The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
167) ไม่อาจต้านทาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.wallpaperflare.com
บรรยากาศโดยรอบดูกดดัน คล้ายมีมวลอากาศหนักๆบีบอัดอยู่ตลอด ท้องฟ้าก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มและมีฟ้าแลบฟ้าร้องเป็นระยะ
" ครืน......เปรี้ยง......"
มารร้ายจ้องมองสองปู่หลานอยู่เงียบๆ มุมปากแสยะยิ้มเป็นเชิงสะใจ พร้อมเงยหน้าขึ้นรับลมและสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ
" ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่ได้สัมผัสความสดชื่นของโลกมนุษย์มากี่พันปีแล้ว "
แม้มารร้ายยังถูกพันธนาการด้วยดาบวิเศษหลายเล่มที่รายล้อมรอบตัว แต่เทพศาสตราก็ตั้งทำต่อสู้อย่างรัดกุม ส่วนอากิเนะเองก็ระวังไม่แพ้กัน เพราะรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของอมนุษย์ตนนี้เป็นอย่างดี
" หึ หึ หึ ในเมื่อได้ออกมาแล้ว ขั้นแรกก็....." ทันทีที่มารร้ายพูดจบ มันก็ลุกขึ้นยืน แต่พอจะขยับ กระแสพลังที่คล้ายไฟฟ้าสถิตก็เริ่มแผดเผาร่างกาย กระนั้น อมนุษย์ก็ดูไม่ร้อนใจนัก
" โอ้โห.......ไม่เลวเลยทีเดียว ถึงกับทำให้ข้าขยับไม่ออก "
เทพศาสตราไม่ต่อคำแต่ประการใด เขายังเฝ้ามองอยู่เงียบๆ ส่วนอากิเนะก็เตรียมพร้อมอยู่เหมือนกัน เพราะเชื่อว่าปราการเพียงเท่านี้ไม่น่าขวางมารร้ายได้
มารร้ายมองดาบวิเศษหลายเล่มที่ลอยรอบตัวอยู่อึดใจ จากนั้นก็เอื้อมไปจับศาสตราที่ใกล้สุด และพอสัมผัส ใบดาบคมกริบก็แผดเผาฝ่ามือของอมนุษย์ผมขาว แต่มันไม่คิดแยแส แถมยังหัวเราะใส่อย่างดุเดือด
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า......คิดสู้กับข้างั้นเรอะ เจ้าเหล็กเล่มน้อย "
สิ้นเสียงหัวเราะเหี้ยมๆ ดาบวิเศษคมกริบก็ถูกบีบจนแตกละเอียด ส่งผลให้คลื่นพลังที่พันธนาการสูญสลายในบัดดล พร้อมการร่วงหล่นลงสู่พื้นของศาสตราที่เหลือ
" เกร๊ง เกร๊ง เกร๊ง......"
มารร้ายค่อยๆลุกขึ้นยืน โดยมีเทพศาสตราตามติดทุกอิริยาบถ ดวงตาแน่วนิ่ง สีหน้าดูไม่แปลกใจ เพราะผู้อาวุโสคาดไว้แล้วว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้
มารร้ายยังคงยิ้มอย่างใจเย็น จากนั้นก็โยกศีรษะไปมา แล้วบิดเอวเบาๆ ท่าทางเหมือนคนที่กำลังยืดเส้นยืดสาย ก่อนออกแรงทำอะไรซักอย่าง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ ก็น่าจะเป็นไปได้อย่างเดียว นั่นก็คือ.......ประลองฝีมือ และพอวอร์มอัพเสร็จ มันก็เริ่มก่อสงครามประสาท
" มั่นใจว่าจะหยุดได้จริงเหรอ เทพศาสตรา ข้าในตอนนี้ไม่เหมือนมารร้ายที่เจ้าปราบเมื่อหลายนาทีก่อน "
สีหน้าของเทพศาสตรายังนิ่งดุจเดิม เหมือนรูปสลักที่ไร้ชีวิต ไม่กี่วินาทีต่อมา ปากบางของเขาก็เริ่มขยับ เพื่อเอื้อนเอ่ยน้ำคำที่ออกไปในแนวโมโนโทน
" แน่นอนว่าข้าไม่มั่นใจ แต่ถ้าเจ้าหลุดไปได้ โลก The Dark World ต้องย่อยยับแน่ "
" แหม....รู้ใจกันจริงๆ เอาอย่างงี้ เพื่อเห็นแก่เจ้า ขอเสนอว่าถ้าปล่อยข้าไป จะละเว้นดินแดนแห่งนี้และจะไม่เข้ามาวุ่นวายอีก ตกลงมั้ย " มารร้ายลองหยั่งเชิง เพราะมันเองก็ไม่อยากเสี่ยงกับเทพศาสตราเหมือนกัน ด้วยเฒ่าชราผู้นี้นับว่าเป็นมนุษย์ที่มีพลังสูงจนน่ากลัว ถึงชนะได้ ก็อาจเจ็บตัวมิใช่น้อย ทว่าผู้อาวุโสกลับปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
" ไม่ได้ จะปล่อยให้เจ้าออกไปไม่ได้ เพื่อผู้คนอีกนับล้าน เจ้าต้องตายตรงนี้ "
สิ้นคำกล่าว มารร้ายก็ถลึงตาขึ้นมานิดนึง พร้อมปล่อยกระแสฆ่าฟันที่รุนแรงจนสองปู่หลานต้องยกการ์ดขึ้นมาเตรียมรับศึก แต่สุดท้าย อมนุษย์กลับปล่อยอารมณ์เดือด แล้วยิ้มให้ดุจเดิม จากนั้นก็ถามเนือยๆว่า......
" และถ้าสู้ เจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้รึ "
" ยอมรับว่าอาจไม่ได้ แต่ถึงยังไง ก็ต้องสู้ มันน่าจะมีความหวังเหลืออยู่บ้าง " เทพศาสตราตอบแผ่วเบาแบบเจียมตัว ท่วงท่าดูไม่มั่นใจ อันดูต่างจากผู้อาวุโสในกาลก่อน แต่ไม่ทันจบประโยค มารร้ายก็ชิงกล่าว
" งั้นก็คงต้องสารภาพตามจริงว่าเจ้าไม่มีหวังตั้งแต่ต้น อยากรู้มั้ยว่าทำไม ข้าจะแสดงให้ดู "
พอสิ้นเสียง ร่างของมารร้ายก็หายไปอย่างฉับพลัน สร้างความประหลาดใจให้แก่สองปู่หลานอย่างมากมาย
" ทะ....ท่านปู่ มะ....มันหายไปแล้ว " อากิเนะเป็นคนแรกที่ตื่นตระหนก เธอเหลียวซ้ายแลขวา เพื่อหาอมนุษย์ แต่ก็ไร้ผล ไม่มีอะไรปรากฏออกมา สิ่งที่อยู่รอบตัวมีเพียงอากาศธาตุที่ว่างเปล่า
เทพศาสตรายังคงนิ่ง ดวงตาที่เฉียบคมประดุจเหยี่ยวกวาดมองไปรอบๆ เพื่อค้นหาเป้าหมาย แต่ก็ล้มเหลวเช่นเดียวกับหลานสาวคนสวย อันก่อให้เกิดความถามขึ้นกลางใจว่า......มารร้ายตนนั้นหายไปไหน เสี้ยววินาทีต่อมา ก็บังเกิดเสียงเยือกเย็นที่ด้านหลัง
" หึ หึ หึ หาข้าอยู่เหรอ "
สองปู่หลานหันไปมองพร้อมกัน จึงพบกับมารร้ายจอมยียวน มันยืนส่งยิ้มกวนๆให้และอยู่ห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ
" เฮ้ย.....นี่เจ้า " สองปู่หลานอุทานพร้อมกัน และรีบถอยหลังให้ห่างไกล ในใจรู้สึกตื่นตระหนก
มารร้ายยังคงแย้มยิ้ม ท่าทางเหมือนคนที่กำลังเดินเล่นในสวนมากกว่าจะลงไปสัประยุทธ์ในสนามรบ ผิดกับอากิเนะที่เริ่มหน้าซีด เหมือนถูกผีหลอก ส่วนเทพศาสตราก็กัดฟันแน่นเป็นเชิงแตกตื่น ปากก็เอ่ยถาม
" นี่เจ้าใช้เวทหายตัวเหรอ "
" เปล่าซักหน่อย ข้าแค่วิ่งวนรอบกายของพวกเจ้าซักหลายๆรอบ แล้วพอเบื่อ ก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง " มารร้ายตอบเนือยๆแบบไม่ใส่ใจ ทำให้เทพศาสตรารีบหันมามองอากิเนะ ผู้ชำนาญด้านเวทมนตร์ ซึ่งหลานสาวคนสวยก็พยักหน้ารับ พร้อมยืนยันตามที่อมนุษย์บอก
" มารตนนั้นพูดจริง เพราะถ้าเจ้านั่นใช้คาถา พลังเวทจะต้องขึ้นสูงจนสัมผัสได้ แต่ครั้งนี้.....หลานไม่รู้สึกถึงกระแสอะไรเลย "
หลังรู้ความจริงที่น่าสะพรึงกลัว ทั้งสองปู่หลานก็ได้แต่ยืนตัวแข็ง สองขาก้าวไม่ออก ทำให้มารร้ายรู้สึกขบขันจนหัวเราะเสียงดัง
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า.....ทำไมถึงเกร็งขนาดนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ สู้ยอมแพ้ แล้วปล่อยข้าไปแต่โดยดีเถอะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว แถมยังรักษาดินแดนลี้ลับนี้ได้อีก "
ด้วยอุดมการณ์ที่สูงยิ่งและหัวใจที่เที่ยงธรรม เลยทำให้เทพศาสตราไม่ยอมเปลี่ยนความคิด เขายังยืนยันมติเดิม
" ถ้าเพื่อความสงบสุขของปวงประชา ต่อให้ต้องสู้จนตัวตาย ข้าก็ไม่ยอมปล่อยเจ้าออกไป "
" ฮะ ฮะ ฮะ โคตรลิเกเลย ไอ้คำว่า....สันติสุข มันไม่มีจริงหรอก " มารร้ายหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หายลับไปจากสายตาอีกครั้ง
แม้เทพศาสตราจะมองไม่เห็นมารร้าย แต่ด้วยสัมผัสของนักสู้ผู้ชาญศึก เลยรู้สึกเสียวสันหลังที่ไหล่ขวา จึงตัดสินใจ หวดไม้ด้ามยาวไปยังทิศทางนั้นแบบไม่ลังเล
" เปรี้ยง......"
เกิดเสียงปะทะดังสนั่น ราวอสุนีบาตฟาดลงมาใกล้ๆ สิ่งที่ตามคือแสงสว่างเจิดจ้า ซึ่งปรากฏขึ้นมาแวบนึง ก่อนเลือนหายไป เหลือไว้แต่ร่างบางของมารร้ายผมขาว แน่นอนว่ามันกำลังรับไม้ด้ามยาวของเทพศาสตราด้วยนิ้วชี้ ปากก็กล่าวชมเชย
" ว้าว.....ไม่เลวเลยนี่นา ขนาดเพิ่มความเร็วระดับนี้ ยังอุตส่าห์ตามทัน มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้ามองเห็นได้ยังไง "
" ข้าไม่ได้มองเห็นเจ้า แค่ใช้สัมผัสพิเศษจับการเคลื่อนไหวต่างหาก แต่สิ่งที่น่าห่วง ไม่ใช่ความเร็ว แต่เป็นพละกำลังของมันที่สามารถหยุดเพลงดาบด้วยนิ้วมือ " เทพศาสตราไม่ตอบคำใด เขามองมารร้ายนิ่งๆ แต่ในใจแอบวิตก
" อ้อ.....ใช้สัมผัสเองหรอกหรือ สำหรับมนุษย์นับว่าสุดยอด แต่ไม่ต้องคิดมากไปหรอก " มารร้ายล้วงใจทันควัน ทำให้เทพศาสตรารู้ทันทีว่าตนลืมสำรวมจิตใจ เพื่อบดบังความคิด แต่ไม่ทันได้ทำสิ่งใด เท้าขวาที่แสนหนักก็เหวี่ยงเข้าไปที่กกหู
" เปรี้ยง......."
บังเกิดเสียงปะทะที่หนักหน่วงอีกครั้ง เพราะเพลงเท้าที่รุนแรงชนิดเตะช้างตายทั้งตัว ได้ถูกเหวี่ยงเข้าใส่เทพศาสตรา โชคดีที่ผู้อาวุโสยกไม้ด้ามยาวขึ้นมารับทัน แต่ชายชราก็ยังปลิวไกลหลายสิบเมตร ก่อนจะไถลลงสู่พื้นแบบไม่ดีนัก
เทพศาสตรายืนโงนเงน แขนที่ยกไม้ด้ามยาวขึ้นมารับ เกิดเจ็บแปล๊บอย่างรุนแรง ส่วนศาสตราจำเป็นที่กระชับในมือได้แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สร้างความหนักใจแก่ผู้อาวุโสเป็นอันมาก
" นี่คือพลังที่แท้จริงของมารร้ายตนนี้หรือ ช่างมากมายมหาศาล แม้แต่เราก็อาจจะเอาชนะมันไม่ได้ "
" หึ หึ หึ " มารร้ายยิ้มมุมปาก ก่อนหันไปมองอากิเนะที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ทำให้เด็กสาวร่างบางต้องโต้ตอบด้วยการยิงเวทใส่
" ศรแสงศักดิ์สิทธิ์ จงออกมาสังหารหมู่มาร " สิ้นเสียงร่ายเวท แสงสีขาวรูปหัวลูกศรก็พุ่งออกจากสองมือของเด็กสาว แต่มารร้ายกลับรับด้วยมือขวาเพียงข้างเดียว
" ตูม........"
เสียงกัมปนาทดังขึ้นมาอีกคำรบ มันเกิดขึ้นเพราะการปะทะของสองพลังเวทที่กล้าแกร่ง มีกลุ่มควันดำลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ แต่พอจางลง ก็ปรากฏร่างของคู่ประลอง
" ปะ.....เป็นไปไม่ได้ " ใบหน้าสวยใสของเด็กสาวเริ่มเจื่อนลง เพราะมารร้ายไม่ได้บาดเจ็บเลย มันยังคงยืนสงบ พร้อมมีออร่าสีอำพันรายล้อมรอบตัว แถมยังแจกรอยยิ้มที่ดูกวนๆ จากนั้นก็เริ่มกล่าวถากถาง
" ท่านไม่สามารถเอาชนะข้าได้ ถ้าอยากพิชิตชัย ก็จงแสดงพลังที่แท้จริงออกมา เพราะข้าเองก็อยากจะวัดกับท่านอยู่เหมือนกัน "
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ