The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
147) การโต้กลับของสองปู่หลาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallup.net
สิ้นคำของอสูรร้าย อากิเนะก็ถึงกับหน้าถอดสีจนเทพศาสตรานึกสงสัย เพราะหลานสาวคนเก่งไม่ใช่คนที่จะมาหวาดกลัวกับคำขู่แค่นี้ ซึ่งเจ้าตัวก็จับความรู้สึกของผู้ปู่ได้ จึงแถลง
“ อะ…เอ่อ….ไม่มีอะไร หนูแค่สงสัยน่ะ ”
“ สงสัยอะไรเหรอ อากิเนะ ” เทพศาสตราเลิกคิ้วสูง
“ ก็เมื่อกี้ นายลิง เอ๊ะ มาวิน เขาเรียกหนูว่า….กระต่ายน้อย ” อากิเนะตอบติดขัด ดูเหมือนว่าเธอจะมีปัญหาในการเรียกชื่อจริงของมาวิน
“ แล้วยังไง ” เทพศาสตราถามเรียบๆ เนื่องจากคำตอบแค่นี้ ไม่ได้ทำให้ความจริงกระจ่าง อากิเนะจึงกลุ้มหนักกว่าเดิม เพราะคำตอบดังกล่าว ช่างน่าอายในความคิดของเธอ
“ อะ…เอ่อ กะ…ก็หมายความว่า…มาวินน่าจะยังหลงเหลือสติอยู่ เพราะมีเขาคนเดียวเท่านั้นที่เรียกหนูว่า….กระต่ายน้อย ”
คิ้วของเทพศาสตรากระตุกเล็กน้อย เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาหลายร้อยปี เขาไม่เคยเห็นอากิเนะแสดงอาการแบบนี้มาก่อน มันเหมือนมีสายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็น ผูกมัดหลานสาวคนสวยกับเด็กหนุ่มปริศนา กระนั้น ผู้อาวุโสก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่มุ่งตรงไปยังปัญหาที่ต้องแก้ไข
“ ก็หมายความว่า….เราพอจะช่วยเจ้าหนูได้ ใช่มั้ย อากิเนะ ”
“ ค่ะ หนูเชื่อแบบนั้น ” อากิเนะตอบเบาๆ ดวงตาหวานซึ้งจับจ้องไปที่มาวินด้านมืด ที่ตอนนี้มีสภาพไม่ผิดไปจากปีศาจ
เทพศาสตรานิ่งตรึกตรองอยู่หลายวินาที ก่อนตัดสินใจ
“ งั้นเอางี้ ปู่จะเข้าไปต่อสู้กับมัน หลานคอยดึงความสนใจด้วยเวทมนตร์ พอปะเหมาะ ปู่จะหยุดการเคลื่อนไหวให้ จากนั้นก็…..”
“ เข้าใจแล้วค่ะ หลานจะหาวิธีเข้าถึงจิตใจของมาวิน เพื่อพาเขากลับมา ” อากิเนะเคลียร์ในทีเดียว เพราะเธอและท่านปู่อยู่ด้วยกันมานาน จึงรู้ใจกันเป็นอย่างดี แต่ไม่ทันได้เตรียมตัว เสียงหัวเราะประหลาดก็ดังขึ้นที่ด้านขวาของเด็กสาว
“ คุยอะไรกันน่ะ เล่าให้ฟังบ้างสิ คึ คึ คึ ”
พอสองปู่หลานหันมา ก็พบกับมาวินด้านมืดที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ไม่ห่าง พริบตาต่อมา ปีศาจร้ายก็ปล่อยหมัดขวาใส่คู่อริ
“ ซูม……”
กำปั้นของมารร้ายถูกห่อหุ้มด้วยออร่าสีดำ มันพุ่งแหวกอากาศ ไม่ต่างจากอาวุธสมัยใหม่อย่างจรวด จุดหมายคือยอดอกของอากิเนะ แต่เทพศาสตราก็ไวพอจะถลาเข้ามารับหมัด
“ ตูม…..”
“ กร็อด…..แกอีกแล้วนะ ” มาวินด้านมืดกัดฟันกรอดๆ ท่าทางเจ็บใจเป็นที่สุด เพราะกำปั้นเด็ดไม่ผ่านฝ่ามือหยาบใหญ่ของชายสูงวัย ฉับพลัน มารร้ายก็ฉีกยิ้ม
“ คึ คึ คึ….”
เทพศาสตราฉุกคิด มันต้องมีอะไรบางอย่าง วินาทีต่อมา สังหรณ์ของเขาก็เป็นจริง เมื่อมาวินด้านมืดอีกคนพุ่งเข้ามาที่ด้านหลังของอากิเนะ พร้อมเตรียมเสียบเด็กสาวด้วยฝ่ามือ
“ อย่าคิดว่าจะทำร้ายหลานข้าได้นะ ” เทพศาสตราก็ว่องไวผิดกับอายุ เขาสวนด้วยการถีบขวา มันพุ่งปะทะลำตัวของมาวินด้านมืดที่ดอดเข้ามาด้านหลัง ส่งผลให้มันกระเด็นไกลไปกระแทกกับไม้ใหญ่
“ โครม…….”
ทว่าอันตรายยังไม่จบสิ้น มาวินด้านมืดตัวที่สามพุ่งมาทางซ้าย เป้าหมายคือลำคอของอากิเนะ แต่หลานสาวคนสวยไม่ยอมตกเป็นภาระอยู่ฝ่ายเดียว เธอจึงปล่อยแสงรูปสายฟ้าใส่อมนุษย์
“ เปรี้ยง…….”
มาวินด้านมืดตัวที่โดนเวทย์แสง ถึงกับลอยไปตามแรง พอพุ่งกระทบต้นไม้ ก็เกิดระเบิดชุดใหญ่ พร้อมแสงสว่างหลากสีที่วนเวียนอยู่โดยรอบ อันดูไม่ต่างจากปะทัดยามฉลองตรุษจีน
“ ปัง ปัง ปัง…..”
“ หน็อย…ยังเอาตัวรอดได้อีก แล้วถ้าเจอไม้นี้เข้าไปล่ะ ย่า……” เจ้าตัวที่ถูกเทพศาสตราหยุดหมัด เริ่มฉีกยิ้มกว้าง กายบางของมันปล่อยเพลิงสีดำออกมาอย่างมากมาย พร้อมไอร้อนที่พวยพุ่ง
แม้เทพศาสตราจะมีออร่าปกคลุมกายจนทนความร้อนที่แผ่ออกมาได้ระดับหนึ่ง แต่เขาก็นึกแปลกใจในความมั่นหน้ามั่นโหนกของอสูรร้าย ไม่นาน ก็อ่านแผนของมันออก
“ เอ๊ะ! หรือว่าแกจะ…..”
“ ใช่แล้ว นี่คือเวทย์ระเบิดตัวเอง เพลิงทมิฬจงแผดเผาอริของข้า ” มาวินด้านมืดตัวนั้นพูดจบ เพลิงดำก็พุ่งออกจากกายบางมากกว่าเดิม มันแผ่กว้างจนแทบจะครอบคลุมร่างของเทพศาสตรา
“ ท่านปู่ ” อากิเนะเตรียมจะเข้ามาช่วย แต่เทพศาสตรากลับร้องห้าม
“ อย่าเข้ามา อากิเนะ ไฟนี่แรงเกินไปสำหรับเจ้า แต่ปู่รับมือได้ ”
อากิเนะจำต้องทำตามประสงค์ของท่านปู่ แม้ว่าภายในจะเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ แต่วิกฤติยังไม่หมด เพราะมาวินตนสุดท้าย กำลังร่ายเวทย์แห่งความตาย
“ อ่า….เมเทโอ ”
บอลพลังงานสีดำนับสิบรายล้อมรอบกายของมารร้าย ดวงตาแดงก่ำของมันแฝงแววประสงค์ร้าย
“ ยะ…แย่จริงแล้ว ” เทพศาสตราพึมพำเบาๆ สีหน้าดูปั้นยาก เพราะถึงเขาจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่อาจรับมือมนตร์มืดที่ร้ายกาจของสองมาร และในที่สุด พวกมันก็จู่โจม
“ ตูม…….”
เสียงระเบิดดังต่อเนื่องและยาวนาน หลักๆก็มาจากบอลพลังงานนับสิบ แถมด้วยเปลวเพลิงทมิฬที่สูงถึงหกเมตร ไอระอุแผ่ซ่านไปโดยรอบจนก้อนหินแถวนั้นเริ่มหลอมละลาย บ่งบอกถึงความร้อนแรงที่มากกว่าไฟธรรมดาหลายเท่าตัว
“ คึ คึ คึ…..” มารตนสุดท้ายหัวเราะเยาะเย้ย ในใจแอบขบคิด
“ ถ้าไม่ตาย ก็เลี้ยงไม่โต ”
มาวินด้านมืดที่ถูกลูกถีบและเวทแสง ทยอยกันลุกขึ้นยืน โดยมีร่องรอยความบาดเจ็บเหลืออยู่เล็กน้อย ส่วนมารที่เพิ่งปล่อยเมเทโอ หันมาไถ่ถามพรรคพวก
“ พวกแกเป็นไงมั่ง การโจมตีของมนุษย์คู่นี้ ดูร้ายกาจไม่เบา ”
“ เจ็บอยู่นะ แต่มันก็เป็นแค่มนุษย์ จะมาสู้มารอย่างพวกเราได้ยังไง ” มารที่ถูกเวทแสงตอบกลับ สีหน้าฉายแววเจ็บปวด ต่างกับตัวที่ถูกถีบ มันแค่ยักไหล่
“ คึ คึ คึ นั่นสินะ ถึงอย่างนั้น เราก็ควรดีใจที่เก็บพวกมันได้ มนุษย์ที่มีพลังสูงขนาดนี้ ช่างหาได้ยาก ” มาวินด้านมืดที่ปล่อยเมเทโอกล่าวต่อ ดูท่าทางมันจะแอบเสียดายมารที่ระเบิดตัวเอง
“ ทำไงได้ พวกมันเก่งขนาดนั้น เราคงเอาชนะไม่ได้ง่ายๆ ต้องทุ่มทุนสร้างกันบ้าง ” มาวินตัวที่ถูกถีบเอ่ยขึ้นมาบ้าง ดูท่าทางมันจะรู้จิตใจของตัวที่ปล่อยเมเทโอ เพราะเนื้อแท้ เหล่ามารคือตัวตนเดียวกัน
“ อืม….คงอย่างนั้น เอาล่ะ เรามารวมร่างกันเถอะ ” มาวินตัวที่ปล่อยเมเทโอ ออกคำสั่ง ชัดเจนเลยว่ามันคือหัวหน้าทีม ทว่าอีกสองตัวกลับทำหน้าจ๋อย ประมาณว่า…..เพิ่งจะเป็นอิสระ ขออยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ
“ ไม่ต้องมาอ้อนวอนเลย เราจะมาเอ้อระเหยลอยชายไม่ได้ มีงานสำคัญต้องกระทำ นั่นก็คือกวาดล้างมนุษย์ในแดนนี้ให้หมด แล้วออกไปอาละวาดที่โลกข้างนอก ” มาวินหัวหน้าทีมเริ่มตีเสียงแข็ง ทำให้สองตัวที่เหลือเริ่มหงอ ถึงกระนั้น เหตุผลที่ว่ามาก็น่ารับฟัง
“ ใช่สิ ยังมีงานสนุกให้ทำ เราจะต้องจัดมหกรรมละเลงเลือดขนานใหญ่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..”
สามมาวินด้านมืดต่างพากันหัวเราะร่า สีหน้า ท่าทางบ่งบอกว่าบ้าคลั่งล้านเปอร์เซ็นต์ แต่อึดใจต่อมา พวกมันก็เงียบกริบในบัดดล
“ เอ๊ะ! สัมผัสนี้ มัน…..” มาวินด้านมืดตัวที่ถูกถีบเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน เพราะมันรู้สึกถึงจิตที่กล้าแข็งสองจุด และนั่นก็คือ…..
“ พวกมันยังไม่ตาย เป็นไปได้ไง ” มาวินตัวที่ถูกเวทแสงกล่าวขึ้นมาบ้าง พร้อมหันไปมองฝุ่นควันที่เริ่มคลายตัว ทำให้พบกับ…..สองปู่หลาน พวกเขายืนเคียงกัน รอบกายปรากฏบาเรียทรงกลมห่อหุ้ม มันเปล่งแสงสว่างสีขาวออกมา ประดุจดังหลอดไฟนับร้อยมารวมกัน ไม่นาน ม่านป้องกันก็สลายไป
สามมารร้ายดูเคร่งเครียด เพราะเมื่อกี้คือไม้เด็ดที่กะจะใช้กลบฝังปู่หลานคู่นี้ในทีเดียว แต่ดูเหมือนจะไม่อาจสร้างบาดแผลบนร่างกายได้ซักรอย เหล่ามนุษย์ยังคงสมบูรณ์เต็มร้อยเหมือนเดิม
“ เป็นอะไรมั้ยคะ ท่านปู่ ” อากิเนะเอ่ยถามเทพศาสตรา ซึ่งชายชราก็ส่ายหัวแทนคำตอบ พร้อมถามกลับ
“ ไม่เป็นไร แล้วเจ้าล่ะ ”
“ ไม่เป็นไรเหมือนกันค่ะ โชคดีที่อากิเนะร่ายม่านป้องกันแห่งแสงได้ทัน ”
เทพศาสตราพยักหน้ารับ แม้เขาจะสู้มารร้ายได้ในด้านกระบวนท่า ทว่าทางเวทมนตร์ กลับห่างชั้นกันราวฟ้ากับดิน แต่พอมีอากิเนะที่เป็นเอกอุในแขนงนี้มาเสริมทัพ ก็นับว่าตีตื้นมาเสมอกัน จึงคำรามในลำคอเบาๆ
“ ดีล่ะ ทีนี้ ข้าก็ไม่เสียเปรียบเจ้าแล้ว ไอ้มารร้าย ”
เหล่ามารร้ายต่างพากันหน้าถอดสี เพราะปู่หลานคู่นี้เท่าทันพวกมันทั้งทางด้านการต่อสู้และเวทมนตร์ ทำให้ศึกนี้รับมือยากขึ้นเป็นเท่าทวี สองมาวินจึงหันไปถามหัวหน้าทีม
“ เฮ้ย เจอแบบนี้ ทำยังไง แผนเดิมคงใช้ไม่ได้ผลแล้ว ”
มาวินหัวหน้าทีมนิ่งคิดนิดนึง ก่อนตัดสินใจ
“ พวกเราคงต้องรวมตัวกัน แล้วค่อยมองหาช่องว่างอีกที ”
เหล่ามารร้ายเห็นพ้องต้องกัน เพราะถ้าแยกร่างสู้แบบนี้ ทั้งพลัง ความเร็วและพลังเวทจะถูกหารเป็นสามส่วน ทำให้สร้างดาเมจไม่แรงพอ แต่ก่อนจะได้ดำเนินตามแผน ฝ่ายมนุษย์ก็โต้กลับ
“ เอาเลย อากิเนะ ” เทพศาสตราตะโกนดัง ซึ่งหลานสาวคนสวยก็เข้าใจถึงแผนการ ทั้งที่ผู้ปู่ไม่ได้พูดคำใด
“ ได้ค่ะ ท่านปู่ ขออัญเชิญเทพแห่งพละกำลัง วิญญาณสมิงและแก่นแท้ของภูผามาสถิตในคนผู้นี้ ” อากิเนะร่ายคาถาจบ ร่างสูงเพรียวของเทพศาสตราก็เปล่งแสงสีแดง สีน้ำเงินและสีเทาออกมา
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ