The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
119) เล่นของ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpapercave.com
อากิเนะรู้สึกแปลกใจในวิธีการพูดจาของเด็กหนุ่ม เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามอง ทันทีที่สองดวงตาประสานกัน หนุ่มสาวก็อุทานดัง
“ เอ๊ะ ”
ทั้งสองรู้สึกขัดเขินจนพูดไม่ออก เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจกระแอมออกมาดังๆ เพื่อเปิดการสนทนา
“ ฮะ....แฮ่ม เธอชื่ออากิอะไรซักอย่าง อ้อ ไม่ใช่สิ ชื่อ กากินั้ง ใช่มั้ย ”
“ ไม่ใช่ ข้าพเจ้ามีนามว่าอากิ…..” อากิเนะร้องค้านด้วยเสียงที่สูงขึ้น เพราะรู้สึกขัดเคืองที่อีกฝ่ายเรียกชื่อผิด แต่ไม่ทันพูดจบ เด็กหนุ่มก็กล่าวแทรก
“ ช่างเถอะ จะชื่ออะไรก็ช่าง มันเรียกยากเกินไป ดังนั้น ชั้นจะขอเรียกเธอว่า "กระต่ายน้อย" ก็แล้วกัน ”
อากิเนะยิ่งรู้สึกเคืองหนักกว่าเดิม คนประเภทไหนกันที่เที่ยวไปเปลี่ยนชื่อให้คนอื่น แถมชื่อที่ตั้งก็ดูประหลาดซะจนไม่มีมนุษย์หน้าไหนคิดจะใช้ แน่นอนว่าเธอเถียงไม่ทัน เพราะเด็กหนุ่มชิงแนะนำตัวก่อน
“ ชั้นชื่อว่า…..มาวิน ตกลงเธอจะบอกได้รึยังว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วชั้นมาอยู่นี่ได้ยังไง ”
ทันทีที่เด็กสาวได้ยินคำถาม เธอก็ลืมเลือนความขัดเคืองที่มาวินมอบให้ จากนั้นก็แถลงไขให้เด็กหนุ่มจากแดนไกลได้รับรู้
“ ที่นี่คือแดนนอกสำรวจที่ตั้งอยู่ในเขตอาคมของเทพศาสตรา มีชื่อว่า……ดินแดนลี้ลับค่ะ ” เด็กสาวพูดจบ เธอก็ก้มหัวคำนับหนึ่งที ช่างเป็นมารยาทที่เว่อร์จนน่าขนลุก
ปฏิกิริยาแรกของมาวินคือ.....ตกใจ ปฏิกิริยาที่สองคือ.....ผ่อนคลาย ปิดท้ายด้วยการขบขันอย่างหนักหน่วงจนกายบางเริ่มงอเป็นกุ้ง
“ ก๊าก ก๊าก ก๊าก.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า........ ”
ใบหน้าของอากิเนะเริ่มแดงก่ำ เธอรู้สึกโกรธเคืองที่ถูกหัวเราะใส่ สำหรับดินแดนลี้ลับ มันคือการกระทำที่ไร้มารยาทอย่างยิ่งยวด จึงข่มอารมณ์ของตนเอง พร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววไม่พอใจ
“ คุณหัวเราะอะไรรึคะ ”
มาวินหยุดขำชั่วขณะ ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ ฮะๆ ก็จะไม่ให้ขำได้ยังไง ดูเธอพูดแต่ละอย่างสิ ทั้งแดนตกสำรวจ เขตอาคมของเทพอะไรซักอย่าง สุดท้ายก็ดินแดนลี้ลับ ทำอย่างกะเรื่องทั้งหมดเป็นละครย้อนยุคแนวแฟนตาซี แบบนี้ต้องหัวเราะสถานเดียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า......... ” มาวินพูดจบ เขาก็กลับมาหัวเราะชุดใหญ่ กายเพรียวบางกลิ้งเกลือกไปกับพื้นห้องจนดูคล้ายคนวิกลจริต
ใบหน้าของอากิเนะแดงก่ำด้วยความโกรธผสมอาย ในที่สุด เธอก็กลั้นโทสะเอาไว้ไม่อยู่ จึงลุกขึ้นยืน พร้อมกล่าวออกมาดังๆ
“ คุณมาวินไม่เชื่อจริงๆเหรอว่าที่นี่คือ......ดินแดนลี้ลับ ”
มาวินตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเด็กสาวจนหยุดหัวเราะโดยพลัน จากนั้นก็เริ่มขำต่อ พร้อมตอบกลับ
“ ฮะๆ ก็เรื่องที่พูด มะ.....มันขำจนเหลือเชื่อ และอีกอย่างนะ ฮะๆ พอเห็นเด็กสาวตัวนิดเดียวอย่างเธอโกรธจนหน้าแดงแบบนี้ ชั้นยิ่งขำ ฮ่าๆ น่ากลัวซะไม่มีเลย แม่กระต่ายน้อย ฮ่า ฮ่า ฮ่า...... ”
มาวินหัวเราะดังสลับยักคิ้วหลิ่วตา ถ้าว่ากันตามตรง ก็คงไม่มีใครคิดกลัวท่าทางโกรธเคืองของอากิเนะจริงๆ เพราะรูปร่างหน้าตาของเธอ มันออกไปทางน่าเอ็นดูจนเกินกว่าใครจะย้ำเกรง
“ ถ้าคุณไม่หยุดหัวเราะ ชั้นจะไม่เกรงใจแล้วนะ ” เด็กสาวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจนดูคล้ายกระต่ายน้อยที่กำลังโกรธ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็แข็งกร้าวอย่างเหลือเชื่อ
แน่นอนว่ามาวิน ซึ่งได้รับสมญานามว่า…ลิงหัวเขียว ย่อมไม่คิดจะเกรงกลัว มิหนำซ้ำ ยังกล่าวท้าทายเด็กสาวต่อไป คล้ายว่ากำลังสนุกกับการหยอกเย้าเด็กน้อย
“ ฮะๆ ถ้าชั้นไม่หยุด แล้วเธอจะทำอะไร ร้องไห้ใส่ชั้นเหรอ ก๊าก ก๊าก ก๊าก.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า........ ” หลังจากเด็กหนุ่มพูดจบ เขาก็หัวเราะชุดใหญ่
เหมือนฟางเส้นสุดท้ายของอากิเนะจะขาดลง เด็กสาวไม่อาจทนรับความเกรียนของมาวินได้อีกต่อไป จึงตีหน้าขึงขังใส่และกล่าวออกมาดังๆ
“ ดีล่ะ ในเมื่อไร้มารยาทถึงเพียงนี้ อากิเนะก็จะแสดงให้ดูว่า.....สิ่งที่คุณกระทำ มันควรได้รับผลยังไง ”
สิ้นประกาศิตของอากิเนะ ร่างเพรียวบางในชุดกิโมโนก็เริ่มเปล่งแสงประกายรุ้งออกมา พริบตาเดียว กระแสนั้นก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้เจ้าลิงหัวเขียวหยุดชะงัก พร้อมอุทานออกมาเบาๆ
“ เฮ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ” ทันทีที่สิ้นประโยค อากิเนะก็ชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่ม
“ จงหัวเราะ ”
แสงประกายรุ้งพุ่งใส่มาวินที่นั่งอยู่ไม่ห่าง พอมันกระทบกายบาง เด็กหนุ่มก็เกิดอาการแข็งเกร็งไปทั้งตัว
“ เฮ้ย...... นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมชั้นถึงขยับตัวไม่ได้ ”
ทว่าเหตุประหลาดยังไม่จบเพียงเท่านี้ เวลาต่อมา เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าปากของตนเองกำลังอ้ากว้าง จากนั้นก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมา ทั้งที่ใจไม่ต้องการ
“ ฮะ...... ”
เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆได้ครู่หนึ่ง เสียงขบขันก็เริ่มดังขึ้น ในที่สุด ก็แปรเปลี่ยนเป็นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ ก๊าก ก๊าก ก๊าก.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า........ เอิ๊ก...... ”
มาวินหัวเราะไป ทุบพื้นไปอย่างเมามัน กายเพรียวบางเริ่มงอเป็นกุ้ง แต่ภายในใจกลับร้อนรนและฉงนอย่างมหาศาล
“ เอ๊ะ นี่ตูกำลังขำเรื่องอะไรฟะ ”
มาวินหัวเราะอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเรียวเล็กเริ่มแดงก่ำและบิดเบี้ยว แน่ล่ะ ถ้าใครลองหัวเราะสุดกำลังซักนาทีนึง ก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน
“ ก๊าก ก๊าก ก๊าก.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า........ ”
เด็กหนุ่มหัวเราะไปเรื่อยๆ จนล่วงเข้าสู่นาทีที่สอง เสียงเริ่มแหบแห้ง น้ำน้อยๆไหลรินจากขอบตา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาน่าจะใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที
อากิเนะมองมาวินที่กำลังหัวเราะ เธอกอดอกและทำหน้าฉุนนิดๆ ปากก็บ่นพึมพำ
“ เป็นไงเล่า คนบ้าก็ต้องโดนสั่งสอนแบบนี้แหละ ”
มาวินพยายามวิงวอนด้วยสายตา แต่ท่วงท่าของเขากลับดูตลก ทำให้อากิเนะเริ่มขำขึ้นมาจริงๆจนลืมคลายมนต์สะกดให้เด็กหนุ่ม
“ ฮะๆ ”
อากิเนะเริ่มปิดปากหัวเราะเบาๆ โดยมีเด็กหนุ่มนอนงอตัวหัวเราะร่าอยู่บนพื้น เขาพยายามเงยหน้าขึ้นมอง เพื่ออ้อนวอนอีกฝ่ายให้เมตตา จะได้พ้นจากความทรมาน
“ ฮ่าๆ ยัย ฮ่าๆ กระต่ายน้อย เหอๆ ทำให้ชั้น ก้ากๆ หยุดหัวเราะที ฮิๆ จะขาดใจตายอยู่แล้ว กิ้ก...... ”
ขณะที่มาวินกำลังวายปราณ เพราะหัวเราะหนักเกินไป ก็ปรากฏร่างสูงเพรียวของบุรุษผู้หนึ่งที่หน้าประตู เขายืนมองสองหนุ่มสาวอยู่เงียบๆ จากนั้นก็กระแอมดังเป็นสัญญาณ
“ ฮะ......แฮ่ม ”
ทันทีที่อากิเนะได้ยินเสียง เธอก็หยุดขำและรีบทรุดกายลงนั่งคุกเข่า พร้อมก้มหัวคำนับผู้มาใหม่ ปากก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่ดูประหม่า
“ สวัสดีค่ะ ท่านปู่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ”
บุรุษผู้มาเยือนคือเทพศาสตรา ซึ่งเป็นปู่ของอากิเนะและหัวหน้าใหญ่ในดินแดนตกสำรวจ ดวงตาจัดเจนเหลือบมองไปยังหลานสาวคนสวยแวบนึง จากนั้นก็เปลี่ยนมามองเด็กหนุ่มที่กำลังนอนหัวเราะ ชั่วครู่ เขาก็ออกคำสั่ง
“ เอาล่ะ ทำให้เจ้าหนูคนนี้หยุดหัวเราะได้แล้ว อากิเนะ ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ