The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
120) คุณสมบัติสามข้อแห่งแดนลี้ลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wall.alphacoders.com
หลังจากชายสูงวัยออกคำสั่ง อากิเนะก็รับคำอย่างสุภาพ
“ ได้ค่ะ ท่านปู่ ”
อากิเนะหันหน้ามาทางมาวินที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกบนพื้นห้อง เด็กสาวจับจ้องอยู่นิ่งๆ คล้ายว่ายังอยากแกล้งเด็กหนุ่มผู้ซุกซนต่อไป แต่เมื่อได้ยินเสียงกระแอมของท่านปู่ เธอก็สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนสะบัดมือขวาเบาๆ เพื่อคลายมนตร์สะกด
“ ค่อยยังชั่ว เกือบจะตายซะแล้ว แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก.......” มาวินหอบหนัก ส่วนอากิเนะก็พยายามกัดฟันกรอดใหญ่ เพื่อข่มตัวเองไม่ให้เผลอหัวเราะออกมา
ทันทีที่มาวินหายเหนื่อย เขาก็เริ่มหัวเสียและตวาดใส่อากิเนะจนสุดเสียง โดยไม่เกรงใจชายสูงวัยที่ยืนหัวโด่อยู่ไม่ห่าง
“ หน็อย......ยัยกระต่ายน้อย เธอทำอะไรฟะ ชั้นเกือบตายแล้วนะเฟ้ย ”
อากิเนะเมินหน้าหนีไปทางอื่น กิริยาดังกล่าวส่งผลให้มาวินโกรธหนักกว่าเดิม เขาเริ่มย่างสามขุมเข้าหา พร้อมคำรามเสียงกร้าว
“ ทำเมินชั้นรึ ยัยกระต่ายน้อย เห็นทีต้องมะเหงกหัวซักที ให้ร้องไห้แงๆซะแล้ว จะได้รู้ไว้ว่าอย่าแหย็มกับมาวิน ”
ทว่าในจังหวะที่ใกล้ถึงตัว มาวินก็ต้องหยุดชะงักโดยพลัน เพราะอากิเนะยกมือขวาขึ้นสูง บนฝ่ามือปรากฏแสงประกายรุ้ง ส่วนดวงตางามก็จ้องมาที่เด็กหนุ่มเป็นเชิงข่มขู่
ใบหน้าเรียวเล็กของมาวินซีดเผือดจนดูคล้ายกระดาษ ความทุกข์ทรมานในช่วงที่ต้องหัวเราะอย่างหนักยังคงฝังอยู่ในจิตใจ เขาจึงเลิกพยาบาทเด็กสาวเป็นการชั่วคราวและทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิ พร้อมตะโกนดังแบบไว้เชิง
“ เชอะ เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงหรอกนะ ชั้นถึงยอมยกโทษให้ ”
“ เชอะ ” อากิเนะสะบัดหน้าหนีเช่นกัน พร้อมค้อนเบาๆ ทำเอามาวินถึงกับเดือดจัด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวจะหัวเราะหนักจนกระอักไปอีกรอบ
ก่อนที่เหตุการณ์จะเริ่มมั่วไปมากกว่านี้ ชายชราร่างสูงก็ก้าวเข้ามาในห้องและทรุดกายลงนั่งตรงหน้า ด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม ทำให้ไอ้บ้าห้าร้อยที่ไม่รู้จักกาลเทศะอย่างมาวินไม่กล้าปากเสียในแบบที่เคย
เทพศาสตรามองมาวินอยู่หลายอึดใจ ดวงตาคมลึกคู่นั้นทำให้เด็กหนุ่มพูดไม่ออก ในที่สุด ชายชราก็เป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ เจ้าเป็นใคร มาจากไหน แล้วทำไมถึงบาดเจ็บสาหัสแบบนั้น ”
สิ้นคำของเทพศาสตรา มาวินก็หรี่ตาลงเล็กน้อย แม้ภายในจะนึกหวาดหวั่น แต่ก็รู้สึกขัดเคืองที่จู่ๆต้องมาถูกหลานสาวของชายชราผู้นี้แกล้ง (หาเรื่องแหย่คนอื่นก่อนไม่ใช่เหรอ) มิหนำซ้ำยังถูกคาดคั้น ราวกับเขาเป็นนักโทษ จึงเริ่มเบ้หน้าด้วยความไม่พอใจ พร้อมตอบกลับแบบกวนๆตามสไตค์ของตัวเอง
“ ชั้นชื่อมาวิน แล้วลุงล่ะเป็นใคร ถึงได้มาคาดคั้นกันแบบนี้ ถามไถ่ดีๆไม่เป็นรึไง ตาเฒ่าหัวหงอก เหอ เหอ เหอ ”
ถ้าเป็นคนธรรมดา เมื่อได้ฟังคำตอบที่กวนบาทาแบบนี้ รับประกันได้เลยว่ามีต่อยปากกันอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่กับเทพศาสตรา เขายังคงนั่งนิ่งและจ้องมองมาที่คู่สนทนา สีหน้าและแววตาไม่แปรเปลี่ยนไปเลยซักนิดจนทำให้มาวินนึกแปลกใจ
" เอ......ตาแก่นี่เป็นคนหรือตุ๊กตากันแน่นะ "
ทว่ามาวินบ้าบอได้ไม่นาน อากิเนะก็ยกมือขวาที่เปล่งแสงขึ้นมาขู่อีกครั้ง
“ อะจึ้ย เอาอีกแล้ว ยัยกระต่ายน้อยบ้าเลือดขู่เราอีกแล้ว หน็อยแน่ะ เราต้องได้เห็นดีกันแน่ ยัยบ้าเอย ” มาวินขมวดคิ้วนิ่วหน้า ในใจนึกอาฆาต แต่ภายนอกได้พยายามตอบคำถามของชายชราอย่างสุภาพ
“ เหอๆ คืองี้นะ ชั้นชื่อมาวิน เอ่อ......เท่าทีจำได้ ชั้นน่าจะพลัดตกจากภูเขาพร้อมมอนสเตอร์ที่ชื่อว่า…คองอะไรซักอย่างนี่แหละ อ่า....... ว่าแต่คุณลุงเป็นใครหรือครับ ” ช่วงท้ายประโยค มาวินดูสุภาพจนเหลือเชื่อมันไม่ใช่ภาพลักษณ์ของเจ้าลิงหัวเขียวเลยซักนิด
“ อืม...... อย่างนี้นี่เอง แต่น่าสงสัยอยู่อย่างนะ ตอนที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ตัวนั้นจนพลัดตกลงมา เจ้าได้ทำอะไรที่นับว่าเป็นความดีหรือไม่ ” ชายชราพยักหน้ารับคำนิดหนึ่ง ก่อนถามต่ออีกคำรบ
มาวินถึงกับงงเต๊กกับคำถามที่สุดพิลึกพิลั่น มันแปลกประหลาดจนเขาต้องย้อนถามด้วยเสียงสูงที่ชวนโมโห
“ เดี๋ยวนะ การที่ชั้นพลัดตกจากภูเขากับการทำอะไรที่เป็นความดี มันเกี่ยวข้องกันตรงไหน ตรรกะโคตรจะประหลาดเลย ไปเช็คสมองที่โรงพยาบาลบ้างนะ ลุง ”
สิ้นคำของเด็กหนุ่ม อากิเนะก็โชว์ฝ่ามือเปล่งแสงอีกวาระ เมื่อเจ้าลิงหัวเขียวหันมาเห็น เขาก็ถึงกับหน้าแหยและหยุดสามหาว
แม้จะโดนล่วงเกินขนาดนั้น แต่ชายชราผมขาวก็ยังสุขุมดุจเดิม นับว่ามีจิตใจที่เยือกเย็นและมั่นคงจนเกินคน ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเรียบๆว่า......
“ สาเหตุที่ถามแบบนั้น เพราะ.......การที่คนจากโลกภายนอกจะหลุดเข้ามาในเขตอาคมของข้าได้ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติสามประการ ถ้ามีไม่ครบทุกข้อ ก็เข้ามาไม่ได้ ”
“ อ้อ...... แล้วคุณสมบัติสามประการนั้นคืออะไร อย่าบอกนะว่าหน้าตาหล่อเหลา เก่งระเบิดเถิดเทิงและนิสัยดีเลิศประเสริฐศรีราวกับพ่อพระ ” มาวินยักคิ้วหลิ่วตา พร้อมตอบกลับแบบหยอกๆ ซึ่งแต่ละดอกก็ล้วนห่างไกลจากความจริงอย่างมากมายจนอากิเนะเริ่มคลื่นไส้ คล้ายจะอ้วก
“ ไม่ใช่หรอก พ่อหนุ่ม ” เทพศาสตราตอบกลับด้วยอาการเดิมจนมาวินนึกสงสัยว่าด้านหลังของชายแก่คนนี้น่าจะมีกลไกบังคับอยู่เป็นแน่
“ ตาลุงนี่ต้องเป็นหุ่นยนต์ชัวร์ คนบ้าอะไรจะนิ่งและไร้อารมณ์ได้ถึงขนาดนี้ ” มาวินฟันธงอยู่ในใจ
ก่อนที่เด็กหนุ่มหัวเขียวจะพาทุกคนออกทะเลไปมากกว่านี้ ชายชราผมขาวก็แจงต่อด้วยน้ำเสียงโมโนโทน เพื่อไม่ให้เรื่องราวหลุดจากประเด็นที่สำคัญ
“ คุณสมบัติข้อแรกที่ทำให้หลุดเข้ามาในเขตอาคมได้ก็คือ......คนผู้นั้นต้องบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ ”
มาวินนึกย้อนเหตุการณ์ จึงพบว่าคำพูดของชายชราผู้นี้ดูเข้าเค้า เพราะก่อนที่จะสลบไป เขาได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ร่างยักษ์อย่างดุเดือด
“ คุณสมบัติข้อที่สองก็คือ…..คนผู้นั้นต้องบาดเจ็บในเขตของป่าตะวันออก ”
“ อืม...... ” มาวินพยักหน้ารับคำ ทุกสิ่งดูสมเหตุสมผลมากขึ้น
“ ส่วนคุณสมบัติข้อสามก็คือ……” ชายชรากล่าวค้างไว้แค่นั้น ดวงตาคมลึกเหลือบมองมาที่มาวินด้วยความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับความไม่แน่ใจ ทำให้เด็กหนุ่มนึกรำคาญและเริ่มโวยดัง
“ อ้าว.....จะพูดอะไร ก็พูดออกมาดิ เยิ่นเย้อไปทำไม วัยรุ่นใจร้อน อยากรู้เรื่องราวเร็วๆนะ ”
สิ้นคำโวย ลำแสงประกายรุ้งก็วิ่งเฉียดแก้มของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็พุ่งปะทะกำแพงห้องจนเกิดเสียงระเบิดเล็กๆ คล้ายเสียงประทัด
“ ตูม ”
“ อากิเนะ อย่าเสียมารยาท ” เทพศาสตราหันมาปรามหลานสาวในทันที
“ เอ๊ะ ขอโทษค่ะ มือมันลั่น ” อากิเนะ ผู้เป็นเจ้าของลำแสงสีรุ้งเมื่อครู่กล่าวขอโทษ เธอก้มคำนับด้วยท่วงท่าที่ดูงดงาม แต่มาวินกลับนึกสยองมากกว่าชื่นชม
“ เหอๆ แม่คนนี้ดุกว่าที่คิดแฮะ นี่ถ้ายัยกระต่ายน้อยไม่เกรงใจตาลุงนี่ เรามีหวังได้หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังต่ออีกรอบแน่ ไม่ได้การ ต้องแกล้งทำตัวเรียบร้อยไปก่อน วันหลังค่อยคิดบัญชีกันใหม่ ฮึ่ม...... ” มาวินคิดเสร็จ เขาก็กัดฟันกรอดใหญ่ เพราะรู้สึกแค้นเคืองถึงขีดสุด
“ คืองี้ ที่ข้านิ่งไป เพราะพิจารณาแล้ว เงื่อนไขข้อที่สาม มันน่าจะห่างไกลจากตัวตนของเจ้ามาก แต่มาถึงขั้นนี้ ก็คงต้องบอก คุณสมบัติข้อสุดท้ายก็คือ…….ก่อนที่จะบาดเจ็บสาหัส คนผู้นั้นต้องทำความดีบางอย่าง ”
สิ้นคำของชายชราผมขาว ทุกคนในที่นั้นก็ถึงกับเงียบกริบไปหลายอึดใจ เวลาผ่านไปไม่นาน ก็เป็นฝ่ายมาวินที่เปิดฉากด้วยการหัวเราะเสียงดัง
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...... อะไรกัน ลุง เงื่อนไขสุดบรรเจิดอย่างกับลิเกที่บ้านเกิดของชั้นเลย เอาอะไรมาพูดเนี่ย คนอย่างชั้นเนี่ยนะจะทำความดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า...... ”
“ นั่นน่ะสิ คนอย่างอีตาหน้าลิงนี่ไม่น่าจะทำอะไรที่เป็นความดีแน่ๆ ” คิ้วของอากิเนะขมวดนิ่วด้วยความฉงน จากนั้นก็กล่าววิจารณ์ด้วยอาการลืมตัว ทำให้มาวินและชายชราผู้เงียบขรึมหันมามองเป็นตาเดียว
“ เอ๊ะ ขอโทษค่ะ เผลอไปหน่อย ” อากิเนะรีบก้มคำนับอีกครั้ง เธอนึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา สาวน้อยไม่เคยต่อว่าใคร แต่กับเด็กหนุ่มมาดกวนคนนี้ มันเหมือนมีอะไรพิเศษที่ทำให้รู้สึกหมั่นไส้ตั้งแต่แรกเห็น อาจเป็นเพราะความกวนประสาท ไร้มารยาท ไม่รู้จักกาลเทศะของเจ้าจอมซนก็เป็นได้
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ