สืบสู้ผี ภาค 1-2

8.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.

  73 ตอน
  3 วิจารณ์
  64.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

63) ผงพิษ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

เส้นทางภายในเส้นทางลับที่ท่านจ้าวกับมูติชาห์ได้เคยสำรวจค้นพบมาก่อนหน้านี้ไม่ได้เดินทางได้ยากเท่าไรนัก แม้ว่าพวกเราทั้งหมดจะต้องเดินเข้าไปแบบแถวเรียงเดี่ยวก็ตาม แต่ถ้าจะต้องเดินไปแบบสองคนคู่กันก็พอไหวแต่อาจจะเดินยากหรือเดินไม่สบายเท่า เพราะว่าที่จริงแล้วความกว้างของทางเดินก็ไม่ได้คับแคบเท่าไรนัก และบ่อกำมะถันที่ขนานไปกับทางเดินที่อยู่ทางด้านขวาของเราก็ไม่ได้รบกวนเราเท่าไรนักเช่นกัน แต่ทว่าเมื่อเราเดินทางกันไปได้ประมาณสักเกือบยี่สิบนาทีเราทั้งหมดก็ได้เริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างขึ้นมาทันที

"พี่กิต ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันหายใจได้ลำบากขึ้นทุกที" จันหันมาถามผมเบาๆ ขณะที่ยังคงก้าวเดินมาทางด้านหลังผมด้วยท่าทางกระปรกกระเปรี้ยชอบกล

และนั้นก็ไม่ใช่มีแต่จันเพียงคนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น เพราะกับผมเองก็ยังรู้สึกได้ว่า ภายในถ้ำตอนนี้เหมือนจะมีอากาศเบาบางลงหรือมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่า มันหายใจได้ยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม

และเมื่อผมเหลียวกลับไปดูหน้าพี่เมฆก็ได้เห็นว่าเขากำลังเดินตามมาด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น แถมยังคอยแหงนหน้ามองไปที่เพดานถ้ำอยู่เป็นระยะๆ

"มีสิ่งผิดปกติเหรอครับพี่เมฆ? " หลังจากปล่อยให้จันเดินนำหน้าผมขึ้นไปก่อน ผมก็เอ่ยถามพี่เมฆทันที

"ใช่ ใช่แน่ๆ " พี่เมฆบอกออกมาเบาๆ ขณะที่สายตาของเขาก็ยังคงสอดส่ายไปตามมุมต่างๆ ของเพดานถ้ำ และนั่นก็ทำให้ผมอดจะมองตามสายตาพี่เมฆขึ้นไปไม่ได้

"มันคืออะไรเหรอครับพี่เมฆ มันจะเกี่ยวกับการที่เหมือนจะมีอะไรมาทำให้หายใจกันได้ยากลำบากมากขึ้นหรือเปล่าครับ เมื่อกี้จันเองก็บ่นอยู่เหมือนกันนะครับ ว่ารู้สึกหายใจได้ลำบากมากขึ้น? "

"นั่นล่ะๆ น้องกิตติ พี่เองก็กำลังมองหาสิ่งนั้นอยู่ สิ่งที่อาจจะโปรยอะไรบางอย่างลงมาในอากาศจนทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงจนผิดปกติน่ะ..."

คำตอบของพี่เมฆทำให้ผมแทบจะหยุดเดินทันที

"ว่าไงนะครับ... สิ่งที่อาจจะโปรยอะไรลงมางั้นเหรอครับ? " ผมกระพริบตาปริบๆ มองพี่เมฆอย่างงๆ "มันจะมีอะไรมาโปรยได้ล่ะครับ และถ้าเป็นพวกค้างคาวหรือพวกนกเล็กๆ พวกมันก็คงจะส่งเสียงกระพือปีกให้เราได้ยินกันบ้างแน่ๆ มั้งครับ? "

พี่เมฆเปลี่ยนสายตามาที่ผมทันที

"น้องกิตติ สิ่งมีชีวิตที่บินได้นั้น ไม่ใช่จะบินแล้วมีเสียงกันทั้งหมดนะ..."

แล้วเสียงเฟี้ยวของวัตถุที่พุ่งผ่านอากาศก็ดังผ่านหูของผมขึ้นไปสู่เบื้องบน และนั่นก็ดูเหมือนจะเป็นเสียงของลูกธนูนั่นเอง จากนั้นเมื่อพวกทหารที่เดินอยู่ทางด้านหน้าได้ชูคบไฟขึ้นไป พวกเราก็ได้เห็นลางๆ ว่ามีลูกธนูดอกหนึ่งได้เสียบปักตรึงอยู่บนผนังเพดานถ้ำที่อยู่เลยข้างหน้าผมและพี่เมฆไปเล็กน้อย

จากนั้นผมก็รู้สึกว่าเหมือนจะมีอะไรบางอย่างหมุนคว้างตกลงมาจากเบื้องบนด้วย

และเมื่อมันตกถึงพื้นใกล้ๆ เบื้องหน้าผม ผมก็แทบผงะหน้าหงายไปทันที

เพราะไอ้สิ่งที่ตกลงมานั้นมันกลับมีดวงตาขนาดใหญ่ที่ดูน่ากลัวอยู่บนเรือนร่างของมัน และมันก็เป็นดวงตาที่ราวกับจะข่มขวัญทุกๆ สิ่งที่มองจ้องมัน

แต่สิ่งนี้ก็ได้ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของพี่เมฆเมื่อสักครู่นี้ทันที เพราะแท้ที่จริงมันก็คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเคลื่อนไหวหรือบินอยู่ในอากาศได้อย่างที่แทบจะไร้สุ้มเสียง และมันก็มีขนาดที่ใหญ่กว่าที่ผมได้เคยเจอเคยเห็นจากที่อื่นมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด

และสิ่งนี้มันก็คือ ผีเสื้อยักษ์สีโทนดำที่มีปีกขนาดใหญ่และมีดวงตาเทียมอันน่าขนลุกอยู่บนปีกข้างหนึ่งของมันนั่นเอง!

ดูเหมือนว่าเจ้าผีเสื้อยักษ์ที่ตกลงมานี้จะไม่สามารถโผบินขึ้นไปในอากาศได้อีกต่อไป เพราะเมื่อมองดูดีๆ แล้วผมก็เห็นว่ามันกลับเหลือปีกอยู่เพียงข้างเดียว ก็แล้วปีกอีกข้างหนึ่งของมันหายไปไหนกันล่ะ?

เสี้ยวินาทีนั้นผมก็นึกได้พอดีว่าปีกอีกข้างหนึ่งของมันน่าจะหายไปอยู่ที่ไหน

เพราะเสียงเฟี้ยวของลูกธนูเมื่อกี้นี้นั่นเอง ที่คงจะพุ่งเข้าเด็ดปีกของมันข้างหนึ่งเข้าพอดี และฝีมือในการยิงธนูจนถึงกับเด็ดปีกสัตว์ชนิดนี้ในความมืดได้ก็จัดอยู่ในขั้นเซียนจริงๆ!

พอผมตั้งสติหายกลัวกับเจ้าดวงตาเทียมที่ปรากฏอยู่บนปีกข้างเดียวของเจ้าผีเสื้อยักษ์ได้แล้ว ผมก็พยายามที่จะเข้าไปดูใกล้ๆ ตัวมันและมันก็ยังคงดิ้นกระเเด่วๆ อยู่บนพื้นตรงนั้นเพราะยังไม่ตายนั่นเอง

"อย่าน้องกิตติ...! อย่าเข้าไปใกล้ๆ มันนัก! " เสียงของพี่เมฆดังออกมา จนผมต้องรีบยั้งร่างของตัวเองให้ถอยออกมาแทบไม่ทัน

"อะไรกันครับพี่เมฆ มันก็แค่ผีเสื้อกลางคืนที่ดูน่ากลัวกว่าปกติทั่วๆ ไปไม่ใช่เหรอครับ...? " ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าพี่เมฆ

"มันนี่ล่ะ... พวกมันนี่ล่ะ ที่เป็นสาเหตุให้อากาศภายในถ้ำนี้ผิดปกติยังไงล่ะน้องกิตติ" แล้วพี่เมฆก็ชี้ไปที่ตัวของมันที่ยังคงขยับกระพือปีกที่เหลืออยู่ข้างเดียวของมันอย่างไม่ย่อท้ออยู่บนพื้นข้างหน้า

"ดวงตาเทียมที่อยู่บนปีกของมันที่ดูเหมือนจะน่ากลัวนั้น แท้ที่จริงๆ กลับไม่ได้มีพิษสงอะไรเลย แต่สิ่งที่มีพิษสงนั้นแท้ที่จริงก็คือสารผงพิษที่อยู่บนปีกของมัน น้องกิตติดูสิขนาดเจ้าตัวนี้ไม่สามารถบินได้แล้ว มันก็ยังอุตส่าห์จะพยายามสลัดสารผงพิษบนปีกที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวอย่างไม่ลดละ และสารผงพิษเหล่านี้ล่ะที่ได้ทำให้อากาศภายในถ้ำบริเวณนี้ผิดปกติจนหายใจได้อย่างยากลำบาก และถ้าเรายังคงสูดอากาศที่มีสารผงพวกนี้ปะปนอยู่ต่อๆ ไป อีกสักครู่เราจะถึงกับสิ้นไร้เรี่ยวแรงเลยทีเดียว"

"ท่านเมฆารอบรู้ไม่เบาๆ เลยจริงๆ " เสียงของท่านจ้าวดังขึ้นขณะที่กำลังค่อยๆ แหวกร่างออกมาจากกองทหารที่ได้หยุดเดินกันแล้ว

"และตอนนี้ข้าก็กล้าพูดได้เลยว่าข้าและพวกทหารของข้าทั้งหมดต่างก็ได้สูดสารผงพิษนี้กันถ้วนทั่วทั้งหมดแล้ว และแน่นอนว่าทางฝ่ายพวกท่านเองก็เลี่ยงหลบไม่พ้นเช่นกัน"

"และข้าก็บอกได้ว่า ไม่ต้องรอให้ถึงอีกครู่หนึ่ง ตอนนี้ผงสารพิษนั่นก็คงทำให้พวกท่านอ่อนเพลียกันไปไม่น้อยแล้วล่ะ" เสียงของมูติชาห์พูดขึ้นอีกคน ขณะที่เขาเองก็แหวกกองทหารออกมาพร้อมๆ กับสิงห์

"เจ้าผีเสื้อยักษ์ที่บินไปมาในอากาศอย่างแทบจะไร้สุ้มเสียงนี้ แท้ที่จริงไม่ได้มีตัวเดียว แต่มีอยู่ทั้งหมดราวๆ ยี่สิบตัว และสิงห์ก็เป็นเพียงผู้เดียวที่มีสายตามหัศจรรย์ คือเขาสามารถมองเห็นพวกผีเสื้อพวกนี้เคลื่อนไหวอยู่ในความมืดมาได้สักพักหนึ่งแล้ว และเขาก็รอหาจังหวะที่จะยิงพวกมันให้ได้อย่างน้อยตัวหนึ่ง และเมื่อกี้เขาก็หาจังหวะยิงได้พอดี" มูติชาห์พูดอย่างเรื่อยๆ โดยไม่ได้มีทีท่าที่จะตระหนกกับการถูกผงพิษของพวกผีเสื้อเหมือนอย่างพวกผม

"ฟังแล้ว เรื่องสารผงพิษนั่นดูจะน่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยนะครับ..." ผมกล่าวขึ้น "และถ้าอีกสักครู่พวกศัตรูเกิดตามมาจู่โจมพวกเราอีก คราวนี้เราจะเอาร่างกายเพลียๆ ของพวกเราไปสู้กับพวกมันได้ยังไงกันล่ะนี่? "

มูติชาห์กลับทำหน้าเกรียนๆ ก่อนตอบออกมา

"สู้ไม่ไหวก็คงได้ตายกันยกถ้ำนี่ล่ะ"

"ตายแล้วๆ แม่จ๋าของจัน..! " จันที่ยืนข้างๆ ผมอุทานจนปากค้าง

"ฮ่าๆ มูติชาห์เจ้าอย่าได้แกล้งขู่พวกเขานักเลยนะ...ยังไงตอนนี้สิงห์ก็ยิงผีเสื้อได้ตัวหนึ่งแล้วนี่..." ท่านจ้าวกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่กังวลอะไรนัก

รอยยิ้มของมูติชาห์ที่มีใบหน้างดงามราวกับสตรีเพศปรากฏขึ้นมาที่มุมปาก

"ท่านพ่อข้าพูดถูกแล้ว และแค่เพียงหนึ่งตัวที่สิงห์ยิงตกลงมาได้แล้วในขณะนี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้เราแก้สถานการณ์ฉุกเฉินที่กำลังเกิดขึ้นนี้อยู่ได้บ้าง..."

อะไรกัน... หลังจากที่มีพวกผีเสื้อยักษ์บินมาสลัดสารผงพิษเพื่อทำให้พวกเราอ่อนเพลียกันโดยถ้วนทั่วเรียบร้อยแล้ว ก็แล้วไอ้เจ้าผีเสื้อที่ถูกยิงตกมาตัวหนึ่งนี้จะมาช่วยแก้สถานการณ์ฉุกเฉินให้กับพวกเราในตอนนี้ไปได้อย่างไรกันล่ะนี่ ผมล่ะอดจะงงไม่ได้ซะจริงๆ ...? "

 

 

(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา