สืบสู้ผี ภาค 1-2
8.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.
73 ตอน
3 วิจารณ์
63.13K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
66) พยัคฆินทร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนี่มันหมายความว่า ในที่แห่งนี้มีสิงห์ถึงสองคนไปซะแล้วงั้นรึ?
ไม่... ไม่ใช่สิ
สิงห์คนที่อยู่กับเราแม้จะเป็นสิงห์ที่อยู่ในร่างของนุชผู้เป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาสะสวยคมเข้ม แต่วิญญาณที่อยู่ภายในร่างนี้จะยังไงก็คือสิงห์จริงๆ อย่างแน่นอน เพราะสิงห์ในร่างนี้จะอย่างไรก็ได้ผจญเรื่องราวต่างๆ กับเรามาตั้งแต่อยู่ที่ห้องใต้ดินใต้บ้านแฝดนั่นแล้ว
แต่.. แต่สิงห์คนที่อยู่ข้างหน้าพวกเรานี้ หากมองตามกายภาพของหน้าตาที่เราได้เห็นอย่างชัดเจนในขณะนี้แล้ว เขาก็คือสิงห์ที่เคยอยู่ในแท่นศิลาของห้องใต้ดินนั้นอย่างแน่นอน
"สิงห์... เจ้าชายสิงหราช? เอ๊ะ...?! " ท่านจ้าวแห่งมิตทราห์ถึงกับชงักในคำพูด แล้วเปลี่ยนสายตากลับมามองสิงห์ในร่างของนุชที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมอาการที่ตกตะลึงจนปากค้าง
แล้วสิงห์ในร่างของนุชก็ค่อยๆ เคลื่อนกายมาอยู่ที่เบื้องหน้า
และณ.ขณะนี้ สิงห์ผู้มีลักษณะทางกายภาพแบบเดิมๆ กับสิงห์ที่มีลักษณะทางกายภาพเป็นสาวน้อย ก็กำลังจ้องมองหน้าของกันและกันอย่างไม่กระพริบตา โดยมีแค่ลูกกรงเหล็กของห้องขังกั้นกลางเท่านั้น!
"พ่อจ้าว..." มูติชาห์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ท่านจ้าวเอ่ยขึ้น "ท่านยังจำสิงห์ตัวจริงไม่ได้รึ ว่าเขาแตกต่างจากสิงห์คนนี้ยังไง ท่านลองมองหน้าเขาดูดีๆ สิ? "
ท่านจ้าวตาลุกโพลง
"แตกต่างกันยังไงน่ะรึ...? โอ... ข้านึกออกแล้ว ที่... ที่ตรงใต้ใบหูด้านซ้ายนั่นยังไงล่ะ ถ้าเป็นสิงห์ตัวจริง จะต้องมีไฝเม็ดเล็กๆ อยู่ที่ตรงนั้นด้วย...! "
สิ้นคำของท่านจ้าว เสียงปรบมือสามครั้งก็ดังมาจากร่างของคนที่สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่และมีใบหน้าเหมือนสิงห์นั้น แล้วเขาก็จ้องหน้าของมูติชาห์ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
"ข้าขอแสดงความนับถือกับบุตรของท่านจ้าวที่มีสายตาหลักแหลมและความทรงจำอันเป็นเลิศ..."
จากนั้นเขาก็หันไปมองท่านจ้าว พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างมาไขว้กันบนหน้าอกพร้อมกับค้อมตัวลงอันเป็นลักษะณะของการแสดงการคาราวะแบบที่ผมเคยเห็นสิงห์ในร่างนุชทำเช่นนี้มาก่อน
"ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กน้อยผู้ยังไม่รู้ความอะไรมากนัก ข้าก็เคยได้พบเห็นท่านมาก่อนในระยะห่างเพียงไม่กี่วา ท่านเองก็คงจะจดจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้หรอกกระมัง? "
ท่านจ้าวหันไปมองมูติชาห์ด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยคำถามทันที
แล้วมูติชาห์ก็ยิ้มออกมาที่มุมปากราวกับว่าเขาจะไม่ได้มีความงงงวยใดๆ อีกต่อไปแล้ว
"พ่อจ้าว ท่านเองก็รู้เหมือนกับข้านะ ว่าสาเหตุที่สิงห์ตัวจริงต้องมาระเหเร่ร่อนจนสุดหล้าฟ้าเขียวและยังพลัดหลงเข้าไปในโลกของพวกคนเถื่อน เอ้อ... โลกมนุษย์ข้างนอกน่ะ ก็มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากบุคคลผู้อยู่เบื้องหน้าของพวกเราในขณะนี้ยังไงล่ะ..."
ท่านจ้าวหันกลับไปมองคนที่มีหน้าตาเหมือนกับสิงห์ตัวจริงทันที
"ข้า... ข้านึกออกแล้ว ใช่แล้ว... แท้ที่จริง เจ้าชายสิงหราชก็ยังเคยมีน้องชายอีกผู้หนึ่ง ไม่ใช่สิ... ที่จริงก็คือ 'แฝดผู้น้อง' ของเขานั่นเอง! "
สิ้นคำของท่านจ้าว นอกจากมูติชาห์กับสิงห์ในร่างนุชแล้ว พวกเราคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าที่ตื่นตะลึงกันหมด
อา... ที่แท้บุคคลผู้มีหน้าตาเหมือนกับสิงห์ผู้นี้ ก็คือน้องชายฝาแฝดของเขานั่นเอง!
ก็แล้วเขามาทำอะไรอยู่ในหมู่บ้านของชาวมิตทราห์แห่งนี้กันล่ะนี่?
และที่ผมงงงวยอีกอย่างก็คือ แล้วทำไมเขาจะต้องมาปลอมตัวเป็นท่านมหาดาบสและเข้ามาอยู่ในคุกใต้ดินแห่งนี้ด้วยล่ะ?
"ข้าขอแนะนำตัวข้าสักหน่อย" ผู้ที่ถูกกล่าว่าเป็นน้องชายของสิงห์พูดขึ้น "เพราะจะอย่างไรคนเกือบทั้งหมดในที่นี้ก็คงจะยังไม่ได้รู้จักข้ามาก่อนหน้านี้แน่ๆ นามสั้นๆ ของข้าก็คือ 'พยัคฆ์' และในนามของผู้สืบทอดราชบัลลังก์แห่งอณาจักรวาณิการ์ข้าก็คือ 'เจ้าชายพยัคฆินทร์' "
คุณพระ...! เขาไม่ได้เป็นแค่น้องชายฝาแฝดของสิงห์ แต่เขากลับเป็นเจ้าชายผู้สืบทอดบัลลงก์อณาจักรวาณิการ์อีกคนด้วยอย่างนั้นหรือ?! "
มาถึงตรงนี้ผมเองก็เริ่มพอจะเข้าใจหรือมองเห็นเค้าลางของปัญหาที่ได้เกิดขึ้นกับสิงห์ขึ้นมาทีล่ะนิดทีล่ะหน่อยแล้ว
พยัคฆ์หรือเจ้าชายพยัคฆินทร์ หันไปมองหน้าสิงห์และค้อมตัวให้เล็กน้อย
"สวัสดีพี่ชาย เราสองคนไม่ได้พบไม่ได้เจอกันซะนานเลยนี่นะ? "
สิงห์ในร่างนุชเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย (บางทีเขาอาจจะต้องการจ้องหน้าพยัคฆ์ให้ถนัดๆ เพราะรูปร่างของนุชถือว่าเล็กมากเมือเปรียบเทียบกับพยัคฆ์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่)
"และเจ้าคงจะไม่ได้มีความยินดีอะไรนัก ที่ได้พบข้าที่ ณ.ที่นี่กระมัง? "
สิงห์ที่อยู่ในร่างนุชกลับพูดออกมาหน้าตาเฉย และประโยคอันดังฟังชัดนี้ ก็เหมือนสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงมาที่พวกเราสามคน (คือผม พี่เมฆและจัน)
คุณพระ...! นี่สิงห์ในร่างนุชพูดได้ตั้งแต่ตอนไหนกันล่ะนี่?!
และนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมได้ยินคำพูดของเขา แม้ว่าจะเป็นเสียงที่เปร่งมาจากร่างของนุชก็เถอะ
ความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นจนมึนงง ไม่ได้ทำให้ผมเอ่ยถามอะไรใครขึ้นมา รวมทั้งพี่เมฆและจันเองที่ก็คงจะมึนๆ งงๆ ไม่ต่างจากผม แต่พวกเราก็สงบคำพูดไว้ เพื่อคอยฟังการโต้ตอบระหว่าง สิงห์และพยัคฆ์
"ข้าจะยินดีหรือไม่ยินดี มันก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ข้าจะต้องมาดูให้เห็นกับตาว่า พี่ชายของข้ายังมีชีวิตอยู่ในดินแดนแห่งนี้จริงๆ ใช่หรือไม่ " พยัคฆ์ตอบพี่ชายฝาแฝดของตนราวกับจะยอกย้อน
"ในเมื่อได้เห็นแล้วว่า ข้ากลับเข้ามาอยู่ในดินแดนแห่งนี้แล้ว ความโน้มเอียงของเจ้า น่าจะไม่รู้สึกยินดีกับการมีข้าอยู่ในดินแดนแห่งนี้หรอกกระมัง? " สิงห์ยังถามน้องชายฝาแฝดของตนเอง
"พี่ชาย... แม้ข้าจะรู้สึกพึงพอใจมากกว่าที่ได้เห็นท่านออกไปอยู่ที่ดินแดนภายนอกอย่างโลกของคนเถื่อนพวกนั้น แต่การที่ได้เห็นท่านกลับเข้ามาอยู่ในดินแดนแถบนี้ ข้าก็ไม่ได้วิตกอะไรเท่ากับการที่จะเห็นท่านหวนคืนสู่อณาจักรวาณิการ์หรอกนะ..."
"ข้าไม่ได้มีความมุ่งหวังจะกลับเข้าสู่วาณิการ์ และอีกอย่าง ข้านั้นก็ไม่ได้มีกุญแจที่จะไขผ่านมิติกลับเข้าไปได้อีกแล้ว" ดูเหมือนสิงห์จะพูดความจริงในเรื่องนี้
แต่พยัคฆ์กลับหัวเราะออกมาเบาๆ "ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อท่านง่ายๆ ในเรื่องนี้หรือ? "
สิงห์นิ่งเงียบไปอึดใจ "เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่ พยัคฆ์? "
พยัคฆ์ยิ้มออกมาอย่างเบาบาง แต่ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความปราถนาบางอย่าง
"ที่จริง ข้าต้องการ ดวลกับท่าน พี่ชายของข้า ข้าต้องการดวลกับท่านที่ในดินแดนแห่งนี้ ข้าไม่ต้องการให้ท่านไปเผชิญหน้ากับข้าที่วาณิการ์ นี่คือความมุ่งหวังที่แท้จริงของข้า..."
สีหน้าของสิงห์ในร่างนุชเเปรเปลี่ยนไปไม่น้อย "ทำไม... ทำไมกัน เราจำเป็นจะต้องมาหาญหักกันด้วยความตายของฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่งด้วยอย่างนั้นหรือ ข้าเองนั้นไม่ได้เคยคิดจะทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย บัลลังก์นั้นข้าก็ไม่ต้องการ เพราะข้าก็ได้ยกให้เจ้าไปเเล้ว? "
สีหน้าของพยัคฆ์ตอนนี้ราวกับจะปราศจากความรู้สึก "วันนี้ท่านไม่ต้องการ แต่วันหน้าใครล่ะจะรู้ได้...? "
"เจ้า... เจ้าคิดอย่างนี้หรอกรึ? "
"ใช่... เพราะอย่างนี้เราจึงควรจะดวลกัน โดยมิต้องออมแรงให้กัน เพื่อให้รู้กันไป ว่าใครคือผู้ที่คู่ควรกับบัลลังก์อณาจักรวาณิการ์อย่างแท้จริง! "
การสนธนาโต้ตอบของฝาแฝดทั้งสองนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ได้เข้าใจเรื่องระหว่างเขาสองคนโดยคร่าวๆ ทั้งหมดในตอนนี้เอง
คนหนึ่งไม่ต้องการหวนคืนไปเยื้อแย่งบัลลังก์ในอณาจักรบ้านเกิด
อีกคนหนึ่งหวาดระแวงกับการถูกเยื้อแย่งบัลลังก์ในอนาคตข้างหน้า
และหนทางแห่งการมีเพียงหนึ่ง ก็อาจจะเหลือวิธีนี้วิธีเดียวจริงๆ
"ข้าขอถามอะไรหน่อย...? " เสียงของท่านจ้าวเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นว่าแฝดทั้งสองนิ่งเงียบกันไปชั่วขณะ
"ท่านพยัคฆ์เข้ามาในหมู่บ้านชาวมิตทราห์ของเราได้อย่างไรกัน และทำไมท่านต้องอำพรางตัวเป็นท่านมหาดาบส แล้วท่านมหาดาบสตัวจริงตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่? "
พยัคฆ์หันมามองท่านจ้าว "เรื่องนี้ตอนแรกข้าก็ไม่ได้ตั้งใจ ข้าเกรงว่า...? "
"มิมีสิ่งใดที่ท่านต้องเกรง! " เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น "ท่านพยัคฆ์ ท่านได้ตกลงร่วมมือกับข้าแล้วมิใช่หรือ ดังนั้นข้าถึงวางแผนให้ท่านเข้ามาดักรอคนที่ท่านต้องการและพวกศัตรูของข้าอยู่ในที่แห่งนี้? "
แล้วผมก็เห็นอาการอันตกตะลึงพรึงเพริดของท่านจ้าวทันที และแม้แต่มูติชาห์ก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก!
"อัณ... อัณยาวีร์...?! " ท่านจ้าวเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา แม้ว่าพวกเราทั้งหมดจะยังมองหาเจ้าของเสียงยังไม่เจอ แต่เสียงนี้ก็คงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว?
คุณพระ... การหลบหนีมาตามทางลับเพื่อหวังจะตลบหลังอัณยาวีร์ตามแผนของท่านจ้าวในครั้งนี้ กลับจะเป็นการพาตัวเองมาติดกับกันซะมากกว่าไปซะแล้วในตอนนี้
แล้วนี่จะทำยังไงกันต่อไปดีล่ะที่นี้...?!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
ไม่... ไม่ใช่สิ
สิงห์คนที่อยู่กับเราแม้จะเป็นสิงห์ที่อยู่ในร่างของนุชผู้เป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาสะสวยคมเข้ม แต่วิญญาณที่อยู่ภายในร่างนี้จะยังไงก็คือสิงห์จริงๆ อย่างแน่นอน เพราะสิงห์ในร่างนี้จะอย่างไรก็ได้ผจญเรื่องราวต่างๆ กับเรามาตั้งแต่อยู่ที่ห้องใต้ดินใต้บ้านแฝดนั่นแล้ว
แต่.. แต่สิงห์คนที่อยู่ข้างหน้าพวกเรานี้ หากมองตามกายภาพของหน้าตาที่เราได้เห็นอย่างชัดเจนในขณะนี้แล้ว เขาก็คือสิงห์ที่เคยอยู่ในแท่นศิลาของห้องใต้ดินนั้นอย่างแน่นอน
"สิงห์... เจ้าชายสิงหราช? เอ๊ะ...?! " ท่านจ้าวแห่งมิตทราห์ถึงกับชงักในคำพูด แล้วเปลี่ยนสายตากลับมามองสิงห์ในร่างของนุชที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมอาการที่ตกตะลึงจนปากค้าง
แล้วสิงห์ในร่างของนุชก็ค่อยๆ เคลื่อนกายมาอยู่ที่เบื้องหน้า
และณ.ขณะนี้ สิงห์ผู้มีลักษณะทางกายภาพแบบเดิมๆ กับสิงห์ที่มีลักษณะทางกายภาพเป็นสาวน้อย ก็กำลังจ้องมองหน้าของกันและกันอย่างไม่กระพริบตา โดยมีแค่ลูกกรงเหล็กของห้องขังกั้นกลางเท่านั้น!
"พ่อจ้าว..." มูติชาห์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ท่านจ้าวเอ่ยขึ้น "ท่านยังจำสิงห์ตัวจริงไม่ได้รึ ว่าเขาแตกต่างจากสิงห์คนนี้ยังไง ท่านลองมองหน้าเขาดูดีๆ สิ? "
ท่านจ้าวตาลุกโพลง
"แตกต่างกันยังไงน่ะรึ...? โอ... ข้านึกออกแล้ว ที่... ที่ตรงใต้ใบหูด้านซ้ายนั่นยังไงล่ะ ถ้าเป็นสิงห์ตัวจริง จะต้องมีไฝเม็ดเล็กๆ อยู่ที่ตรงนั้นด้วย...! "
สิ้นคำของท่านจ้าว เสียงปรบมือสามครั้งก็ดังมาจากร่างของคนที่สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่และมีใบหน้าเหมือนสิงห์นั้น แล้วเขาก็จ้องหน้าของมูติชาห์ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
"ข้าขอแสดงความนับถือกับบุตรของท่านจ้าวที่มีสายตาหลักแหลมและความทรงจำอันเป็นเลิศ..."
จากนั้นเขาก็หันไปมองท่านจ้าว พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างมาไขว้กันบนหน้าอกพร้อมกับค้อมตัวลงอันเป็นลักษะณะของการแสดงการคาราวะแบบที่ผมเคยเห็นสิงห์ในร่างนุชทำเช่นนี้มาก่อน
"ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กน้อยผู้ยังไม่รู้ความอะไรมากนัก ข้าก็เคยได้พบเห็นท่านมาก่อนในระยะห่างเพียงไม่กี่วา ท่านเองก็คงจะจดจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้หรอกกระมัง? "
ท่านจ้าวหันไปมองมูติชาห์ด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยคำถามทันที
แล้วมูติชาห์ก็ยิ้มออกมาที่มุมปากราวกับว่าเขาจะไม่ได้มีความงงงวยใดๆ อีกต่อไปแล้ว
"พ่อจ้าว ท่านเองก็รู้เหมือนกับข้านะ ว่าสาเหตุที่สิงห์ตัวจริงต้องมาระเหเร่ร่อนจนสุดหล้าฟ้าเขียวและยังพลัดหลงเข้าไปในโลกของพวกคนเถื่อน เอ้อ... โลกมนุษย์ข้างนอกน่ะ ก็มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากบุคคลผู้อยู่เบื้องหน้าของพวกเราในขณะนี้ยังไงล่ะ..."
ท่านจ้าวหันกลับไปมองคนที่มีหน้าตาเหมือนกับสิงห์ตัวจริงทันที
"ข้า... ข้านึกออกแล้ว ใช่แล้ว... แท้ที่จริง เจ้าชายสิงหราชก็ยังเคยมีน้องชายอีกผู้หนึ่ง ไม่ใช่สิ... ที่จริงก็คือ 'แฝดผู้น้อง' ของเขานั่นเอง! "
สิ้นคำของท่านจ้าว นอกจากมูติชาห์กับสิงห์ในร่างนุชแล้ว พวกเราคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าที่ตื่นตะลึงกันหมด
อา... ที่แท้บุคคลผู้มีหน้าตาเหมือนกับสิงห์ผู้นี้ ก็คือน้องชายฝาแฝดของเขานั่นเอง!
ก็แล้วเขามาทำอะไรอยู่ในหมู่บ้านของชาวมิตทราห์แห่งนี้กันล่ะนี่?
และที่ผมงงงวยอีกอย่างก็คือ แล้วทำไมเขาจะต้องมาปลอมตัวเป็นท่านมหาดาบสและเข้ามาอยู่ในคุกใต้ดินแห่งนี้ด้วยล่ะ?
"ข้าขอแนะนำตัวข้าสักหน่อย" ผู้ที่ถูกกล่าว่าเป็นน้องชายของสิงห์พูดขึ้น "เพราะจะอย่างไรคนเกือบทั้งหมดในที่นี้ก็คงจะยังไม่ได้รู้จักข้ามาก่อนหน้านี้แน่ๆ นามสั้นๆ ของข้าก็คือ 'พยัคฆ์' และในนามของผู้สืบทอดราชบัลลังก์แห่งอณาจักรวาณิการ์ข้าก็คือ 'เจ้าชายพยัคฆินทร์' "
คุณพระ...! เขาไม่ได้เป็นแค่น้องชายฝาแฝดของสิงห์ แต่เขากลับเป็นเจ้าชายผู้สืบทอดบัลลงก์อณาจักรวาณิการ์อีกคนด้วยอย่างนั้นหรือ?! "
มาถึงตรงนี้ผมเองก็เริ่มพอจะเข้าใจหรือมองเห็นเค้าลางของปัญหาที่ได้เกิดขึ้นกับสิงห์ขึ้นมาทีล่ะนิดทีล่ะหน่อยแล้ว
พยัคฆ์หรือเจ้าชายพยัคฆินทร์ หันไปมองหน้าสิงห์และค้อมตัวให้เล็กน้อย
"สวัสดีพี่ชาย เราสองคนไม่ได้พบไม่ได้เจอกันซะนานเลยนี่นะ? "
สิงห์ในร่างนุชเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย (บางทีเขาอาจจะต้องการจ้องหน้าพยัคฆ์ให้ถนัดๆ เพราะรูปร่างของนุชถือว่าเล็กมากเมือเปรียบเทียบกับพยัคฆ์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่)
"และเจ้าคงจะไม่ได้มีความยินดีอะไรนัก ที่ได้พบข้าที่ ณ.ที่นี่กระมัง? "
สิงห์ที่อยู่ในร่างนุชกลับพูดออกมาหน้าตาเฉย และประโยคอันดังฟังชัดนี้ ก็เหมือนสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงมาที่พวกเราสามคน (คือผม พี่เมฆและจัน)
คุณพระ...! นี่สิงห์ในร่างนุชพูดได้ตั้งแต่ตอนไหนกันล่ะนี่?!
และนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมได้ยินคำพูดของเขา แม้ว่าจะเป็นเสียงที่เปร่งมาจากร่างของนุชก็เถอะ
ความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นจนมึนงง ไม่ได้ทำให้ผมเอ่ยถามอะไรใครขึ้นมา รวมทั้งพี่เมฆและจันเองที่ก็คงจะมึนๆ งงๆ ไม่ต่างจากผม แต่พวกเราก็สงบคำพูดไว้ เพื่อคอยฟังการโต้ตอบระหว่าง สิงห์และพยัคฆ์
"ข้าจะยินดีหรือไม่ยินดี มันก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ข้าจะต้องมาดูให้เห็นกับตาว่า พี่ชายของข้ายังมีชีวิตอยู่ในดินแดนแห่งนี้จริงๆ ใช่หรือไม่ " พยัคฆ์ตอบพี่ชายฝาแฝดของตนราวกับจะยอกย้อน
"ในเมื่อได้เห็นแล้วว่า ข้ากลับเข้ามาอยู่ในดินแดนแห่งนี้แล้ว ความโน้มเอียงของเจ้า น่าจะไม่รู้สึกยินดีกับการมีข้าอยู่ในดินแดนแห่งนี้หรอกกระมัง? " สิงห์ยังถามน้องชายฝาแฝดของตนเอง
"พี่ชาย... แม้ข้าจะรู้สึกพึงพอใจมากกว่าที่ได้เห็นท่านออกไปอยู่ที่ดินแดนภายนอกอย่างโลกของคนเถื่อนพวกนั้น แต่การที่ได้เห็นท่านกลับเข้ามาอยู่ในดินแดนแถบนี้ ข้าก็ไม่ได้วิตกอะไรเท่ากับการที่จะเห็นท่านหวนคืนสู่อณาจักรวาณิการ์หรอกนะ..."
"ข้าไม่ได้มีความมุ่งหวังจะกลับเข้าสู่วาณิการ์ และอีกอย่าง ข้านั้นก็ไม่ได้มีกุญแจที่จะไขผ่านมิติกลับเข้าไปได้อีกแล้ว" ดูเหมือนสิงห์จะพูดความจริงในเรื่องนี้
แต่พยัคฆ์กลับหัวเราะออกมาเบาๆ "ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อท่านง่ายๆ ในเรื่องนี้หรือ? "
สิงห์นิ่งเงียบไปอึดใจ "เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่ พยัคฆ์? "
พยัคฆ์ยิ้มออกมาอย่างเบาบาง แต่ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความปราถนาบางอย่าง
"ที่จริง ข้าต้องการ ดวลกับท่าน พี่ชายของข้า ข้าต้องการดวลกับท่านที่ในดินแดนแห่งนี้ ข้าไม่ต้องการให้ท่านไปเผชิญหน้ากับข้าที่วาณิการ์ นี่คือความมุ่งหวังที่แท้จริงของข้า..."
สีหน้าของสิงห์ในร่างนุชเเปรเปลี่ยนไปไม่น้อย "ทำไม... ทำไมกัน เราจำเป็นจะต้องมาหาญหักกันด้วยความตายของฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่งด้วยอย่างนั้นหรือ ข้าเองนั้นไม่ได้เคยคิดจะทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย บัลลังก์นั้นข้าก็ไม่ต้องการ เพราะข้าก็ได้ยกให้เจ้าไปเเล้ว? "
สีหน้าของพยัคฆ์ตอนนี้ราวกับจะปราศจากความรู้สึก "วันนี้ท่านไม่ต้องการ แต่วันหน้าใครล่ะจะรู้ได้...? "
"เจ้า... เจ้าคิดอย่างนี้หรอกรึ? "
"ใช่... เพราะอย่างนี้เราจึงควรจะดวลกัน โดยมิต้องออมแรงให้กัน เพื่อให้รู้กันไป ว่าใครคือผู้ที่คู่ควรกับบัลลังก์อณาจักรวาณิการ์อย่างแท้จริง! "
การสนธนาโต้ตอบของฝาแฝดทั้งสองนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ได้เข้าใจเรื่องระหว่างเขาสองคนโดยคร่าวๆ ทั้งหมดในตอนนี้เอง
คนหนึ่งไม่ต้องการหวนคืนไปเยื้อแย่งบัลลังก์ในอณาจักรบ้านเกิด
อีกคนหนึ่งหวาดระแวงกับการถูกเยื้อแย่งบัลลังก์ในอนาคตข้างหน้า
และหนทางแห่งการมีเพียงหนึ่ง ก็อาจจะเหลือวิธีนี้วิธีเดียวจริงๆ
"ข้าขอถามอะไรหน่อย...? " เสียงของท่านจ้าวเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นว่าแฝดทั้งสองนิ่งเงียบกันไปชั่วขณะ
"ท่านพยัคฆ์เข้ามาในหมู่บ้านชาวมิตทราห์ของเราได้อย่างไรกัน และทำไมท่านต้องอำพรางตัวเป็นท่านมหาดาบส แล้วท่านมหาดาบสตัวจริงตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่? "
พยัคฆ์หันมามองท่านจ้าว "เรื่องนี้ตอนแรกข้าก็ไม่ได้ตั้งใจ ข้าเกรงว่า...? "
"มิมีสิ่งใดที่ท่านต้องเกรง! " เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น "ท่านพยัคฆ์ ท่านได้ตกลงร่วมมือกับข้าแล้วมิใช่หรือ ดังนั้นข้าถึงวางแผนให้ท่านเข้ามาดักรอคนที่ท่านต้องการและพวกศัตรูของข้าอยู่ในที่แห่งนี้? "
แล้วผมก็เห็นอาการอันตกตะลึงพรึงเพริดของท่านจ้าวทันที และแม้แต่มูติชาห์ก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก!
"อัณ... อัณยาวีร์...?! " ท่านจ้าวเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา แม้ว่าพวกเราทั้งหมดจะยังมองหาเจ้าของเสียงยังไม่เจอ แต่เสียงนี้ก็คงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว?
คุณพระ... การหลบหนีมาตามทางลับเพื่อหวังจะตลบหลังอัณยาวีร์ตามแผนของท่านจ้าวในครั้งนี้ กลับจะเป็นการพาตัวเองมาติดกับกันซะมากกว่าไปซะแล้วในตอนนี้
แล้วนี่จะทำยังไงกันต่อไปดีล่ะที่นี้...?!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ