The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

120) คุณสมบัติสามข้อแห่งแดนลี้ลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

เครดิตภาพจาก  https://wall.alphacoders.com
 
       หลังจากชายสูงวัยออกคำสั่ง อากิเนะก็รับคำอย่างสุภาพ 
 
“ ได้ค่ะ ท่านปู่ ” 
           
 
        อากิเนะหันหน้ามาทางมาวินที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกบนพื้นห้อง เด็กสาวจับจ้องอยู่นิ่งๆ คล้ายว่ายังอยากแกล้งเด็กหนุ่มผู้ซุกซนต่อไป แต่เมื่อได้ยินเสียงกระแอมของท่านปู่ เธอก็สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนสะบัดมือขวาเบาๆ เพื่อคลายมนตร์สะกด
 
“ ค่อยยังชั่ว เกือบจะตายซะแล้ว แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก.......” มาวินหอบหนัก ส่วนอากิเนะก็พยายามกัดฟันกรอดใหญ่ เพื่อข่มตัวเองไม่ให้เผลอหัวเราะออกมา 
           
 
        ทันทีที่มาวินหายเหนื่อย เขาก็เริ่มหัวเสียและตวาดใส่อากิเนะจนสุดเสียง โดยไม่เกรงใจชายสูงวัยที่ยืนหัวโด่อยู่ไม่ห่าง
 
“ หน็อย......ยัยกระต่ายน้อย เธอทำอะไรฟะ ชั้นเกือบตายแล้วนะเฟ้ย ” 
           
 
       อากิเนะเมินหน้าหนีไปทางอื่น กิริยาดังกล่าวส่งผลให้มาวินโกรธหนักกว่าเดิม เขาเริ่มย่างสามขุมเข้าหา พร้อมคำรามเสียงกร้าว 
 
“ ทำเมินชั้นรึ ยัยกระต่ายน้อย เห็นทีต้องมะเหงกหัวซักที ให้ร้องไห้แงๆซะแล้ว จะได้รู้ไว้ว่าอย่าแหย็มกับมาวิน ” 
             
 
        ทว่าในจังหวะที่ใกล้ถึงตัว มาวินก็ต้องหยุดชะงักโดยพลัน เพราะอากิเนะยกมือขวาขึ้นสูง บนฝ่ามือปรากฏแสงประกายรุ้ง ส่วนดวงตางามก็จ้องมาที่เด็กหนุ่มเป็นเชิงข่มขู่
             
 
        ใบหน้าเรียวเล็กของมาวินซีดเผือดจนดูคล้ายกระดาษ ความทุกข์ทรมานในช่วงที่ต้องหัวเราะอย่างหนักยังคงฝังอยู่ในจิตใจ เขาจึงเลิกพยาบาทเด็กสาวเป็นการชั่วคราวและทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิ พร้อมตะโกนดังแบบไว้เชิง 
 
“ เชอะ เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงหรอกนะ ชั้นถึงยอมยกโทษให้ ” 
 
“ เชอะ ” อากิเนะสะบัดหน้าหนีเช่นกัน พร้อมค้อนเบาๆ ทำเอามาวินถึงกับเดือดจัด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวจะหัวเราะหนักจนกระอักไปอีกรอบ 
            
 
        ก่อนที่เหตุการณ์จะเริ่มมั่วไปมากกว่านี้ ชายชราร่างสูงก็ก้าวเข้ามาในห้องและทรุดกายลงนั่งตรงหน้า ด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม ทำให้ไอ้บ้าห้าร้อยที่ไม่รู้จักกาลเทศะอย่างมาวินไม่กล้าปากเสียในแบบที่เคย 
            
 
       เทพศาสตรามองมาวินอยู่หลายอึดใจ ดวงตาคมลึกคู่นั้นทำให้เด็กหนุ่มพูดไม่ออก ในที่สุด ชายชราก็เป็นฝ่ายเอ่ยถาม
 
“ เจ้าเป็นใคร มาจากไหน แล้วทำไมถึงบาดเจ็บสาหัสแบบนั้น ” 
            
 
        สิ้นคำของเทพศาสตรา มาวินก็หรี่ตาลงเล็กน้อย แม้ภายในจะนึกหวาดหวั่น แต่ก็รู้สึกขัดเคืองที่จู่ๆต้องมาถูกหลานสาวของชายชราผู้นี้แกล้ง (หาเรื่องแหย่คนอื่นก่อนไม่ใช่เหรอ) มิหนำซ้ำยังถูกคาดคั้น ราวกับเขาเป็นนักโทษ จึงเริ่มเบ้หน้าด้วยความไม่พอใจ พร้อมตอบกลับแบบกวนๆตามสไตค์ของตัวเอง 
 
“ ชั้นชื่อมาวิน แล้วลุงล่ะเป็นใคร ถึงได้มาคาดคั้นกันแบบนี้ ถามไถ่ดีๆไม่เป็นรึไง ตาเฒ่าหัวหงอก เหอ เหอ เหอ ” 
           
 
        ถ้าเป็นคนธรรมดา เมื่อได้ฟังคำตอบที่กวนบาทาแบบนี้ รับประกันได้เลยว่ามีต่อยปากกันอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่กับเทพศาสตรา เขายังคงนั่งนิ่งและจ้องมองมาที่คู่สนทนา สีหน้าและแววตาไม่แปรเปลี่ยนไปเลยซักนิดจนทำให้มาวินนึกแปลกใจ
 
" เอ......ตาแก่นี่เป็นคนหรือตุ๊กตากันแน่นะ " 
        
 
        ทว่ามาวินบ้าบอได้ไม่นาน อากิเนะก็ยกมือขวาที่เปล่งแสงขึ้นมาขู่อีกครั้ง
 
“ อะจึ้ย เอาอีกแล้ว ยัยกระต่ายน้อยบ้าเลือดขู่เราอีกแล้ว หน็อยแน่ะ เราต้องได้เห็นดีกันแน่ ยัยบ้าเอย ” มาวินขมวดคิ้วนิ่วหน้า ในใจนึกอาฆาต แต่ภายนอกได้พยายามตอบคำถามของชายชราอย่างสุภาพ
 
“ เหอๆ คืองี้นะ ชั้นชื่อมาวิน เอ่อ......เท่าทีจำได้ ชั้นน่าจะพลัดตกจากภูเขาพร้อมมอนสเตอร์ที่ชื่อว่า…คองอะไรซักอย่างนี่แหละ อ่า....... ว่าแต่คุณลุงเป็นใครหรือครับ ” ช่วงท้ายประโยค มาวินดูสุภาพจนเหลือเชื่อมันไม่ใช่ภาพลักษณ์ของเจ้าลิงหัวเขียวเลยซักนิด
 
“ อืม...... อย่างนี้นี่เอง แต่น่าสงสัยอยู่อย่างนะ ตอนที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ตัวนั้นจนพลัดตกลงมา เจ้าได้ทำอะไรที่นับว่าเป็นความดีหรือไม่ ” ชายชราพยักหน้ารับคำนิดหนึ่ง ก่อนถามต่ออีกคำรบ 
           
 
        มาวินถึงกับงงเต๊กกับคำถามที่สุดพิลึกพิลั่น มันแปลกประหลาดจนเขาต้องย้อนถามด้วยเสียงสูงที่ชวนโมโห 
 
“ เดี๋ยวนะ การที่ชั้นพลัดตกจากภูเขากับการทำอะไรที่เป็นความดี มันเกี่ยวข้องกันตรงไหน ตรรกะโคตรจะประหลาดเลย ไปเช็คสมองที่โรงพยาบาลบ้างนะ ลุง ” 
           
 
        สิ้นคำของเด็กหนุ่ม อากิเนะก็โชว์ฝ่ามือเปล่งแสงอีกวาระ เมื่อเจ้าลิงหัวเขียวหันมาเห็น เขาก็ถึงกับหน้าแหยและหยุดสามหาว
            
 
        แม้จะโดนล่วงเกินขนาดนั้น แต่ชายชราผมขาวก็ยังสุขุมดุจเดิม นับว่ามีจิตใจที่เยือกเย็นและมั่นคงจนเกินคน ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเรียบๆว่า...... 
 
“ สาเหตุที่ถามแบบนั้น เพราะ.......การที่คนจากโลกภายนอกจะหลุดเข้ามาในเขตอาคมของข้าได้ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติสามประการ ถ้ามีไม่ครบทุกข้อ ก็เข้ามาไม่ได้ ” 
 
“ อ้อ...... แล้วคุณสมบัติสามประการนั้นคืออะไร อย่าบอกนะว่าหน้าตาหล่อเหลา เก่งระเบิดเถิดเทิงและนิสัยดีเลิศประเสริฐศรีราวกับพ่อพระ ” มาวินยักคิ้วหลิ่วตา พร้อมตอบกลับแบบหยอกๆ ซึ่งแต่ละดอกก็ล้วนห่างไกลจากความจริงอย่างมากมายจนอากิเนะเริ่มคลื่นไส้ คล้ายจะอ้วก 
 
“ ไม่ใช่หรอก พ่อหนุ่ม ” เทพศาสตราตอบกลับด้วยอาการเดิมจนมาวินนึกสงสัยว่าด้านหลังของชายแก่คนนี้น่าจะมีกลไกบังคับอยู่เป็นแน่ 
 
“ ตาลุงนี่ต้องเป็นหุ่นยนต์ชัวร์ คนบ้าอะไรจะนิ่งและไร้อารมณ์ได้ถึงขนาดนี้ ” มาวินฟันธงอยู่ในใจ 
            
 
        ก่อนที่เด็กหนุ่มหัวเขียวจะพาทุกคนออกทะเลไปมากกว่านี้ ชายชราผมขาวก็แจงต่อด้วยน้ำเสียงโมโนโทน เพื่อไม่ให้เรื่องราวหลุดจากประเด็นที่สำคัญ 
 
“ คุณสมบัติข้อแรกที่ทำให้หลุดเข้ามาในเขตอาคมได้ก็คือ......คนผู้นั้นต้องบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ ” 
          
 
        มาวินนึกย้อนเหตุการณ์ จึงพบว่าคำพูดของชายชราผู้นี้ดูเข้าเค้า เพราะก่อนที่จะสลบไป เขาได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ร่างยักษ์อย่างดุเดือด 
 
“ คุณสมบัติข้อที่สองก็คือ…..คนผู้นั้นต้องบาดเจ็บในเขตของป่าตะวันออก ” 
 
“ อืม...... ” มาวินพยักหน้ารับคำ ทุกสิ่งดูสมเหตุสมผลมากขึ้น
 
“ ส่วนคุณสมบัติข้อสามก็คือ……” ชายชรากล่าวค้างไว้แค่นั้น ดวงตาคมลึกเหลือบมองมาที่มาวินด้วยความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับความไม่แน่ใจ ทำให้เด็กหนุ่มนึกรำคาญและเริ่มโวยดัง 
 
“ อ้าว.....จะพูดอะไร ก็พูดออกมาดิ เยิ่นเย้อไปทำไม วัยรุ่นใจร้อน อยากรู้เรื่องราวเร็วๆนะ ” 
           
 
        สิ้นคำโวย ลำแสงประกายรุ้งก็วิ่งเฉียดแก้มของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็พุ่งปะทะกำแพงห้องจนเกิดเสียงระเบิดเล็กๆ คล้ายเสียงประทัด
 
“ ตูม ” 
 
“ อากิเนะ อย่าเสียมารยาท ” เทพศาสตราหันมาปรามหลานสาวในทันที 
 
“ เอ๊ะ ขอโทษค่ะ มือมันลั่น ” อากิเนะ ผู้เป็นเจ้าของลำแสงสีรุ้งเมื่อครู่กล่าวขอโทษ เธอก้มคำนับด้วยท่วงท่าที่ดูงดงาม แต่มาวินกลับนึกสยองมากกว่าชื่นชม
 
“ เหอๆ แม่คนนี้ดุกว่าที่คิดแฮะ นี่ถ้ายัยกระต่ายน้อยไม่เกรงใจตาลุงนี่ เรามีหวังได้หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังต่ออีกรอบแน่ ไม่ได้การ ต้องแกล้งทำตัวเรียบร้อยไปก่อน วันหลังค่อยคิดบัญชีกันใหม่ ฮึ่ม...... ” มาวินคิดเสร็จ เขาก็กัดฟันกรอดใหญ่ เพราะรู้สึกแค้นเคืองถึงขีดสุด 
 
“ คืองี้ ที่ข้านิ่งไป เพราะพิจารณาแล้ว เงื่อนไขข้อที่สาม มันน่าจะห่างไกลจากตัวตนของเจ้ามาก แต่มาถึงขั้นนี้ ก็คงต้องบอก คุณสมบัติข้อสุดท้ายก็คือ…….ก่อนที่จะบาดเจ็บสาหัส คนผู้นั้นต้องทำความดีบางอย่าง ” 
           
 
        สิ้นคำของชายชราผมขาว ทุกคนในที่นั้นก็ถึงกับเงียบกริบไปหลายอึดใจ เวลาผ่านไปไม่นาน ก็เป็นฝ่ายมาวินที่เปิดฉากด้วยการหัวเราะเสียงดัง 
 
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...... อะไรกัน ลุง เงื่อนไขสุดบรรเจิดอย่างกับลิเกที่บ้านเกิดของชั้นเลย เอาอะไรมาพูดเนี่ย คนอย่างชั้นเนี่ยนะจะทำความดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า...... ” 
 
“ นั่นน่ะสิ คนอย่างอีตาหน้าลิงนี่ไม่น่าจะทำอะไรที่เป็นความดีแน่ๆ ” คิ้วของอากิเนะขมวดนิ่วด้วยความฉงน จากนั้นก็กล่าววิจารณ์ด้วยอาการลืมตัว ทำให้มาวินและชายชราผู้เงียบขรึมหันมามองเป็นตาเดียว 
 
“ เอ๊ะ ขอโทษค่ะ เผลอไปหน่อย ” อากิเนะรีบก้มคำนับอีกครั้ง เธอนึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา สาวน้อยไม่เคยต่อว่าใคร แต่กับเด็กหนุ่มมาดกวนคนนี้ มันเหมือนมีอะไรพิเศษที่ทำให้รู้สึกหมั่นไส้ตั้งแต่แรกเห็น อาจเป็นเพราะความกวนประสาท ไร้มารยาท ไม่รู้จักกาลเทศะของเจ้าจอมซนก็เป็นได้
 
 
สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา