สืบสู้ผี ภาค 1-2
8.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.
73 ตอน
3 วิจารณ์
63.10K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
60) ความแค้นของอัณยาวีร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแล้วท่านจ้าวก็เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับจะนึกถึงอดีตอันไกลโพ้น
"เรื่องราวต่างๆ นั้นได้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่เรายังไม่ได้สูญเสียอณาจักรมิตทราห์ของเราไป และตอนนั้นมูติชาห์เองก็ยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป" ท่านจ้าวเล่าเรื่องต่อไปอย่างเนิบๆ
"ในตอนนั้นน้องชายของข้าได้หลงผิดไปฟังคำยั่วยุของพวกศัตรูให้ช่วงชิงบัลลังก์จากข้า และข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าน้องชายที่ข้ารักมากยิ่งกว่าญาติคนใดของข้าและแม้แต่มเหสีของข้าเองจะมาหักหลังข้าได้เช่นนั้น การหลงเคลิ้มไปกับแผนการของพวกศัตรูที่มีเป้าหมายอยู่ที่การจะเปิดมิติประตูนรกไปสู่มิติต่างๆ ถึงกับทำให้น้องชายของข้าได้สังหารชาวมิตทราห์ที่บริสุทธิไปนับพันคน ซึ่งที่จริงนับว่าอภัยให้ไม่ได้ แต่ข้าก็ยังหวังให้เขากลับตัวกลับใจและชดเชยความผิดของตัวเองด้วยการร่วมใจกันกู้อณาจักรมิตทราห์ของเราที่ในขณะนั้นก็แทบจะไม่อาจต้านรับกองทัพของศัตรูที่หนุนเนื่องกันเข้ามาอย่างมากมายได้อีกต่อไป แต่ทว่า น้องชายของข้ากลับอยู่ในสภาวะที่เสียใจกับการที่พวกศัตรูหลอกใช้ให้เขาเปิดผ่านประตูอณาจักรชั้นนอกให้กองทัพของศัตรูบุกเข้ามาและเข่นฆ่าสังหารชาวมิตทราห์ไปอย่างมากมาย เขาจึงได้ตัดสินใจออกมาดวลกับข้าตัวต่อตัวในสมรภูมิรบ โดยเขายังแสร้งเหมือนว่ายังอยู่กับฝ่ายศัตรู ก่อนที่เขาจะพุ่งร่างเข้าหาคมดาบของข้าอย่างตั้งใจ อา... ข้าไม่คิดเลยว่าในตอนนั้นน้องชายของข้าได้สำนึกผิดกับการทำงานชั่วให้กับพวกศัตรูแล้ว และไม่คิดว่าเขาจะวางแผนที่จะตายในคมดาบข้าในเวลานั้น และแม้ข้าเองจะยิ่งเสียใจไปกับเหตุการณ์นั้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ข้าก็ยังรับฟังคำสั่งเสียก่อนลมหายใจสุดท้ายของเขาในเรื่องที่จะให้ข้าได้สัญญากับเขาในการที่จะต้องดูแลรับผิดชอบภรรยาหรือมเหสีของเขาต่อไปในอนาคตโดยที่จะต้องไม่ทอดทิ้งหรือทำให้ภรรยาของเขาต้องลำบากแร้นแค้นต่อไปในอนาคตข้างหน้า"
"และข้าก็ได้รักษาคำมั่นสัญญาอยู่ตลอดมาจนถึงบัดนี้ แม้จะรู้อยู่ลึกๆ ว่า'อัณยาวีร์'ผู้เป็นภรรยาของน้องชายข้าจะยังคงชิงชังข้าอยู่ตลอดมานับตั้งแต่นางทราบว่าน้องชายของข้าได้ตายด้วยคมดาบของข้าก็ตาม แต่ข้าเองก็ไม่เคยจะล่วงรู้มาก่อนหน้านี้ว่านางได้วางแผนการอะไรไว้ล่วงหน้า จนกระทั่งถึงวันนี้เองที่ก็ได้ทำให้ข้าได้เห็นความจริงว่านางได้ดำเนินแผนการที่จะล้างแค้นและยึดอณาจักรไปจากข้าโดยแอบร่วมมือกับพวกศัตรูมาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอนแล้ว..."
แล้วท่านจ้าวก็ทอดถอนใจออกมา "เฮ้อ... ข้าอดจะเสียใจไปกับการหลงผิดของนางไม่ได้จริงๆ ..."
"ท่านจะเสียใจไปอย่างมากมายเพื่ออะไรกันพ่อจ้าว" มูติชาห์พูดขึ้น อีกครั้ง " ในเมื่อนางได้ถลำลึกไปกับพวกศัตรูถึงขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือต้องกำจัดนางให้ได้นะพ่อจ้าว? "
"เอ่อ... ขอโทษนะ จะไม่รุนแรงไปสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งหรอกรึ? " ผมอดจะท้วงมูติชาห์ขึ้นมาสักหน่อยไม่ได้ และมูติชาห์ก็หันควับมาทันที
"หรือท่านกิตติอยากจะเห็นอณาจักรมิตทราห์ของข้าต้องล่มสลายๆ ไปชั่วกาลนาน...? "
"ก็... ก็มันไม่น่าจะ..." แล้วผมก็อ้าปากค้างไปทันที โดยที่คำว่า'ไม่น่าจะรุนแรงกับผู้หญิงถึงขนาดนี้'ยังไม่ทันจะหลุดออกไป
"ข้าเองก็คิดว่าจะให้โอกาสนางได้กลับใจอีกครั้ง" ท่านจ้าวกล่าว " ก็เหมือนในครั้งอดีตที่ข้าก็เคยให้โอกาสกับน้องชายของข้านั่นล่ะ..."
มูติชาห์หันไปทางบิดาของเขา "จะเอาอย่างงั้นรึพ่อจ้าว ข้าเองไม่มั่นใจนะว่าถ้าข้าพบเจอนางแล้วจะไม่ลงมือ? "
"มูติชาห์ จงใจเย็นอีกหน่อยเถอะ..." ท่านจ้าวว่า "ที่จริงเจ้าเองกับข้าก็ได้เคยคาดคิดว่าเหตการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้สักวัน และเจ้าเองก็ได้อยู่ในสภาวะที่ใจเย็นมาพร้อมๆ กับข้ามาได้อยู่โดยตลอดมิใช่หรือ? "
แล้วท่านจ้าวก็เบนสายตามาทางพวกเรา "ท่านอาคันตุกะทุกท่าน... หลังจากที่ข้ากับมูติชาห์ได้คาดคำนวณว่าอาจจะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับหมู่บ้านของเราแล้ว ข้ากับมูติชาห์จึงได้ทำการสำรวจเส้นทางภายในถ้ำนี้กันอย่างละเอียดด้วยตัวของเราสองคน จนทำให้เราได้พบเส้นทางลับภายในถ้ำที่ได้ตัดผ่านจากเส้นทางหลักภายในถ้ำอีกทีอย่างที่ไม่มีชาวมิตทราห์คนใดจะได้ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน และเส้นทางลับนั้นก็ยังสามารถพาเราตัดดิ่งไปยังใจกลางหมู่บ้านของพวกเราได้อย่างที่ไม่มีใครจะสามารถสังเกตออกได้อีกด้วย..."
"เอ... ทางลับนั้นตัดผ่านไปถึงใจกลางหมู่บ้านได้เลยรึครับท่านจ้าว? " พี่เมฆเอ่ยขึ้นอย่างทึ่งๆ "อืม... คงจะดีไม่น้อยนะครับ ถ้าสุดปลายทางลับนั้นจะมีของอร่อยๆ ให้เราได้กินแก้หิวกันบ้างน่ะ..."
"โชคร้ายหน่อยนะ ท่านเมฆา..." มูติชาห์ยิ้มออกมาที่มุมปาก "ที่สุดปลายทางลับนั้นมันกลับไปโผล่ที่ดีกว่านั้นอีก..."
"อืม... สงสัยจะไปโผล่ในท้องพระคลังที่มีแต่คลังอาหารให้เลือกนับไม่ถ้วนกระมัง? "
"ความจริงก็คือ... เราจะไปโผล่กันที่ภายใต้ของคุกใต้ดินในหมู่บ้านของเราต่างหากล่ะ..." มูติชาห์พูดออกอย่างหน้าตาเฉย
จันที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมถึงกับสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
"อึ๊ย... ทำไมที่ที่เราจะต้องไปเจอนี่ถึงมีแต่ที่ดีๆ ทั้งนั้นเลยล่ะพี่กิต...? " จันกระซิบกระซาบออกมาอย่างกับจะประชดเบาๆ
แล้วผมก็เห็นพี่เมฆใช่นิ้วถูข้างจมูกราวกับลืมตัว ซึ่งเท่าที่สังเกตพี่เมฆมักจะทำอย่างนี้ในเวลาที่เขากำลังวิเคราะห์หรือพิจารณาอะไรบางอย่าง
"คนที่สร้างทางลับนั่น นับว่าทำให้ไปโผล่ในจุดที่แยบคายดีจริงๆ มันช่างเป็นจุดที่ไม่ไปสะดุดความสนใจใครได้ดีที่สุดแล้ว เสียดายแต่ว่าทางคณะของผมรู้สึกจะหิวกันมากขึ้นทุกคน แล้วออกจากทางลับไปก็ไม่รู้ว่ายังจะมีแรงไปสู้รบกับใครอีกหรือเปล่าน่ะสิ..." พี่เมฆว่าแล้วก็กวาดสายตามองผมกับจันที่ดูจะอ่อนระโหยโรยแรงกันไปมากทุกที
แล้วท่านจ้าวก็ตบบ่าพี่เมฆอย่างยิ้มๆ "ท่านเมฆา มูติชาห์ยังไม่ได้บอกความจริงออกมาทั้งหมดหรอก คือก่อนที่เราจะไปโผล่ยังคุกที่อยู่ในห้องใต้ดินนั้น ที่ภายใต้ดินลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งอันเป็นปลายทางของทางลับ ข้ากับมูติชาห์ก็ได้เคยนำเสบียงฉุกเฉินไปเก็บไว้อยู่พอควรเลยทีเดียว"
"จ... จริงรึ ท่านจ้าว โอ... ยอดเยี่ยมไปเลยครับท่านจ้าว...! " น้ำเสียงของพี่เมฆดูจะลิงโลดหน่อยๆ ส่วนจันที่อยู่ข้างๆ ผมถึงกับอ้าปากค้างเพราะคงไม่คาดว่าจะได้ยินข่าวดีแบบนี้
"ยังไม่ใช่แค่นั้น..." รอยยิ้มของท่านจ้าวฉาบออกมาที่มุมปาก "นอกจากเสบียงกรังอาหารแห้งที่ใด้เตรียมไว้สำหรับเวลาฉุกเฉินแล้ว ข้ากับมูติชาห์ก็ได้สั่งสมอาวุธจำนวนไม่น้อยไว้ยังที่แห่งนั้นอีกด้วย...! "
โอ... นี่มันแทบไม่น่าเชื่อว่าท่านจ้าวกับบุตรของเขาได้เตรียมการเผื่ออนาคตไว้ได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว อย่างงี้ก็หมายความว่าก่อนที่พวกเราจะออกไปจากทางลับนั่น เราก็จะได้มีเวลาสำหรับเติมพลังให้กับร่างกายและเตรียมอาวุธให้พร้อมหน่อยล่ะ... แล้วคราวนี้ผมก็มาเข้าใจอีกอย่างหนึ่งล่ะว่าทำไมตอนแรกท่านจ้าวถึงได้ตัดสินใจพาพวกทหารหลบมาทางฝั่งที่มีถ้ำนี้ เพราะที่แท้ก็เป็นการเตรียมการของท่านจ้าวนี่เอง
ยังไม่ทันที่เราจะสนธนาอะไรกันอีก ทหารคนหนึ่งของท่านจ้าวก็รีบตรงเข้ามาคำนับท่านจ้าว
"หน่วยหน้าของเราที่คอยสังเกตุการอยู่ทางโขดหินด้านโน้นบอกว่า พวกทหารที่ทรยศกำลังเริ่มบุกมาทางฝั่งนี้กันอีกครั้งแล้วครับท่านจ้าว"
ทุกๆ คนในที่นี้ต่างก็มีอาการหูผึ่งขึ้นมากันทุกคน และนี่ก็หมายความว่าพวกบรรดากองทหารที่ทรยศนั้นสามารถหาทางต้านรับพวกฝูงผึ้งเวทมนต์ของพี่เมฆกันได้แล้วอย่างแน่นอน
"เอาล่ะ... ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องเดินทางเข้าไปในเส้นทางลับกันแล้วล่ะ เจ้าจงไปตามกองทหารของพวกเราให้ถอยกลับมารวมกันที่นี่ได้แล้ว" ประโยคหลังท่านจ้าวหันไปสั่งทหารคนนั้น
และเมื่อกองทหารของท่านจ้าวมารวมกันที่หน้าปากถ้ำแล้ว พวกเราทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางเข้าไปในถ้ำทันที
แต่ทว่า ในภายหลังที่พวกเราได้เข้าไปตามเส้นทางภายในถ้ำแล้วนั้น พวกเราก็ยังถูกโจมตีจากพวกศัตรูโดยวิธีที่พวกเราก็ไม่ได้คาดคิดกันมาก่อน...?!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
"เรื่องราวต่างๆ นั้นได้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่เรายังไม่ได้สูญเสียอณาจักรมิตทราห์ของเราไป และตอนนั้นมูติชาห์เองก็ยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป" ท่านจ้าวเล่าเรื่องต่อไปอย่างเนิบๆ
"ในตอนนั้นน้องชายของข้าได้หลงผิดไปฟังคำยั่วยุของพวกศัตรูให้ช่วงชิงบัลลังก์จากข้า และข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าน้องชายที่ข้ารักมากยิ่งกว่าญาติคนใดของข้าและแม้แต่มเหสีของข้าเองจะมาหักหลังข้าได้เช่นนั้น การหลงเคลิ้มไปกับแผนการของพวกศัตรูที่มีเป้าหมายอยู่ที่การจะเปิดมิติประตูนรกไปสู่มิติต่างๆ ถึงกับทำให้น้องชายของข้าได้สังหารชาวมิตทราห์ที่บริสุทธิไปนับพันคน ซึ่งที่จริงนับว่าอภัยให้ไม่ได้ แต่ข้าก็ยังหวังให้เขากลับตัวกลับใจและชดเชยความผิดของตัวเองด้วยการร่วมใจกันกู้อณาจักรมิตทราห์ของเราที่ในขณะนั้นก็แทบจะไม่อาจต้านรับกองทัพของศัตรูที่หนุนเนื่องกันเข้ามาอย่างมากมายได้อีกต่อไป แต่ทว่า น้องชายของข้ากลับอยู่ในสภาวะที่เสียใจกับการที่พวกศัตรูหลอกใช้ให้เขาเปิดผ่านประตูอณาจักรชั้นนอกให้กองทัพของศัตรูบุกเข้ามาและเข่นฆ่าสังหารชาวมิตทราห์ไปอย่างมากมาย เขาจึงได้ตัดสินใจออกมาดวลกับข้าตัวต่อตัวในสมรภูมิรบ โดยเขายังแสร้งเหมือนว่ายังอยู่กับฝ่ายศัตรู ก่อนที่เขาจะพุ่งร่างเข้าหาคมดาบของข้าอย่างตั้งใจ อา... ข้าไม่คิดเลยว่าในตอนนั้นน้องชายของข้าได้สำนึกผิดกับการทำงานชั่วให้กับพวกศัตรูแล้ว และไม่คิดว่าเขาจะวางแผนที่จะตายในคมดาบข้าในเวลานั้น และแม้ข้าเองจะยิ่งเสียใจไปกับเหตุการณ์นั้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ข้าก็ยังรับฟังคำสั่งเสียก่อนลมหายใจสุดท้ายของเขาในเรื่องที่จะให้ข้าได้สัญญากับเขาในการที่จะต้องดูแลรับผิดชอบภรรยาหรือมเหสีของเขาต่อไปในอนาคตโดยที่จะต้องไม่ทอดทิ้งหรือทำให้ภรรยาของเขาต้องลำบากแร้นแค้นต่อไปในอนาคตข้างหน้า"
"และข้าก็ได้รักษาคำมั่นสัญญาอยู่ตลอดมาจนถึงบัดนี้ แม้จะรู้อยู่ลึกๆ ว่า'อัณยาวีร์'ผู้เป็นภรรยาของน้องชายข้าจะยังคงชิงชังข้าอยู่ตลอดมานับตั้งแต่นางทราบว่าน้องชายของข้าได้ตายด้วยคมดาบของข้าก็ตาม แต่ข้าเองก็ไม่เคยจะล่วงรู้มาก่อนหน้านี้ว่านางได้วางแผนการอะไรไว้ล่วงหน้า จนกระทั่งถึงวันนี้เองที่ก็ได้ทำให้ข้าได้เห็นความจริงว่านางได้ดำเนินแผนการที่จะล้างแค้นและยึดอณาจักรไปจากข้าโดยแอบร่วมมือกับพวกศัตรูมาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอนแล้ว..."
แล้วท่านจ้าวก็ทอดถอนใจออกมา "เฮ้อ... ข้าอดจะเสียใจไปกับการหลงผิดของนางไม่ได้จริงๆ ..."
"ท่านจะเสียใจไปอย่างมากมายเพื่ออะไรกันพ่อจ้าว" มูติชาห์พูดขึ้น อีกครั้ง " ในเมื่อนางได้ถลำลึกไปกับพวกศัตรูถึงขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือต้องกำจัดนางให้ได้นะพ่อจ้าว? "
"เอ่อ... ขอโทษนะ จะไม่รุนแรงไปสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งหรอกรึ? " ผมอดจะท้วงมูติชาห์ขึ้นมาสักหน่อยไม่ได้ และมูติชาห์ก็หันควับมาทันที
"หรือท่านกิตติอยากจะเห็นอณาจักรมิตทราห์ของข้าต้องล่มสลายๆ ไปชั่วกาลนาน...? "
"ก็... ก็มันไม่น่าจะ..." แล้วผมก็อ้าปากค้างไปทันที โดยที่คำว่า'ไม่น่าจะรุนแรงกับผู้หญิงถึงขนาดนี้'ยังไม่ทันจะหลุดออกไป
"ข้าเองก็คิดว่าจะให้โอกาสนางได้กลับใจอีกครั้ง" ท่านจ้าวกล่าว " ก็เหมือนในครั้งอดีตที่ข้าก็เคยให้โอกาสกับน้องชายของข้านั่นล่ะ..."
มูติชาห์หันไปทางบิดาของเขา "จะเอาอย่างงั้นรึพ่อจ้าว ข้าเองไม่มั่นใจนะว่าถ้าข้าพบเจอนางแล้วจะไม่ลงมือ? "
"มูติชาห์ จงใจเย็นอีกหน่อยเถอะ..." ท่านจ้าวว่า "ที่จริงเจ้าเองกับข้าก็ได้เคยคาดคิดว่าเหตการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้สักวัน และเจ้าเองก็ได้อยู่ในสภาวะที่ใจเย็นมาพร้อมๆ กับข้ามาได้อยู่โดยตลอดมิใช่หรือ? "
แล้วท่านจ้าวก็เบนสายตามาทางพวกเรา "ท่านอาคันตุกะทุกท่าน... หลังจากที่ข้ากับมูติชาห์ได้คาดคำนวณว่าอาจจะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับหมู่บ้านของเราแล้ว ข้ากับมูติชาห์จึงได้ทำการสำรวจเส้นทางภายในถ้ำนี้กันอย่างละเอียดด้วยตัวของเราสองคน จนทำให้เราได้พบเส้นทางลับภายในถ้ำที่ได้ตัดผ่านจากเส้นทางหลักภายในถ้ำอีกทีอย่างที่ไม่มีชาวมิตทราห์คนใดจะได้ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน และเส้นทางลับนั้นก็ยังสามารถพาเราตัดดิ่งไปยังใจกลางหมู่บ้านของพวกเราได้อย่างที่ไม่มีใครจะสามารถสังเกตออกได้อีกด้วย..."
"เอ... ทางลับนั้นตัดผ่านไปถึงใจกลางหมู่บ้านได้เลยรึครับท่านจ้าว? " พี่เมฆเอ่ยขึ้นอย่างทึ่งๆ "อืม... คงจะดีไม่น้อยนะครับ ถ้าสุดปลายทางลับนั้นจะมีของอร่อยๆ ให้เราได้กินแก้หิวกันบ้างน่ะ..."
"โชคร้ายหน่อยนะ ท่านเมฆา..." มูติชาห์ยิ้มออกมาที่มุมปาก "ที่สุดปลายทางลับนั้นมันกลับไปโผล่ที่ดีกว่านั้นอีก..."
"อืม... สงสัยจะไปโผล่ในท้องพระคลังที่มีแต่คลังอาหารให้เลือกนับไม่ถ้วนกระมัง? "
"ความจริงก็คือ... เราจะไปโผล่กันที่ภายใต้ของคุกใต้ดินในหมู่บ้านของเราต่างหากล่ะ..." มูติชาห์พูดออกอย่างหน้าตาเฉย
จันที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมถึงกับสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
"อึ๊ย... ทำไมที่ที่เราจะต้องไปเจอนี่ถึงมีแต่ที่ดีๆ ทั้งนั้นเลยล่ะพี่กิต...? " จันกระซิบกระซาบออกมาอย่างกับจะประชดเบาๆ
แล้วผมก็เห็นพี่เมฆใช่นิ้วถูข้างจมูกราวกับลืมตัว ซึ่งเท่าที่สังเกตพี่เมฆมักจะทำอย่างนี้ในเวลาที่เขากำลังวิเคราะห์หรือพิจารณาอะไรบางอย่าง
"คนที่สร้างทางลับนั่น นับว่าทำให้ไปโผล่ในจุดที่แยบคายดีจริงๆ มันช่างเป็นจุดที่ไม่ไปสะดุดความสนใจใครได้ดีที่สุดแล้ว เสียดายแต่ว่าทางคณะของผมรู้สึกจะหิวกันมากขึ้นทุกคน แล้วออกจากทางลับไปก็ไม่รู้ว่ายังจะมีแรงไปสู้รบกับใครอีกหรือเปล่าน่ะสิ..." พี่เมฆว่าแล้วก็กวาดสายตามองผมกับจันที่ดูจะอ่อนระโหยโรยแรงกันไปมากทุกที
แล้วท่านจ้าวก็ตบบ่าพี่เมฆอย่างยิ้มๆ "ท่านเมฆา มูติชาห์ยังไม่ได้บอกความจริงออกมาทั้งหมดหรอก คือก่อนที่เราจะไปโผล่ยังคุกที่อยู่ในห้องใต้ดินนั้น ที่ภายใต้ดินลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งอันเป็นปลายทางของทางลับ ข้ากับมูติชาห์ก็ได้เคยนำเสบียงฉุกเฉินไปเก็บไว้อยู่พอควรเลยทีเดียว"
"จ... จริงรึ ท่านจ้าว โอ... ยอดเยี่ยมไปเลยครับท่านจ้าว...! " น้ำเสียงของพี่เมฆดูจะลิงโลดหน่อยๆ ส่วนจันที่อยู่ข้างๆ ผมถึงกับอ้าปากค้างเพราะคงไม่คาดว่าจะได้ยินข่าวดีแบบนี้
"ยังไม่ใช่แค่นั้น..." รอยยิ้มของท่านจ้าวฉาบออกมาที่มุมปาก "นอกจากเสบียงกรังอาหารแห้งที่ใด้เตรียมไว้สำหรับเวลาฉุกเฉินแล้ว ข้ากับมูติชาห์ก็ได้สั่งสมอาวุธจำนวนไม่น้อยไว้ยังที่แห่งนั้นอีกด้วย...! "
โอ... นี่มันแทบไม่น่าเชื่อว่าท่านจ้าวกับบุตรของเขาได้เตรียมการเผื่ออนาคตไว้ได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว อย่างงี้ก็หมายความว่าก่อนที่พวกเราจะออกไปจากทางลับนั่น เราก็จะได้มีเวลาสำหรับเติมพลังให้กับร่างกายและเตรียมอาวุธให้พร้อมหน่อยล่ะ... แล้วคราวนี้ผมก็มาเข้าใจอีกอย่างหนึ่งล่ะว่าทำไมตอนแรกท่านจ้าวถึงได้ตัดสินใจพาพวกทหารหลบมาทางฝั่งที่มีถ้ำนี้ เพราะที่แท้ก็เป็นการเตรียมการของท่านจ้าวนี่เอง
ยังไม่ทันที่เราจะสนธนาอะไรกันอีก ทหารคนหนึ่งของท่านจ้าวก็รีบตรงเข้ามาคำนับท่านจ้าว
"หน่วยหน้าของเราที่คอยสังเกตุการอยู่ทางโขดหินด้านโน้นบอกว่า พวกทหารที่ทรยศกำลังเริ่มบุกมาทางฝั่งนี้กันอีกครั้งแล้วครับท่านจ้าว"
ทุกๆ คนในที่นี้ต่างก็มีอาการหูผึ่งขึ้นมากันทุกคน และนี่ก็หมายความว่าพวกบรรดากองทหารที่ทรยศนั้นสามารถหาทางต้านรับพวกฝูงผึ้งเวทมนต์ของพี่เมฆกันได้แล้วอย่างแน่นอน
"เอาล่ะ... ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องเดินทางเข้าไปในเส้นทางลับกันแล้วล่ะ เจ้าจงไปตามกองทหารของพวกเราให้ถอยกลับมารวมกันที่นี่ได้แล้ว" ประโยคหลังท่านจ้าวหันไปสั่งทหารคนนั้น
และเมื่อกองทหารของท่านจ้าวมารวมกันที่หน้าปากถ้ำแล้ว พวกเราทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางเข้าไปในถ้ำทันที
แต่ทว่า ในภายหลังที่พวกเราได้เข้าไปตามเส้นทางภายในถ้ำแล้วนั้น พวกเราก็ยังถูกโจมตีจากพวกศัตรูโดยวิธีที่พวกเราก็ไม่ได้คาดคิดกันมาก่อน...?!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ