุ่มโดนอัดกระจาย เขาโดนประเคนทั้งเท้า เข่า ศอกและหมัด นับว่าเด็กสาวนางนี้มีทักษะการต่อสู้ที่ดีเยี่ยม
10 นาทีผ่านไป เด็กหนุ่มก็สิ้นฤทธิ์ เขานอนแผ่สองสลึงบนพื้นปูน ดวงตาเล็กหยีมองท้องฟ้าที่มืดมิด มีเพียงเสียงหอบเหนื่อยออกมาเป็นระยะ
“ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……”
เด็กสาวทรุดกายลงนั่งข้าง ใบหน้ายาวแหงนขึ้นมองท้องฟ้ามั่ง แต่ก็มิได้กล่าวคำใดออกมา หลังจากความเงียบเข้าครอบงำได้ครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มหัวเขียวก็เอื้อนเอ่ย
“ ท้องฟ้าที่นี่ไม่สวยเลย ไม่เหมือนท้องฟ้าที่ปทุม ”
“ ใช่ ท้องฟ้าที่นั่นสวยกว่ามาก ว่าแต่นายหายบ้ารึยัง ” เด็กสาวถามเรียบๆ แต่ถ้าฟังให้ดี ก็พบว่าแฝงแววห่วงใยอยู่ไม่น้อย
“ ก็ดีขึ้นมั่งแล้วล่ะ แต่รู้สึกว่าเธอจะอัดชั้นหนักไปหน่อยนะ อู้ย…. ” เด็กหนุ่มตอบกลับ พลางลูบคลำรอยฟกช้ำที่ปรากฏ
“ ฮะๆ โทษที มันจำเป็นน่ะ เพราะนายมันพวกหัวดื้อ ต้องใช้ไม้แข็งแบบนี้ถึงจะเอาอยู่ ” เด็กสาวตอบขำๆ
“ ฮะๆ พูดง่ายเนอะ ” เด็กหนุ่มนอนอมยิ้ม ดวงตาเรียวปิดพริ้ม
“ ก็มันจริงนี่ ” เด็กสาวโต้กลับ
“ เชอะ ” เด็กหนุ่มสบถเบาๆ
ความเงียบกลับมาเยือนอีกครั้ง แต่ไม่นานเด็กสาวก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง ดวงตาของเธอยังจับจ้องที่ฟ้ามืด
“ ต๋องฝากมาบอก……..ทุกสิ่งที่เกิด มันไม่ใช่ความผิดของนาย เป็นอุบัติเหตุ ขอให้กลับมา เพื่อนทุกคนก็คิดแบบนั้น ”
“ อื้อ……. ” เด็กหนุ่มรับคำเบาๆ พลางเอามือขวาก่ายหน้าผากของตัวเอง
“ แล้วนายจะกลับมาเรียนมั้ย ” เด็กสาวถามอีกครั้ง
“ อาจจะ แต่ไม่รู้ว่ากลับไปตอนไหน ” เด็กหนุ่มตอบเบาๆด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
เด็กสาวเหลือบมองด้วยหางตา เธอจึงพบว่ากายของเด็กหนุ่มสั่นเบาๆ น้ำใสเริ่มไหลออกจากดวงตา โดยมีมือขวาที่ก่ายหน้าผากบดบัง
แววตาของเด็กสาวดูอ่อนโยนลง เธอเอื้อมมือมาจับศีรษะของเด็กหนุ่ม พร้อมลูบไล้ไปมาอย่างนิ่มนวล
…………………..
“ บรื้น….. ”
เสียงเครื่องมอเตอร์ไซด์ดังสะท้านกลางความเงียบยามราตรี ครู่หนึ่งมันก็แล่นมาหยุดที่หน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง ทันทีที่จอดสนิท เด็กหนุ่มหัวเขียวก็ดับเครื่อง
เด็กสาวทอมบอยที่ซ้อนท้ายกระโดดลงจากรถ พร้อมกล่าวขอบคุณ
“ ถึงบ้านแล้ว ขอบใจที่มาส่ง นายวิน ”
“ จะมาขอบใจทำแป๊ะอะไรกันเล่า บ้านชั้นก็อยู่ข้างบ้านเธอ ยัยทอมบอยบ้าพลัง ” เด็กหนุ่มหัวเขียวตอบกลับ ท่าทางกวนประสาท
“ ฮ้า…..ว่าไงนะ เมื่อกี้นี้นายเรียกชั้นว่าอะไร ชื่อชั้นไม่มีหรือไง ” เด็กสาวพูดเครียดๆ พร้อมหักข้อมือดังด้วยอาการข่มขู่
“ เหอๆ…..ล้อเล่นจ้า… จะพูดใหม่อีกครั้งนะ เอ่อ….ไม่ต้องขอบใจชั้นหรอก แม่คุณ “จันทรา” เหอๆ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวยิ้มแหยๆและตอบใหม่ด้วยน้ำเสียงที่ส่อสำเนียงเอาใจ ด้วยเกรงจะต้องโดนตื้บรอบสอง
“ ดีมาก แต่คราวหลังไม่ต้องเรียกเต็มยศแบบนี้ ตั้งแต่รู้จักกันมา เคยมีซักครั้งมั้ยที่จะไม่กวน เรียกใหม่เดี๋ยวนี้ ” เด็กสาวเริ่มขึ้นเสียง
“ จ้าๆ คุณนายจัน กระผมนายมาวินผิดไปแล้วครับท่าน ” เด็กหนุ่มปรับคำพูดใหม่ แต่เขาก็แกล้งล้อเลียนด้วยการค้อมตัวลงต่ำราวกับบ๋อยโรงแรมชั้นดี
“ ตุบ ”
“ โอ๊ย ก็พูดดีๆแล้วนี่นา เธอมาเตะก้นชั้นทำไม ” เด็กหนุ่มแหกปากร้อง เพราะโดนหวดเข้าไปที่แก้มก้นด้วยฝ่าเท้าแบบเต็มรัก
“ เออ คำพูดน่ะโอเค แต่ท่าทางนายมันกวนเบื้องต่ำชะมัด เห็นแล้วคันเท้าน่ะ ” เด็กสาวตอบเสียงต่ำ ดวงตาฉายแววหงุดหงิด
“ เชอะ ไปแล้ว ทำคุณบูชาโทษชัดๆ ” เด็กหนุ่มเอ่ยลา พร้อมลากมอเตอร์ไซค์แต่งยี่ห้อฮอนด้าเข้าไปเก็บในบ้านสองชั้นหลังโทรมๆที่ตั้งอยู่ข้างบ้านของจันทรา
หลังจากเด็กหนุ่มเข้ารั้วบ้านเป็นที่เรียบร้อย เด็กสาวที่ยืนส่งด้วยสายตาก็เตรียมหันหลังกลับ ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงแหลมเล็กที่กวนประสาท
“ ไปล่ะนา…..คุณนายจัน สาวคลุ้มคลั่ง บ้าพลัง อีกหน่อยขึ้นคานไม่มีใครเอา ฮะๆ…… ”
“ หน็อย…… ไอ้นายวิน ” เด็กสาวหันหลังกลับในทันที พร้อมวิ่งไปที่ประตูบ้าน หวังเอาเลือดปากเด็กหนุ่มออกอีกซักหยดสองหยด แต่ก็ช้าเกินไป เจ้าจอมแสบได้แวบหายเข้าไปในบ้านเป็นที่เรียบร้อย
“ หน็อย…… ไอ้บ้าห้าร้อย ” เด็กสาวตะโกนด่าไล่หลัง
“ สองร้อยห้าสิบก็พอ ที่เหลืออีกครึ่งชั้นแบ่งให้เธอ ” เสียงกวนๆของเด็กหนุ่มดังออกมาจากในบ้าน
“ เออ พรุ่งนี้เช้าไปส่งชั้นกลับบ้านด้วยล่ะ ” เด็กสาวตะเบ็งเสียงตอบ
“ จ้า….. คุณนายจัน ฮ่าๆ…… ” เด็กหนุ่มตอบกลับ พร้อมหัวเราะกวนๆ
“ ฮึ่ม…… ฝากไว้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้ชั้นจะอัดนายให้หน้าแหกเลยทีเดียว ” เด็กสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทำอะไรเด็กหนุ่มได้ เพราะเขาได้หลบเข้าไปในบ้านแล้ว
……………………
ทันทีที่เด็กหนุ่มเข้ามาในบ้าน ก็พบกับ….ห้องรับแขกที่มีโซฟาเก่าๆตั้งอยู่ ด้านหน้ามีแอลอีดีทีวีขนาด 50 นิ้ว ข้างๆทีวีมีเครื่องเล่นเกมเพลย์ 8 บนพื้นมีแผ่น DVD เกมหลายแผ่นกองอยู่อย่างไร้ระเบียบ
เขาเดินผ่านห้องนั้น แล้วขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง จากนั้นก็ตรงไปยังห้องนอน เมื่อมาถึงก็พบกับประตูไม้ที่มีภาพในโปสเตอร์ของนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมติดอยู่
เด็กหนุ่มเข้าไปในห้อง มันดูรกรุงรังราวกับรังหนู ผ้าปูบนเตียงยับยู่ยี่ หมอน ผ้าห่มกระจัดกระจาย มีชั้นวางของกระหนาบพื้นที่ผนังทั้งสองข้าง ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยแผ่นเกมคอมพิวเตอร์และหนังสือการ์ตูนหลายสิบเล่ม
เมื่อเหลือบมองไปด้านในสุด ก็ปรากฏโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่มีคอมพิวเตอร์กำลังสูงวางเรียงถึงสามเครื่อง มีโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งตัววางอยู่ใกล้ๆ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกหลายรูปแบบที่ไม่อาจบรรยายได้หมด ทำให้ว่าห้องนี้ดูคล้ายสถานีอวกาศที่แสนไฮเทค
เด็กหนุ่มโยนเป้สะพายหลังลงบนที่นอน หลังจากนั้นก็เดินมาเปิดคอมพิวเตอร์ทั้งสามเครื่อง โน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งตัว เพื่อให้พวกมันทำงาน
เด็กหนุ่มเวียนไปตรวจดูการทำงานของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ไม่นานพวกมันก็พร้อมออนไลน์ เพื่อท่องไปในโลกไซเบอร์ที่ไร้ขอบเขต นิ้วของเขาเคลื่อนที่บนคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว ดวงตาอ่านข้อมูลที่ปรากฏบนจอภาพอย่างเร่งรีบ
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้น เสียงรอสายเป็นเพลงร็อกมันๆที่ใช้ประกอบการ์ตูนเรื่องเคนชิโร่ หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ เขากดรับสายในทันที เพราะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกตั้งเสียงรอสายเป็นเพลงนี้
“ ว่าไง ตุ้ยนุ้ย มีไรวะ ไอ้น้อง ” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม สายตาจับจ้องไปที่คอมตัวที่สามและตัวที่สี่ นิ้วมือกดแป้นพิมพ์ถี่ยิบราวกับปืนกล
“ มีสิครับ พอดีผมมีเกมสนุกๆมาให้พี่เล่น ” เด็กเรียนร่างเตี้ยอ้วนที่ปลายสายตอบกลับ
“ เออ เกมไร แนวไหน เล่นยังไง ” มาวินถามรัวเร็ว สายตาและนิ้วมือยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง
“ เป็นแนวแฟนตาซี สร้างตัวละคร ลุยดันเจี้ยน เก็บเลเวลครับ ” ตุ้ยนุ้ยตอบ น้ำเสียงดูนอบน้อม
“ ไม่เอา ชั้นขี้เกียจเล่นเกมแนวเก็บเลเวล เปลืองเวลาว่ะ ” เด็กหนุ่มปฏิเสธทันที
“ น่า….พี่ลองเล่นหน่อยเถอะ เกมนี้เพิ่งมาใหม่เลยนะ มีหลายอาชีพให้เลือกเล่น แถมมีแนวทางการเล่นนับร้อยแบบ…… ” ตุ้ยนุ้ยสาธยาย พร้อมจูงใจต่างๆนานา
“ พอเลย ไม่ต้องพ่นแล้ว ไอ้ตุ้ยนุ้ย สรุปว่าจะให้ชั้นเล่นไอดีของแก ใช่มั้ย ” เด็กหนุ่มกล่าวขัด เพราะในยามที่ตุ้ยนุ้ยเล่นเกมอะไรไม่ผ่าน เขามักจะให้มาวินช่วยเล่นเป็นประจำ
“ เอ่อ….ชะๆ….ใช่ครับพี่ พอดีเกมนี้เป็นแนวเก็บเลเวลที่ใช้คีย์บอร์ดบังคับ ผมใช้มันไม่เก่งเท่าพี่ เลยมาขอให้ช่วย ” เด็กหนุ่มร่างอ้วนพูดเสียงอ่อยๆ เพราะถูกดักคอได้สำเร็จ
“ ก็พอไหวนะ…… ว่าแต่คราวนี้แกจะให้อะไรชั้นเป็นการตอบแทนวะ ” มาวินถามเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
“ ฟาคราย 13 เป็นไง พี่ยังไม่เคยเล่นเกมนี้ ผมจะแฮกจากเซิรฟ์เวอร์หลักและเอามาถวายให้ถึงที่เลย สนใจมั้ย ” ตุ้ยนุ้ยเสนอ น้ำเสียงดูล่อใจ
“ โอเค ชั้นจะอัดศัตรูแล้วเก็บเลเวลให้ประมาณสองชั่วโมง หลังเสร็จงาน แกก็อัปโหลดฟาคราย 13 ลงที่เว็บประจำ จากนั้นชั้นจะเข้าไปโหลดเอง ว่าแต่เกมที่จะให้เล่น มันมีชื่อว่าอะไร ” มาวินตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด เพราะฟาครายเป็นซีรีส์เกมที่เด็กหนุ่มโปรดปรานเอามากๆ เนื่องจากมันเป็นเกมแนวชู้ตเตอร์ที่ใช้กราฟิกสูงและถ้าเลือกเล่นในระดับยากสุด แม้แต่เซียนเกมอย่างเขาก็อาจเล่นไม่ผ่าน นับเป็นเกมที่ท้าทายฝีมือเป็นอย่างยิ่ง
“ เกมนั้นมีชื่อว่า The Dark World ” ตุ้ยนุ้ยตอบสั้นๆ จากนั้นเขาก็ตัดสาย
พอการสนทนาจบลง เด็กหนุ่มหัวเขียวก็หันมาโหลดเกมออนไลน์จากเซิร์ฟเวอร์หลัก ขั้นตอนต่อมาคือติดตั้งลงบนเครื่องคอม แล้วเข้าสู่ตัวเกมโดยใช้ ไอดี พาสเวิร์ดที่ตุ้ยนุ้ยส่งมาให้ทางไลน์ ทันทีที่ล็อกอินเข้าไป เขาก็พบกับ…….
“ The Dark World ”
เกมแนวอัศวินโบราณที่ใช้กราฟิกระดับสูงได้ปรากฏตรงหน้า ไม่นานเขาก็พบกับตัวละครที่หนุ่มรุ่นน้องสร้างขึ้น
ตัวละครนั้นเป็นชายหนุ่มหน้าตาหน่อมแน้ม ผมสั้นสีส้มเป็นกระเซิง ร่างเพรียวบางแบบอิสตรีถูกซ่อนอยู่ในเสื้อแขนกุดสีขาว กางเกงผ้าฝ้ายบางสีส้ม เครื่องป้องกันเป็นเกราะหนังสีดำ เมื่อมองไปที่อาวุธประจำกาย จะเห็นเพียงดาบผุๆสนิมเขรอะจำนวนสองเล่ม
“ โห…….ดูเผินๆโคตรกากเลยว่ะ ไหนดูอย่างละเอียดซิ นายมีอะไรมั่ง ” มาวินไล่ดูข้อมูลที่เมนูเกม สิ่งแรกที่เห็นก็คือ…..รายละเอียดของตัวละครที่กำลังเล่น
ชื่อ จาฟัส เพศ ชาย อาชีพ นักดาบ
LV.10
พลังชีวิต 350/350 กำลัง 15 โชค 12
พลังกาย 80/80 ความเร็ว 20 ปัญญา 6
พลังเวทย์ 32/32 ทนทาน 8 ทักษะ 10
“ โห…… ไม่เลวแฮะ เจ้าตุ้ยนุ้ยเล่นสายตีเร็ว เข้าทางเรา แบบนี้เล่นง่ายหน่อย ไหนดูรายละเอียดของอุปกรณ์ซิ ” พอเด็กหนุ่มเห็นค่าพลัง ก็สามารถวิเคราะห์แนวการเล่นได้ในทันที สิ่งที่เขาจะทำในเวลาต่อมาก็คือกดดูเมนูอุปกรณ์ของตัวละคร
อุปกรณ์
หัว = ไม่มี มือซ้าย = ดาบเหล็กสนิมเขรอะ เครื่องประดับ = ไม่มี
เสื้อผ้า = เสื้อชาวบ้าน มือขวา = ดาบเหล็กสนิมเขรอะ
เกราะ = เกราะหนัง
รองเท้า = รองเท้าหนัง
“ ฮะๆ โหลจริงว่ะ สมกับเป็นตัวละครเลเวล 10 เลย คอยดูนะเจ้าอ้วน อีกสองชั่วโมงตัวละครของแกต้องเข้าขั้นเทพ ฮ่าๆ ” เด็กหนุ่มหัวเราะเยาะอุปกรณ์เสี่ยวแดกตามสไตค์พวกเลเวลต่ำ เขามั่นใจว่าสามารถปั้นตัวละครนี้ให้เทพภายในเวลาสองชั่วโมง เนื่องจากตัวละครนี้เป็นสายตีไว ซึ่งเป็นแนวถนัดของมาวิน
“ อืม…… เอางี้ เปิดมาก็ลงดันเจี้ยนเลเวล 30 เลยดีกว่า ” เด็กหนุ่มเหมือนจะเปรี้ยว เพราะทันทีที่เล่น เขาก็เริ่มเข้าดันเจี้ยนที่เหมาะกับพวกระดับ 30 ทั้งที่ตัวละครของตนมีระดับแค่ 10 เท่านั้น
ถ้าผู้เล่นทั่วไปเข้ามาก็เหมือนฆ่าตัวตาย แต่ไม่ใช่มาวิน เขาสามารถบังคับตัวละครลุยฝ่านักรบโครงกระดูก สมุนตัวหลักในดันเจี้ยนอย่างง่ายดาย การโจมตีที่หนักหน่วงมิได้ต้องผิวตัวละครเลยแม้แต่น้อย เพราะการอ่านจังหวะและฝีมือการบังคับของเด็กหนุ่มอยู่ในระดับสุดยอด
มาวินมักเปิดฉากด้วยการฟันรัวๆ จากนั้นก็ฉากออกมาแล้วปล่อยคลื่นพายุน้อยๆใส่กลุ่มศัตรู พอพวกมันเริ่มรุมเข้ามา เขาก็พลิกแพลงหลอกล่อจนหลุดจากวงล้อมได้ทุกครั้ง ปิดท้ายด้วยวิ่งหนีสลับหันกลับไปสู้ เพื่อไล่เก็บศัตรูที่ล้ำหน้า
นิ้วทั้งสิบพลิ้วไหวบนแป้นพลาสติกสีดำ เขาเพลิดเพลินกับการต่อสู้อยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พบกับบอสใหญ่ประจำดันเจี้ยน
บอสใหญ่เป็นปีศาจโครงกระดูกในเสื้อคลุมตัวโค่ง มันสูงราวสามเมตร ในมือถือดาบยาวทรงโค้ง ส่วนอีกข้างถือโล่โครงกระดูก บนศีรษะสวมมงกุฎทอง ท่าทางดูน่าสะพรึงน่ากลัว
เด็กหนุ่มคอนโทรลตัวละครให้เคลื่อนที่ไปมา ด้วยบอสใหญ่มีการโจมตีที่รุนแรงมาก ถ้าพลาดก็ตายในดาบเดียว บางครั้งปีศาจร้ายก็พ่นลาวาออกจากปาก แต่เด็กหนุ่มก็สามารถหลบหลีกได้อีก
“ ไอ้ตัวนี้ฝีมือใช่ย่อยแฮะ ตีเร็วใช้ได้ พลังป้องกันเราอ่อนซะขนาดนี้ โดนปังเดียว ได้ไปหาเง็กเซียนฮ่องเต้แน่ ลองสเต็ปหนีไปเรื่อยๆ เพื่อดูจังหวะก่อนดีกว่า ” มาวินประเมินสถานการณ์อย่างใจเย็น
มาวินบังคับตัวละครให้พลิ้วหลบการโจมตีอยู่หลายกระบวน ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ถึงบางอ้อ
“ อย่างนี้นี่เอง ถ้าคู่ต่อสู้อยู่ในระยะประชิด เจ้าโครงกระดูกยักษ์จะโจมตีด้วยดาบประมาณสี่ห้าครั้ง หลังจากนั้นก็จะพ่นลาวาใส่ แต่ถ้าคู่ต่อสู้อยู่ไกล ก็จะพ่นลาวาใส่และตามเข้ามาฟันอีกประมาณสี่ห้าที พอพ่นลาวาออกมาครั้งนึง ต้องหยุดนิ่งประมาณสามวินาที เพื่อชาร์จพลังใหม่ เข้าใจหมดแล้ว ดีล่ะ ”
เมื่ออ่านทางได้ทั้งหมด มาวินก็ฉากหลบโดยตลอด จากนั้นก็อาศัยช่วงจังหวะที่ปีศาจโครงกระดูกหยุดชาร์จพลัง เพื่อเข้าเล่นงานด้วยทุกกระบวนที่มี ไม่นานนัก……
“ ตูม……. ”
เสียงระเบิดดังสนั่น พร้อมร่างปีศาจที่แตกออก กระดูกชิ้นเล็กๆที่กระจายออกมากลับกลายเป็นฝุ่นผงในบัดดล จังหวะเดียวกันก็ปรากฏข้อความภาษาไทยขึ้นบนหน้าจอ
“ ยินดีด้วย คุณผ่านดันเจี้ยนระดับ 30 แล้ว ”
“ ฮะๆ ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ” เด็กหนุ่มดูค่าสเตตัส พบว่าตอนนี้เลเวลของตัวละครกระโดดไปที่ 29 แล้ว
“ อ้าว…….เพิ่งผ่านไปแค่ห้าสิบนาทีเองหรือเนี่ย น่าจะเล่นได้อีกซักเกมสองเกมนะ ” เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง
…………………….
เวลาล่วงเข้าเที่ยงคืนแล้ว มาวินกำลังนั่งดูคลิปกีฬาเอ็กตรีมเก่าๆ เขารอสายตุ้ยนุ้ยอยู่ ทันใดนั้นเองเสียงริงโทนหมัดเทพเจ้าดาวเหนือก็ดังขึ้นมา
“ ฮัลโหล ไง ไอ้ตุ้ยนุ้ย พอใจกับผลงานมั้ย ” มาวินร้องทัก
“ สุดยอดมากครับ ตัวละครแม่งโดดไปที่เลเวล 38 แน่ะ แถมอาวุธแต่ละชิ้นที่ได้มาก็โคตรเทพเลย ตอนนี้ตัวละครผมเก่งเป็นอันดับต้นๆของเซิร์ฟเวอร์แล้ว พี่ทำได้ไงเนี่ย ” ตุ้ยนุ้ยตอบแบบลิ้นพันกัน น้ำเสียงดูตื่นเต้นดีใจ
“ ของง่ายๆว่ะ ชั้นก็แค่เข้าไปลุยในดันเจี้ยนเลเวล 30 เท่านั้นเอง ” มาวินตอบแบบไม่ใส่ใจ เหมือนมันเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆก็ทำได้
“ หา….. บ้าไปแล้ว ตัวละครผมมันเลเวล 10 แต่ดันทะลึ่งไปเล่นดันเจี้ยนเลเวล 30 แค่โดนลูกสมุนมันอัดทีเดียว พี่ก็ม่องแล้วมั้ง ” ตุ้ยนุ้ยอุทานดัง
“ ก็อย่าให้โดนอัดสิ แค่นี้ก็ไม่ตายแล้ว ” มาวินตอบเฉยเมย
“ พูดน่ะมันง่าย แต่ไม่มีใครทำได้หรอก พี่โม้ผมรึเปล่า ทำได้ไง บอกหน่อยสิครับ อย่ากั๊กความรู้กันเลย ” ตุ้ยนุ้ยยังไม่เชื่อ
“ เหอ เหอ เหอ ” มาวินหัวเราะแห้งๆ แต่ก็ไม่กล่าวคำใดต่อไป เพราะพูดอย่างไร ตุ้ยนุ้ยก็ไม่เชื่ออยู่ดี เด็กหนุ่มจึงกดตัดสายโดยเร็ว
มาวินเริ่มดาวน์โหลดเกมฟาคราย 13 ที่หนุ่มรุ่นน้องแอบแฮกแล้วเอามาปล่อยบนเว็บอัปโหลดสาธารณะอย่างเร่งร้อน พอโหลดเสร็จ ก็รีบกดติดตั้ง กระบวนการทุกอย่างกินเวลาไม่นาน เนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่ใช้มีกำลังประมวลผลสูง
ไม่นานนัก ภาพกราฟิกของเกมระดับสูงก็ปรากฏ มันเป็นฉากป่าดงดิบสุดโหดที่มีตัวละครหน้าตาคล้ายแรมโบ้ยืนอยู่กลางฉาก
“ ฮะๆ เยี่ยมไปเลย ขอต้อนรับสู่โลกของมาวิน ” เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆ ดวงตาลุกวาวเป็นประกายราวกลับเห็นอัญมณีล้ำค่าอยู่ตรงหน้า
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ