The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
166) ร่างที่แท้จริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wall.alphacoders.com
" ละ....แล้ว จะ....เจ้าทำอะไร หวังว่าคงไม่ใช่จัดงานฉลองจนเมาหลับไปทั้งดินแดน " มาวินพยายามประคองตัวเองให้อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ทว่ามารร้ายกลับตอบตามตรงแบบไม่ปรานี หวังกระแทกให้สะอึกด้วยวาจา
" ข้าไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ขยี้ทุกคนที่เข้ามาขวางเท่านั้นเอง "
มาวินถึงกับนิ่งงัน เพราะจากน้ำคำที่ว่ามา ดูจะหมายความว่ามารร้ายได้ใช้ร่างของเขาฆ่าทุกคนในแดนลี้ลับ แต่อมนุษย์ก็ยังไม่ถึงกับตัดรอนให้สิ้นเยื่อใย มันได้ให้ข้อมูลตามจริง
" ไม่ต้องกลุ้มขนาดนั้น ยังไม่มีใครตาย เพราะเจ้าเทพศาสตราและยัยกระต่ายน้อยดันเข้ามาขวาง แถมนังเด็กนั่นก็มีพลังเวทที่สุดยอดถึงขั้นส่งจิตเข้ามาในโลกแห่งจิตใจ เพื่อหวังปลดปล่อยเจ้า "
" ฟู่.....โล่งอก " มาวินถอนหายใจแรง แต่มารร้ายก็ไม่ยอมให้เขาสบายใจได้นานนัก เพราะไม่กี่วินาทีต่อมา มันก็บอกแผนการที่น่าสะพรึงกลัว
" อย่าเพิ่งวางใจไป เพราะตอนนี้ วิญญาณของเจ้าถูกดีดมาสู่ก้นบึ้งแห่งจิตใจ ทำให้ข้าครองร่างนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นผลให้ใช้พลังได้อย่างเต็มที่ ทีนี้เจ้าเทพศาสตรากับยัยกระต่ายน้อยก็ไม่อาจต้าน และพอทำลายดินแดนลี้ลับเสร็จ ข้าก็จะออกไปอาละวาดในโลก The Dark World ทุกเมืองที่เดินผ่านต้องถูกย้อมด้วยเลือด ห่อหุ้มด้วยไฟ หลายล้านชีวิตต้องตกอยู่ใต้เท้าของข้า "
ใบหน้าของมาวินแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด เพราะสิ่งที่ได้ยินดูจะโหดเหี้ยม อำมหิตและมักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินบรรยาย อึดใจต่อมา สำนึกที่ดีก็สั่งให้เขาลุกขึ้นสู้
" ไม่ยอม จะปล่อยให้มันออกไปไม่ได้ เราต้องหยุดมัน "
แต่ไม่ทันที่มาวินจะลุกขึ้นยืน สองแขนและสองขาก็ถูกพันธนาการด้วยโซ่เส้นโต ทำให้เขาหมดสิทธิ์ขยับ
" เอ๊ะ.....นี่มันอะไรกัน " มาวินร้องลั่นและพยายามกระชาก แต่ก็ไร้ผล พละกำลังของเขาไม่มากพอจะหลุดจากโซ่เหล็กที่รัดแขนขา
" หึ หึ หึ อย่าดิ้นรนไปเลย เจ้าทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะวิญญาณได้หลุดเข้าสู่ส่วนลึกของจิตใจ ถ้าให้เทียบ ก็เหมือนตายไปค่อนตัว อยู่นิ่งๆ แล้วรอเวลาไปสู่ภพหน้าเถอะ " มารร้ายยิ้มเหยียดหยาม จากนั้นก็เตรียมจากลา แต่ก่อนจะไป มันก็นึกอะไรขึ้นมาได้
" โอ๋....เพื่อให้เกิดความมันมากกว่านั้น ข้าเสกจอภาพให้เจ้าดูเล่นๆดีกว่า จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกข้างนอก " พอมารร้ายพูดจบ มันก็หมุนมือไปมา ทำให้เกิดจอภาพทรงกลมขนาดไม่ต่ำกว่า 1000 นิ้วขึ้นตรงหน้า ภายในนั้นคือภาพของอากิเนะที่กำลังร่ำไห้ข้างศพของมาวิน
" นะ....นั่นคือ...." มาวินร้องถาม แต่ไม่ทันจบประโยค มารร้ายก็ชิงตอบ
" นั่นคือจอภาพที่จะตามติดข้า เจ้าจะได้เห็นทุกการกระทำ ทุกช่วงเวลาและทุกความพินาศที่กำลังบังเกิด และถ้าอยู่ยืนยาว อาจได้เห็นข้าออกจาก The Dark World เพื่อไปล้างโลกที่เจ้าอยู่ ถึงตอนนั้น จันก็คงไม่พ้นมือข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า "
" หน็อย.....แก ไอ้ชาติชั่ว " มาวินเริ่มของขึ้น เขาพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ไม่อาจทำได้ ส่วนมารร้าย มันไม่เกรงกลัวเลยซักนิด แถมยังยิ้มหยอกล้อ จากนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป พร้อมเสียงหัวเราะที่บ่งบอกถึงความสะใจ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า........."
.............................
" ฮือ....ทำไมเราถึงได้ใจร้อนแบบนี้ " อากิเนะก้มหน้าร้องไห้ เธอเอาแต่โทษตัวเอง ทันใดนั้นเอง ร่างสันทัดของมาวินก็เปล่งแสงแรงกล้าขึ้นมา ประกายสีอำพันรายล้อมรอบตัว
" เอ๊ะ......มันเกิดอะไรขึ้น " อากิเนะสัมผัสได้ถึงพลังเวทชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างของมาวิน เธอจึงรีบถอยห่างตามสัญชาตญาณ
ขณะที่เด็กสาวไปไม่เป็น ร่างของมาวินก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน กายสันทัดโงนเงนไปมา ดูไปแล้ว ก็แลคล้ายพวกผีดิบในหนังเรื่อง EVIL DEAD
ความเงียบเข้าปกคลุมเหตุการณ์ได้ไม่นาน สิ่งที่คิดว่าเป็นมาวินเหม่อมองมาที่อากิเนะ พร้อมยิ้มให้เล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงที่ห้าวใหญ่
" ขอบคุณ กระต่ายน้อยที่สังหารร่างนี้ ไม่สิ ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างอื่นมากกว่า "
แม้อากิเนะจะงงในสรรพนามที่มารร้ายใช้เรียกตน แต่ก็ยังมีสิ่งที่สงสัยมากกว่า เธอจึงรีบถามไถ่
" ที่พูดว่า.....ขอบคุณที่สังหารร่างนี้ มันหมายความว่าไง แล้วเจ้าฟื้นขึ้นมาได้ยังไง นายลิงหัวเขียวหายไปไหน "
" หึ หึ หึ ที่ขอบคุณก็คือ.....แต่ก่อน ข้าสามารถควบคุมร่างนี้ได้แค่ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่พอท่านพลั้งมือ สังหารร่างนี้ไป ก็ทำให้สายใยเส้นสุดท้ายขาดสะบั้น วิญญาณของหมอนั่นเลยหลุดเข้าไปถูกจองจำในก้นบึ้งแห่งจิตใจ อันเป็นจุดที่ไม่มีใครเข้าถึง "
แม้อากิเนะจะไม่ค่อยเข้าใจ เพราะโลกแห่งจิตใจนั้นค่อนข้างซับซ้อน แต่เธอก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้บางส่วน นั่นก็คือ.....ทีแรก มารร้ายยังคุมร่างได้ไม่เต็มที่ แต่พอเธอเผลอเอามือเสียบทะลุอกของมาวิน อมนุษย์ก็ฟื้นคืนขึ้นมา พร้อมคุมร่างได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่ซวยสุด เห็นจะหนีไม่พ้น.....เด็กหนุ่มหัวเขียวที่ดันหลุดไปยังจุดที่ไม่มีใครเข้าถึง กระนั้น เด็กสาวก็ยังไม่ยอมแพ้
" แล้วข้าจะไปช่วยนายลิงได้ยังไง บอกมาเดี๋ยวนี้ " อากิเนะลั่นวาจาเสร็จ ออร่าสีประกายรุ้งก็ผุดขึ้นมาจากร่างบาง เป็นนัยจะบอกว่า....ถ้าไม่ยอมให้ความร่วมมือ ต้องมีคนเจ็บตัวอย่างแน่นอน ทว่ามารร้ายกลับไม่สนใจ แถมยังเอ่ยถามเรียบๆ
" ท่านไม่ปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาล่ะ เพียงแค่นี้ สู้ข้าไม่ได้หรอก "
อากิเนะรู้ทันทีว่าสิ่งที่มารร้ายพูดถึงคือ....ออร่าสีม่วงอมดำ ใช่ว่าเธอจะไม่อยากใช้ แต่พอปลดปล่อยมันออกมา เด็กสาวมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ มันเหมือนกับมีสัตว์ร้ายแฝงอยู่ในกาย แล้วคอยกระซิบข้างหูให้ทำเรื่องรุนแรง
มารร้ายยืนมองอากิเนะอยู่นานพอดู มันก็เริ่มยิ้มมุมปาก พร้อมล้วงใจของอีกฝ่าย
" ท่านเองก็อยากปลดปล่อยมันออกมา แต่ก็กลัวจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า เพราะถึงเวลานั้น ท่านจะควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเศร้าจังเลยเนอะที่ต้องทำอะไรแบบมนุษย์ "
อากิเนะรู้สึกตงิดใจหลายอย่าง ทั้งการเรียกขานและหลายคำพูดที่มารร้ายปล่อยออกมา ล้วนเป็นไปในทางให้ความเคารพ ผิดกับกาลที่ผ่านมา มิหนำซ้ำ ยังทำเหมือนเธอไม่ใช่มนุษย์ แต่ไม่ทันได้คำตอบ อมนุษย์ก็ชิงกล่าว
" ในเมื่อท่านปลอดปล่อยตัวตนออกมาไม่ได้ ข้าก็ไม่ธุระอะไรในโลกแห่งจิตใจ และขอออกไปสูดอากาศให้เต็มปอด จากนั้นก็พิจารณาว่าจะทำลายอะไรต่อ ฮ่า ฮ่าฮ่า......" เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของอมนุษย์ดังขึ้น พร้อมกระแสออร่าสีอำพันที่เปล่งประกายร้อนแรง จากนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้ดวงตาของอากิเนะดับไปชั่วขณะ
............................
" เอ๊ะ....." อากิเนะถอยหลังหนี ส้นเท้าพลันสะดุดกับพื้นดิน ส่งผลให้ร่างบางเสียหลักจนเกือบล้ม ดีที่มีใครบางคนคอยประคอง เขาคนนั้นคือ....เทพศาสตรา ปู่ของเธอ
" อากิเนะออกมาแล้วเหรอ เจ้าเป็นยังไงบ้าง ช่วยเจ้าหนูได้มั้ย " ผู้อาวุโสร้องถามรัวเร็ว แต่อากิเนะกลับตีหน้าเศร้า ในใจรู้สึกรันทด
" มะ.....ไม่ได้ค่ะ ไม่สำเร็จ นอกจากนี้ ยัง....."
" ยังอะไร " เทพศาสตราถามห้วนๆ น้ำเสียงเร่งเร้า อันเป็นกิริยาที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสท่านนี้ กระนั้น หลานสาวคนสวยก็ยังอ้ำอึ้งอยู่อึดใจ ก่อนตอบกลับมาเบาๆ
" นอกจากนี้ หนูยังพลั้งมือฆ่าร่างจิตของนายลิงในโลกแห่งจิตใจ เป็นเหตุให้มารร้ายครอบงำได้อย่างสมบูรณ์ "
เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเทพศาสตรา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าหลานสาว ผู้อ่อนโยนจะเผลอฆ่ามาวินในโลกแห่งจิตใจ แต่ที่ผ่านมา อากิเนะไม่เคยโกหก จึงจำต้องเชื่อและตัดสินใจ เดินหน้าต่อไป
" เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เหลือทางเลือกเดียว นั่นก็คือ....ฆ่าเจ้าหนูหัวเขียวซะ หลานรีบร่ายเวทเพิ่มพลังให้ปู่เร็ว จะได้สังหารมัน "
แม้มีคำสั่งจากท่านปู่ อากิเนะก็ไม่ยอมขยับ เพราะมัวแต่เสียใจกับความผิดพลาดของตนเอง ต่อเมื่อได้ยินเสียงกร้าวของเทพศาสตราอีกครั้ง เธอก็รู้สึกตัว
" อย่าเพิ่งจิตตก เจ้าต้องเรียกสติกลับมาและช่วยปู่สู้กับมัน เพราะถ้ามารร้ายตนนี้หลุดไปข้างนอก มีหวังวอดวายกันทั่วโลก "
อากิเนะเห็นจริงตามที่ปู่ว่า เธอจึงรวบรวมกำลังใจ จากนั้นก็ร่ายคาถาเสริมพลังให้เทพศาสตรา ทำให้ร่างของผู้เฒ่าเปล่งแสงสีแดง สีน้ำเงินและสีเทาออกมาอีกครั้ง พร้อมพละกำลังและความเร็วที่เพิ่มพูนเป็นเท่าทวี แต่เพื่อความชัวร์ จอมอาวุธมือหนึ่งก็เร่งออร่าให้ถึงขีดสุด ทำให้กลับกลายเป็นหนุ่ม
มารร้ายมองเทพศาสตราที่เตรียมพร้อมออกศึกแบบจัดเต็ม วินาทีต่อมา มันก็แสยะยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ยืดอกขึ้นมา แล้วร้องตะโกน
" ฮ้า..........."
พอสิ้นเสียงตะโกน กระแสออร่าสีอำพันรอบมารร้ายก็พวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง ไม่ต่างจากเปลวเทียนที่ต้องลมแรง แถมบาดแผลตามร่างกายก็เริ่มสมานคืน รอยสักประหลาดปรากฏขึ้นตามตัว ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แต่ที่น่าแปลกสุด เห็นจะหนีไม่พ้นเส้นผมบนศีรษะ ซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว แถมยังยาวขึ้นเรื่อยๆจนถึงกลางหลัง
" เฮ้ย.....นี่มันอะไรกัน เจ้านี่ไม่ใช่มารธรรมดาอย่างแน่นอน " เทพศาสตราสะดุ้งตกใจ และนี่เป็นครั้งแรกที่อากิเนะเห็นท่านปู่ ผู้นิ่งขรึมเป็นไปได้ขนาดนี้
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ