สืบสู้ผี ภาค 1-2

8.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.

  73 ตอน
  3 วิจารณ์
  64.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

42) เกิดอะไรขึ้นกับไอริณ ?!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ที่อยู่ตรงเบื้องหน้าของพวกเราทั้งหมดนี้ก็คือกลุ่มของต้นไม้ยืนต้นราวสิบต้นที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆกันในระยะไม่เกินสามเมตรต่อต้น ทั้งลำต้นและกิ้งก้านใบของแต่ล่ะต้นล้วนสมบูรณ์สวยงามราวกับได้รับการบำรุงดูแลด้วยปุ๋ยเกษตรกรชั้นดี แต่สิ่งที่ทำให้พวกเราแทบหมดแรงลงไปนอนกองกับพื้นตรงนั้นก็คือ

มันไม่เห็นจะมีลูกหรือผลของต้นไม้ที่ดูคล้ายๆกับต้นแอปเปิ้ลนี้อยู่เลยสักลูกเดียวผลเดียว และไม่ว่าจะเป็นต้นนี้หรือต้นอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆกัน เราก็มองไม่เห็นลูกเห็นผลของต้นไม้เหล่านี้เลยแม้แต่ลูกเดียวเช่นกัน หรือว่านี่มันจะไม่ใช่หน้าหรือฤดูกาลออกผลของมันกันล่ะนี่?

ขณะนั้นสิงห์ในร่างนุชก็เดินตามมาจนถึงพวกเรา และเขาก็แหงนมองขึ้นไปยังต้นไม้พวกนี้ด้วยดวงตาอันเบิกโพลง

"พี่ว่าสงสัยเราจะบังเอิญโผล่มาผิดหน้าผิดฤดูกาลกันซะแล้วล่ะมั้งน้องสิงห์? " พี่เมฆเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยๆ

สิงห์ยังไม่ตอบว่าอะไร แต่เขากลับเดินเข้าไปจนชิดลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่ง พลางมองขึ้นไปยังกิ่งก้านที่อยู่ด้านบนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ากลับมาหาพวกเรา พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างที่ปราศจากซึ่งเสียงพูดหมือนเดิม

แล้วพี่เมฆก็สนธนากับสิงห์อยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันมาพูดกับผมและไอริณ (นอกจากกุสุมาแล้ว พี่เมฆยังคงเป็นบุคคลเพียงคนเดียวในกลุ่มพวกเราที่สามารถฟังเสียงของสิงห์ผ่านเวทมนต์ของเขาเองได้)

"สิงห์บอกว่าในระยะที่เขาได้เคยเดินทางผ่านไปผ่านมาอยู่ในระแวกขุนเขาลูกนี้ เขาก็ได้เข้ามาดูหรือเข้ามาเด็ดพวกผลไม้สีเหลืองจากต้นไม้พวกนี้ไปกินแก้หิวอยู่หลายครั้งหลายคราก็ไม่เคยเห็นจะมีครั้งไหนที่จะไม่มีผลไม้นั่นอยู่บนต้นไม้พวกนี้เลยสักครั้งเดียว ดังนั้นเมื่อกี้นี้เขาก็เลยเข้าไปดูใกล้ๆ ลำต้นแล้วก็สรุปได้ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นั้น มันยังมีลูกผลไม้หลายลูกอยู่บนกิ่งของต้นไม้พวกนี้อยู่แน่ๆ เพียงแต่ว่า... ดูเหมือนจะมีมือดีของใครหรือของอะไร มาเด็ดลูกผลไม้เหล่านี้ไปจนเกลี้ยงหมดทุกต้นเลยน่ะสิ! "

"โฮๆ ๆ แม่จ๋าแม่ ผมหิวเหลือเกิน คราวนี้ผมคงได้อดตายจริงๆแน่ๆแล้ว...! " คนปอดแหกอย่างจันถึงกับลงไปนอนคร่ำครวญอยู่บนพื้นหญ้าราวกับจะขาดใจไปตรงนั้นให้ได้ แต่ผมกับไอริณก็ไม่ได้สนใจจันในตอนนี้ เพราะเราสองคนก็หิวแทบขาดใจอยู่เหมือนกัน

แต่การที่สิงห์บอกว่าดูเหมือนจะมีมือดีมาเด็ดพวกผลไม้ไปจากต้นไม้ทุกต้นจนเกลี้ยง มันก็ทำให้ผมต้องตื่นตะลึงจนแทบจะลืมหิวไปทันที

"ถ้างั้น... ก็หมายความว่า ยังมีพวกคนที่ต้องกินผลไม้พวกนี้อยู่ในระแวกใกล้ๆนี่หรือยังไงกันครับ? " ผมถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าพี่เมฆกับสิงห์สลับกัน

"ก็คงจะเป็นอย่างนั้น หรือว่าไงน้องสิงห์? " พี่เมฆหันไปถามความเห็น

แล้วสิงห์ก็พูดคุยโต้ตอบกับพี่เมฆอยู่อีกหลายคำจนสรุปได้ว่า บนยอดเขาที่ได้กลายเป็นพื้นราบแห่งนี้นั้น อาจจะมีมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งได้หลงทางเข้ามาติดอยู่ที่นี่ ก่อนที่จะมีพวกเราในชุดนี้เดินทางมาถึงยังที่แห่งนี้ในตอนนี้ก็ได้

จากนั้นสิงห์ก็ชี้ให้พวกเรามองไปที่เนินเขาต่ำๆ ที่อยู่เลยทุ่งหญ้าต่ำๆ ขึ้นไปทางทิศเหนือ และบอกว่า เลยเนินเขาต่ำๆ นั้นไปอีกเล็กน้อยจะมีหมู่บ้านของชาวพื้นเมืองที่เขาเคยเข้าไปขอความช่วยเหลือในเรื่องบางเรื่อง ในตอนเมื่อครั้งที่เขาเคยได้เดินทางพลัดหลงเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ในระยะแรกๆ

แต่สิงห์ก็ยังย้ำให้พวกเราได้เข้าใจอีกเรื่องหนึ่งว่า พวกคนพื้นเมืองที่เป็นชาวเขาแห่งนี้ก็ไม่ใช่คนพื้นเมืองของที่นี่อย่างแท้จริงซะทีเดียว แถมยังมักจะไม่ต้อนรับคนถิ่นอื่นให้เข้าไปในอณาบริเวณหมู่บ้านของพวกเขามาตั้งนานแสนนานแล้ว

"คำถามของริณอย่างหนึ่งก็คือ" ไอริณเอ่ยขึ้น "ก็แล้วทำไมชาวพื้นเมืองพวกนี้ ถึงยินยอมให้สิงห์ได้เข้าไปถึงหมู่บ้านของพวกเขากันล่ะคะ? "

ใช่ล่ะ... ไอริณได้ตั้งคำถามอย่างที่ผมได้สงสัยอยู่พอดีเหมือนกัน

"เมื่อกี้พี่ก็ได้ลองถามสิงห์ถึงเรื่องนี้แล้ว สิงห์บอกว่า ก็เป็นเพราะว่าพวกนั้นได้เห็นว่าเขาเป็นชาววาณิการ์ ก็เลยยินยอมให้เขาเข้าไปยังหมู่บ้านได้ อันชาววาณิการ์หรือชาวมนุษย์วานรนี้ พวกชาวเผ่าพื้นเมืองของที่นี่ต่างก็ถือว่าได้ติดค้างบุญคุญของพวกเขามาเก่าก่อน สิงห์บอกว่าในการพูดคุยกับชาวพื้นเมืองในครั้งนั้นทำให้เขาได้รู้เรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่ปู่ของเขาได้เคยช่วยเหลือพวกชาวพื้นเมืองแห่งนี้จากการรุกรานของอณาจักรประเทศทางใต้ที่มีอณาจักรอยู่ที่ตอนใต้ไกลออกไปจากดินแดนของดินแดนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชายขอบนรกแห่งนี้ ดังนั้นพวกชาวพื้นเมืองแห่งนี้จึงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณของปู่ของเขาที่เคยเป็นราชาที่ได้ปกครองอณาจักรวาณิการ์อยู่ในช่วงนั้นอยู่ค่อนข้างมาก... แค่กๆ ๆ " พอพี่เมฆเล่าถึงตรงนี้ก็ดูราวกับเขาจะคอแห้งไปเสียแล้ว

"เรื่องราวต่างๆดูช่างซับซ้อนกว่าที่คิด แต่ริณว่า ดูท่าพี่เมฆจะคอแห้งจนหมดเสียงไปซะก่อนที่เราจะได้เจอน้ำและอาหารก่อนเย็นวันนี้ซะล่ะมั้งคะ ? " ไอริณติงเรื่องนี้ขึ้นมา "งั้นริณขอเดินไปดูรอบๆ บริเวณต้นไม้ในสวนนี้ก่อนนะคะเผื่อจะได้..."

"เผื่อจะได้อะไรเหรอน้องริณ? " ผมถามอย่างงงๆ

ไอริณกลับไม่ตอบผม กลับรีบเดินจ้ำออกไป แล้วกวาดตามองไปที่บนต้นของต้นไม้แต่ละต้นที่ดูคล้ายๆกับต้นแอปเปิ้ลทั้งสิบต้นนี้

และเพียงครู่เดียวไอริณก็เดินกลับมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า "พี่กิต ที่น้องพูดทิ้งไว้เมื่อกี้ก็คือ ก็เผื่อไอริณคนนี้จะได้พบกับอาหารแบบฟลุ๊กๆ ยังไงล่ะคะ และมันก็เกิดฟลุ๊กขึ้นจริงๆ คือริณได้พบกับลูกแอปเปิ้ลสีเหลืองอยู่ทางด้านนี้ 3 ลูกล่ะค่ะ"

จันที่ลงไปนอนขดเป็นตัวกุ้งอยู่กับพื้นหญ้า รีบดีดตัวผึงขึ้นมาทันที

"หา... มีผลไม้จริงๆ เหรอพี่ริณ ตรงไหนครับตรงไหน โอแม่เจ้า สวรรค์ทรงโปรดแล้วๆ! " จันว่าแล้วก็โจนทะยานไปที่ไอริณทันที!

ผมกับพี่เมฆหันมาสบตากันอย่างขำๆ ในที่สุดพวกเราก็ได้ลูกแอปเปิ้ล 3 ลูกมาช่วยต่อชีวิตกัน แม้ว่าอาจต้องแบ่งกันกินคนล่ะคำคนล่ะหน่อย ก็ยังดีกว่าต้องทนหิวโหยจนจวนเจียนจะเป็นลมกันอยู่อย่างนี้ นี่นับได้ว่าไอริญช่างเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบซะจริงๆ เพราะถ้าเธอไม่เดินไปสำรวจต้นผลไม้ให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว วันนี้ทั้งวันหรือทั้งคืนก็อาจจะไม่มีอะไรตกถึงท้องพวกเรากันเลยก็เป็นได้...

หลังจากที่เราได้กินลูกผลไม้ที่คล้ายกับลูกแอปเปิ้ลกันถ้วนทั่วทุกคนเพื่อให้พอรองเท้าไปเรียบร้อยแล้ว สิงห์ก็บอกเราผ่านพี่เมฆอีกว่า ถ้าเราเดินไปจนถึงเนินเขาเตี้ยๆ ที่เห็นอยู่ไม่ไกลนั้นเราก็จะพบธารน้ำเล็กๆที่สามารถจะนำมาดื่มแก้กระหายกันได้อีกด้วย

ครู่ต่อมาหลังจากที่พวกเราได้ดื่มน้ำในธารเล็กๆ นั้นจนมีความรู้สึกเหมือนราวได้เกิดใหม่กันแล้ว ผม พี่เมฆ  ก็ได้นั่งพักกันอยู่บนขอนไม้เล็กๆที่อยู่ข้างๆลำธาร ด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อยไปพอสมควร ในขณะที่ไอริณได้ชวนจันเดินออกไปสำรวจที่ในบริเวณใกล้ๆแต่อยู่เลยพ้นโค้งข้างหน้าไปและมีหมู่ไม้ต้นหญ้าที่ค่อนข้างสูงจนบดบังสายตาของพวกเราไม่ให้มองเห็นทัศนียภาพที่อยู่ข้างหน้าไปได้ไกลเท่าไรนัก ในขณะที่สิงห์เองก็ขอตัวไปเดินสำรวจที่อีกทิศทางหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน

ขณะที่พี่เมฆกำลังนั่งพ่นควันจากบุหรี่ที่สูบอยู่อย่างสบายอารมณ์ และผมเองก็กำลังนั่งใจล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย ก็พอดีมีเสียงสวบๆสาบๆเหมือนเสียงอะไรวิ่งมาทางด้านนี้ด้วยความรีบร้อน และเข้ามาจนใกล้ถึงจุดที่ผมกับพี่เมฆนั่งกันอยู่ทุกขณะ ผมเองก็เลยต้องสะดุ้งจากการใจลอยและรีบลุกขึ้นยืนทันที ในขณะที่พี่เมฆก็ลุกขึ้นพร้อมกับชักมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากย่ามของเขา

แต่ทว่า สิ่งที่วิ่งจนหลุดพ้นหัวโค้งริมธารน้ำที่มีต้นหญ้าสูงๆบังสายตานั้น มันกลับเป็น จัน ที่กำลังวิ่งหน้าตื่นมาทางด้านนี้อย่างขาแทบขวิด ! 

"พี่ๆ ๆ แย่แล้วครับๆ! " จันละล่ำละลักออกมาในขณะที่เขายังวิ่งมาไม่ถึง แต่ได้มองเห็นผมกับพี่เมฆแล้ว

"อะไรๆ กันจัน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นรึ... แล้ว... แล้วน้องริณล่ะ น้องริณอยู่ที่ไหนกันจัน ?! " ผมเห็นอาการตื่นของจันอย่างนั้นก็เลยทำให้เกิดอาการห่วงไอริณขึ้นมาอย่างปุบปับฉับพลัน และที่ชัดเจนในตอนนี้ก็คือ ผมไม่ได้เห็นไอริณกลับมาพร้อมกับจันด้วย ?!

นี่มันคงจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับ... ไอริณ ของผมหรอกนะ...?

จันในตอนนี้กลับหยุดยืนตัวงอ และทำท่าหอบหายใจเข้าๆออกๆจนตัวโยน  แต่ก็ยังไม่ตอบคำถามของผมที่ถามไป

"ตอบมาเร็วๆสิจัน ! ว่าตอนนี้น้องริณอยู่ที่ไหน...?!" ผมกระแทกเสียงถามจันไปอีกครั้ง

จันสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วก็เงยขึ้นจากอาการหอบ

"ต... ตายครับ... ตายอยู่ตรงนั้นน่ะครับ พี่กิต ... ตายอยู่ตรงนั้นเลยครับ...! " จันตอบออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น

เหมือนสายฟ้าฟาด...! แล้วหัวใจของผมก็ถึงกับตกวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที !

ไอริณ...?! คุณพระ... ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันล่ะนี่... ?! 

เธอตายแล้ว... อย่างนั้นรึ ?!

ผมเองไม่อยากจะเชื่อที่จันได้ตอบผมออกมา แม้แต่นิดเดียว...!

ไม่ ไม่ ไม่ ไอริณของผมต้องไม่เป็นอะไร ! เสียงในหัวของผมบอกกับตัวของผมเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น... ในขณะที่ผมก็แทบจะทรุดร่างลงไปตรงนั้นให้ได้ 

"อยู่ทางไหน จัน?! " ผมถามเขาอย่างแทบจะไม่รู้สึกตัว จันอ้าปากค้าง แต่ก็ชี้ข้ามต้นหญ้าสูงไป ซึ่งก็คงจะเป็นทางที่อยู่ริมฝั่งลำธารอย่างแน่นอน

จากนั้นผมก็รวบรวมเรี่ยวแรงและออกวิ่งไปแทบจะทันที ในขณะที่จันและพี่เมฆก็ออกวิ่งตามผมมาแทบจะทันทีเช่นกัน...!

 

 

(โปรดติดตามในบทต่อไป อีกไม่นานเกินรอครับ)

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา