The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
9.7
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
174 LV
22 วิจารณ์
165.80K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) พบกันอีก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.pexels.com
“ โครม ”
เสียงปะทะดังสนั่น สิ่งที่ตามมาคือการล้มคะมำของกาสเซ่ เขาไม่รู้สึกตัวเลยซักนิดว่าโดนอะไร รู้อีกทีก็นอนวัดพื้นไปซะแล้ว
“ อะไรกัน ทำไมเรามานอนคว่ำหน้าอยู่แบบนี้ ” กาสเซ่นึกสงสัย เขาขยับกาย แต่ทันทีที่หยัดยืน ก็รู้สึกเจ็บปวดตรงท้ายทอย
“ อู้ย.....อย่างกะโดนอะไรอัดเลย ”
ระหว่างที่กาสเซ่กำลังสับสน เขาก็ได้ยินเสียงห้าวที่สดใสของหญิงสาวร้องทักมาจากด้านหลัง
“ โห.....นายนี่อึดดีแฮะ นี่ขนาดโดนชั้นกระโดดถีบเข้าไปเต็มๆ ยังลุกขึ้นมาได้อีก ”
กาสเซ่หันกลับมามอง ก็พบกับเด็กสาวนางหนึ่ง เธอซ่อนร่างสูงเพรียวในชุดกังฟูแขนกุดสีแดงที่ปักลายมังกรเล่นหางสีทอง ส่วนท่อนล่างก็เป็นกางเกงขายาวสีขาวที่ดูทะมัดทะแมง รูปหน้าเล็กยาว แววตาคมเข้ม ริมฝีปากด้านบนเชิดขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกอารมณ์ร้ายและดื้อรั้น เส้นผมก็ดำขลับและยาวประมาณบ่า
“ เเกเป็นใคร นังหนู ต้องการอะไร หรือเเกอยากจะตาย ” กาสเซ่ขู่คำรามด้วยอาการดุร้าย
เด็กสาวมองกาสเซ่ด้วยท่าทีเมินเฉย ดวงตาคมเข้มสงบนิ่งและไร้ความรู้สึก ครู่หนึ่งเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“ ขอพูดแบบง่ายๆสั้นๆ ชั้นอยากจะขอตัวขอทานคนนั้น แต่ถ้านายไม่ให้ เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะเจ็บ เข้ามาเลย ”
อันธพาลร่างยักษ์ถึงกลับนิ่งอึ้ง ตั้งแต่ครองความเป็นลูกพี่ใหญ่ของเมือง ยังไม่เคยมีใครกล้าสามหาวกับเขาเลย เด็กสาวนางนี้นับเป็นรายแรกที่กล้าลองของ
“ อู้ย..... ” เสียงลูกสมุนคนสนิทดังขึ้น ทั้งคู่กำลังยันกายลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ทันทีที่กาสเซ่เหลือบไปเห็นสองลูกน้อง ใบหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เพราะเขากำลังจะมีผู้ช่วยมาต่อยตีกับศัตรูที่น่ากลัว
“ ลูกพี่ ระ.....เราอยู่ที่ไหนเนี่ย ” ลูกน้องร่างอ้วน เปรุสซี่ เอ่ยถาม ท่าทางยังไม่สร่างจากการสลบ
“ เรากำลังสู้กับไอ้เด็กขอทานอยู่ ตกลงมันเสร็จเรารึยังครับ ” สมุนร่างผอม ปารุสซี่พูดขึ้นมาบ้าง เขาสะบัดหน้าไปมา เพื่อขับไล่ความมึนงง พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลอาบอยู่ตรงหน้าผาก
“ ยังไม่จบ พวกเอ็งลุกขึ้นมาก็ดีแล้ว เพราะมีฮีโร่คนใหม่มาให้เราจัดการ ” กาสเซ่ร้องบอก พร้อมแสยะยิ้มให้สาวกังฟูร่างสูง
“ ดีเลย ลูกพี่ ผมยังไม่จุใจกับการอัดเจ้าเด็กขอทานเลย ” ลูกน้องร่างอ้วนรีบร้องบอก จากนั้นก็ขยับเอวและหัวไหล่ เพื่อคลายอาการเมื่อยขบ
กาสเซ่ กับ ปารุสซี่ หันมามองหน้ากันเองและส่งคำถามให้กันด้วยสายตา
“ ไอ้อ้วนได้อัดเจ้าเด็กขอทานตอนไหนฟะ ”
“ เอาล่ะ ยังไงก็แล้วแต่ พวกเอ็งไปจัดการยัยฮีโร่สาวคนนั้นซะ ” กาสเซ่ไม่อยากถือสาหาความในความติ๊งต๊องของลูกน้องร่างอ้วน เขาจึงออกคำสั่งจู่โจม
“ ครับ ลูกพี่ ” สมุนทั้งสองรับคำ พร้อมย่างสามขุมเข้าหาเด็กสาวปริศนา แต่ก่อนจะเข้าถึงตัว สมุนร่างผอมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงหยุดก้าว แล้วหันกลับไปถามลูกพี่
“ พวกผมเข้าไปลุย แล้วลูกพี่ทำอะไร ”
กาสเซ่สะดุ้งเฮือก เขาไม่อยากเสี่ยงกับสาวปริศนาเบื้องหน้า เพราะดูจากแรงถีบ ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา อีกประการ อาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ก็รุนแรงถึงขั้นยกแขนไม่ขึ้น ทำให้เสียเปรียบมาก ถ้าต้องเข้าไปต่อสู้ แต่เพื่อรักษาฟอร์มหัวหน้าใหญ่ จึงแสร้งทำเป็นโกรธ
“ เฮ้ย ไม่มีแก๊งไหนเขาให้ลูกพี่ใหญ่ออกโรงก่อนหรอกฟะ พวกเอ็งอย่าเรื่องมากน่า มันเป็นแค่เด็กสาวธรรมดา ยังไงก็สู้กับพวกเราไม่ได้ บุกเข้าไปพร้อมกันและระวังตัวด้วย ” กาสเซ่สั่งราวกับสิ่งที่ทำเป็นเรื่องง่าย แต่ดันบอกให้ระวังตัวในตอนท้าย ทำให้สองสมุนมองหน้ากันเองแบบงงๆ พวกเขานึกสับสน ตกลงคำสั่งนี้…..มันง่ายหรือยากกันแน่
“ เอาไงดีวะ ไอ้ผอม ” เปรุสซี่ หันไปปรึกษา ปารุสซี่ สมุนร่างผอมผู้ฉลาดกว่า
“ ฟังจากคำสั่ง ดูแล้วยัยเด็กนี่น่าจะไม่ธรรมดา เดี๋ยวข้าจะแย็บก่อกวนก่อน ส่วนเอ็งพยายามตลบหลังแล้วล็อกเอาไว้ให้แน่น ข้าจะได้เก็บมันด้วยหมัดฮุค ไม้ตายของข้า ” สมุนร่างผอมวางแผน
“ ตกลง เอ่อ.....แต่ข้าอายที่ต้องกอดสาวๆน่ะ ” สมุนร่างอ้วนเริ่มหน้าแดงด้วยอาการเขินอาย เพราะอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า เขาต้องเข้าไปกอดเด็กสาวแนบแน่น
“ ไอ้เวร จะฆ่ากันอยู่แล้ว ดันมาห่วงเรื่องบ้าๆ จัดการตามแผน ไป ” สมุนร่างผอมตวาดด่า มันเองก็เซ็งความปัญญาอ่อนของไอ้อ้วนเช่นกัน
สมุนทั้งสองค่อยๆล้อมกรอบรอบเด็กสาวที่บัดนี้ยืนนิ่งสงบ คล้ายร่างกายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเพียงเลือดเนื้อที่ไร้วิญญาณ
ปารุสซี่ตั้งการ์ดแบบมวยสากลอันเป็นวิชาถนัด ส่วนเจ้าอ้วนก็เริ่มขยับอย่างเชื่องช้า เพื่อหาจังหวะเข้าล็อก
“ ฮ่าๆ ” ปารุสซี่หัวเราะลั่น พร้อมหยั่งเชิงด้วยการแย็บหมัดแรกเข้าไปที่ใบหน้าอันนิ่งเฉย ทว่าการจู่โจมนั้นได้แต่จั่วลม เพราะเด็กสาวขยับหลบเพียงนิดเดียว และในวินาทีต่อมา ดวงตาคมของสาวกังฟูก็เปล่งประกายร้อนแรง
“ เฮ้ย ” เพียงสบตากับเด็กสาว ปารุสซี่ก็ถึงกลับถอยหลังหนี หน้าตาตื่นกลัวราวกับเห็นผี
“ เข้ามาสิ นายกลัวอะไร หรือเก่งแต่กับเด็กและคนแก่ ” เด็กสาวกวักมือเรียกสมุนร่างผอม ราวกับเรียกเด็กน้อยตัวเล็กๆ
“ หน็อย…… นังเด็กอวดดี ” สมุนร่างผอมพุ่งเข้าใส่ ดูเหมือนเขาจะเป็นพวกที่ของขึ้นง่าย พายุหมัดแย็บถูกปลดปล่อยออกมาแบบรัวๆไม่ต่างจากปืนกล
เด็กสาวโยกลำตัวช่วงบนหลบพายุหมัดที่พุ่งเข้ามา โดยที่เท้าไม่ได้ขยับจากจุดที่ยืน ส่วนปารุสซี่ก็ทุ่มเทจู่โจมอยู่พักใหญ่ ก่อนจะถอยฉากออกมาหอบ
“ ไง หมดทีเด็ดเเล้วหรือ เจ้ากุ้งแห้ง ” เด็กสาวถามเรียบๆ
“ หึ หึ หึ ” สมุนร่างผอมหัวเราะอย่างไร้เหตุผล ทำให้เด็กสาวนึกฉงน วินาทีต่อมา สมุนร่างอ้วนได้ตรงเข้ามารวบตัวเธอจากทางด้านหลังอย่างแน่นหนา แต่สาวนักกังฟูกลับไม่แสดงอาการตื่นกลัวออกมา ปากก็เอ่ยถามเรียบๆว่า…..
“ อ้าว….. นายยังอยู่อีกหรือ นึกว่าหนีไปซะแล้ว ”
“ หน็อย….. นังเด็กคนนี้จะตายอยู่แล้ว ยังมาเล่นลิ้นอีก ” สมุนร่างผอมส่งเสียงคำรามในลำคอ บ่งบอกอารมณ์โกรธ
“ จัดการเลย เจ้ากุ้งแห้ง ชั้นล็อกยัยเด็กคนนี้ไว้แล้ว ไม่มีทางดิ้นหลุดแน่ ” สมุนร่างอ้วนร้องบอกเสียงดังลั่น พร้อมเกร็งกำลังที่สองแขน เพื่อรัดกายบางให้แน่นยิ่งกว่าเดิม
“ โอเค เอาแบบหมัดเดียวจอด รับไป ย้าก.... ” ปารุสซี่เงื้อหมัดซ้ายไปข้างหลัง พร้อมพุ่งทะยานเข้าใส่ เพื่อปล่อยหมัดฮุคใส่เด็กสาว
จังหวะที่สมุนร่างผอมกำลังจะเข้าถึงตัว เด็กสาวก็กระโดดขึ้นมาถีบสวนด้วยสองขา ฝ่าเท้าค่อนข้างยาวประทับเข้าไปที่ใบหน้าซูบผอมแบบเต็มๆ ส่งผลให้ปารุสซี่ร่วงลงไปนอนกอง ทันทีที่เด็กสาวลงสู่พื้น เท้าซ้ายอันว่องไวก็กระดกไปทางด้านหลัง เพื่อกระแทกกล่องดวงใจของเจ้าอ้วนที่รวบร่างอย่างรุนแรง
“ โอ้ก..... ”
สมุนร่างอ้วนร้องลั่นซอย แขนอวบใหญ่คลายจากการล็อก เพื่อกุมเป้าที่กำลังเจ็บปวดแสนสาหัส แต่แล้วเขาก็หยุดโหยหวนอย่างฉับพลัน เมื่อถูกศอกสั้นอัดเข้าไปที่ขมับ ส่งผลให้อันธพาลจอมเอ๋อล้มทั้งยืน
กาสเซ่อ้าปากค้าง เขาดูตกใจมาก เพียงเด็กสาวปริศนาขยับกายไม่กี่ที ก็สามารถน็อคสมุนคู่ใจอย่างง่ายดาย
“ ไง จะสู้ต่อมั้ย แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่า…..ฝีมือเราห่างกันมากแค่ไหน อีกอย่างนายก็เหลือแขนเพียงข้างเดียว ไม่มีทางจะชนะชั้นได้ ถอยไปดีกว่า ” เด็กสาวประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงห้าวหาญ
กาสเซ่ไร้ซึ่งคำตอบ อันธพาลร่างยักษ์รวบสองสมุนขึ้นพาดบ่าข้างที่ไม่เจ็บ เขาหันกลับมาส่งสายตาโกรธเกรี้ยวให้เด็กสาวเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมเปล่งคำอาฆาต
“ ฝากไว้ก่อนเถอะ นังหนู ชั้นต้องเอาคืนแน่ ”
“ เออ รีบมาเอาคืนล่ะ ชั้นมีเวลาอยู่ที่เมืองนี้อีกแค่เดือนเดียว ” เด็กสาวรับคำท้า พร้อมยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
“ ฮึ่ม….. ” ยักษ์ใหญ่ขู่คำรามเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเดินจากไป
ทันทีที่อันธพาลร่างใหญ่จากลา เด็กสาวก็เดินเข้าไปหา มาวิน ที่ยังนอนสลบไสล เธอทรุดตัวลงนั่งข้างกาย สายตาคมเข้มกราดมองไปทั่วใบหน้าสกปรก ประกายตาดูราบเรียบและนิ่งเฉยจนไม่อาจคาดเดาถึงอารมณ์
……………………………………………….
มาวินรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น หูแว่วเสียงเพลงแรงๆอย่าง “ก่อนตาย” อยู่ไกลๆ เขาอมยิ้มเล็กน้อย เพราะชอบเพลงนี้มาก มันฟังดูสะใจยังไงชอบกล ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับบทเพลง ความรู้สึกทางร่างกายก็เริ่มกลับมา ในที่สุดก็สามารถขยับเปลือกตาได้ เพียงครู่หนึ่งที่ลืมตามอง ก็พบว่า……ตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มในห้องรกๆที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทค
เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว เขารีบลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว สีหน้าและแววตาดูสับสนและยุ่งเหยิง
“ ที่นี่มันห้องนอนของเราในโลกมนุษย์ แต่เอ......เราจำได้ว่าติดอยู่ในเกม The Dark World นี่นา ไหงมาอยู่ที่นี่ได้ฟะ งงไปหมดแล้ว ”
เด็กหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์ เพื่อทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมแย้มยิ้มที่มุมปาก ในใจนึกโล่งอก
“ ฟู่……รู้แล้ว ทุกเหตุการณ์ใน The Dark World คงเป็นแค่ความฝัน ช่างเป็นฝันที่ประหลาด โหดร้าย น่ากลัวและยาวนาน ”
ทันใดนั้นเอง เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงร้องเรียกห้าวๆจากหน้าประตูบ้าน
“ นายวิน ลงมาเดี๋ยวนี้นะ ”
หลังผจญกับฝันร้ายในโลก The Dark World อยู่หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ นี่คือเสียงที่มาวินอยากได้ยินมากที่สุด เพราะมันคือเสียงของ “จันทรา” เพื่อนสาวคนสนิทของเด็กหนุ่ม
“ ฮะๆ สงสัยยัยจันจะมาเรียก คงเห็นเรานอนเพลินจนลืมเวลา ท่าทางจะไปหาพรรคพวกช้าอีกแล้วซิ ” เด็กหนุ่มกล่าวกับตัวเองเบาๆ พร้อมเผลอยิ้มออกมา เขาไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มานานแล้ว
มาวินรีบเดินไปที่หน้าประตูบ้าน ทันทีที่มาถึง ก็พบกับจัน ใบหน้าดุๆขมวดนิ่วด้วยอารมณ์หงุดหงิด นั่นยิ่งทำให้ดูน่ากลัวมากกว่าเดิม แต่ในตอนนี้เด็กหนุ่มไม่รู้สึกกลัวหรือรำคาญเหมือนทุกที กลับรู้สึกโหยหาและคิดถึง เขาเดินยิ้มหน้าบานเข้าไปหา พอมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า เด็กสาวร่างสูงก็เปิดปากตวาดในทันที แม้จะมีประตูรั้วเหล็กขวางกั้นอยู่ก็ตาม
“ นายผิดนัดอีกแล้ว นายมันงี่เง่า ไร้สาระ บ้าบอ อ้าว…… เฮ้ย ”
จันหยุดด่าในทันที เพราะมือเรียวยาวของเธอได้ถูกมาวินยกขึ้นมา จากนั้นเด็กหนุ่มก็ซบหน้าลงไปบนมือบาง อึดใจต่อมาเด็กสาวรู้สึกว่ามีน้ำอุ่นๆไหลกระทบฝ่ามือ
“ นาย....นายเป็นอะไรไป ” จันถาม ท่าทางดูอึ้งๆ
“ อึกๆ.... ชั้นฝันร้ายน่ะ ชั้นกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอคนที่รักอีกแล้ว ” เด็กหนุ่มซบหน้าสะอื้นไห้ พร้อมตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเทา
เด็กสาวคลายอาการโกรธเกรี้ยวในทันที ใบหน้าคมเข้มกลับกลายเป็นอ่อนโยนด้วยความสงสารและห่วงใย มืออีกข้างที่ว่างก็ยื่นไปลูบไล้ศีรษะของเด็กหนุ่ม พลางปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
“ ไม่เป็นไร นายกลับมาแล้ว ที่ผ่านมามันเป็นแค่ฝันร้าย ชั้นอยู่ที่นี่กับนายแล้ว ”
“ อืม...... ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ พลางคิดว่าคนเรานี่ก็แปลก เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับคนรัก กลับรู้สึกเฉยเมยไม่ใส่ใจอะไร แต่พอต้องจากไปไกล ถึงจะเห็นคุณค่าที่แท้จริง
“ เอาล่ะ ฝนทำท่าจะตกแล้ว เดี๋ยวพรรคพวกจะมาชุมนุมกันที่บ้านนาย เปิดประตูซะ ชั้นจะช่วยทำความสะอาด มันจะได้ดูทุเรศน้อยลง ”
มาวินเงยหน้าขึ้น ก็พบกับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม สักพักเม็ดฝนลูกเล็กๆก็ตกลงมาอย่างแผ่วเบา เด็กหนุ่มจึงหันไปมองที่ประตูรั้ว พร้อมจะออกแรงขยับ แต่ปรากฏว่า…….. “มันล็อก”
“ ฮะๆ รู้สึกว่าประตูจะล็อกน่ะ แผล็บนึงนะ เดี๋ยวขอหากุญแจก่อน ชั้นน่าจะเก็บไว้ในกระเป๋า ” เด็กหนุ่มพูดไปหัวเราะไปแบบคนที่กำลังอารมณ์ดี
มาวินล้วงกระเป๋าเสื้อและกางเกง เพื่อควานหาลูกกุญแจ แต่ไม่ว่าจะค้นเท่าใด ก็ไม่พบแม้แต่เงา ทำให้เริ่มเบ้หน้าและนึกสงสัย
“ เอ.....สงสัย กุญแจจะไม่อยู่ที่ตัวชั้น น่าจะอยู่ในบ้าน เดี๋ยวขอไปหาก่อนนะ ” เด็กหนุ่มร้องบอกเด็กสาวเพื่อนสนิท ทันทีที่หันกลับไป เด็กหนุ่มก็ถึงกลับตะลึงจนตาค้าง เลือดในกายแทบจับตัวเป็นน้ำแข็ง
สาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มช็อกถึงเพียงนั้นก็คือ......ตรงบริเวณที่ควรจะเป็นบ้าน กลับหายไป เหลือเพียงความว่างเปล่า
“ นี่..... มันเกิดอะไรขึ้น ” มาวินหันไปถามจันที่ยืนเศร้าอยู่หน้าประตูรั้ว แต่เด็กสาวไม่ตอบประการใด น้ำตาใสๆหลั่งไหลออกมาเป็นทาง
“ จัน เธอร้องไห้ทำไม ” มาวินถาม ท่าทางร้อนรนและตื่นตระหนก เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาร่วมสิบกว่าปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจันร้องไห้
เด็กสาวไม่ตอบคำ แต่กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม เธอสะอึกสะอื้นจนตัวโยน มาวินรู้สึกสงสารเพื่อนสาวเป็นยิ่งนัก เขาจึงรีบเดินมาที่ประตูรั้ว พร้อมออกแรงกระชากสุดกำลัง แต่ด้วยความที่มันเป็นรั้วเหล็กที่ล็อกอย่างแน่นหนา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดออกมาด้วยแรงกระชากของมนุษย์
“ ออกสิ ไอ้รั้วบ้านี่ หลุดสิโว้ย ” เด็กหนุ่มออกแรงกระชากอย่างบ้าคลั่ง
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ มาวินยังออกแรงกระชากอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ายังไงก็ไร้ผล เสียงสะอื้นที่ดังแว่วเข้าโสตประสาท ยิ่งทำให้เขาอยากต่อสู้ดิ้นรน เพื่อหลุดพ้นจากเหตุการณ์บ้าๆนี้มากกว่าเดิม ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดทุกการกระทำ เมื่อมีมือบางๆเอื้อมผ่านช่องว่างของรั้วเหล็กมาเกาะกุม
มาวินเงยหน้าขึ้นมองจัน ก็พบว่าใบหน้าเรียวยาวของเด็กสาวกำลังส่ายไปมา ประมาณจะบอกว่า “อย่าพยายามต่อไปอีกเลย” เด็กหนุ่มจึงกล่าวออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า
“ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ชั้นจะกลับมาหาเธอ ”
“ นายสัญญานะ สัญญาแล้ว ต้องทำให้ได้ ” เด็กสาวตอบกลับทั้งน้ำตา
“ ได้ๆ..... ชั้นสัญญา ” เด็กหนุ่มรีบตอบอย่างร้อนรน
ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งๆ กายของหนุ่มสาวเปียกโชก เพราะฝนที่ตกกระหน่ำราวฟ้าถล่ม แม้พวกเขาจะสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาว แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
…………………..
มาวินลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มสำรวจไปรอบๆ จึงพบว่าตอนนี้เป็นเวลากลางคืน สังเกตได้จากท้องฟ้าที่มืดมิด ส่วนข้างกายปรากฏกองไฟสีแดงฉานที่คอยให้แสงสว่างและความอบอุ่น มีต้นไม้ใหญ่น้อยล้อมรอบทุกทิศทาง ชวนให้บรรยากาศวังเวงและอึมครึม
ความเงียบยามราตรีส่งเสริมให้เกิดเสียงจิ้งหรีดเรไรดังระงม กระแสนั้นแทรกมาตามสายลมอยู่เป็นระยะ ระหว่างที่มาวินกำลังมึนงง เขาก็ได้ยินเสียงเด็กสาวที่ห้าวใหญ่และคุ้นเคย
“ ตื่นแล้วหรือ ”
มาวินหันมองตามเสียง ดวงตาเรียวยาวเบิกโพลงขึ้นมาแวบนึงด้วยความตกใจ ปฏิกิริยาต่อมาคือการกะพริบตาถี่ๆ เพื่อเช็คดูว่าตาฝาดหรือประสาทหลอนไปเองหรือไม่ เพราะเจ้าของเสียงที่เด็กหนุ่มได้เห็นนั้นก็คือ………จัน
“ เธอมาที่โลกนี้ได้ยังไง จัน ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ