The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
9.7
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
174 LV
22 วิจารณ์
165.79K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
167) ไม่อาจต้านทาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.wallpaperflare.com
บรรยากาศโดยรอบดูกดดัน คล้ายมีมวลอากาศหนักๆบีบอัดอยู่ตลอด ท้องฟ้าก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มและมีฟ้าแลบฟ้าร้องเป็นระยะ
" ครืน......เปรี้ยง......"
มารร้ายจ้องมองสองปู่หลานอยู่เงียบๆ มุมปากแสยะยิ้มเป็นเชิงสะใจ พร้อมเงยหน้าขึ้นรับลมและสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ
" ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่ได้สัมผัสความสดชื่นของโลกมนุษย์มากี่พันปีแล้ว "
แม้มารร้ายยังถูกพันธนาการด้วยดาบวิเศษหลายเล่มที่รายล้อมรอบตัว แต่เทพศาสตราก็ตั้งทำต่อสู้อย่างรัดกุม ส่วนอากิเนะเองก็ระวังไม่แพ้กัน เพราะรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของอมนุษย์ตนนี้เป็นอย่างดี
" หึ หึ หึ ในเมื่อได้ออกมาแล้ว ขั้นแรกก็....." ทันทีที่มารร้ายพูดจบ มันก็ลุกขึ้นยืน แต่พอจะขยับ กระแสพลังที่คล้ายไฟฟ้าสถิตก็เริ่มแผดเผาร่างกาย กระนั้น อมนุษย์ก็ดูไม่ร้อนใจนัก
" โอ้โห.......ไม่เลวเลยทีเดียว ถึงกับทำให้ข้าขยับไม่ออก "
เทพศาสตราไม่ต่อคำแต่ประการใด เขายังเฝ้ามองอยู่เงียบๆ ส่วนอากิเนะก็เตรียมพร้อมอยู่เหมือนกัน เพราะเชื่อว่าปราการเพียงเท่านี้ไม่น่าขวางมารร้ายได้
มารร้ายมองดาบวิเศษหลายเล่มที่ลอยรอบตัวอยู่อึดใจ จากนั้นก็เอื้อมไปจับศาสตราที่ใกล้สุด และพอสัมผัส ใบดาบคมกริบก็แผดเผาฝ่ามือของอมนุษย์ผมขาว แต่มันไม่คิดแยแส แถมยังหัวเราะใส่อย่างดุเดือด
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า......คิดสู้กับข้างั้นเรอะ เจ้าเหล็กเล่มน้อย "
สิ้นเสียงหัวเราะเหี้ยมๆ ดาบวิเศษคมกริบก็ถูกบีบจนแตกละเอียด ส่งผลให้คลื่นพลังที่พันธนาการสูญสลายในบัดดล พร้อมการร่วงหล่นลงสู่พื้นของศาสตราที่เหลือ
" เกร๊ง เกร๊ง เกร๊ง......"
มารร้ายค่อยๆลุกขึ้นยืน โดยมีเทพศาสตราตามติดทุกอิริยาบถ ดวงตาแน่วนิ่ง สีหน้าดูไม่แปลกใจ เพราะผู้อาวุโสคาดไว้แล้วว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้
มารร้ายยังคงยิ้มอย่างใจเย็น จากนั้นก็โยกศีรษะไปมา แล้วบิดเอวเบาๆ ท่าทางเหมือนคนที่กำลังยืดเส้นยืดสาย ก่อนออกแรงทำอะไรซักอย่าง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ ก็น่าจะเป็นไปได้อย่างเดียว นั่นก็คือ.......ประลองฝีมือ และพอวอร์มอัพเสร็จ มันก็เริ่มก่อสงครามประสาท
" มั่นใจว่าจะหยุดได้จริงเหรอ เทพศาสตรา ข้าในตอนนี้ไม่เหมือนมารร้ายที่เจ้าปราบเมื่อหลายนาทีก่อน "
สีหน้าของเทพศาสตรายังนิ่งดุจเดิม เหมือนรูปสลักที่ไร้ชีวิต ไม่กี่วินาทีต่อมา ปากบางของเขาก็เริ่มขยับ เพื่อเอื้อนเอ่ยน้ำคำที่ออกไปในแนวโมโนโทน
" แน่นอนว่าข้าไม่มั่นใจ แต่ถ้าเจ้าหลุดไปได้ โลก The Dark World ต้องย่อยยับแน่ "
" แหม....รู้ใจกันจริงๆ เอาอย่างงี้ เพื่อเห็นแก่เจ้า ขอเสนอว่าถ้าปล่อยข้าไป จะละเว้นดินแดนแห่งนี้และจะไม่เข้ามาวุ่นวายอีก ตกลงมั้ย " มารร้ายลองหยั่งเชิง เพราะมันเองก็ไม่อยากเสี่ยงกับเทพศาสตราเหมือนกัน ด้วยเฒ่าชราผู้นี้นับว่าเป็นมนุษย์ที่มีพลังสูงจนน่ากลัว ถึงชนะได้ ก็อาจเจ็บตัวมิใช่น้อย ทว่าผู้อาวุโสกลับปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
" ไม่ได้ จะปล่อยให้เจ้าออกไปไม่ได้ เพื่อผู้คนอีกนับล้าน เจ้าต้องตายตรงนี้ "
สิ้นคำกล่าว มารร้ายก็ถลึงตาขึ้นมานิดนึง พร้อมปล่อยกระแสฆ่าฟันที่รุนแรงจนสองปู่หลานต้องยกการ์ดขึ้นมาเตรียมรับศึก แต่สุดท้าย อมนุษย์กลับปล่อยอารมณ์เดือด แล้วยิ้มให้ดุจเดิม จากนั้นก็ถามเนือยๆว่า......
" และถ้าสู้ เจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้รึ "
" ยอมรับว่าอาจไม่ได้ แต่ถึงยังไง ก็ต้องสู้ มันน่าจะมีความหวังเหลืออยู่บ้าง " เทพศาสตราตอบแผ่วเบาแบบเจียมตัว ท่วงท่าดูไม่มั่นใจ อันดูต่างจากผู้อาวุโสในกาลก่อน แต่ไม่ทันจบประโยค มารร้ายก็ชิงกล่าว
" งั้นก็คงต้องสารภาพตามจริงว่าเจ้าไม่มีหวังตั้งแต่ต้น อยากรู้มั้ยว่าทำไม ข้าจะแสดงให้ดู "
พอสิ้นเสียง ร่างของมารร้ายก็หายไปอย่างฉับพลัน สร้างความประหลาดใจให้แก่สองปู่หลานอย่างมากมาย
" ทะ....ท่านปู่ มะ....มันหายไปแล้ว " อากิเนะเป็นคนแรกที่ตื่นตระหนก เธอเหลียวซ้ายแลขวา เพื่อหาอมนุษย์ แต่ก็ไร้ผล ไม่มีอะไรปรากฏออกมา สิ่งที่อยู่รอบตัวมีเพียงอากาศธาตุที่ว่างเปล่า
เทพศาสตรายังคงนิ่ง ดวงตาที่เฉียบคมประดุจเหยี่ยวกวาดมองไปรอบๆ เพื่อค้นหาเป้าหมาย แต่ก็ล้มเหลวเช่นเดียวกับหลานสาวคนสวย อันก่อให้เกิดความถามขึ้นกลางใจว่า......มารร้ายตนนั้นหายไปไหน เสี้ยววินาทีต่อมา ก็บังเกิดเสียงเยือกเย็นที่ด้านหลัง
" หึ หึ หึ หาข้าอยู่เหรอ "
สองปู่หลานหันไปมองพร้อมกัน จึงพบกับมารร้ายจอมยียวน มันยืนส่งยิ้มกวนๆให้และอยู่ห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ
" เฮ้ย.....นี่เจ้า " สองปู่หลานอุทานพร้อมกัน และรีบถอยหลังให้ห่างไกล ในใจรู้สึกตื่นตระหนก
มารร้ายยังคงแย้มยิ้ม ท่าทางเหมือนคนที่กำลังเดินเล่นในสวนมากกว่าจะลงไปสัประยุทธ์ในสนามรบ ผิดกับอากิเนะที่เริ่มหน้าซีด เหมือนถูกผีหลอก ส่วนเทพศาสตราก็กัดฟันแน่นเป็นเชิงแตกตื่น ปากก็เอ่ยถาม
" นี่เจ้าใช้เวทหายตัวเหรอ "
" เปล่าซักหน่อย ข้าแค่วิ่งวนรอบกายของพวกเจ้าซักหลายๆรอบ แล้วพอเบื่อ ก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง " มารร้ายตอบเนือยๆแบบไม่ใส่ใจ ทำให้เทพศาสตรารีบหันมามองอากิเนะ ผู้ชำนาญด้านเวทมนตร์ ซึ่งหลานสาวคนสวยก็พยักหน้ารับ พร้อมยืนยันตามที่อมนุษย์บอก
" มารตนนั้นพูดจริง เพราะถ้าเจ้านั่นใช้คาถา พลังเวทจะต้องขึ้นสูงจนสัมผัสได้ แต่ครั้งนี้.....หลานไม่รู้สึกถึงกระแสอะไรเลย "
หลังรู้ความจริงที่น่าสะพรึงกลัว ทั้งสองปู่หลานก็ได้แต่ยืนตัวแข็ง สองขาก้าวไม่ออก ทำให้มารร้ายรู้สึกขบขันจนหัวเราะเสียงดัง
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า.....ทำไมถึงเกร็งขนาดนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ สู้ยอมแพ้ แล้วปล่อยข้าไปแต่โดยดีเถอะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว แถมยังรักษาดินแดนลี้ลับนี้ได้อีก "
ด้วยอุดมการณ์ที่สูงยิ่งและหัวใจที่เที่ยงธรรม เลยทำให้เทพศาสตราไม่ยอมเปลี่ยนความคิด เขายังยืนยันมติเดิม
" ถ้าเพื่อความสงบสุขของปวงประชา ต่อให้ต้องสู้จนตัวตาย ข้าก็ไม่ยอมปล่อยเจ้าออกไป "
" ฮะ ฮะ ฮะ โคตรลิเกเลย ไอ้คำว่า....สันติสุข มันไม่มีจริงหรอก " มารร้ายหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หายลับไปจากสายตาอีกครั้ง
แม้เทพศาสตราจะมองไม่เห็นมารร้าย แต่ด้วยสัมผัสของนักสู้ผู้ชาญศึก เลยรู้สึกเสียวสันหลังที่ไหล่ขวา จึงตัดสินใจ หวดไม้ด้ามยาวไปยังทิศทางนั้นแบบไม่ลังเล
" เปรี้ยง......"
เกิดเสียงปะทะดังสนั่น ราวอสุนีบาตฟาดลงมาใกล้ๆ สิ่งที่ตามคือแสงสว่างเจิดจ้า ซึ่งปรากฏขึ้นมาแวบนึง ก่อนเลือนหายไป เหลือไว้แต่ร่างบางของมารร้ายผมขาว แน่นอนว่ามันกำลังรับไม้ด้ามยาวของเทพศาสตราด้วยนิ้วชี้ ปากก็กล่าวชมเชย
" ว้าว.....ไม่เลวเลยนี่นา ขนาดเพิ่มความเร็วระดับนี้ ยังอุตส่าห์ตามทัน มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้ามองเห็นได้ยังไง "
" ข้าไม่ได้มองเห็นเจ้า แค่ใช้สัมผัสพิเศษจับการเคลื่อนไหวต่างหาก แต่สิ่งที่น่าห่วง ไม่ใช่ความเร็ว แต่เป็นพละกำลังของมันที่สามารถหยุดเพลงดาบด้วยนิ้วมือ " เทพศาสตราไม่ตอบคำใด เขามองมารร้ายนิ่งๆ แต่ในใจแอบวิตก
" อ้อ.....ใช้สัมผัสเองหรอกหรือ สำหรับมนุษย์นับว่าสุดยอด แต่ไม่ต้องคิดมากไปหรอก " มารร้ายล้วงใจทันควัน ทำให้เทพศาสตรารู้ทันทีว่าตนลืมสำรวมจิตใจ เพื่อบดบังความคิด แต่ไม่ทันได้ทำสิ่งใด เท้าขวาที่แสนหนักก็เหวี่ยงเข้าไปที่กกหู
" เปรี้ยง......."
บังเกิดเสียงปะทะที่หนักหน่วงอีกครั้ง เพราะเพลงเท้าที่รุนแรงชนิดเตะช้างตายทั้งตัว ได้ถูกเหวี่ยงเข้าใส่เทพศาสตรา โชคดีที่ผู้อาวุโสยกไม้ด้ามยาวขึ้นมารับทัน แต่ชายชราก็ยังปลิวไกลหลายสิบเมตร ก่อนจะไถลลงสู่พื้นแบบไม่ดีนัก
เทพศาสตรายืนโงนเงน แขนที่ยกไม้ด้ามยาวขึ้นมารับ เกิดเจ็บแปล๊บอย่างรุนแรง ส่วนศาสตราจำเป็นที่กระชับในมือได้แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สร้างความหนักใจแก่ผู้อาวุโสเป็นอันมาก
" นี่คือพลังที่แท้จริงของมารร้ายตนนี้หรือ ช่างมากมายมหาศาล แม้แต่เราก็อาจจะเอาชนะมันไม่ได้ "
" หึ หึ หึ " มารร้ายยิ้มมุมปาก ก่อนหันไปมองอากิเนะที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ทำให้เด็กสาวร่างบางต้องโต้ตอบด้วยการยิงเวทใส่
" ศรแสงศักดิ์สิทธิ์ จงออกมาสังหารหมู่มาร " สิ้นเสียงร่ายเวท แสงสีขาวรูปหัวลูกศรก็พุ่งออกจากสองมือของเด็กสาว แต่มารร้ายกลับรับด้วยมือขวาเพียงข้างเดียว
" ตูม........"
เสียงกัมปนาทดังขึ้นมาอีกคำรบ มันเกิดขึ้นเพราะการปะทะของสองพลังเวทที่กล้าแกร่ง มีกลุ่มควันดำลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ แต่พอจางลง ก็ปรากฏร่างของคู่ประลอง
" ปะ.....เป็นไปไม่ได้ " ใบหน้าสวยใสของเด็กสาวเริ่มเจื่อนลง เพราะมารร้ายไม่ได้บาดเจ็บเลย มันยังคงยืนสงบ พร้อมมีออร่าสีอำพันรายล้อมรอบตัว แถมยังแจกรอยยิ้มที่ดูกวนๆ จากนั้นก็เริ่มกล่าวถากถาง
" ท่านไม่สามารถเอาชนะข้าได้ ถ้าอยากพิชิตชัย ก็จงแสดงพลังที่แท้จริงออกมา เพราะข้าเองก็อยากจะวัดกับท่านอยู่เหมือนกัน "
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ