มรสุมรักร้าย
8.3
เขียนโดย ดาวจรัด
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 03.00 น.
8 บท
0 วิจารณ์
8,558 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 03.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่๑ ความจริงที่น่าละอาย (3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความว้ายยยยยย”
“แม่คะ” มือที่เอื้อมไปหมายจะฉุดคนเป็นแม่เพียงนิ้วสัมผัสกันเท่านั้น จนตองนี้ตีนบันไดเต็มไปด้วยเลือดไหลออกบริเวณศีรษะคนที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือด
ปัญรินทร์หัวใจแทบสลายกลับภาพตรงหน้า ได้แต่พร่ำโทษตัวเองที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ก่อนจะตรงติ่งไปหามารดาพร้อมทั้งร้องเรียกเสียงสั่น ถ้าเกิดแม่เป็นอะไรขึ้นมาเธอจะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิตเลย
“แม่คะ ฮื่อ อย่าเป็นอะไรนะคะหนูขอโทษค่ะแม่ ฮื่อ”
“อย่าไปที่นั้นอีก อยู่กับแม่ รับปากแม่สิ” ปรื่อตาฝืนเรียวแรงทั้งหมดที่มีพูด
“ค่ะ หนูจะอยู่กับแม่ ไม่ไปไหนฮื่อๆ”
จบคำคนตกบันไดหัวฟาดพื้นก็วูบดับไปเพราะพิษบาดแผล
บนเตียงคนไข้ในห้องพักรวมของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งหลังจากที่โทรเรียกรถพยาบาทมารับจนผ่านมาหนึ่งชั่วโมงเศษแล้วมารดาก็ยังไม่ฟื้น ถึงหมอจะบอกว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรมากก็เถอะ เธอก็ยังไม่วางใจอยู่ดีเพราะท่านยังไม่ฟื้น
ตริ๊งงงงงงง
เสียงสายเรียกเข้าทำเอาคนจมดิ่งกับความรู้สึกผิดสะดุ้งจนตัวโยง เห็นว่าเป็นใครโทรมาจึงกดรับทันที
“ว่าไงกันต์”
“ทำไมวันนี้ขาดเรียน”
“เอ่อคือ..มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“ไม่หน่อยหลอกมั้ง ปกติเฟื่องไม่เคยขาดคาบวิชาสำคัญ มีอะไรเปล่า”
“เอ่อ...ปะเปล่าพอดีมีธุระสำคัญน่ะ” จะให้เธอบอกเรื่องในวันนี้ที่เป็นสาเหตุของการขาดเรียนเธอก็ละอายใจเกินที่จะเล่าถึงจะสนิทก็เถอะ
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
“เอ่อ..เฟื่องต้องวางแล้ว ว่างจะโทรกลับนะ” ปัญรินทร์จำต้องตัดสายเพราะคนบนเตียงขยับยุกยิกก่อนจะปรื่อตาขึ้นมองรอบๆจนหยุดตรงหน้าลูกสาว
“หือ...ทำไมถึงมาอยู่ห้องพักรวม” หลังจากที่พินิจมองรอบๆจนเต็มตาเห็นคนป่วยนอนล้อมรอบอยู่หลายคนแทนที่จะได้ไปนอนห้องวีไอพี “คุณภาทรู้เรื่องนี้ยัง”
“ภาทไหนคะ ใช่ภาทที่แม่เป็น....เอ่อ”หญิงสาวลั่นปากพูดด้วยความผิดหวังที่ล้นอก จนลืมคิดก่อนพูด พอเห็นสายตาไม่พอใจของมารดา “ขอโทษค่ะ”
ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าคุณภาทที่ว่าเป็นใครเพราะได้ยินหมดแล้ว
“คุณภา” เสียงเรียกมาพร้อมกับร่างภูมิฐานในชุดสูทเต็มยศปรากฏตรงปลายเตียง ก่อนจะเดินมากุมมือเมียอีกคนด้วยความห่วงใย
“ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่รู้ไหม เดินยังไงให้ตกบันได”เขาพึ่งจะมารู้ตอนที่กลับบ้านไปแล้วถามคนในบ้านว่าประภาวีอยู่ไหนถึงได้รู้ว่าหล่อนตกบันไดแต่ยังไม่ทันได้รู้รายละเอียดของสาเหตุเขาก็บึ่งรถตรงมาที่นี้ นึกโกรธคนในบ้านนักที่ไม่คิดโทรแจ้งเขาสักคน
“เอ่อ..คือว่าเฟื่อง....”
“ไม่มีอะไรหลอกค่ะ ฉันเดินซุ่มซ่ามเองเลยได้แผล” ปลายตามองปัญรินทร์ให้รู้ว่าห้ามพูดนอกเหนือจากนี้ ถึงอีกฝ่ายรับรู้และยอมเงียบ
“ระวังหน่อยสิครับ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาผมจะอยู่ยังไง”
“ภาไม่ได้เป็นอะไรนี้คะ หมอก็บอกใช่ไหมลูกเฟื่อง”
“เอ่อ..ค่ะ”
“รบกวนหนูเฟื่องแล้ว” เศรษฐาส่งยิ้มเอ็นดูไปให้สาวรุ่นลูกอย่างนึกขอบคุณ ถึงแม้จะแปลกกัลป์รอยยิ้มแปล่งๆที่ไดรับกลับมาก็เถอะ ปัญรินทร์คงยังไม่คุ้นชินกับเขาในฐานะพ่อเลี้ยงเลยไม่รู้จะทำตัวอย่างไร เศรษฐาคิดเองในใจก่อนจะหันไปสั่งให้เลขาที่ติดสอยมาด้วยไปเคลียเรื่องย้ายคนป่วยไปห้องวีไอพีที่แพงที่สุดของโรงพยาบาล
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ ภาอยู่ได้”
“ได้ไงละครับ ผมจะให้ภรรยาผมอยู่ในห้องรวมกับคนอื่นได้ไง”
คำว่าภรรยาของชายวัยกลางคนที่นั่งตรงข้างเธอมันแปล่งหนูพิลึก พลางคิดไปถึงภรรยาที่บ้านเขาแล้วก็นึกเห็นใจที่มีสามีเห็นแก่ตัวอย่างนี้ ไม่ให้เกียติภรรยาตัวเองทั้งยังยกย่องคนที่พึ่งพบเจอเป็นภรรยาอีก
น่าสงสารจริงๆ
หลังจากไปเยี่ยมประภาวีเสร็จจนดึก ใจจริงอยากจะนอนเฝ้าด้วยซ้ำแต่ก็ยังห่วงความรู้สึกของภรรยาตีทะเบียนอยู่จึงต้องกลับมานอนบ้านป่านนี้คงหลับไปแล้วเพราะนี้ก็ดึกมาก แต่ผิดคลาดแทนที่ห้องนอนจะมืดมิดกลับสว่างจ้าเพราะแสงไฟบ่งบอกว่าคนในห้องยังไม่นอน
“ทำไมยังไมนอนอีกล่ะ นี้ก็ดึกมากแล้วนะ” ถามน้ำเสียงอ่อนลงกว่าตอนช่วงกลางวัน จ้องตาภรรยาที่บวมเป่งเพราะผ่านการร้องไห้มา
“พรุ่งนี้ยายข้าวจะเดินทางกลับจากไปเที่ยว เตรียมคำตอบให้แกด้วยล่ะ” กัญญาร์รู้ดีว่าสามีตนห่วงความรู้สึกของลูกสาวคนเล็กแค่ไหนเพราะเลี้ยงตามใจมาแต่เด็กเอาใจสารพัด จนรับรู้ได้ถึงสีหน้าที่ตรึงเครียดของเศรษฐา
“ไหนว่าอาทิตย์หน้าไง”
“ฉันก็ไม่รู้ อ่อยังมีอีกเรื่องตาฟาร์มจะกลับอาทิตย์หน้าหรือไม่ก็เร็วกว่านั้น”
คนมีความเครียดยิ่งเครียดลงไปอีก ทั้งลูกชายลูกสาวประดังประเดเข้ามาพร้อมกันจนพ่อตั้งรับไม่ทั้ง ลูกสาวที่ไปเที่ยวร่วมแก็งกับเพื่อนกำหนดกลับอาทิตย์หน้า ลูกชายคนโตกำหนดกลับเดือนหน้าที่บินไปเรียนต่อปริณญาโทที่อเมริกา ทำไมมันกะชันชิดติดกันอย่างนี้จนคนที่ว่าสามารถเคลียร์ทุกอย่างได้เริ่มไม่มั่นใจแล้ว
“ไหนตาฟาร์มบอกว่าจะขออยู่ที่ต่อสักเดือนไงถึงจะกลับ คุณคงไม่ได้บอกลูกใช่ไหม”
“ถึงฉันไม่บอกแกก็คงรู้ เพราะแกรู้จักสันดานพ่อตัวเองดี”
“คุณกัญญาร์” มันไม่ใช่เสียงตวาดหากแต่เป็นเสียงข่มอารมณ์โกรธเสียมากกว่า
“รีบเข้านอนนะคะจะได้นอนคิดเตรียมคำตอบให้ลูกๆ ฉันไปล่ะ” เธอจะไม่ยอมนอนร่วมห้องกับสามีคนนี้อีกแล้วพอกันที แค่ที่ผ่านมาก็เกินพอ
กดไลต์ให้ไรท์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคะ555
พากันเม้นหน่อย เม้นได้หน๊าไรท์ไม่กัด
ทำไมคนอ่านน้อยจัง เค้าน้อยใจ
“แม่คะ” มือที่เอื้อมไปหมายจะฉุดคนเป็นแม่เพียงนิ้วสัมผัสกันเท่านั้น จนตองนี้ตีนบันไดเต็มไปด้วยเลือดไหลออกบริเวณศีรษะคนที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือด
ปัญรินทร์หัวใจแทบสลายกลับภาพตรงหน้า ได้แต่พร่ำโทษตัวเองที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ก่อนจะตรงติ่งไปหามารดาพร้อมทั้งร้องเรียกเสียงสั่น ถ้าเกิดแม่เป็นอะไรขึ้นมาเธอจะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิตเลย
“แม่คะ ฮื่อ อย่าเป็นอะไรนะคะหนูขอโทษค่ะแม่ ฮื่อ”
“อย่าไปที่นั้นอีก อยู่กับแม่ รับปากแม่สิ” ปรื่อตาฝืนเรียวแรงทั้งหมดที่มีพูด
“ค่ะ หนูจะอยู่กับแม่ ไม่ไปไหนฮื่อๆ”
จบคำคนตกบันไดหัวฟาดพื้นก็วูบดับไปเพราะพิษบาดแผล
บนเตียงคนไข้ในห้องพักรวมของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งหลังจากที่โทรเรียกรถพยาบาทมารับจนผ่านมาหนึ่งชั่วโมงเศษแล้วมารดาก็ยังไม่ฟื้น ถึงหมอจะบอกว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรมากก็เถอะ เธอก็ยังไม่วางใจอยู่ดีเพราะท่านยังไม่ฟื้น
ตริ๊งงงงงงง
เสียงสายเรียกเข้าทำเอาคนจมดิ่งกับความรู้สึกผิดสะดุ้งจนตัวโยง เห็นว่าเป็นใครโทรมาจึงกดรับทันที
“ว่าไงกันต์”
“ทำไมวันนี้ขาดเรียน”
“เอ่อคือ..มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“ไม่หน่อยหลอกมั้ง ปกติเฟื่องไม่เคยขาดคาบวิชาสำคัญ มีอะไรเปล่า”
“เอ่อ...ปะเปล่าพอดีมีธุระสำคัญน่ะ” จะให้เธอบอกเรื่องในวันนี้ที่เป็นสาเหตุของการขาดเรียนเธอก็ละอายใจเกินที่จะเล่าถึงจะสนิทก็เถอะ
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
“เอ่อ..เฟื่องต้องวางแล้ว ว่างจะโทรกลับนะ” ปัญรินทร์จำต้องตัดสายเพราะคนบนเตียงขยับยุกยิกก่อนจะปรื่อตาขึ้นมองรอบๆจนหยุดตรงหน้าลูกสาว
“หือ...ทำไมถึงมาอยู่ห้องพักรวม” หลังจากที่พินิจมองรอบๆจนเต็มตาเห็นคนป่วยนอนล้อมรอบอยู่หลายคนแทนที่จะได้ไปนอนห้องวีไอพี “คุณภาทรู้เรื่องนี้ยัง”
“ภาทไหนคะ ใช่ภาทที่แม่เป็น....เอ่อ”หญิงสาวลั่นปากพูดด้วยความผิดหวังที่ล้นอก จนลืมคิดก่อนพูด พอเห็นสายตาไม่พอใจของมารดา “ขอโทษค่ะ”
ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าคุณภาทที่ว่าเป็นใครเพราะได้ยินหมดแล้ว
“คุณภา” เสียงเรียกมาพร้อมกับร่างภูมิฐานในชุดสูทเต็มยศปรากฏตรงปลายเตียง ก่อนจะเดินมากุมมือเมียอีกคนด้วยความห่วงใย
“ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่รู้ไหม เดินยังไงให้ตกบันได”เขาพึ่งจะมารู้ตอนที่กลับบ้านไปแล้วถามคนในบ้านว่าประภาวีอยู่ไหนถึงได้รู้ว่าหล่อนตกบันไดแต่ยังไม่ทันได้รู้รายละเอียดของสาเหตุเขาก็บึ่งรถตรงมาที่นี้ นึกโกรธคนในบ้านนักที่ไม่คิดโทรแจ้งเขาสักคน
“เอ่อ..คือว่าเฟื่อง....”
“ไม่มีอะไรหลอกค่ะ ฉันเดินซุ่มซ่ามเองเลยได้แผล” ปลายตามองปัญรินทร์ให้รู้ว่าห้ามพูดนอกเหนือจากนี้ ถึงอีกฝ่ายรับรู้และยอมเงียบ
“ระวังหน่อยสิครับ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาผมจะอยู่ยังไง”
“ภาไม่ได้เป็นอะไรนี้คะ หมอก็บอกใช่ไหมลูกเฟื่อง”
“เอ่อ..ค่ะ”
“รบกวนหนูเฟื่องแล้ว” เศรษฐาส่งยิ้มเอ็นดูไปให้สาวรุ่นลูกอย่างนึกขอบคุณ ถึงแม้จะแปลกกัลป์รอยยิ้มแปล่งๆที่ไดรับกลับมาก็เถอะ ปัญรินทร์คงยังไม่คุ้นชินกับเขาในฐานะพ่อเลี้ยงเลยไม่รู้จะทำตัวอย่างไร เศรษฐาคิดเองในใจก่อนจะหันไปสั่งให้เลขาที่ติดสอยมาด้วยไปเคลียเรื่องย้ายคนป่วยไปห้องวีไอพีที่แพงที่สุดของโรงพยาบาล
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ ภาอยู่ได้”
“ได้ไงละครับ ผมจะให้ภรรยาผมอยู่ในห้องรวมกับคนอื่นได้ไง”
คำว่าภรรยาของชายวัยกลางคนที่นั่งตรงข้างเธอมันแปล่งหนูพิลึก พลางคิดไปถึงภรรยาที่บ้านเขาแล้วก็นึกเห็นใจที่มีสามีเห็นแก่ตัวอย่างนี้ ไม่ให้เกียติภรรยาตัวเองทั้งยังยกย่องคนที่พึ่งพบเจอเป็นภรรยาอีก
น่าสงสารจริงๆ
หลังจากไปเยี่ยมประภาวีเสร็จจนดึก ใจจริงอยากจะนอนเฝ้าด้วยซ้ำแต่ก็ยังห่วงความรู้สึกของภรรยาตีทะเบียนอยู่จึงต้องกลับมานอนบ้านป่านนี้คงหลับไปแล้วเพราะนี้ก็ดึกมาก แต่ผิดคลาดแทนที่ห้องนอนจะมืดมิดกลับสว่างจ้าเพราะแสงไฟบ่งบอกว่าคนในห้องยังไม่นอน
“ทำไมยังไมนอนอีกล่ะ นี้ก็ดึกมากแล้วนะ” ถามน้ำเสียงอ่อนลงกว่าตอนช่วงกลางวัน จ้องตาภรรยาที่บวมเป่งเพราะผ่านการร้องไห้มา
“พรุ่งนี้ยายข้าวจะเดินทางกลับจากไปเที่ยว เตรียมคำตอบให้แกด้วยล่ะ” กัญญาร์รู้ดีว่าสามีตนห่วงความรู้สึกของลูกสาวคนเล็กแค่ไหนเพราะเลี้ยงตามใจมาแต่เด็กเอาใจสารพัด จนรับรู้ได้ถึงสีหน้าที่ตรึงเครียดของเศรษฐา
“ไหนว่าอาทิตย์หน้าไง”
“ฉันก็ไม่รู้ อ่อยังมีอีกเรื่องตาฟาร์มจะกลับอาทิตย์หน้าหรือไม่ก็เร็วกว่านั้น”
คนมีความเครียดยิ่งเครียดลงไปอีก ทั้งลูกชายลูกสาวประดังประเดเข้ามาพร้อมกันจนพ่อตั้งรับไม่ทั้ง ลูกสาวที่ไปเที่ยวร่วมแก็งกับเพื่อนกำหนดกลับอาทิตย์หน้า ลูกชายคนโตกำหนดกลับเดือนหน้าที่บินไปเรียนต่อปริณญาโทที่อเมริกา ทำไมมันกะชันชิดติดกันอย่างนี้จนคนที่ว่าสามารถเคลียร์ทุกอย่างได้เริ่มไม่มั่นใจแล้ว
“ไหนตาฟาร์มบอกว่าจะขออยู่ที่ต่อสักเดือนไงถึงจะกลับ คุณคงไม่ได้บอกลูกใช่ไหม”
“ถึงฉันไม่บอกแกก็คงรู้ เพราะแกรู้จักสันดานพ่อตัวเองดี”
“คุณกัญญาร์” มันไม่ใช่เสียงตวาดหากแต่เป็นเสียงข่มอารมณ์โกรธเสียมากกว่า
“รีบเข้านอนนะคะจะได้นอนคิดเตรียมคำตอบให้ลูกๆ ฉันไปล่ะ” เธอจะไม่ยอมนอนร่วมห้องกับสามีคนนี้อีกแล้วพอกันที แค่ที่ผ่านมาก็เกินพอ
กดไลต์ให้ไรท์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคะ555
พากันเม้นหน่อย เม้นได้หน๊าไรท์ไม่กัด
ทำไมคนอ่านน้อยจัง เค้าน้อยใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ