The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) เพื่อนร่วมทาง(อาจารย์)คนแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://www.pexels.com/th-th/photo/213950/

      

       บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงัน ทั้งสองสบตากัน พวกเขาดูสงสัยและสับสน สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเด็กสาวปริศนาที่กล่าวปฏิเสธ

 

“ ชั้นไม่ได้ชื่อ “จัน” นายจำคนผิดแล้ว ” 

         

 

       พอได้ยินคำตอบ มาวินก็เริ่มขบคิด แม้เด็กสาวนางนี้จะมีใบหน้าที่คล้ายจัน แต่ชุดกังฟูแดงลายมังกรทองที่สวมใส่ ไม่น่าจะเป็นการแต่งกายปกติของผู้คนบนโลกที่จากมา นั่นก็แปลว่า....เขายังอยู่ใน The Dark World

 

“ เฮ้อ..... นั่นสินะ ไม่น่าใช่อยู่แล้ว จันมาที่นี่ไม่ได้อย่างแน่นอน ”  

        

 

        ความเงียบเข้าปกคลุมสภาวการณ์อีกครั้ง แต่ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ทำลายมันด้วยการกล่าวเนือยๆ

 

“ จำได้ว่า....ชั้นโดนอัดจนสลบอยู่ในเมือง เธอเป็นคนช่วยชั้นรึ ”  

 

“ ใช่ นายสลบไปเกือบวัน กินไอ้นี่ซะหน่อยสิ ” เด็กสาวตอบ พลางโยนโคนขาสัตว์ท่อนเขื่องที่ผ่านการย่างไฟมาให้

        

 

       เด็กหนุ่มเหลือบมองสภาพของมันแวบหนึ่ง จากนั้นก็ซัดเนื้อย่างอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ถามซักคำว่ามันมาจากสัตว์อะไร จะว่าไปนี่นับว่าเป็นอาหารรสเลิศที่สุดในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา 

        

 

       ระหว่างที่เด็กหนุ่มหัวเขียวต่อชีวิตด้วยอาหารอยู่นั้น เด็กสาวปริศนาก็เอ่ยถามเรียบๆด้วยท่าทีไร้อารมณ์ 

 

“ แล้วนายจะทำยังไงต่อ ” 

        

 

        มาวินเหลือบมองคู่สนทนาแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับเบาๆ

 

“ ทำตามแผนเดิม นั่นก็คือ.....หาทางกลับบ้าน ” 

 

“ กลับไปหา “จัน” คนรักของนาย ใช่มั้ย ” เด็กสาวปริศนาถามต่อ 

        

 

       มาวินสะดุ้งโหยงราวกับโดนไฟซ็อต ประกายตาแวววาวที่หลากหลายอารมณ์ถูกส่งไปยังดวงตาคมกร้าวของเด็กสาวปริศนา โดยมีกองไฟขวางกั้น ทั้งคู่ประสานตากันนิ่งๆ ไม่นานเด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายหลบหลีก

 

“ จันเป็นแค่เพื่อนของชั้น ” 

        

 

        เด็กสาวปริศนามองมาวิน ใบหน้าของสาวร่างสูงนิ่งขรึมและเรียบเฉยจนไม่อาจคาดเดาอารมณ์ เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ถามต่อ 

 

“ แล้วนายจะกลับไปหาเพื่อนได้ยังไง ” 

      

 

        มาวินนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขากำลังชั่งใจว่าจะเล่าแผนการของตัวเองดีมั้ย ในที่สุดก็เฉลย เพราะคิดว่า....ถึงเด็กสาวนางนี้รู้ไป ก็ไม่น่ามีผลอะไร 

 

“ ระหว่างที่อยู่ในเมือง ชั้นได้ยินชาวบ้านพูด....ที่ตอนกลางของทวีป มีดินแดนหนึ่งชื่อว่า “แคว้นเยอมาเนีย” ที่นั่นเป็นสถานที่ที่มีวิทยาการสูงสุด อาจทำให้ชั้นกลับบ้านเกิดได้ เลยต้องขอทานเก็บเงิน เพื่อใช้เป็นค่าเดินทาง ” 

 

“ ฮะๆ ” เด็กสาวปริศนาหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“ หัวเราะอะไร ” เด็กหนุ่มถามห้วนๆ สีหน้าดูขุ่นเคือง 

 

“ ก็หัวเราะในความไร้เดียงสาของนายน่ะสิ คิดว่าสิ่งที่ทำ มันง่ายขนาดนั้นเลยรึ ” เด็กสาวชี้แจงช้าๆชัดๆอย่างใจเย็น 

 

“ มันยากยังไง ” เด็กหนุ่มพยายามถามอย่างใจเย็นเช่นกัน แต่น้ำเสียงที่พ่นออกมาดูคล้ายการตะคอกซะมากกว่า 

 

“ ประการแรก เศษเงินอันน้อยนิดที่ได้จากการขอทาน มันจะช่วยให้ถึงจุดหมายได้เร็วแค่ไหน มีวิธีหาเงินที่มากกว่านั้นเช่น.....รับภารกิจจากหัวหน้าชุมชน ชนะการประลองหรือการแข่งขันต่างๆนาๆ ถ้ามีฝีมือเฉพาะทางที่ฉกาจ ก็สามารถสร้างผลงานระดับมาสเตอร์ออกมาขาย ” เด็กสาวปริศนาร่ายยาวถึงวิธีการหาเงิน

 

“ เออ ก็ใช่ แต่เมื่อดูจากสภาพที่เป็น เธอคงรู้แล้วว่าชั้นไม่มีความสามารถใดๆที่จะหาเงินด้วยวิธีที่เพิ่งพล่ามออกมา ” มาวินตอบกลับเสียงแข็ง 

 

“ อืม..... เรื่องนี้ก็พอรู้ เพราะถ้ามีความสามารถอยู่บ้าง นายคงไม่ต้องมานั่งขอทานแลกเศษเงินหรอก จะว่าไปมันก็ยังมีเหตุผลอื่นที่ทำให้นายไปไม่ถึงแคว้นเยอมาเนีย "

 

" อะไร " มาวินถามห้วนๆสั้นๆ ท่าทีไม่พอใจ

 

" ข้อแรกคือ......ตลอดการเดินทางที่ยาวไกล นายจะพบกับภยันตรายมากมาย นอกจากนี้อาจต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์หรือศัตรูระดับสูง ” เด็กสาวอธิบายต่อ เธอจงใจเน้นว่า “มอนสเตอร์หรือศัตรูระดับสูง” 

         

 

        คราวนี้มาวินถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอหลายเฮือกใหญ่ เขาเองก็พอรู้เหตุผลข้อนี้อยู่บ้าง  

         

 

         เมื่อเห็นมาวินเงียบไป เด็กสาวปริศนาก็เว้นช่วงนิดนึง จากนั้นก็เริ่มอธิบายต่อ 

 

“ ด้วยความที่ไม่มีทักษะอะไร แถมระดับพลังก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะรอดชีวิตจนถึงแคว้นเยอมาเนีย ” 

          

 

         หลังอธิบายจบ เด็กหนุ่มก็ถึงกับเงียบกริบ เพราะสิ่งที่เด็กสาวพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการ ทว่าสาวน้อยหน้าเข้มยังคงกล่าวต่อ

 

“ ส่วนเหตุผลข้อที่สองก็คือ......นายไม่รู้เส้นทาง ” 

 

“ เฮ้อ.....เรื่องที่พูดมาเป็นความจริงทั้งหมด แต่ชั้นไม่มีทางเลือก ถึงยังไง ก็ต้องไปแคว้นเยอมาเนียให้ได้ เพราะที่นั่นน่าจะเป็นเมืองเดียวในโลกที่สามารถส่งชั้นกลับบ้านได้ ” มาวินถอนหายใจ พลางตอบกลับมาด้วยท่าทางที่เด็ดเดี่ยว ทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับแผ่วเบา คล้ายคนที่ขาดความมั่นใจอย่างรุนแรง 

 

“ สรุป....นายคิดเดินทางต่อ แม้ว่าจะตาย อย่างงั้นหรือ ” เด็กสาวย้อนถามเสียงเข้ม ดวงตาคมกร้าวจับจ้องมาที่มาวินแน่วนิ่ง ทำให้เด็กหนุ่มต้องเบือนหน้าหนี เพราะยิ่งมองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เขานึกถึง “จัน” มากขึ้นเท่านั้น 

 

“ ใช่ ชั้นไม่มีทางเลือก ” เด็กหนุ่มตอบกลับ ทั้งที่หันหน้าไปทางอื่น 

       

 

        เด็กสาวปริศนายังคงจ้องมองไม่วางตา คล้ายว่ากำลังใคร่ครวญถึงบางสิ่งอย่างหนักหน่วง เวลาต่อมาเธอก็เสนอตัว

 

“ เอาล่ะ ชั้นจะช่วยนาย ” 

 

“ หา..... ช่วยชั้น ช่วยยังไง ” เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก ภายในใจแอบคิด “ยัยนี่เพี้ยนหรือเปล่า ไม่รู้จักกันซักหน่อย จะมาช่วยกันทำไม” 

 

“ ปกติชั้นไม่ชอบอยู่ร่วมกับใคร แต่ครั้งนี้คงต้องยกเว้น ชั้นจะอยู่ เพื่อฝึกวิชาให้นายเป็นเวลาหนึ่งเดือน ตกลงตามนี้ ” เด็กสาวปริศนาพูดเองเออเอง ทำให้มาวินถึงกับเอ๋อรับประทาน

          

 

        มาวินอึ้งอยู่พักใหญ่ ก็สามารถดึงสติกลับมาและตอบตกลงกับตัวเอง

 

“ เออ… เอาก็เอาฟะ ถึงยังไง เราก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ”          

         

 

        สองหนุ่มสาวต่างพากันเงียบ พวกเขาไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด เมื่อเวลาล่วงไปถึงดึกสงัด ความง่วงก็เข้ามาเยือนมโนจิต ทำให้ทั้งสองเข้าสู่นิทรารมย์อย่างง่ายดาย โดยมีเสียงจิ้งหรีด เรไร คอยขับกล่อมอยู่รอบตัว 

 

……………………………………………….

          

        ทันทีที่แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องลงสู่พื้นโลก มาวินก็รู้สึกตัวตื่นในทันที ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนนอนตื่นเช้าอะไรหรอก แต่เป็นเพราะเท้าหนักๆที่ฟาดเข้ามายังก้นแบบเต็มแรงต่างหาก เด็กหนุ่มเหลือบมองบุคคลที่ปลุกด้วยวิธีพิสดาร ก็พบว่าคนๆนั้นคือ.....เด็กสาวปริศนานั่นเอง 

 

“ เตะทำไมฟะ ชั้นกำลังหลับสบายอยู่เลย ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาโวยวาย 

 

“ ตื่นได้แล้ว จะฝึกมั้ย มีเวลาเหลืออีกแค่เดือนเดียว ” เด็กสาวถามเสียงแข็ง สีหน้าเครียดขึ้ง 

 

“ ฝึกจ้า ฝึก เหอๆ ” เมื่อเจอคนจริงแบบนี้ มาวินก็ถึงกับหือไม่ออก 

 

……………………………………………….

        

        เด็กสาวปริศนาพามาวินลัดเลาะไปตามทาง เวลาผ่านไป 10 นาที เธอก็พาเด็กหนุ่มมาถึงน้ำตกแห่งหนึ่ง 

        

 

        น้ำตกแห่งนี้สูงประมาณตึกสิบชั้น ตลอดสายน้ำที่หลั่งไหลลงมามีโขดหินทับซ้อนกันอย่างบรรจง พื้นเบื้องล่างมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่รองรับ น้ำในแอ่งนั้นดูใสสะอาดจนเห็นพื้นทรายอย่างชัดเจน ทุกสิ่งดูวิจิตรสวยงามราวเทพสรรค์สร้าง ถ้าไม่ติดภารกิจฝึกวิชา มาวินคงแก้ผ้าโดดน้ำเล่นไปแล้ว 

 

“ ว้าว..... สวยจังเลย เธอเป็นคนเมืองนี้หรือ รู้ทางดีจริงๆ ” มาวินถาม 

 

“ ไม่หรอก ชั้นมาเจอที่นี่เมื่ออาทิตย์ก่อน แต่อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้เลย เริ่มฝึกวิชาได้แล้ว ” เด็กสาวตัดบท 

 

“ มาสิ รออยู่เลย ท่านอาจารย์ ” มาวินกล่าวสัพยอก พลางส่งยิ้มกวนๆ หลังกินอิ่มนอนหลับเพียงคืนเดียว ก็ทำให้ความเกรียนกลับมา

 

“ ขั้นแรก ให้นายเข้ามาซัดชั้น ” เด็กสาวกล่าวเรียบๆ นับว่าเป็นการเริ่มฝึกที่แปลกประหลาด 

 

“ หา.......ให้ชั้นอัดเธอ ” เด็กหนุ่มอุทาน พลางอ้าปากค้าง 

 

“ ใช่ เข้ามาอัดให้สุดแรงเลย ชั้นอยากดูฝีมือของนาย ” เด็กสาวชี้แจง พร้อมย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อตั้งท่าต่อสู้ 

 

“ ก็ได้ ชั้นจะแสดงฝีมืออันเลิศเลอให้ดู รับรองว่าเธอต้องอึ้งอย่างแน่นอน ฮะๆ ” เด็กหนุ่มกอดอกหัวเราะเบาๆ พร้อมเริ่มคุยโม้โอ้อวด แต่ไม่ทันจะฟุ้งต่อ ก็เกิดเหตุบางอย่าง

 

“ พลั้ก ”

 

" โอ๊ย "  

          

 

        เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของมาวิน แน่นอนมันมาจากการพุ่งเข้ามาต่อยขวาตรงของเด็กสาวปริศนา กำปั้นกระแทกเข้าไปที่ดั้งจมูกจนทำให้เด็กหนุ่มถึงกับหน้าย่นและเซถอยหลังไปเล็กน้อย 

 

“ ติดประมาท ไม่ระวังคู่ต่อสู้ ถ้าเจอศัตรูระดับสูง นายตายไปแล้วหนึ่งครั้ง ” เสียงของเด็กสาวแผ่วเบา แต่ก็เฉียบขาดอยู่ในที 

 

“ หน็อย.... ยัยบ้านี่ ” มาวินเริ่มยั้ว เขาจึงพุ่งเข้าไปรัวหมัดใส่ด้วยกระบวนท่าที่ดูสะเปะสะปะ       

       

 

       เด็กสาวปริศนาโชว์ความพลิ้วด้วยการโยกหลบหมัดที่ปล่อยออกมามั่วๆอย่างง่ายดาย ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าขาของเธอไม่ได้ขยับจากจุดที่ยืนเลยแม้แต่น้อย 

 

“ การโจมตีมั่วซั่ว ไร้จุดหมาย ไร้กระบวนท่าและไร้ความคิด ” เด็กสาวตำหนิไป หลบไป 

 

“ หน็อยแน่.....นี่ นี่ นี่ รับไป ” เด็กหนุ่มโหมสุดแรง เพื่อปล่อยหมัดถี่ยิบ คราวนี้มั่วหนักจนถึงขั้นหลับตาต่อย

 

“ ปึก ” 

     

 

        เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นมาอีกครั้ง มาวินลืมตา จึงพบว่าหมัดขวาที่เหวี่ยงออกไป ไม่ได้ปะทะเป้าหมาย แต่ถูกเด็กสาวจับไว้ต่างหาก 

 

“ ปล่อยๆ ” มาวินสะบัดมือ แต่กำปั้นกลับไม่หลุดจากอุ้งมือแกร่ง ราวกับว่ามือของทั้งคู่ถูกเชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกัน 

 

“ หน็อย..... ไม่ปล่อยใช่มั้ย นี่แน่ะ ” มาวินยิ่งสู้ยิ่งรน เขาใช้มืออีกข้างต่อยไปที่ใบหน้าของเด็กสาว 

 

“ ปึก ” 

       

 

         เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังต่อเนื่อง มือข้างนั้นได้ถูกเด็กสาวปริศนาคว้าจับอีกครั้ง 

 

“ ฮึ่ม..... ปล่อย ” เด็กหนุ่มพยายามดึงมือออก แต่ไร้ผล กำลังของเด็กสาวเหนือกว่าเขามาก 

 

“ อีกประการ ไร้กำลังโดยสิ้นเชิง ” เด็กสาวพูดจบ ก็ยกขาขึ้นสูงเหนือหัว จากนั้นเตะตวัดไปที่ใบหน้าของมาวิน

 

“ ปึก ปึก ปึก........ ” 

        

 

        เด็กสาวตวัดเตะอยู่สิบกว่าที โดยที่มาวินไม่สามารถหลบได้เลย เพราะมือทั้งสองถูกล็อกติดจนขยับไม่ออก พอสิ้นการเตะครั้งสุดท้าย เด็กหนุ่มก็ทรุดฮวบลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น ดวงตาเหม่อลอย 

 

“ อีกประการ ความอดทนของร่างกายก็ต่ำ แค่เตะเบาๆไม่กี่ที ก็ร่วงซะแล้ว ” เด็กสาวปริศนาเหลือบแลมาวินเล็กน้อย ก่อนแจงสรรพคุณที่อ่อนด้อยให้เด็กหนุ่มรับฟัง จากนั้นก็ปล่อยมือ 

       

 

        จังหวะที่เด็กสาวปล่อยมือ มาวินก็รีบสปริงกาย ถอยหลังออกมาตั้งหลักโดยเร็ว 

 

“ โอ้.... แต่ความเจ้าเล่ห์ นายผ่านนะ ” เด็กสาวปริศนากล่าวชม เธอยอมรับว่าตกใจเล็กๆที่เด็กหนุ่มใช้แผนหลอกให้คู่ต่อสู้หลงกลว่าตัวเองแย่ แล้วถอยหนี

 

“ แฮ่กๆ ” เด็กหนุ่มหอบเหนื่อย ใจจริงอยากโม้ต่อ แต่ก็พูดไม่ออก เพราะเมื่อกี้เขาเกือบสลบด้วยเพลงเท้าของเด็กสาว ขอเพียงโดนเตะแบบนั้นอีกซักสองสามที เป็นอันว่าหลับอย่างแน่นอน 

 

“ ยัยคนนี้ทั้งแข็งแกร่งและว่องไว เราเทียบไม่ติด จะทำยังไงดีนะ คิดสิ คิด ” ถึงตอนนี้มาวินเลิกโมโหแล้ว เลยทำให้ใคร่ครวญได้มากขึ้น เด็กหนุ่มไตร่ตรองอยู่ไม่นาน ก็นึกออก เขาจึงแสร้งกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจ 

 

“ เธอแข็งแกร่งกว่า ประสบการณ์สูงกว่า ฝีมือทักษะก็ดีกว่า แต่ด้านความเร็ว เธอไม่ชนะชั้นหรอก ”  

 

“ คิดอย่างนั้นจริงๆน่ะหรือ ไม่น่าเชื่อว่านายจะไม่รู้จักตัวเองถึงขนาดนี้ ” เด็กสาวตอบกลับ น้ำเสียงแฝงแววเย้ยหยัน 

 

“ ก็ลองพุ่งใส่กัน เพื่อวัดความเร็วดูสิ แล้วเธอจะรู้เอง ชั้นยังมีทีเด็ดซ่อนอยู่อีกเยอะ ” เด็กหนุ่มร้องท้าทาย พร้อมรอยยิ้มที่ไร้กังวล

 

“ ได้สิ ชั้นจะออมมือให้ เอาแค่จุกเท่านั้น เพราะถ้าแรงเกินไป อาจถึงขั้นสลบ จะเสียเวลาฝึกไปซะเปล่าๆ ” เด็กสาวพูด พลางย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อเตรียมโจมตี 

 

“ ได้เลย ชั้นจะนับ 1 2 3 พอถึง 3 ก็มาวัดกัน ” มาวินย่อตัวลงบ้าง เพื่อเตรียมพุ่งเข้าใส่ 

 

“ 1 ” 

       

 

        เด็กหนุ่มเว้นช่วงนิดหนึ่ง ก่อนจะนับต่อ 

 

“ 2 ” 

        

 

         ช่วงเวลานั้นมีแต่ความเงียบ ในหัวของพวกเขามีแต่คู่ต่อสู้เบื้องหน้า 

 

“ 3 ” 

        

 

         ทันทีที่สัญญาณนับสามดังขึ้น เด็กสาวก็พุ่งเข้าหามาวินด้วยความเร็วสูง เพื่อหวังตุ้ยท้องให้ลงไปนอนกองในหมัดเดียว ทว่าเกิดเหตุอัศจรรย์……จังหวะที่เข้าถึงตัว ร่างของเด็กหนุ่มก็พลันหายไป เหลือเพียงต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า 

 

“ เฮ้ย ” เด็กสาวตกใจ พลางเบรกตัวโก่ง

        

 

        ระหว่างที่เธอกำลังสงสัยว่าเด็กหนุ่มหายไปไหน ทางด้านซ้ายก็ปรากฏเงาร่างที่พุ่งเข้ามา เจ้าของร่างนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจาก "มาวิน"

       

 

         ปฏิกิริยาที่รวดเร็ว สั่งให้เด็กสาวหมุนตัวเตะใส่ร่างบางในทันที เท้าหนักๆกระแทกสีข้างของเด็กหนุ่ม

 

“ พลั๊ก ” 

        

 

         ความรุนแรงของเพลงเท้า ส่งผลให้มาวินลอยละลิ่วไปกลางอากาศราวสามเมตร จากนั้นก็ร่วงไถลไปกับพื้นอีกหลายตลบ 

 

“ อุ้บ อีกนิดเดียวเอง อู้ย...... ” เด็กหนุ่มนึกเสียดายที่ผิดแผนไปนิดเดียว 

         

 

         เด็กสาวปริศนามองมาวิน ประกายตาแฝงแววตระหนก ใจนึกหวาดหวั่น

 

“ เกือบไปแล้ว ในจังหวะสุดท้าย หมอนี่ไม่ชนตรงๆ แต่กลับหลบออกข้าง เพื่อหลอกให้เราพุ่งชนต้นไม้ หลังจากนั้นก็ตามเข้ามาอัดซ้ำ นี่ถ้าพุ่งสุดตัว ก็คงชนต้นไม้เต็มเปา แล้วก็เข้าแผนของมัน ถึงจะไม่เป็นมวย แต่ก็มีมันสมองในการอ่านเกม วิเคราะห์คู่ต่อสู้และวางแผน นับว่าเป็นคนที่น่ากลัวไม่ใช่น้อย ” 

 

“ เหอๆ ชั้นลงไปนอนจุกตามที่เธอคาดแล้ว ชั้นแพ้จริงๆ แล้วจะเอายังไงต่อ อู้ย..... ” มาวินพยายามฝืนกายลุกขึ้นยืน อาการจุกเสียดทำให้พูดไม่ค่อยออก

        

 

         เด็กสาวปรับอารมณ์ให้กลับเป็นปกติ จากนั้นก็ตอบเรียบๆว่า…….  

 

“ รู้ตัวก็ดีแล้ว เราจะได้เริ่มฝึกกันต่อ ” 

 

“ เริ่มฝึก..... ฝึกอะไรล่ะ ” มาวินทวนคำ 

 

“ ฝึกพื้นฐานกังฟูด้วยท่านั่งม้า ” เด็กสาวแจง 

 

“ หา..... ที่นี่มีม้าด้วยหรือ ” มาวินอ้าปากค้าง เขาดูตกใจมิใช่น้อย

 

“ อืม.... ก็ใช่น่ะสิ เลิกเยิ่นเย้อได้แล้ว ดูตัวอย่างให้ดี ” เด็กสาวปริศนาติดใจในคำพูดแปลกๆของมาวิน แต่เธอก็ตัดบทด้วยการย่อตัวลงต่ำ ท่วงท่าคล้ายการนั่งบนหลังม้า แต่เข่าที่ยื่นออกไปกลับตั้งตรง แขนทั้งสองข้างงอเข้ามาคล้ายท่าง้างหมัด เพียงแต่แนบกับลำตัว 

 

“ ว้าว......ท่าเท่อ่ะ ” เด็กหนุ่มอุทานดัง พร้อมยิ้มกว้าง ท่าทางดังกล่าวดูเจ๋งในสายตาของเขา 

 

“ เอ้า รีบทำตาม เร็วเข้า ” เด็กสาวร้องเร่ง 

 

“ โอเคเลย โคตรเท่อ่ะ ชักอยากฝึกแล้วสิ ” เด็กหนุ่มรีบทำตามในทันที 

 

“ อืม.... ดีมาก ” เด็กสาวเปลี่ยนมายืนตรง พร้อมกอดอก สายตาสำรวจท่านั่งม้าของเด็กหนุ่ม 

 

“ อ้าว.....แล้วไงต่อ ” มาวินถามต่อ 

 

“ ทำท่านี้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าชั้นจะสั่งให้พอ ” เด็กสาวตอบเรียบๆ สีหน้าเคร่งขรึมจนดูน่ากลัว 

 

“ อ้าว.....แล้วเธอไม่ฝึกหรือ ” มาวินไม่วายสงสัย 

 

“ นี่มันท่าพื้นฐานสำหรับพวกมือใหม่แบบนาย ชั้นไม่ต้องฝึก ” เด็กสาวบอกปัด เพราะรู้สึกรำคาญเล็กน้อย 

 

“ อ้อ แล้ว…” เด็กหนุ่มเตรียมเอ่ยปากถามต่อ 

 

“ ไม่ต้องพูดมาก ทำต่อไป ขืนพูดอีกที นายได้หลับตรงนี้แน่ ” เด็กสาวลั่นคำกร้าว พร้อมยกกำปั้นขึ้นขู่ ส่งผลให้ใบหน้าของมาวินซีดเผือด 

 

..............................……….

         

         เวลาผ่านไปสองชั่วโมง การทำท่านั่งม้าเป็นเวลานานๆ ทำให้มาวินรู้สึกเมื่อยขบ เหงื่อก็ไหลโทรมกาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะเอาชนะ ทำให้เด็กหนุ่มฝึกต่อโดยไม่ปริปากบ่น

         

 

         มาวินทำท่านั่งม้าหน้าน้ำตกใสไหลเย็นอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากเด็กสาวปริศนาได้ปลีกตัวไปที่อื่น ขณะที่พลังกายใกล้จะถึงขีดจำกัด ก็มีเสียงห้าวๆดังขึ้นที่ด้านหลัง

 

“ ดีมาก หยุดพักได้ ” 

 

“ เฮ้อ..... ” มาวินจดจำได้ว่าเจ้าของเสียงนี้คือเด็กสาวปริศนา เขาจึงเลิกตั้งท่า แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น จากนั้นก็นวดสองขาของตนเอง เพื่อคลายอาการเมื่อยขบ 

 

“ เป็นไงบ้าง ” เด็กสาวปริศนาเอ่ยถาม  

 

“ เมื่อยขาบรรลัยเลย ชั้นน่าจะค้างอยู่ในท่านี้ซักประมาณสองชั่วโมง นี่ก็แปลว่านักกังฟูคงมีขาที่แข็งแรงกันทุกคน ” เด็กหนุ่มก้มหน้าพูด มือยังคงนวดขาอย่างต่อเนื่อง 

 

“ คงงั้น นายกินไอ้นี่ก่อน พักซักครู่ เดี๋ยวเราจะฝึกกันต่อ ” เด็กสาวพูดจบ ก็โยนเนื้อที่ดูบางๆยาวๆให้เด็กหนุ่ม 

 

“ เฮ้ย อะไรเนี่ย ” พอมาวินสัมผัสสิ่งที่เด็กสาวโยนให้ เขาก็ตกใจจนร้องเสียงหลง แต่เมื่อมองให้ชัด ก็พบว่ามันคือ.....ปลาตัวเขื่องที่มีหน้าตาประหลาด ใบหน้าปูดโปนผิดรูปจนดูน่าเกลียด แต่ก็ผ่านการย่างไฟจนส่งกลิ่นหอมชวนกิน

 

“ ถ้าจะโวยว่าไม่อร่อยหรือเลือกกิน ก็ต้องอดไปตามระเบียบ เพราะของกินที่หาได้ในตอนเช้ามีแค่นั้น อ้าว..... เฮ้ย ” เด็กสาวปริศนานึกว่ามาวินจะเรื่องมาก ที่ไหนได้ พอหันไปอีกที เด็กหนุ่มก็สวาปามปลาตัวนั้นอย่างรวดเร็วจนมันหายไปครึ่งตัว

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา