The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  168.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ธาตุแท้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://pixabay.com

 

         

       ตะวันฉายสาดแสงส่องไปทั่วเมืองขนาดย่อม ชาวบ้านต่างพากันตื่นนอนขึ้นมาประกอบกิจยามเช้า หลายคนเตรียมตั้งร้าน เพื่อรอรับลูกค้าที่จะเข้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง  

        

 

       เถ้าแก่ร่างอ้วนวัยกลางคน ลุกขึ้นจากเตียงนอน เพื่อปลดกลอนประตูและเตรียมจัดหน้าร้านบะหมี่น้ำเล็กๆ

        

 

        ทันทีที่เถ้าแก่เปิดประตูขึ้น เขาก็ผวาเฮือกใหญ่ สิ่งที่ปรากฏในคลองจักษ์ก็คือ…….เด็กหนุ่มวัยรุ่นร่างเล็กนายหนึ่ง โครงหน้าซูบผอม ทั่วทั้งกายขะมุกขะมอม เพราะไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน หัวเขียวยุ่งเหยิงเป็นกระเซิงคล้ายคนสติไม่สมประกอบ ชุดนักสู้ที่สวมใส่ก็ดูซอมซ่อ สกปรก สารรูปโดยรวมไม่ต่างจากขอทาน แน่นอนว่าคนผู้นี้มีนามกรว่า “มาวิน” 

 

“ ไอ่หย้า ลื้ออีกแล้ว ถึงอั้วจะเจอลื้อที่หน้าร้านทุกวัน แต่ก็ยังตกใจสารรูปของลื้ออยู่ดี วันนี้มีอะไรมาแลกล่ะ ” เถ้าแก่สอบถาม 

 

“ มีลูกแก้ว 25 ลูก ” เด็กหนุ่มร่างผอมตอบห้วนๆ พลางยื่นถุงกระดาษเก่าๆให้ 

 

“ อืม..... โอเค เอาเหมือนเดิมใช่มั้ย รอเดี๋ยวนะ ” เถ้าแก่สำรวจสิ่งที่อยู่ในถุงกระดาษ พอเห็นว่าในนั้นมีของครบ เขาจึงบอกให้เด็กหนุ่มหยุดรอบางสิ่ง

        

 

       เจ้าของร้านเลือดมังกรรีบรุดเข้าไปค้นหาบางอย่างที่หลังร้าน เขาหายไปชั่วครู่ ก็กลับมาหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง มือขวาหิ้วถุงกระดาษใบย่อม มือซ้ายหิ้วถุงน้ำร้อนที่เตรียมทำน้ำซุป พอยื่นของทั้งหมดให้มาวิน เถ้าแก่ร่างอ้วนก็กล่าวเสียงระรื่น

 

“ ดีมาก วันหลังมาแลกของกันอีกนะ ปกติแล้วกระดูกหมูพวกนี้ ไม่เป็นที่ต้องการของใคร แต่ลื้อดันเอาของมาแลก ถึงจะเป็นแค่ลูกแก้วที่มีราคา 1 ทองแดง ก็ยังดีกว่าทิ้งไปโดยไม่ได้อะไรเลย ” 

        

 

        มาวินไม่ได้โต้ตอบแต่ประการใด เด็กหนุ่มรับสิ่งของแล้วเดินจากไป ดูเหมือนเขาจะขรึมลงถนัดตา ความตรากตรำ ทุกข์ยากและความเศร้าโศกที่ต้องจากบ้าน ได้ทำลายอารมณ์ขันและรอยยิ้มไปจนหมดสิ้น 

        

 

        มาวินเดินผ่านผู้คนที่สัญจรไปมา ทุกสายตาที่เหลือบมอง ต่างปรากฏแววสมเพชเวทนา หรือไม่ก็ดูแคลน เนื่องจากสภาพของเด็กหนุ่มในตอนนี้ทั้งโทรมและสกปรกยิ่งกว่าสุนัขจรจัด  

        

 

        มาวินรู้ดีว่าคนรอบข้างรู้สึกยังไง แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะในโลกนี้เขาเปรียบเสมือนคนไร้ความสามารถ ไม่มีทักษะอะไรที่จะใช้ประกอบอาชีพ

        

 

       เด็กหนุ่มจะออกนอกเมืองไปตอนกลางคืน เพื่อฉะกับเหล่าสไลม์ พอชนะ ก็เอาลูกแก้วที่ดรอปจากพวกมันมาแลกกระดูกหมูที่ร้านบะหมี่ของเถ้าแก่ จากนั้นก็นำมาบดเป็นผง แล้วเทใส่ถ้วยกระดำกระด่าง ปิดท้ายด้วยการราดน้ำซุปร้อนลงไป นี่คือมื้อเช้าของเขา 

        

 

        ต่อมาเด็กหนุ่มก็ดับกระหายกับน้ำในรางสกปรกที่โรงเลี้ยงม้า พอถึงช่วงกลางวัน ก็ออกมานั่งขอทานที่ใจกลางเมือง แน่นอนรายได้ในแต่ละวัน เพียงพอให้หาของกินได้ดีกว่าน้ำในโรงเลี้ยงม้าและน้ำซุปกระดูกหมู แต่มาวินกลับเก็บทุกเหรียญเอาไว้ เหมือนว่าเขาจะมีเป้าหมายบางอย่างซุกซ่อนอยู่

        

 

        ในวันนี้มาวินก็ปฏิบัติตนเฉกเช่นทุกวัน นั่นก็คือทำน้ำซุปกระดูกหมู เพื่อกินยังชีพ และเร่ขอทานที่ตลาดใจกลางเมือง แต่บางครั้งก็มีอุปสรรค ด้วยความสกปรกของร่างกาย จึงทำให้เจ้าของร้านหลายรายไล่ตะเพิดในทันที เด็กหนุ่มจึงต้องเร่ไปเร่มา พร้อมส่งเสียงแหบแห้ง เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ 

 

“ ขอเศษเงินให้คนยากไร้ด้วยครับ ” 

        

 

        วันนี้ก็รายได้ดีเช่นเดิม เด็กหนุ่มซ่อนยิ้มไว้ภายใน หัวสมองพยายามคิดคำนวณว่าต้องทำแบบนี้ไปอีกซักกี่วัน จึงจะสำเร็จตามประสงค์ 

        

 

        ระหว่างที่มาวินกำลังเพลิดเพลินกับอาชีพใหม่ ประสาทหูที่ว่องไวก็ได้ยินเสียงโวยวายของชายผู้หนึ่ง กระแสนั้นทั้งแหบห้าวและระคายหูจนแทบฟังไม่ได้ 

 

“ เฮ้ย ของวันนั้นก็ส่วนของวันนั้น วันนี้ก็ส่วนของวันนี้ อย่ามาโยกโย้ รีบจ่ายมาซะดีๆ ยายแก่ ” 

          

 

        หลังจากมาวินอยู่ในโลก The Dark World ได้อาทิตย์หนึ่ง เขาก็พอทราบความเป็นมาของเมือง โดยอาศัยการแอบฟังทุกเรื่องราวที่ชาวบ้านพูดคุยกัน 

         

 

        เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะใหญ่ทางใต้ มันเป็นสถานที่ลงทะเบียนประชากรใหม่ของโลก ดังนั้นทุกๆปีจะมีคนผ่านเข้าออกเป็นจำนวนมาก คนที่มาส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกอาชีพระดับหนึ่ง หรือไม่ก็พวกเด็กๆที่มาลงทะเบียนประชากรแต่เนิ่นๆ เพื่อความก้าวหน้าในอนาคต        

            

 

        ด้วยความที่คนเข้าออกเป็นเพียงเด็กน้อยหรือไม่ก็พวกเลเวลต่ำๆ ระบบการรักษาความปลอดภัยก็เลยอยู่ในระดับต่ำตามๆกัน เพราะไม่ว่ามองมุมไหน เมืองนี้ก็ไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์สำคัญ มันเป็นแค่เมืองทางผ่านที่คนทั่วโลกแวะเวียนมาลงทะเบียนแล้วก็จากไป เหตุนี้เองจึงทำให้เกิดขาใหญ่

         

 

        ขาใหญ่ของเมืองมีชื่อว่า "กาสเซ่ ฟรานโนยี่" อาชีพอันธพาลซึ่งถือเป็นอาชีพขั้น 2 ของสายนักสู้ เจ้าหมอนี่เป็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ ผิวดำแดง ผมสั้นเกรียน ขนดก โครงหน้ากว้าง กรามใหญ่บ่งบอกถึงอารมณ์เถื่อน

        

 

         อันธพาลร่างยักษ์ผู้นี้มีลูกสมุนอยู่สองคน คนหนึ่งมีนามว่า ปารุสซี่ เขามีรูปร่างผอมสูง ท่าทางขี้โรค แถมดูวิตกจริตเล็กน้อย  ส่วนอีกคนมีนามว่า เปรุสซี่ คนนี้จะมีลักษณะอ้วนล่ำและดูจะเอ๋ออยู่นิดๆ 

        

 

        ทั้งสามร่วมกันตั้งแก๊งที่ชื่อว่า "กอริลลา" หน้าที่หลักๆก็คือรีดไถเงินจากพ่อค้าหรือชาวบ้านที่ดูอ่อนแอและยากจน เพราะชนเหล่านี้ไม่มีกำลังและอิทธิพลมากพอจะต้านทาน 

          

 

        ครั้งนี้ก็เหมือนกัน กาสเซ่และเหล่าลูกสมุนกำลังยืนล้อมรอบเหยื่อตัวน้อย บุคคลผู้น่าสงสารก็คือหญิงชราในชุดเสื้อคลุมสีขมุกขมัว ซึ่งขณะนี้ยืนตัวสั่นงันงกราวกับลูกนกตกน้ำ มีชาวบ้านมุงดูอยู่มากมาย แต่ไม่มีซักคนที่จะก้าวเข้ามาช่วยเหลือ

 

“ เชอะ ไม่ว่าโลกนี้หรือโลกของชั้น มันก็ตัวใครตัวมันทั้งนั้นแหละ เธอซวยแล้ว ยายแก่เอ๋ย ” มาวินเหลือบมองเหตุการณ์เพียงแวบเดียว จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในกลุ่มคน ท่าทีเมินเฉย ก็แหงล่ะใครจะอยากหาเหามาใส่หัว 

         

 

         กาสเซ่ ซ่อนร่างใหญ่โตในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนกุดแบบรัดรูป อันเผยให้เห็นกล้ามเนื้อปูดโปนอย่างชัดเจน ส่วนช่วงล่างสวมกางเกงยีนส์ขาดเก่า ซึ่งเจ้าตัวคิดว่ามันเท่ แน่นอนลูกน้องอ้วนผอมที่ขนาบซ้ายขวาก็อยู่ในยูนิฟอร์มเดียวกัน ใบหน้าของพวกมันล้วนบูดเบี้ยว เหยเกด้วยความโกรธเกรี้ยว คล้ายกับสุนัขบูลด็อกที่อดอาหารมาแรมเดือน

 

“ ว่าไง ยายแก่ ตกลงแกจะให้ส่วนแบ่งของอาทิตย์นี้ได้หรือยัง จะได้ไม่มีใครเจ็บตัว ” กาสเซ่ตะคอกเสียงดังจนหญิงชราสะดุ้งโหยง 

 

“ คุณกาสเซ่คะ แผงขายผักที่เปิด มีปัญหาค่ะ ชั้นเลยค้าขายไม่ได้ ขอยกเว้นค่าคุ้มครองในครั้งนี้ไปก่อนนะคะ ” หญิงชราพยายามอ้อนวอน 

 

“ คุณยายอ้างแบบนี้ พวกผมก็เดือดร้อนสิ ถ้าคนอื่นอ้างแบบนี้กันหมด แล้วพวกผมจะเก็บเงินจากใครได้ล่ะคร้าบ...... ” สมุนร่างผอมตอบกวนๆ

 

“ ชะ……ใช่……ละ…….แล้ว พะ…..พวกเราคือแก๊งๆ แก๊งเราชื่ออะไรนะ ลูกพี่ ” สมุนร่างอ้วนเป็นฝ่ายพูดบ้าง แต่ไม่จบประโยค เพราะดันลืมชื่อแก๊งของตัวเองซะก่อน

 

“ ไอ้อ้วนเอ๋อ ถ้ามันลำบากนัก เอ็งก็ไม่ต้องพูดก็ได้ แค่ยืนขู่ยายแก่อย่างเดียวก็พอ ” กาสเซ่เกาหัวแกรกๆ เขาระอากับความปัญญาอ่อนของสมุนร่างอ้วนเป็นอย่างยิ่ง

 

“ คะ…..ครับ ลูกน้อง เฮ้ย พูดผิด ลูกพี่ ” อ้วนเอ๋อ เปรุสซี่พูดติดขัด แถมยังพูดผิดพูดถูกอีกต่างหาก ซึ่งถ้าใครไม่รู้นิสัย ก็อาจจะนึกว่าหมอนี่คงอยากเป็นหัวหน้าแก๊ง

 

“ เอาล่ะ มาต่อเรื่องของเรากันดีกว่า คราวนี้เรายกเว้นส่วยให้ก็ได้ ” กาสเซ่หันกลับมาสนใจหญิงชรา

 

“ ขอบคุณท่านมากเลยค่า...... ” หญิงชราร้องบอกละล่ำละลัก ท่าทางดีใจสุดชีวิต

 

“ แต่แกต้องส่งของมีค่าให้พวกชั้นแทน เอามาเลย อะไรก็ได้ ” กาสเซ่ต่ออีกคำ น้ำเสียงและท่าทางแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมและดุดัน 

 

“เอ่อ…..อิชั้นเป็นคนจน ไม่มีของมีค่าอะไรหรอกค่ะ  ” หญิงชราเกิดอาการจิตตกในทันที ปากก็เริ่มวิงวอนขอร้องด้วยท่าทางที่ดูน่าสงสาร 

 

“ ไม่เชื่อ ไอ้อ้วน ไอ้ผอม พวกเอ็งไปค้นตัวมันดูซิวะ ” กาสเซ่ตะคอกเสียงดังลั่น

 

“ ครับ ลูกพี่ ” ทั้งสองรับคำ พร้อมเข้าไปค้นตัวหญิงชรา

          

 

         ขณะที่สมุนทั้งสองกำลังปฏิบัติตามคำสั่ง ก็มีก้อนหินขนาดเท่าฝ่ามือปลิวมาโดนท้ายทอยของกาสเซ่อย่างรุนแรง

 

“ เปรี้ยง ”

 

“ โอ๊ย…..ใครปาหินใส่ข้าวะ ” กาสเซ่คำรามดัง มือหยาบใหญ่กุมท้ายทอย ใบหน้าถมึงทึงด้วยความอาฆาตแค้นที่กำลังทะลัก 

 

“ ใครกล้าทำหัวหน้าแก๊งกอริลลาของพวกเรา ” สมุนทั้งสองผละจากหญิงชราในทันที เพื่อตามหามือดีที่บังอาจขว้างหินก้อนนั้น

          

 

          ทันใดนั้นเอง ก้อนหินลูกต่อมาก็ปลิวมาโดนขมับของไอ้อ้วนเอ๋อ

 

“ เปรี้ยง ”

 

“ โอ๊ย ” อ้วนเอ๋อร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด จากนั้นมันก็ทรุดกายลงกุมขมับ

 

“ เฮ้ย แน่จริงปรากฏตัวออกมาสิว่ะ ” สมุนร่างผอมตวาดมั่ง พอสิ้นคำ ก้อนหินขนาดฝ่ามือก็พุ่งเข้ามาปะทะหน้าผากเต็มแรง ส่งผลให้ล้มคว่ำในทันที 

 

“ อุ้ย..... ใครขว้างวะ แม่นชะมัด เข้าหน้าผากตูเต็มๆเลย ” สมุนร่างผอมร้องโอดโอย 

         

 

        ชาวแก๊งกอริลลาเหลียวซ้ายแลขวา เพื่อหาตัวมือดีที่บังอาจขว้างหิน ทันใดนั้นเองก็มีเด็กหนุ่มร่างเล็กพุ่งทะยานออกมาจากฝูงชน เขาตรงเข้าไปคว้าตัวหญิงชรา จากนั้นก็จับร่างเล็กบางให้ขึ้นไปขี่หลัง แล้ววิ่งออกจากจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว 

 

“ เฮ้ย มันอยู่นั่น ต้องเป็นมือดีที่ขว้างหินแน่ รีบตามไป เร็ว ” กาสเซ่พูดจบ ก็นำลูกสมุนวิ่งตามเหยื่อ 

         

 

        แม้กาสเซ่และลูกสมุนจะวิ่งตามสุดกำลัง แต่ฝ่ายที่หนีนั้นมีฝีเท้าที่ว่องไว พวกเขาจึงไล่ไม่ทัน ส่งผลให้ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายมีมากขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำเด็กหนุ่มร่างเล็กยังพยายามแปรเปลี่ยนเส้นทางไปตามตรอกซอกซอย ทำให้การล่าดูจะลำบากมากขึ้น 

         

 

        ทีแรกกาสเซ่และพวกรู้สึกตกใจในฝีเท้าที่ว่องไว ทั้งที่แบกหญิงชราไว้หนึ่งคน เด็กหนุ่มก็ยังวิ่งเร็วชนิดที่ชาวแก๊งไม่อาจตามทัน ถ้าเปลี่ยนให้วิ่งตัวเปล่า มีหวังหายลับจนมองไม่เห็นฝุ่น แต่พอเวลาผ่านไปได้ 5 นาที เหล่ามิจฉาชีพก็รู้สึกว่าความเร็วของผู้ถูกล่าเริ่มตกลง ในที่สุดพวกมันก็ตามทันและปิดล้อมเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

         

 

         บัดนี้ผู้ล่าทั้งหลายทราบแล้วว่ามือดีที่กล้าเข้ามาสอดก็คือ เด็กหนุ่มหัวเขียวผู้มีสารรูปขะมุกขะมอมคล้ายขอทาน เขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก “มาวิน” 

 

“ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก…… ” เด็กหนุ่มยืนหอบตัวโยน ท่าทางหมดแรง 

 

“ ไง ไอ้เด็กน้อยขอทาน เอ็งนี่กล้าจริงๆ คิดพายายแก่หนี นึกว่าตัวเองเป็นพระเอกอยู่หรือไง ” กาสเซ่ขู่ตะคอก 

         

 

        เด็กหนุ่มนิ่งขรึม สายตาเหลือบแลซ้ายขวา เพื่อมองหาทางรอด ในใจนึกเสียดาย ถ้าเขาวิ่งตัวเปล่าหรือไม่หมดแรงซะก่อน ก็คงหนีพวกนี้พ้น 

 

“ พ่อหนู ขอบใจมากนะที่ช่วยยาย พ่อหนูไปเถอะ ยายจะขอร้องเจ้าพวกนี้เอง ” หญิงชราเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง ทำให้มาวินต้องหันกลับมามอง แววตาของผู้อาวุโสเปล่งประกายซาบซึ้งใจ 

        

 

        มาวินนิ่งไปอึดใจ เขาวางหญิงชราลงบนพื้น จากนั้นก็หันมาประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ ดวงตาสดใสดูแน่วแน่ ส่งผลให้กาสเซ่ตะคอกใส่อีกวาระ

 

“ ไอ้หนูขอทาน เอ็งบ้าเปล่าที่กล้ามาเผชิญหน้ากับพวกข้า แถมยังทำหน้าแบบนั้นอีก ไม่เคยตายหรือไงฟะ ”

          

 

         มาวินยังคงตีหน้าขรึม แต่ปากกลับพูดขึ้นมาเบาๆ เพื่อหวังให้หญิงชราที่ยืนอยู่ด้านหลังได้ยินเพียงคนเดียว 

 

“ ชั้นจะหลอกล่อพวกมันเอง พอไอ้สามตัวรุมมาที่ชั้น ยายรีบหนีไปเลยนะ ” 

 

“ แล้วเธอจะทำยังไงต่อล่ะ พ่อหนู ” หญิงชราถาม น้ำเสียงฟังดูห่วงใย 

 

“ นั่นมันเรื่องของชั้น ยายไม่ต้องยุ่ง หนีให้ได้ก็พอแล้ว เอ้า ไปได้ ” พอพูดจบ เด็กหนุ่มก็ใช้ความไวที่เหนือชั้นพุ่งฝ่าวงล้อม

 

“ เฮ้ย มันจะหนีอีกแล้ว ตามมันไป ” กาสเซ่ตวาดลั่น อึดใจต่อมาทั้งสามก็รีบวิ่งตามมาวิน โดยไม่สนใจหญิงชราที่ยืนเดียวดาย 

         

 

        หญิงชราในชุดเสื้อคลุมขมุกขมัวถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว ดวงตาสีน้ำขาวมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยอาการสงบ ท่าทางดูเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน วินาทีต่อมา ก็บังเกิดรอยยิ้มปริศนาที่มุมปาก เธอพาร่างเล็กบางหายเข้าไปในเงามืดของซอยแคบซึ่งอยู่ไม่ห่าง

 

……………………………………………….

         

        ภายในเมืองเกิดความโกลาหล เพราะกาสเซ่และพรรคพวกกำลังไล่ล่าเด็กหนุ่มขอทาน แน่นอนว่าฝ่ายหนีกุมความได้เปรียบอย่างชัดเจน แต่เขาก็อยู่ในสถานะนี้ได้ไม่นาน เพราะมีกำลังกายที่จำกัด ทำให้ความเร็วเริ่มตก ส่งผลให้ถูกตามทันและตกอยู่กลางวงล้อมดุจเดิม 

 

“ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก…… พาวิ่งวนซะครึ่งเมืองเลยนะ ไอ้เด็กขอทาน เล่นเอาพวกข้าเหนื่อยขึ้นมาจริงๆ ” กาสเซ่หอบตัวโยน

 

“ แฮ่กๆ คราวนี้แกหนีไม่รอดแน่ เพราะด้านหลังของแกคือทางตัน ” ปารุสซี่ ลูกน้องร่างผอมพูดขึ้นมาบ้าง สายตาเหลือบมองมาวินที่ติดแหง็กอยู่กลางซอยแคบ 

 

“ แฮ่กๆ…….คะ……คราวนี้แหละ เอ่อว่าแต่ระ…..เราจะ……จะทำอะไรกะ….กับมันดีครับ ลูกพี่ ” ไอ้อ้วน เปรุสซี่ ซึ่งหอบมากที่สุด เริ่มเอ่ยขึ้นมาอย่างเชื่องช้าและติดอ่าง ดูท่าทางอยากจะมีบทบาทกับเขาบ้าง 

 

“ เอ็งไม่ต้องพูด ” กาสเซ่กับปารุสซี่พูดขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเขาคิดตรงกันว่าการติดอ่างของเจ้าอ้วน เปรุสซี่ เป็นจุดด่างดำที่น่าอับอายของชาวแก๊ง

 

“ ครับ ” สมุนร่างอ้วนหงอและหดตัวลงในบัดดล

          

 

        หลังจากกาสเซ่ตวาดไอ้อ้วนจอมเอ๋อเป็นที่เรียบร้อย เขาก็หันมาสนใจเด็กหนุ่มอีกครั้ง          

         

 

         มาวินดูอ่อนล้า เพราะเพิ่งผ่านการวิ่งมาอย่างหนักหน่วง เมื่อนำมาประกอบกับร่างกายที่ขาดการพักผ่อนและไม่ได้รับอาหารที่ดีพอ จึงทำให้โทรมหนักกว่าที่เคย ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังตั้งท่าต่อสู้ อันดูไม่ผิดไปจากสุนัขจนตรอกที่ไม่มีทางเลือก ดวงตาเล็กหยีเหลียวซ้ายแลขวา สมองพยายามประมวลผล เพื่อมองหาทางรอดที่อาจจะมี 

 

“ ไม่ไหวแฮะ เราสามารถหนีเจ้าพวกนี้ได้ก็จริง แต่สุดท้ายก็ไม่อึดพอจะวิ่งได้ไกลๆ ความเร็วจึงตกลง เป็นเหตุให้ถูกไล่ทัน ร่างกายที่ย่ำแย่และปวกเปียกในตอนนี้ ขอแค่โดนอัดเข้าไปเต็มๆเพียงทีเดียว ก็น่ากลับบ้านเก่าไปโดยปริยาย จะทำยังไงดีนะ คิดสิ คิดเข้าไป ” เด็กหนุ่มคิดในใจ 

 

“ ไม่มีอะไรจะพูดรึ ร้องขอชีวิตก็ได้ ว่าไง ไอ้หนู ” กาสเซ่คำรามใส่อย่างดุร้าย 

 

“ ลุยมันเลยดีกว่า ลูกพี่ แล้วค่อยรีดเงินที่มันขอทานมาได้ ” สมุนร่างผอมร้องบอกลูกพี่ใหญ่ 

 

“ เออ ความคิดดี น่าจะคุ้มกว่าไถยายแก่คนเมื่อกี้ เอ้า ไอ้อ้วน เอ็งจัดการเลย ” กาสเซ่หันไปสั่งเปรุสซี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ

         

 

        ทันทีที่ได้รับคำสั่ง สมุนร่างอ้วนก็พุ่งเข้าชนมาวินแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็ว จึงทำให้เด็กหนุ่มพลิกหลบได้อย่างหวุดหวิด  

 

“ โครม ” 

        

 

        เสียงกระแทกดังสนั่นไปทั่วตรอกแคบ เพราะร่างอ้วนใหญ่ได้อัดเข้ากับกำแพงปูนแบบเต็มๆ ส่งผลให้เปรุสซี่ร่วงล้มลงไปนอน พร้อมสลบไสลในทันที

 

“ โถ…… ไอ้โง่หมายเลขหนึ่ง ” กาสเซ่ ลูกพี่ใหญ่ถึงกลับกุมขมับ ปากก็บ่นงึมงำด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

 

“ คราวนี้ ผมเอง ลูกพี่ ” สมุนร่างผอมรับอาสา สองมือยกขึ้นตั้งการ์ดอย่างรัดกุม สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของมาวิน

 

“ จัดไป อย่าให้เสียชื่อแก๊งกอริลลานะเฟ้ย ” กาสเซ่ตะโกนลั่น

         

 

         ปารุสซี่เริ่มเต้นฟุตเวิร์คไปมา ดูเหมือนนักเลงหนุ่มนายนี้จะพอเป็นมวย ส่วนทางฝ่ายมาวิน เขาเองก็เริ่มตั้งท่าต่อสู้เช่นกัน สายตาจับจ้องคู่ต่อสู้ซึ่งกำลังเต้นฟุตเวิร์คก่อกวน 

 

“ ไอ้หนู แววตาเอาเรื่องนี่ แบบนี้มันต้องเจอนักมวยเก่า ” สมุนร่างผอมพูดจบ ก็แย็บขวาไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม หมัดที่ว่องไวเข้าเป้าแบบเต็มๆ ทำให้เด็กหนุ่มผงะหนีในทันที 

 

“ ไง หมัดแย็บของข้าเร็วดีมั้ย ” สมุนร่างผอมเต้นฟุตเวิร์ค พลางแย็บขวาใส่ถี่รัว หมัดของเขาเร็วปานงูฉก ทุกดอกล้วนเข้าเป้า ทว่าการโจมตีด้วยหมัดแย็บ มีผลแค่ทำให้มาวินเสียจังหวะเท่านั้น ไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะส่งเด็กหนุ่มลงไปนอนวัดพื้น

         

 

        ทุกครั้งที่โดนแย็บขวา มาวินก็จับวิถีหมัดได้มากขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่โดนเต็มๆ ก็กลับกลายเป็นโดนเฉี่ยวๆ ช่วงหลังๆ เด็กหนุ่มถึงกลับโยกหลบได้ทุกดอก ขาก็เริ่มออกสเต็ปเลียนแบบการเต้นฟุตเวิร์คของสมุนร่างผอม

 

“ หน็อย…… ทำไมช่วงหลังถึงต่อยมันไม่โดนเลยนะ ไอ้หนูคนนี้มันเร็วจริงๆ ” สมุนร่างผอมสบถ เขานึกประหลาดใจ เพราะถึงจะแย็บใส่อย่างเต็มที่ แต่ไม่เป็นผล เด็กหนุ่มยังคงโยกหลบพายุหมัดได้ทุกจังหวะ  

        

 

        ระหว่างที่เด็กหนุ่มโชว์ความพลิ้วอยู่นั้น ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน…… 

 

“ โครม ” 

         

 

        หมัดฮุคซ้ายวิ่งโค้งเข้ากกหูของเด็กหนุ่มแบบเต็มๆชนิดไม่ทันตั้งตัว ด้วยความแรงในการเหวี่ยงหมัด ส่งผลให้มาวินเซถลาลงไปนอนกองข้างถังขยะ กายบางแน่นิ่ง ไม่ไหวติง 

 

“ ฮ่าๆ เป็นไง ฮุคซ้ายไม้ตายของข้าหนักดีมั้ย ไอ้หนู ” สมุนร่างผอมแผดเสียงหัวเราะ พลางกล่าวเยาะเย้ย เขานึกยินดีที่เห็นท่าไม้ตายของตัวเองสำฤทธิ์ผล 

 

“ เยี่ยมมาก สมุนหมายเลขหนึ่ง แกรีบเข้าไปค้นตัวมัน เฮ้ย ไอ้อ้วนตื่นโว้ย เอ็งนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ” กาสเซ่ กล่าวชมเชยสมุนร่างผอมและหันไปเตะตูดไอ้อ้วนที่นอนโก้งโค้งอยู่บนพื้น

 

“ ฮะๆ ขอยึดทรัพย์ล่ะนะ ไอ้หนู อ้าว…… เฮ้ย เป็นไปไม่ได้ ” สมุนร่างผอมชะงักงันอย่างฉับพลัน กาสเซ่เองก็ถึงกลับตกตะลึงจนพูดไม่ออกเช่นกัน 

        

 

        สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเด็กหนุ่มหัวเขียวที่คาดว่าจะแน่นิ่ง กลับยันกายลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ แม้จะมีรอยฟกช้ำที่ขมับขวา แต่เขาก็เริ่มแย้มยิ้ม พร้อมเอ่ยวาจาที่แฝงความมั่นใจ

 

“ เกือบไปแล้ว นายก็มีทีเด็ดซ่อนอยู่เหมือนกันนี่นา แต่ต่อไป นายทำอะไรชั้นไม่ได้แล้ว ” 

 

“ แกทำได้ไง จากสภาพร่างกาย ไม่น่าทนหมัดเด็ดของชั้นได้นี่นา ” สมุนร่างผอมถามเสียงสั่น 

 

“ ไม่รู้ดิ ชั้นคงเป็นอมตะล่ะมั้ง เหอๆ ” มาวินยิ้มมุมปาก ในใจแอบคิดว่าเกือบไปแล้ว ดีที่ปฏิกิริยาของตนเองว่องไว เลยยกมือขึ้นกันหมัดเด็ดได้ทัน ทำให้น้ำหนักลดลงไปกว่าครึ่ง 

 

“ หน็อยแน่ แก ” ปารุสซี่โกรธจัดจนควันออกหู เขาพุ่งเข้าใส่มาวินราวกับวัวบ้า  

 

“ หึ หึ หึ แบบนี้ก็เข้าทางเรา ” มาวินคิดในใจ ถึงจะเหลือกำลังอยู่เพียงน้อยนิด แต่เขาก็เริ่มอ่านจังหวะและทิศทางหมัดที่พุ่งเข้ามาได้ เลยทำให้โยกหลบได้ไม่ยาก ทุกหมัดที่ปารุสซี่ปล่อยออกมา ล้วนไม่ถูกร่างกายของเด็กหนุ่มเลย

 

“ ทำไมต่อยมันไม่โดนเลยฟะ นี่แน่ะ ” ปารุสซี่ยิ่งโกรธจัด หมัดที่ออกมาจึงเริ่มสะเปะสะปะ สิ่งนั้นทำให้มาวินหลบได้ง่ายขึ้น

 

“ อย่างนี้มันต้องโดน ท่าฮุคซ้ายมหากาฬ ” ปารุสซี่ปล่อยหมัดเด็ดด้วยอารมณ์โกรธ 

 

“ ดีล่ะ รอจังหวะนี้อยู่แล้ว ” 

       

 

        เสี้ยววินาทีนั้นเอง มาวินโยกศีรษะไปทางขวา เพื่อหลบหมัดซ้ายที่พุ่งเข้ามา จากนั้นก็สวนกลับด้วยหมัดซ้ายตรง 

 

“ ปัง ” 

        

 

         เสียงปะทะดังสนั่นไปทั่วทั้งซอย ปารุสซี่กระเด็นกระดอนลงไปนอนกองกับพื้น บังเกิดแผลแตกที่ระหว่างคิ้วของสมุนร่างผอมจนเลือดแดงหลั่งไหลเนืองนอง เหตุเพราะโดนหมัดซ้ายของเด็กหนุ่มเข้าอย่างจัง

 

“ แฮะๆ เหลืออีกแค่คนเดียว จะยอมแพ้มั้ย ” เด็กหนุ่มแสยะยิ้มให้คู่ต่อสู้ สีหน้าแววตาดูองอาจ ผิดกับรูปร่างที่ผอมโกรกและโกโรโกโสราวไม้เสียบผี 

        

 

         กาสเซ่ทั้งตะลึง งง โกรธ และก็……กลัว ในใจนึกสงสัย ทำไมเด็กหนุ่มที่ผอมโซราวกับคนขาดสารอาหารถึงได้เล่นงานสองลูกน้องอันธพาลจนราบคาบไปตามกัน 

 

“ ว่าไง ชั้นล้มลูกน้องนายไปสองคนแล้วนะ เหลือแค่คนเดียว จะไหวหรือ ต่างคนต่างไป เลิกรากันดีกว่าน่า  ” มาวินยืดอกด้วยท่าทางภาคภูมิและเปิดช่องให้อันธพาลร่างยักษ์ 

 

“ แก…… แกต้องตาย ไอ้เด็กบ้า ” กาสเซ่ตวาดลั่น ท่าทางจะไม่ยอมถอยตามคำขู่

 

“ ซวยแล้วสิ อุตส่าห์วางฟอร์มขู่ให้มันกลัว แต่ก็ยังไม่ได้ผล เหอๆ เอาไงต่อดีนะ เจ้ายักษ์นี่ท่าทางจะแข็งแรงกว่าลูกสมุนของมันซะด้วย ” เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากราวกับคนสบายใจ ไร้กังวล แต่ภายในกลับกลัดกลุ้ม เพราะตอนนี้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงอยู่เลย มิหนำซ้ำอาการบาดเจ็บจากหมัดฮุค ก็เริ่มส่งผลให้เกิดอาการมึนงง ส่วนมือซ้ายที่ต่อยสวนออกไป ก็ดันเจ็บหนักจนไม่สามารถใช้งานได้อีก  

 

“ แกต้องโดนนี่ ” กาสเซ่วิ่งเข้าไปกระแทก ความเร็วและความแรงเหนือกว่าเปรุสซี่อยู่หลายขุม 

 

“ อึบ ” 

       

 

         มาวินเค้นกำลังที่มีอยู่น้อยนิด เพื่อถอยไปชิดกำแพง แล้วพลิกหลบในจังหวะสุดท้าย ทำให้เขารอดพ้นจากแรงกระแทกไปอย่างหวุดหวิด ส่วนร่างยักษ์ของกาสเซ่ ก็พุ่งชนกำแพงอิฐเข้าอย่างจัง 

 

“ โครม ” 

        

 

        มาวินหันไปดูผลงาน ในใจนึกลุ้นให้กาสเซ่ล้มลงไปนอนเหมือนเปรุสซี่ ทว่าเจ้าวายร้ายร่างยักษ์กลับยิ้มแฉ่งเป็นปกติ ส่วนกำแพงอันเป็นจุดที่โดนกระแทก บังเกิดรอยแตกร้าวและผุพัง คล้ายโดนรถยนต์พุ่งชนอย่างรุนแรง 

 

“ หลบได้สวยนี่ ไอ้หนู แต่เสียใจด้วยนะ ร่างกายของข้าแข็งแกร่งกว่าไอ้อ้วนปัญญาอ่อนมาก ครั้งต่อไปแกหลบไม่พ้นแน่ ฮ่าๆ ” กาสเซ่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง 

         

 

         แต่แทนที่มาวินจะกลัวเกรง ใบหน้าซูบผอมและอ่อนเยาว์กลับเกิดรอยยิ้มที่อ่อนโยน ท่าทางก็ดูผ่อนคลาย แม้กระทั่งคนที่หยาบกระด้างอย่างกาสเซ่ยังรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง 

 

“ แกยิ้มบ้าอะไรวะ ” กาสเซ่ ถามดุๆ คิ้วขวาเลิกสูง

       

 

          มาวินแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ในใจนึกยินดี 

 

“ ดีจังเลย ถึงตอนนี้ยายแก่นั่นคงรอดแล้วล่ะมั้ง ” 

 

“ ว่าไง ยิ้มบ้าอะไร ” กาสเซ่ถามซ้ำอีกครั้ง

 

“ ไม่มีอะไรหรอก เข้ามาเลย ” มาวินเลิกยิ้มและตั้งท่าต่อสู้ เขาง้างหมัดขวาไปข้างหลัง อันเป็นการแสดงเจตนาว่าจะปักหลักต่อยสวน

 

“ ฮ่าๆ แกคิดต่อยสวนการพุ่งชนของข้าเหรอ บ้าหรือเปล่า แรงกระแทกมันพอๆกับรถม้าคันหนึ่งเลยนะเฟ้ย ไอ้หนู ” อันธพาลร่างยักษ์ขู่ 

         

 

          มาวินไม่ตอบคำ แต่ดวงตากลับเปล่งประกายมุ่งมั่น เขาเกร็งกาย เพื่อรอรับแรงกระแทกที่กำลังจะพุ่งเข้ามา 

 

“ ดี ถ้าอยากตายนัก ข้าจะจัดให้ เอาล่ะเตรียมรับมือ เจ้าหนู ” กาสเซ่ตวาดลั่น พร้อมพุ่งชนเด็กหนุ่มสุดกำลัง ดูไปแล้ว การโจมตีในครั้งนี้น่าจะรุนแรงกว่าการชนในครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ 

 

“ ก็เอาสิ ” เด็กหนุ่มต่อยสวนด้วยหมัดขวาไปยังจุดที่เล็งเอาไว้ 

 

“ เปรี้ยง ” 

        

 

         เสียงดังสนั่นลั่นซอยอีกครั้ง ผลที่ออกมาก็คือร่างเล็กบางที่ปลิวไปกระแทกกับกำแพงอิฐเต็มแรง จากนั้นก็ล้มลงไปนอนหงายแน่นิ่ง ไม่ไหวติง

         

 

         กาสเซ่ค้างคาอยู่ในท่ากระแทกได้ชั่วครู่ ก่อนจะขยับมาอยู่ที่ท่ายืนปกติ เวลาต่อมา เขาก็ยกมือขึ้นมากุมหัวไหล่ขวาของตนเอง สีหน้าส่อแววเจ็บปวดอย่างจริงจัง  

 

“ อู้ย…… ไอ้หนูนี่มันใจเด็ดแฮะ นอกจากไม่หลบ ยังกล้าต่อยสวนเข้ามาที่หัวไหล่ ท่าทางเราจะยกแขนข้างนี้ไม่ขึ้นไปอีกหลายวัน ” กาสเซ่พึมพำกับตนเอง เขาเหลือบมองเด็กหนุ่มที่นอนแน่นิ่ง พลางคิดในใจ 

 

“ นี่ขนาดโทรมสุดๆ ยังเล่นงานเราได้ถึงขนาดนี้ ถ้ามันสมบูรณ์ดีแล้วฝึกจนเก่ง เราคงครองที่นี่ได้ยาก ” 

        

 

         ดวงตาของกาสเซ่ฉายแววอำมหิต ทันใดนั้นเอง เขาก็หยิบมีดสั้นที่เหน็บหลังออกมา จากนั้นก็ก้าวไปยืนค้ำหัวเด็กหนุ่ม 

 

“ โหสิเถอะนะ ไอ้หนู แกอันตรายเกินไป ” กาสเซ่เงื้อมีดสั้นในมือขึ้นมา เป้าหมายคือหน้าอกด้านซ้ายของเด็กหนุ่ม 

 

“ ตายซะเถอะ ไอ้หนู ” อันธพาลร่างยักษ์ตวาดลั่น พร้อมแทงมีดสั้นลงไปอย่างรวดเร็ว

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา