สืบสู้ผี ภาค 1-2

8.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.

  73 ตอน
  3 วิจารณ์
  63.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ไอริณ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เมื่อวันก่อนผมได้ตัดสินใจโทรหาไอริณเพื่อจะขอนัดพูดคุยกับเธอ โดยบอกว่าผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับพวกผีหรือวิญญาณที่จะเล่าให้เธอฟัง และเธอก็รับนัดผมทันที

"ได้สิคะพี่กิต หนูก็อยากจะคุยกับพี่อยู่เหมือนกัน... หนูอยากจะหาโอกาสคุยกับพี่มาตั้งนานแล้วล่ะ..." เสียงของเธอสดใสกระตือรืิอร้น "เราไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกันเลยนะพี่ว่าไม๊... ทั้งที่เราทำงานอยู่ในตึกเดียวกันแท้ๆ เอาว่า... พรุ่งนี้เราเจอกันตอนเย็น ที่ร้านอาหารข้างล่างดีหรือเปล่าคะ ตอนเย็นๆคนไม่ค่อยเยอะดีนะพี่ จะได้คุยกันได้สะดวกหน่อย..."

ผมรู้สึกแปลกใจกับความสนิทสนมที่แฝงมาในคำพูดของเธอนั้น ราวกับว่าตัวของเธอนั้นได้คุ้นเคยกับผมมาแต่เก่าก่อน

'เอ... หรือว่าเราจะคิดไปเอง... เราเองก็ไม่เคยจำได้เลยว่าไปรู้จักมักคุ้นกับเธอมาตั้งแต่เมื่อไรกัน...?'

ผมได้เก็บความแปลกใจในเรื่องนี้ไว้จนถึงตอนนี้... และวันนี้แหล่ะที่ผมจะได้คุยกับเธออย่างจริงจังสักที...

ตอนเย็น... พอเคลียร์งานได้ระดับหนึ่งแล้ว ผมก็รีบลงลิฟท์ตรงไปที่ร้านอาหารข้างล่างนั้นทันที

ร้านอาหารหน้าตึกสำนักพิมพ์ในเวลาเย็นๆแบบนี้มักจะไม่ค่อยมีคนมาทานอาหารกันเท่าไรนักเพราะไม่ใช่เส้นทางสัญจรหลักที่อยู่ใกล้ถนนใหญ่ และร้านอาหารที่อยู่หน้าตึกสามสี่ร้านนี้ก็มักจะอาศัยขายอาหารให้กับพนักงานและคนที่ทำงานในตึกนี้เป็นหลักเท่านั้น

ผมกวาดตามองไปจนถึงร้านอาหารด้านขวามือสุด ก็เห็นไอริณนั่งอยู่ที่ร้านนั้น โดยนั่งหันหน้าออกมาทางหน้าร้าน และสายตาของเธอก็มองมายังผมพอดี

ผมรีบเข้าไปในร้านนั้น และก็สังเกตว่านอกจากไอริณแล้ว ก็ไม่มีใครเข้ามานั่งทานอาหารในตอนนี้เลยสักคนเดียว

ไอริณวันนี้ดูสวยเป็นพิเศษ ดูเหมือนเธอจะเพิ่งแต่งหน้ามาใหม่หมาดๆ บนโต๊ะด้านหน้าเธอนั้นมีน้ำส้มปั่นวางอยู่หนึ่งแก้ว แล้วไอริณก็จ้องหน้าจ้องตาผมอีกในขณะที่มุมปากของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆอันมีเสน่ห์แบบเฉพาะของเธอ...

ช่างเป็นผู้หญิงที่ดูมีความมั่นใจในตัวเองจริงๆ... ผมคิดไปอย่างนั้น เพราะเท่าที่ผมจำได้ ผมเองนั้นก็ไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนจ้องหน้าขนาดนี้มาก่อนเลย...

"เอ่อ... รอนานไม๊ครับ น้อง... น้องไอริณ ?" ผมถามแบบรู้สึกเขินนิดหน่อย พลางดึงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเธอมานั่ง "พอดีวันนี้พี่ต้องเคลียร์งานปิดเล่มหนังสือเล่มหนึ่งให้เสร็จ ก็เลยลงมาช้านิดหนึ่งน่ะครับ"

"เรียกหนูว่าริณก็ได้พี่กิต..." แล้วรอยยิ้มที่มุมปากของไอริณก็ปรากฏขึ้นมากกว่าเดิม "นี่พี่กิตจำริณไม่ได้จริงๆเหรอคะนี่...?"

คำพูดนั้น และชื่อ'ริณ' ทำให้ผมสะดุดใจขึ้นมา... 'เอ๊ะ... ทำไมเธอพูดอย่างงี้ ? นี่เราเคยไปรู้จักเธอมาตั้งแต่ตอนไหนกันล่ะนี่ ? หรือว่าเรา... จะกลายเป็นโรคอัลไซเมอร์ไปแล้วล่ะหว่า ? แต่ว่า... ชื่อ'ริณ'นี้มันก็คุ้นๆอยู่นะ...?'

ไอริณหัวเราะคิกขึ้นมา พลางส่ายหัว เธอคงสังเกตุหน้าผมแล้ว ก็รู้แล้วว่าผมยังนึกไม่ออก

"หนูนึกแล้วว่าพี่กิตจำไม่ได้... ก็มันผ่านมาหลายปีแล้วนี่นะ..."

"ห๋า... ผ่านมาหลายปีแล้ว ?!" ผมทำตาโต

"ที่บ้านโฮมสเตย์... ที่จังหวัดระยองใกล้ๆทะเลเมื่อหลายปีก่อน... ริณพูดแค่นี้พี่จำได้ยาง...?" เธอบอกใบ้ออกมาจนได้

หัวสมองผมคำนวณเร็วจี๋ตามคำพูดนั้น แล้วผมก็... นึกออกจนได้

ริณ... ไอริณก็คือ... นักเรียน ม.ปลายคนนั้น เธอเป็นลูกของเจ้าของบ้านสวนแห่งหนึ่งที่เคยจัดให้บ้านเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวมาพักมาเที่ยวชมบ้านสวนและบรรยากาศริมทะเลที่อยู่เลยไปไม่ไกลนั้นในช่วงสุดสัปดาห์ และบ้านโฮมสเตย์นี้ก็อยู่ในจังหวัดระยอง ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไรนัก

ในสมัยนั้นผมยังเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้เคยไปพักอยู่ที่โฮมสเตย์นี้กับเพื่อนๆอีกสองสามคนในช่วงปิดภาคเรียน โดยผมได้รับการแนะนำให้ไปพักที่นั่นโดยคุณแม่ของผมเองที่มีความสนิทสนมกับแม่ของไอริณอยู่พอสมควรเพราะทั้งสองคนนั้นได้เคยเรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกันมาก่อนในจังหวัดฉะเชิงเทรา นี่ก็เท่ากับว่าแม่ของผมกับแม่ของไอริณนั้นเป็นเพื่อนกันมาก่อนในสมัยเด็กๆก็ว่าได้...

แต่ตอนที่ผมได้เจอกับไอริณในตอนนั้น เธอยังเด็กอยู่เลย ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดเธอน่าจะยังเรียนอยู่เพียงชั้น ม.4 เท่านั้นเอง และยังไม่วี่แววว่าต่อมาเธอจะกลายมาเป็นหญิงสาวที่ดูสวยเซ็กซี่ไปได้ขนาดนี้

และผมก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ที่สำคัญอันหนึ่งที่ทำให้ชื่อ'ริณ'นี้ยังคงค้างอยู่ในหัวผมก็คือ

มีวันหนึ่งแม่ของไอริณได้วานให้ผมไปรับเธอที่โรงเรียนมัธยมที่เธอได้ไปเรียนพิเศษอยู่ในช่วงปิดเทอม โดยผมต้องใช้มอเตอร์ไซด์ของที่บ้านนั้นขี่ไปรับเธอ แต่ในขากลับหลังจากที่เธอซ้อนมอเตอร์ไซด์มากับผมแล้ว ดันมีหมาตัวหนึ่งวิ่งมาตัดหน้ารถเรา ทำให้ผมซึ่งในตอนนั้นยังขี่มอเตอร์ไซด์ได้ยังไม่แข็งดี เกิดเสียหลักจนพาทั้งคนทั้งรถกลิ้งตกลงไปข้างถนนนั้นทันที ดีที่ว่าริมถนนนั้นเต็มไปด้วยต้นหญ้าหนานุ่ม ไม่งั้นผมและไอริณคงจะได้รับบาดเจ็บกันบ้างแน่ๆ

หลังจากหายตกใจและรีบไปตรวจดูจนเห็นว่าไอริณไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแล้ว ผมยังอ้อนวอนเธอว่า อย่าไปบอกเพื่อนของผมและคนที่บ้านเธอเลยนะว่า ผมขี่มอเตอร์ไซด์พาเธอล้มลงข้างทาง ไอริณรับปากผมแต่มีข้อแม้ว่า ผมจะต้องรับปากเธอว่าจะสอนภาษาอังกฤษให้เธอก่อนที่เธอจะเข้านอนทุกวันในระหว่างที่ผมยังพักอยู่ที่บ้านของเธอนั้น ผมรับปากเธอทันที และชื่อ'ริณ'นี้ก็ยังคงค้างอยู่ในหัวผมตลอดมาตั้งแต่นั้น...

"โธ่เอ๊ย...!" ผมร้องออกมา "มิน่าล่ะ... ว่าทำไมน้องริณถึงชอบจ้องหน้าพี่จังเลย แล้วน้องริณน่ะเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้ แล้วใครที่ไหนจะไปจำได้ล่ะคร้าบบ...?"

ไอริณหัวเราะคิก "ริณก็อยากจะดูว่า พี่กิตจะยังจำริณคนเดิมได้หรือเปล่าน่ะสิ นี่มองแล้วจ้องแล้วพี่ก็ยังจำริณไม่ได้สักที อย่ามาอ้างว่าไม่เจอกันมาหลายปีแล้วจำกันไม่ได้เลยดีกว่าน่า...ชิ!"

คำสุดท้ายเล่นเอาผมยิ้มแก้มแทบปริ และแทบจะลืมปริศนาปัญหาของบ้านแฝดไปเลยทีเดียว คำว่า'ชิ'นี้ เป็นคำพูดที่ติดปากของเธอมาตั้งแต่สมัยก่อนตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรกๆแล้ว

หลังจากที่ผมกับไอริณได้มาย้อนรำลึกถึงความหลังกันหลายเรื่องหลายราวแล้ว ผมก็กลับมาหวนนึกถึงปริศนาปัญหาคาใจที่บ้านแฝด และคิดว่าจะต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังเสียที โดยที่ในใจของผมตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาก เพราะไม่คิดฝันว่า คนที่ผมจะมาปรึกษาด้วยนี้กลับเป็นคนกันเอง นี่ถ้าเธอเรียนจบปริญญาตรีแล้วไปทำงานที่อื่นแทนที่จะเป็นที่นี่ ผมก็คงจะไม่มีโอกาสได้ไอริณคนนี้เป็นที่ปรึกษาแน่ๆ

หลังจากที่ไอริณได้รับฟังเรื่องราวของผมทั้งหมดแล้ว ดวงตาของเธอก็เป็นประกายและก็ทำหน้าสนใจขึ้นมาอย่างมากมาย

"ริณไม่คิดว่าพี่กิตจะไปเจอดีเข้าแบบนี้... อืม แต่เรื่องนี้น่าสนใจ แบบนี้ริณเอาไปเขียนลง'โลกเร้นลับ'ได้เลยนะ แค่หาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหน่อยเท่านั้น..." ดวงตาของไอริณยามนี้นอกจากจะเป็นประกายแล้วก็ยังส่อแววตื่นเต้นขึ้นมาทันที

"น้องริณจ๊ะ... นี่น้องเป็นคนไม่กลัวผีตั้งแต่เมื่อไรกันล่ะเนี่ย ? สมัยก่อนถ้าพี่จำไม่ผิดนะ พอมีใครเล่าเรื่องผีทีไร น้องริณเป็นต้องทำท่าขนลุกขนพองขึ้นมาทุกทีไม่ใช่เหรอ... พี่คนนี้ล่ะไม่เข้าใจริงๆเลย ?"

"ก็ใช่นะพี่กิต ตอนเด็กๆริณค่อนข้างจะกลัวผีมาก เพราะตอนนั้นริณก็ไม่รู้ว่าผีคืออะไรกันแน่...? แต่ว่า... พอเจอพี่คนนั้นแล้ว ริณก็เลิกกลัวผีตั้งแต่นั้นมาเลย..."

"ผมเลิกคิ้วแปลกใจ "พี่... พี่คนไหน...? มีคนที่ทำให้น้องริณเลิกกลัวผีได้ด้วยเหรอ...?"

ไอริณยิ้มกรุ้มกริ่ม "มีสิ... พี่คนนั้นแหล่ะ ที่ทำให้มีไอริณในวันนี้ พี่คนนั้นแหล่ะที่เคยช่วยไอริณไว้จากเรื่องพวกนี้..."

ผมตาโตขึ้นมา "นี่หมายความว่าน้องริณไม่ได้เก่งหรือไม่กลัวผีขึ้นมาด้วยตัวของตัวเองรึนี่...?" หมายความว่าน้องริณยังมีพี่ที่เป็นอาจารย์ที่ช่วยทำให้น้องริณเป็นคนไม่กลัวผีได้รึ...? แล้วพี่ที่เป็นอาจารย์ของน้องริณคนนี้คงเป็นผู้ชายแน่ๆใช่ไม๊ ?"

ไอริณส่ายหัว และยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกาย

"พี่คนนี้ไม่ได้เป็นอาจารย์อะไรหรอกค่ะพี่กิต... และพี่คนนี้ก็เป็นผู้หญิงอีกต่างหากนะจ๊ะพี่..."

"หา... เป็นผู้หญิงหรอกรึ ?" ผมทวนคำอย่างแปลกใจ ในหัวยังนึกถึงพวกอาจารย์จอมขมังเวทย์ที่มักจะเป็นอาจารย์ผู้ชายอะไรพวกนั้น

"แล้วพี่ผู้หญิง... ที่ทำให้น้องริณเปลี่ยนจากคนที่กลัวผีมาเป็นคนไม่กลัวผีนั้น... เธอเป็นใครกันล่ะน้องริณ...?"

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา