กุ่ยสิงเทียนเซี่ย หนึ่งหนู หนึ่งแมว ผ่าคดีปริศนา (ลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ เรือนหอมหมื่นลี้ B2S)

10.0

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.00 น.

  19 บท
  2 วิจารณ์
  27.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 16.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 1 ตอนที่ 1.3 ตำนานหม่าฟู่แห่งแม่น้ำอี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 
 
          ทางด้านจั่นเจาก็ได้หย่อนกายนั่งลงตรงจุดเดิมใจลอยคิดไปถึงคำพูดของเสี่ยวเอ้อเมื่อสักครู่ คำพูดพวกนั้นของพี่ใหญ่หมายความว่ายังไงกันนะ ?
 
          “คนจิตใจชั่วหมาไม่กิน” เป็นแค่คำเตือนให้ทำความดี ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรือว่าอย่างไร
 
          แล้วสำหรับ “ตะวันออก ตะวันตก ออก ออก ตก ใต้ เหนือ ใต้ ใต้ เหนือ ไม่ออก ไม่ตก ไม่ใต้ ไม่เหนือ”….. นี่มันหมายถึงอะไรกัน ทิศทาง หรือว่าเสี่ยวเอ้อฟังผิด
 
          ในขณะที่จั่นเจากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น คิ้วก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ทันใด ก็รู้สึกเหมือนมีมืออวบๆเล็กๆ มาแตะที่คิ้วและค่อยๆ จับมันคลี่ออก
จั่นเจายื่นมือไปคว้ามือคู่นั้นไว้ ที่แท้ก็เป็นมือของเสี่ยวซื่อจึนี่เอง ตลอดการเดินทางครั้งนี้เสี่ยวซื่อจึมักจะบอกเค้าเสมอว่าไม่ให้ขมวดคิ้ว
 
          “เมี้ยวเมี้ยว ที่หัวเตียงมีภาพวาดน่ะ”
 
          “ภาพวาด ?”
 
          “ใช่ เหมือนจะเป็นภาพวาดที่ใช้มีดกรีดสลัก ไปบนผิวไม้ของเตียง ลวดลายดูยุ่งเหยิง”
 
          จั่นเจาผุดลุกขึ้นทันที “พาข้าไปดูซิ”
 
          “อื้ม !” เสี่ยวซื่อจึดึงมือจั่นเจาพาเดินไปถึงที่หัวเตียง
 
          เซียวเหลียงเดินตามมาดูด้วย ทั้งสองก็ได้เห็นเนื้อไม้บนผิวเตียงมีคนใช้มีดกรีดสลักลวดลายดูแล้วแปลกพิลึก
 
          จั่นเจายื่นมือไปลูบลวดลายที่อยู่บนนั้น ลูบอยู่เป็นเวลานาน ก็หันมาเอ่ยกับเซียวเหลียงว่า “เสี่ยวเหลียง เอาพิมพ์ลงในกระดาษเก็บไว้”
 
          “ได้ขอรับ !” เซียวเหลียงและเสี่ยวซื่อจึช่วยกันนำลวดลายนั้นพิมพ์ลงในกระดาษกันอย่างขมีขมัน
.........................................................................................................................................................................
 
          บนถนนใหญ่ทางเหนือของเมืองฉวีซาน
 
          “ฉวีซานนี่มันเมืองบ้าอะไรกันนะ” ซื่อเฟิ่งเดินไปพลางก็มองผู้คนที่เดินขวักไขว่กันอยู่บนท้องถนนแห่งนี้ อดไม่ได้ที่ต้องมองด้วยความสงสัย
 
          “ทำไมแต่ละคนดูเหมือนพวกขอทานเลยนะ ! พี่สาว ……ไม่งั้นพวกเราหลอกพวกเขาดีหรือไม่ว่าเป็นหมอผี เมื่อสักครู่คนเพิ่งจะพูดกันว่าหม่าฟู่ฆ่าคนตายมิใช่หรือ
 
          “เจ้าไม่เห็นมือปราบนั่นตายรึ ?” ซานเฟิ่งเอ็ดใส่ “ไอ้หม่าฟู่ตัวนี้ไม่มีใครเคยเห็น เป็นเรื่องจริงแน่นอน ? ระวังมันจะมาเอาชีวิตเจ้าล่ะ !”
 
          ซื่อเฟิงพึมพำ “ขี้ขลาดก็ไม่ได้เป็นนายพล”
 
          “ได้กินอิ่มก็ดีแล้ว จะเป็นนายพลไปทำไมกัน ? !” ซานเฟิ่งพูดพร้อมลูบท้อง “ยังมีเงินอยู่อีกนิดหน่อย เราไปหาโรงเตี๊ยมเล็กๆ พักกันเถอะ
 
          กลางคืนค่อยออกมาหลอกเงินจากพวกเศรษฐีกระเป๋าหนักแล้วก็รีบเดินทางกันต่อ ที่แบบนี้ไม่ควรอยู่นาน”
 
          ซื่อเฟิ่งไม่เต็มใจที่จะตอบตกลง ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็ถูกเงาของคนที่อยู่ข้างหน้านั้นสะกดสายตาไว้
 
          “อ้าย พี่ !” ซื่อเฟิ่งคว้ามือพี่สาวแล้วสะกิดให้มองข้างหน้า “พี่ดูสิ ชายหนุ่มชุดขาวคนนั้น”
 
          ซานเฟิ่งมองไปตามมือที่ซื่อเฟิ่งชี้ ก็พบว่าที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ปรากฏชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านใน รูปร่างสูงโปร่ง สวมหมวกงอบสาน ปีกกว้างของหมวกปิดบังใบหน้าทำให้เห็นรูปหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก  แต่ทว่าซานเฟิ่งก็เข้าใจดีว่าซื่อเฟิ่งให้นางมองอะไร ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้ลักษณะการแต่งกายบ่งบอกว่าเป็นผู้มีอันจะกินอย่างแน่นอน
 
          “เป็นไง ? !” ซื่อเฟิ่งแสดงท่าทีดีอกดีใจอย่างออกนอกหน้า “ขุมทรัพย์มาแล้ว” พูดจบก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับจะพุ่งตรงไปข้างหน้าทันที
          ซานเฟิ่งรีบก้าวตามไป “โอ้ ! เค้าดูเหมือนผู้ที่มีวรยุทธ์นะ”
 
          “กลัวอะไรเล่า ถ้าถูกจับได้ก็ใช้แผนเดิม ตะโกนว่าถูกข่มเหง” พูดเสร็จก็สาวเท้ารีบวิ่งตามเขาไปทันที
 
          ชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้นเดินไม่ช้าไม่เร็วนัก คล้ายกับว่าจะไม่มีเรื่องรีบเร่งอะไร
 
          สองข้างทางเรียงรายไปด้วยโรงเตี๊ยมและโรงน้ำชา เขาเดินเข้าไปทีละแห่ง เมื่อก้าวเข้าไปถึงก็หยุดเท้ายืนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่กวาดตามองสำรวจก่อนรอบหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปถามเถ้าแก่กับเสี่ยวเอ้อ ว่าเคยเห็นชายในชุดสีน้ำเงินพาเด็กสองคนกับหมีน้อยอีก หนึ่งตัว ผ่านมาบ้างหรือไม่
 
          เหล่าบรรดาเสี่ยวเอ้อต่างพากันส่ายหัวปฏิเสธ เขาจึงเดินกลับออกมา แล้วก็เดินเข้าไปถามโรงน้ำชาอื่นต่อไปอีก ซื่อเฟิ่งใจเต้นขึ้นทันที คนที่เขาต้องการหาจะใช่คนที่เจอที่หน้าประตูเมืองนั่นหรือเปล่านะ นางนึกไปถึงคุณชายหน้าตาดีแต่ตาบอดคนนั้น ซื่อเฟิ่งรู้สึกแปลกใจขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้ จึงไม่ได้สนใจที่ซานเฟิ่งดึงให้นางรีบเดินไปข้างหน้าต่อ
 
          ชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้น ที่แท้ก็คือไป๋อวี้ถัง
 
          เขาคิดว่าพวกของจั่นเจาน่าจะเดินทางมาถึงแล้ว ก็เลยเดินเข้าไปถามหาที่โรงเตี๊ยมทุกแห่ง เสี่ยวซื่อจึขี่สือโถวแบบนี้น่าจะเป็นที่สะดุดตาของผู้คนมาก
 
          ซื่อเฟิ่งแสร้งทำท่าเหมือนจะเข้าไปขายของ รีบเดินเข้าไปใกล้แล้วก็แกล้งทำเป็นไม่ระวังเดินชน ในขณะที่มือก็คลำไปที่ถุงเงินของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
 
          นางวิ่งปรี่ถลามาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ แต่ไป๋อวี้ถังกลับไม่แสดงท่าทีตกใจอะไรเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะหลบ ซื่อเฟิ่งขมวดคิ้วพลางมองร่างที่อยู่ตรงหน้านั้น ทำไมรูปร่างถึงได้ดีแบบนี้ อ้าวที่แท้ก็คือหุ่นฟางนี่เอง ! พอรู้ตัว ก็เกือบจะชนข้างหน้าเข้าให้แล้ว
 
          รู้สึกแปลกๆ ……
 
          ซื่อเฟิ่งรู้สึกว่าข้างๆ มีเงาสีขาวแว่บหนึ่ง …..จริงๆ เกือบจะได้กระทบไหล่กันแล้ว แต่ชายชุดขาวกลับหายไปเสียอย่างนั้น นางไม่ทันสังเกตุว่า          เกิดอะไรขึ้น หันกลับไปดูทันที ตกใจสุดขีด ! ชายชุดขาวนั้นยังคงอยู่ในท่าทางเหมือนเมื่อสักครู่ คือเดินตรงไปข้างหน้าแบบไม่ช้าไม่เร็วนัก
ซานเฟิ่งอยู่ด้านหลังมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความละเหี่ยใจ แล้วรีบเข้าไปกระตุกแขนซื่อเฟิ่งเป็นเชิงว่าไปกันได้แล้ว “เขาเป็นพวกวรยุทธ์สูง รีบไปเถอะ เขาไม่มาเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับเราหรอก !”
 
          ซื่อเฟิ่งคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง จึงดึงแขนซานเฟิ่งไว้ยังไม่ให้ไป หันกลับไปตะโกนเสียงดัง “เฮ้ ! คนที่ท่านต้องการหาแซ่จั่นใช่หรือไม่ ?”
 
          ทันทีที่ประโยคนี้ดังออกไป ชายชุดขาวก็หยุดชะงักทันที ไป๋อวี้ถังหยุดเท้า เอี้ยวกายหันกลับมามองซานเฟิ่งและซื่อเฟี่ง
 
          ซานเฟิ่งคว้าชายแขนเสื้อของซื่อเฟิ่งดึงรั้งไว้ “อย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่าน่ะ”
 
          ซื่อเฟิ่งหาฟังไม่ กลับดึงแขนนางแล้ววิ่งปรี่เข้าไปอยู่ตรงหน้าของไป๋อวี้ถัง “เขาพาหมีน้อยและเด็กสองคนมาด้วยใช่หรือไม่ เด็กคนหนึ่งดูเก่งกาจมากความสามารถ ส่วนอีกคนหน้าตาน่ารักแต่ดูออกจะมึนๆ งงๆ หน่อย”
 
          ไป๋อวี้ถังแหงนหน้าขึ้นมองสองพี่น้อง ด้วยปีกงอบสานที่ปิดลงมาต่ำมาก ทำให้ในตอนแรก พวกนางได้เห็นเพียงใบหน้าแค่ครึ่งเดียวของไป๋อวี้ถังเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อไป๋อวี้ถังแหงนหน้าขึ้นเท่านั้น สองพี่น้องจึงเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ซื่อเฟิ่งถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ ในใจเริ่มรู้สึกอ่อนระทวย ‘บุรุษผู้นี้รูปงามอะไรเช่นนี้’
 

--------------โปรดติดตามตอนต่อไป อัพตอนใหม่ทุกวัน จันทร์ พฤหัส และเสาร์เวลา 2ทุ่มครึ่งค่ะ-----------------
 
อีกช่องทางที่สามารถติดตามได้ https://www.facebook.com/xinxinyunwawa/?modal=admin_todo_tour 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา