สืบสู้ผี ภาค 1-2

8.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.

  73 ตอน
  3 วิจารณ์
  64.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

67) อัณยาวีร์ สตรีแห่งความแค้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ยังไม่ทันที่ท่านจ้าวและมูติชาห์จะกล่าวสิ่งใดออกมา เสียงฝีเท้าของทหารที่มีจำนวนหลายสิบคนก็ดังกระทบพื้นขึ้นอย่างเอ็ดอึง พร้อมๆ กับที่ปรากฏเงาร่างของพวกเขาขึ้นที่ด้านหน้าบันไดทางลงห้องขังใต้ดิน

จากนั้นทหารที่ตั้งแถวเรียงเดี่ยวสองแถวก็ค่อยๆ เปิดทางให้สตรีนางหนึ่งเดินออกมาด้านหน้า

สตรีผู้นี้แต่งกายด้วยชุดที่สวยงามอย่างวิจิตรราวกับเป็นพระนางคลีโอพัตรากลับชาติมาเกิด ดวงตาของนางทั้งคู่คมกริบ และริมฝีปากของนางก็แดงเข้มราวกับโลหิตสดๆ ที่มุมปากทั้งสองข้างของนางในตอนนี้ก็ปรากฏรอยยิ้มอันเหยียดหยันออกมา ขณะที่ดวงตาของนางก็มองเขม็งมายังท่านจ้าวแห่งมิตทราห์และมูติชาห์

"อัณยาวีร์..." มูติชาห์เรียกชื่อออกมาราวกับไม่ตั้งใจ และก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า สตรีที่ได้ปรากฏกายพร้อมกับทหารที่แต่งกายเหมือนกับทหารของท่านจ้าวนี้ก็คือ อัณยาวีร์ นั่นเอง

"ในที่สุดพวกท่านก็กลับมา..." อัณยาวีร์เอ่ยขึ้นกับท่านจ้าว "ถึงแม้ว่าพวกท่านจะไม่กลับมาในทางด้านหน้า แต่ก็ยังอุตส่าห์กลับมาในทางอ้อมๆ ซึ่งเป็นทางลับที่ท่านกับมูติชาห์ได้อุตส่าห์แอบไปสำรวจกันไว้เมื่อก่อนหน้านี้โดยที่คาดคำนวณกันไปเองว่าจะไม่มีใครล่วงรู้ได้ ฮิฮิ" หางเสียงของอัณยาวีร์ดูจะขบขันอยู่ไม่น้อย

แล้วท่านจ้าวก็ก้าวขึ้นมาอยู่ด้านหน้าพวกเราทุกคน

"อัณยาวีร์ เจ้าหักหลังเราในครั้งนี้เพื่อสิ่งใดกันแน่ เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วอะไรมันจะดีขึ้นเหรอ และบรรดาทหารที่เจ้าเปลี่ยนพวกเขาให้ไปเป็นทาสปิศาจนั้น เจ้าไม่คิดว่าจะเป็นการกระทำที่เกินเลยไปหรืออย่างไร เจ้าอย่าลืมสิว่า พวกเขาก็เป็นชาวมิตทราห์เหมือนกับเจ้านะ? " ท่านจ้าวระดมคำพูดถามอัณยาวีร์ไปทันที

ดวงตาของอัณยาวีร์ถึงกับแข็งกร้าวขึ้นมาอีกเล็กน้อย "สิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดนี้มันจะไม่มีอะไรดีขึ้นสำหรับพวกท่านหรือชาวมิตทราห์ที่เหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ข้าทำนี้ท่านก็น่าจะพอเดาได้ว่ามันเป็นการชำระแค้นของข้าที่ท่านได้บังอาจทำให้คนที่ข้ารักที่สุดและเป็นความหวังและอนาคตทุกอย่างของข้าต้องมามลายหายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ! "

แล้วอัณยาวีร์ก็ก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิมพลางยกนิ้วขึ้นชี้หน้าของท่านจ้าว

"ข้าเกลียดท่านและทุกอย่างที่เป็นของท่าน ไม่เว้นแต่ทหารที่เป็นเผ่าพันธ์ุของท่านทั้งหมด เเละข้าไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่ข้าทำในครั้งนี้ เพราะจะอย่างไรแล้วข้าเองก็มีสายเลือดของชาวมิตทราห์อยู่แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น! "

เมื่ออัณยาวีร์พูดอย่างนี้แล้ว พวกเราก็ถึงกับอึ้งกันไปหมด แล้วผมก็เห็นว่ามูติชาห์ได้ขยับขึ้นไปยืนเคียงข้างท่านจ้าวอีกครั้ง

"ถ้างั้นก็ดี! " มูติชาห์ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าอัณยาวีร์บ้าง "ในเมื่อเจ้าได้กลายเป็นคนทรยศต่อพวกเราชาวมิตทราห์โดยสมบูรณ์อย่างนี้แล้ว ข้าก็จะไม่นับว่าเจ้าเป็นชาวมิตทราห์อีกต่อไป และโทษทัณฑ์ของคนทรยศแบบร้ายแรงแบบนี้ มันก็คือความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! "

อัณยาวีร์กลับหัวเราะคิกออกมา

"มูติชาห์ ท่านยังคิดว่าท่านจะมีโอกาสหยิบยื่นความตายให้กับข้าอีกอย่างนั้นเหรอ ทำไมท่านไม่ดูสถานะของตัวเองในตอนนี้ว่าเป็นยังไง ตอนนี้พวกท่านทุกคนได้ติดอยู่ในอีกฝั่งของลูกกรง และมีสภาพที่ไม่ได้แตกต่างกับนักโทษที่อยู่ในกรงขังของข้าเลยเเม้แต่น้อย ข้าจะบีบจะตายจะคลายก็รอด หากแต่ข้านั้นยินดีที่จะเห็นพวกเจ้าได้ตายกันอยู่ในที่นี้ซะมากกว่านะ ฮ่าฮ่าฮ่า" อัณยาวีร์เงยหน้าขึ้นหัวเราะราวกับจะคุ้มคลั่ง

"อัณยาวีร์! " เสียงของพยัคฆ์ดังขึัน "ก่อนที่เจ้าจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรในตอนนี้ ก็ขอให้เจ้าปลดปล่อยสิงห์ออกมาก่อน เจ้าอย่าลืมว่าเราได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า เมื่อข้าได้ปลอมตัวเป็นมหาดาบสเพื่อลวงให้พวกเขาเข้ามาติดอยู่ในกรงแบบนี้แล้ว เจ้าจะยอมปล่อยสิงห์ออกมา เพื่อที่จะให้เขาดวลกับข้าที่ข้างนอก"

อัณยาวีร์เชิดหน้ามองพยัคฆ์ สีหน้าของนางก็เหมือนกับจะประเมินสถานการณ์บางอย่างในขณะนี้

"ก็ได้ เปิดประตูลูกกรงทางฝั่งท่าน และนำสิงห์นั่นไปกับท่าน ส่วนเรื่องราวที่เหลือทางนี้ท่านอย่าได้ยุ่งเกี่ยวใดๆ อีกทั้งสิ้น! "

สีหน้าแห่งความพึงพอใจฉายวาบขึันมาบนใบหน้าของพยัคฆ์ เขารีบเดินไปปลดกุญแจลูกกรงของทางฝั่งเขาเพื่อที่จะให้สิงห์ออกไปกับเขาเพียงคนเดียว

"พี่ชาย..." พยัคฆ์เงยหน้าขึ้นมองสิงห์ "การดวลครั้งนี้สำคัญกับเราทั้งสองคนมาก ไม่ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ ข้าก็จะยอมรับ ข้าจะไม่เสียใจเลย หากข้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของท่าน" พยัคฆ์พูดจบขณะที่ได้ปลดกุญแจเสร็จพอดี

แต่ว่า สิงห์กลับไม่ได้ขยับตัวตามพยัคฆ์ออกไป หางตาของเขาเหลียวกลับมามองพวกเราวูบหนึ่ง จากนั้นก็ชำเลืองไปมองทางอัณยาวีร์ก่อนที่จะหันไปสบตากับพยัคฆ์อีกครั้ง

พยัคฆ์เองเมื่อเห็นว่าสิงห์ยังไม่ขยับตัว เขาก็ผายมือเพื่อกระตุ้นให้สิงห์เดินตามออกไป

"พยัคฆ์..." สิงห์ผู้อยู่ในร่างของสาวน้อยเรียกเบาๆ "ข้าจะไม่ออกไป และจะไม่ดวลกับเจ้า หากเจ้าไม่ช่วยพวกของข้าที่ติดอยู่ทางด้านนี้ออกไปด้วย หากเจ้าจะไม่ฟังสตรีนางนั้น และทำตามที่ข้าขอร้องนี้ ข้าก็จะยินดีดวลกับเจ้าอย่างสุดฝีมือ..."

"เจ้า...! " พยัคฆ์อดจะขบกรามไม่ได้

อา... สิ่งที่สิงห์ได้พูดกับพยัคฆ์นี้ ผมและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน

น้ำใจของสิงห์ช่างน่ายกย่องนัก เขากลับไม่คิดจะออกจากที่แห่งนี้ไปโดยลำพังโดยที่ไม่มีพวกเราอยู่ด้วย แม้ว่าอนาคตอันใกล้ของเขาอาจจะต้องสังเวยให้กับอาวุธของพยัคฆ์ก็ตาม

พยัคฆ์หลับตาราวกับจะข่มอารมณ์บางอย่างอยู่ชั่ววูบ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยประกายตาที่เหมือนจะเห็นใจในคำขอร้องของสิงห์

"พวกเจ้ามัวลังเลอะไรกันอยู่...?! " น้ำเสียงอันกรีดก้องของอัณยาวีร์ดังขึ้นทันที "ทหาร...! "

เสียงเรียกอันดุดันของนาง ราวกับจะตระหนักรู้ขึ้นมาในเวลานี้ถึงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล และนั่นก็ทำให้ทหารมิตทราห์ที่กลายพันธ์เป็นทหารปิศาจของนางรีบยกคันธนูเล็งตรงไปที่ทุกคนที่ติดอยู่อีกด้านของลูกกรงทันที!

"ท่านจะยิงข้าด้วยงั้นรึ อัณยาวีร์?! " พยัคฆ์ตวาดเสียงดัง

อัณยาวีร์ชงักไปชั่วขณะ แต่แล้วก็ยิ้มหยันขึ้นมา

"อาการลังเลของท่าน อย่าคิดว่าข้ามองไม่ออก และที่จริงท่านก็คงจะกำลังลงมือช่วยพวกมันทั้งหมด ท่านกำลังจะผิดข้อตกลงกับข้า ก็ถือว่าเป็นการทรยศหักหลังกันแบบหนึ่ง และมาคิดดูอีกที ท่านเองก็ไม่ได้มีประโยชน์กับข้าอีกต่อไป ดังนั้นถ้าท่านตายไปอีกคน ข้าก็ไม่ได้สูญเสียสิ่งใดนี่ จริงไม๊? "

"ทหาร...! " อัณยาวีร์ยกมือจะให้สัญญาณระดมยิงอีกครั้ง

จันที่มีสีหน้าซีดเผือดมาก่อนหน้านี้ก็ถึงกับเอาหน้าเข้ามาเบียดอยู่บนต้นแขนของผมอย่างตัวสั่นเทิ้ม

"พี่... พี่กิต งานนี้เราจะตายกันด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากตัวเม่นกันแล้วสินะ... อึ๋ย" จันครวญครางพร้อมกับหลับตาปี๋

ขณะที่อัณยาวีร์จะยกมือลงเป็นสัญญาณให้ยิงลูกธนู และขณะที่่พวกท่านจ้าวก็กำลังเตรียมตั้งรับอยู่ในจุดที่เสียเปรียบเพราะอยู่ในที่แคบและมีลูกกรงล้อมรอบ เสียงปริศนาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

"หยุดก่อน อัณยาวีร์ อย่าเพิ่งลงมือ หากว่าเจ้าฝืนลงมือในครั้งนี้ ก็ไม่แน่นักว่าจะฆ่าพวกมันได้หมด แถมอาจจะเป็นภัยย้อนมาหาเจ้าในเวลาอันรวดเร็วได้อีกด้วย..."

เสียงปริศนานี้ช่างฟังดูคุ้นหูผมอยู่ไม่น้อย เอ๊ะ... นี่มันเสียงใครกัน

และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองอัณยาวีร์ ก็เห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนสีไปไม่น้อยเลยทีเดียว

หรือว่าเจ้าของเสียงนี้จะมีอิทธพลต่ออัณยาวีร์อยู่ไม่น้อยกันล่ะนี่...?!

 

 

(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา