The Phoenix of Andromeda
-
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.23 น.
19 ตอน
36 วิจารณ์
18.11K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) คำทำนายจากศิลาบรรพกาล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบุคคลผู้มีแขนขวาเป็นปืนนั้นได้เหวี่ยงเสื้อคลุมให้ไปอยู่ทางด้านหลังทั้งหมด จึงทำให้รูปร่างทรวดทรงของบุคคลผู้นี้ได้ปรากฏออกมาจนเด่นชัดตา
และลักษณะทางกายภาพของบุคคลผู้นี้ก็หาได้เป็นบุรุษอย่างที่โคแวนคาดคิดไม่ เพราะภายใต้ชุดสีแดงเพลิงตลอดชุดที่คนผู้นี้ได้สวมใส่ มันก็คือเรือนร่างของอิสตรีชัดๆ
จากนั้นสตรีนางนี้ก็ได้ใช้มือซ้ายปลดหน้ากากสีเงินออกมา
แต่หลังจากที่โคแวนได้เห็นใบหน้าของนางที่ปราศจากหน้ากากแล้ว สีหน้าของเขาก็แทบจะตื่นตะลึงจนตึงเครียดขึ้นมาทันที!
แท้จริง ใบหน้าของสตรีผู้นี้ จัดได้ว่าสวยคมจนน่าหวั่นใจ แต่ทั้งนี้ก็กลับมีความสวยได้แค่ครึ่งเดียวของใบหน้าซีกซ้ายเท่านั้น เพราะทางใบหน้าซีกขวาของนางกลับมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ลากยาวมาตั้งแต่เหนือคิ้วขวาผ่านดวงตาข้างขวาลงมาจนเกือบจรดปลายคาง จนทำให้ใบหน้าโดยรวมของนางอยู่ในข่ายของสตรีที่มีความอัปลักษ์มากกว่าจะน่าเสน่ห์หาและแน่นอนว่าตาข้างขวาของนางย่อมจะบอดสนิท เพราะนอกจากสีของดวงตาที่ขาวขุ่นมัวแล้ว มันก็ไม่มีสีอื่นใดเจือปนอยู่ในตานั้นอีกเลย
"ธิดาทมิฬ คาเมเลียส...! " โคแวนเรียกชื่อออกมา "เจ้ายังไม่ตาย...?! "
สตรีผู้ถูกเรียกว่าธิดาทมิฬกลับหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันน่าขนลุกก่อนจะกล่าวตอบโคแวน
"สมญาของข้านั้นไม่ใช่ 'ธิดาทมิฬ' อีกต่อไปแล้ว แต่สมญาของข้าในตอนนี้ก็คือ 'ธิดาปืนทมิฬ' ต่างหากล่ะโคแวนที่รัก..." นางกล่าวแล้วก็ยกแขนที่เป็นปืนนั้นตั้งฉากให้โคแวนดูชัดๆ
"และเจ้ายังจดจำได้ไม่ใช่หรือว่า คนที่ได้ทำให้ข้ามีแขนและใบหน้าเป็นเช่นนี้ ก็คือเจ้าเองยังไงล่ะโคแวน...! "
ใช่... ใช่แล้ว... ที่สตรีคนนี้ต้องมามีสภาพร่างกายเป็นอย่างนี้ ก็เป็นเพราะเขานั่นเอง โคแวนยังจดจำถึงเหตุการณ์เหล่านั้นได้ทั้งหมดราวกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็ปาน
แต่ที่จริงเหตการณ์เหล่านั้นมันได้เกิดขึ้นมาได้ราวสามปีแล้ว มันเป็นเหตุการณ์แห่งความวิกฤติที่ต่อมาก็ได้ทำให้เขาต้องหลบหนีออกมาจากแอนโดร่าด้วยความจำใจ และพร้อมกับต้องแบกภาระอันสุดยิ่งใหญ่ภาระหนึ่งเร้นหนีมาจนถึงดาวโมอาแห่งนี้
ส่วนบารามอสและคาเมเลียส ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อันวิกฤติเหล่านั้นขึ้นมาภายในวังหลวงชั้นในของอณาจักรแอนโดร่าอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้
และเหตุการณ์เหล่านั้นนี่เอง ที่ก็ได้ทำให้เขาเองนั้น ถึงกับแทบจะคลุ้มคลั่งในเวลาต่อมา เพราะแทบจะไม่อาจยอมรับในความแพ้พ่ายและความพังภินท์ของอณาจักรแอนโดร่าได้เลยแม้แต่น้อย
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เมื่อ 3 ปีก่อน...
*ที่'อณาจักรแอนโดร่า'แห่งดาว'แอนโดร่า'*
ขณะนี้โคแวนกำลังอยู่ในศูนย์บัญชาการย่อยภายใต้ป้อมปราการที่เจ็ดที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของแนวกำแพงชั้นนอกแห่งพระราชวังแอนโดร่า
เขากำลังยืนมองจอเรด้าห์ข้างหน้าด้วยความสงสัยอะไรบางอย่างมาได้สักพักใหญ่แล้ว
"ทำไมข้าถึงไม่เห็นว่าจะมีการเคลื่อนไหวของยานศัตรูอย่างที่สายรายงานมาซะทีล่ะวิก? " เขาถามพลทหารคนสนิทที่กำลังนั่งเพ่งไปที่หน้าจอเรด้าห์นั้น
"นั่นสิครับ ท่านโคแวน..." วิกเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอ
"ข้อมูลของสายเราก็ถูกต้องทุกอย่างนะครับ และก่อนหน้านี้พวกโบโรเธียก็ได้มีการเคลื่อนกองกำลังยานรบจำนวนห้าร้อยลำออกมาเรียบร้อยแล้วด้วยครับ..."
โคแวนลูบคางครุ่นคิด "หลายปีมานี้พวกโบโรเธียไม่เคยจะกำเริบเสิบสานถึงขนาดที่จะลอบโจมตีอณาจักรแอนโดร่าของเราเลยนะวิก นี่คงเป็นเพราะพวกมันได้ตัดสินใจไปผูกมิตรกับพวก 'ไตรตรอน' ถึงได้กลับมีความหาญกล้าถึงเพียงนี้ เพราะลำพังความกล้าหาญและเป็นชาตินักรบของชาวโบโรเธียเองนั้น จะอย่างไรแล้วก็คงจะไม่อาจกล้าต่อกรกับ'องค์กรณ์สันนิบาตรดวงดาว'แห่งดาราจักรแอนโดรเมด้าแน่ๆ ไม่รู้ว่าพวกมันได้ไปจูบปากกับพวก'ไตรตรอน'ที่เป็นอริกันมาอย่างเนิ่นนานได้อย่างไร นี่คงจะไม่ใช่เป็นเพราะสาเหตุมาจากเรื่องคำทำนายบ้าๆ นั่นหรอกนะ...? "
"อ้อ... คำทำนายในรอบพันปีของศิลาบรรพกาลนั้นนั่นเอง..." วิกดีดนิ้วดังเป๊าะ "ท่านโคแวนมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ..? คิดว่ามันจะมีอิทธิพลต่อความคิดของพวกอณาจักรดวงดาวต่างๆ ทั้งหมดหรือเปล่าครับ? "
ก่อนที่โคแวนจะตอบ วิกก็ท่องคำทำนายออกมา
"บุตรแห่งนกฟีนิกซ์ผู้มีรอยสักเป็นรูปนกฟีนิกซ์มาแต่กำเนิดและเป็นบุตรของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่จะมายุติสงครามระหว่างภิภพดวงดาวต่างๆ และสุดท้ายจะเข้าควบคุมปกครองภิภพดวงดาวทั้งปวงในดาราจักรแอนโดรเมด้าแห่งนี้..."
เขาท่องคำทำนายนี้ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เพราะนับตั้งแต่ที่ได้มีการเผยแพร่คำนายในรอบพันปีนี้ออกมา บรรดาผู้คนทั้งในและนอกอณาจักรต่างก็โจษขันกันถึงเรื่องคำทำนายนี้จนไฟลามทุ่ง และนั่นก็ทำให้วิกผู้ที่มีความจำอันเป็นเลิศ สามารถจะจดจำคำทำนายนี้ได้อย่างรวดเร็วและขึ้นใจ
"วิก... สำหรับตัวข้าเอง กลับมองว่าเรื่องคำทำนายจากศิลาบรรพกาลนั้น เป็นเรื่องที่เหลวไหลทั้งหมด" โคแวนส่ายหน้า "เพราะมันไม่มีเหตุผลจากที่ใดที่จะมารองรับได้เลย ว่าคำทำนายนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าคำทำนายมันจะมาจากศิลาบรรพกาลก็ตาม แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ลมปากหรือคำพูดของยายเฒ่า'มาเอีย'เท่านั้นเอง เพราะในตอนก่อนที่จะมีคำทำนายออกมาเผยแพร่ มันก็มีแต่ยายเฒ่าที่ได้คอยเฝ้าอธิษฐานอยู่ตรงหน้าของศิลาเก่าๆ ในมหาวิหารนั่นคนเดียวเหมือนเช่นกาลก่อนที่เป็นมาไม่ใช่รึ...? และถ้าข้าเป็นยายเฒ่า ข้าเองก็คงจะกล่าวอ้างคำทำนายบางอย่างออกมาได้เหมือนกัน โดยที่จะไม่มีใครสามารถจะรู้ความจริงได้เลยว่า คำทำนายที่ข้ากล่าวอ้างออกมานั้น จะเป็นจริงหรือเท็จกันแน่..."
คำตอบนี้ ทำให้วิกถึงกับมองหน้าโคแวนอย่างทึ่งๆ ก่อนที่โคแวนจะถามเขาว่า
"วิก เจ้ารู้หรือไม่ ว่ายายเฒ่ามาเอียนั่นได้เฝ้าอธิษฐานรอคำทำนายบ้าๆ นั่นมาได้สักกี่ปีแล้วนะ ? "
"ข้าเองก็ไม่รู้ว่าแกได้อธิษฐานมากี่ปีแล้วนะครับท่านโคแวน แต่ข้าเองก็ได้เห็นคนเขาพูดกันอยู่ว่า แกน่าจะมีอายุจนเกินสามร้อยปีเข้าไปแล้ว เรียกได้ว่าอาจจะอธิษฐานตั้งแต่พวกเรายังไม่ถือกำเนิดกันขึ้นมา และแม่เฒ่านั่น ก็ถือได้ว่าเป็นคนในตำนานอันเก่าแก่เพียงคนเดียวของดาวมูชาที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้มั้งครับ..."
ดาวมูชาที่วิกพูดถึง เป็นดาวอณานิคมที่อยู่ห่างไกลดวงหนึ่งของดาวแอนโดร่า ดาวมูชาเป็นดาวที่ค่อนข้างแห้งแล้งและมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนักนอกจากจะมีพวกนักบวชต่างๆ ที่ได้เข้าไปแสวงบุญในดาวมูชาอยู่เรื่อยๆ เพราะว่าดาวมูชานั้น กลับเป็นที่ตั้งของมหาวิหารบรรพกาลอันศักดิ์สิทธิ ที่ได้เก็บรักษามหาคัมภีร์แห่งศาสนาอวกาศศาสนาหนึ่งที่ได้ชื่อว่า'ศาสนาบาดูล' มาตั้งแต่เมื่อครั้งบรรพกาล และศิลาบรรพกาลเองก็ได้อยู่ในมหาวิหารนี้มา ตั้งแต่เมื่อครั้งโบราณกาลนานมาแล้วเช่นกัน
ส่วนแม่เฒ่ามาเอียก็คือนักบวชหญิงอาวุโสแห่งศาสนาบาดูลที่มีอายุยืนยาวที่สุดในดาวมูชานั่นเอง
"ได้ยินว่า สุดท้ายยายเฒ่านั่น ก็ได้หายตัวจนไร้ร่องรอยไปแล้วไม่ใช่หรือวิก? " โคแวนเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
"ใช่ครับท่านโคแวน หลังจากที่มีข่าวว่าแม่เฒ่ามาเอียได้รับคำทำนายมาจากศิลาบรรพกาลและมอบหมายให้ศิษย์เอกที่อยู่ในวัดที่ดาวมูชาไปเผยแพร่คำทำนายต่อแล้ว ส่วนตัวของแม่เฒ่าเองก็กลับหายสาปสูญไปจนไร้ร่องรอย มีข่าวลืออยู่ว่า แม่เฒ่ามาเอียได้ละสังขารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ได้รับคำทำนายมาจากศิลาบรรพกาลได้เพียงไม่นานครับ"
"ถ้าเป็นอย่างนั้น..." โคแวนลูบคางตรึกตรอง "ยิ่งไม่มีอะไรที่จะมารับรองได้เลยว่า จะมีคำทำนายบ้าๆ นั่นออกมาจากศิลาบรรพกาลจริงๆ หรือเปล่า? "
บุตรแห่งนกฟีนิกซ์รึ..? ช่างน่าขำซะเหลือเกิน"
บุตรแห่งนกฟีนิกซ์... บุตรแห่งนกฟีนิกซ์... โคแวนทวนคำนี้ซ้ำๆ อยู่ในใจ เขาเองไม่เคยจะเชื่อแม้แต่น้อยว่า นกฟีนิกซ์ที่อยู่ในตำนานของศาสนาบาดูลนั้นจะเคยมีอยู่จริงๆ และตามที่เคยมีการจารึกไว้ในคัมภีร์แห่งศาสนาบาดูลว่าบุตรแห่งนกฟีนิกซ์ที่ก่อกำเนิดขึ้นมาด้วยวิญญาณของนกฟีนิกซ์จะมาเป็นผู้ไถ่บาปและนำจักรวาลแห่งนี้ไปสู่วิถีใหม่นั้น เขาก็ไม่ได้ศรัทธาหรือเชื่อถือมาตั้งแต่แรกเริ่ม ถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีคำทำนายยืนยันขึ้นมาโดยศิลาบรรพกาลตามที่ยายเฒ่ามาเอียได้กล่าวอ้างไว้ แต่นั่นก็ยังไม่สามารถจะทำให้คนอย่างเขาคล้อยตามไปด้วยได้แม้แต่นิดเดียว
เขาเองกลับเพียรแต่สงสัยอยู่ในใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างของศาสนาและการทำนายนั้น มันจะเป็นแผนการของอะไรสักอย่างหรือไม่...?
"ท่านโคแวนครับท่านโคแวน...! " เสียงพลทหารคนหนึ่งในกองบัญชาการย่อยของที่นี่ ออกอาการตกใจกับอะไรบางอย่าง และนั่นก็ทำให้โคแวนหลุดจากอาการตกอยูในภวังค์ทันที
"มีอะไรเกิดขึ้นงั้นรึ...?! " โคแวนรีบถามพลทหาร
"ย... แย่แล้วครับ... เพิ่งมีรายงานวิทยุมาเมื่อกี้ว่า ในวังชั้นในเกิดเรื่องแล้วครับ คือ... อยู่ๆ ก็มีพวกเหล่ากองกำลังของพวกโบโรเธียโผล่ขึ้นมายังใจกลางของพระราชวังชั้นในเราน่ะครับ! "
ดวงตาทั้งคู่ของโคแวนถึงกับเบิกโพลง... ไม่ใช่คาดไม่ถึง แต่นี่กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่โคแวนคาดว่า มันจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ และมันก็ได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้วในครั้งนี้
'พวกมันถึงกับลงมือแบบนี้จริงๆ! ' สีหน้าของโคแวนเปลี่ยนเป็นเครียดเคร่งขึ้นมาอย่างทันใด..!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ