มรสุมรักร้าย

8.3

เขียนโดย ดาวจรัด

วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 03.00 น.

  8 บท
  0 วิจารณ์
  8,759 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 03.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ความจริงที่น่าละอาย (2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                         เปลือกตาสวยค่อยๆปรือออกกระพริบตาปริๆเพื่อปรับแสงปัญริทร์ตกใจจนโดดลงจากเตียงนอนขนาดกลางเนื้อนุ่มมองซ้ายขวาสำรวจห้องกว้างที่เธอไม่คุ้นตาและคุ้นชิน เธอมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงแล้วที่นี้มันที่ไหนกัน หญิงสาวฉุดคิดหลังจากตื่นเช้ามามารดาทำอาหารให้ทานแล้วเธอกำลังจะไปเรียนแล้วเธอก็จำไรไม่ได้อีกเลย คิดแล้วก็ไปหานาฬิกาข้างโต๊ะหัวเตียงเป็นเวลาบ่ายโมงครึ่ง นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่

ปัญรินทร์ตรงไปเปิดประตูคุ้นคิดกับตัวเองว่านี้มันบ้านใคร เพรามันใหญ่โตตกแต่งอย่างกับบ้านเศรษฐีจนใจดวงน้อยผวากลัวกลัวไปต่างๆนาๆว่าตนกับแม่อาจจะถูกลักพาตัว แล้วแม่ละ หญิงสาวหยุดชะงักบนชันบันไดกระจ่างแจ้งในห้วงความคิดทันที ความผิดหวังรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นจนน้ำตาหลั่งมองภาพด้านล่างอย่างปวดใจ

     “คุณจะมั่วไม่เลิกฉันไม่เคยห้ามแต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณพาใครข้ามาอยู่ในบ้านของเราเด็ดขาด”  มองสามีกับหญิงชู้วัยอ่อนกว่าตนอย่างสมเพศตลอดเวลาที่อยู่กินกันมาแม้สามีจะออกไปมีบ้านน้อยบ้านใหญ่เธอไม่เคยห้ามเพราะรู้สันดานมักมากคนร่วมชีวิตดีถึงห้ามไปเขาก็ไม่ฟัง กัญญาร์ได้แต่ขอห้ามให้สามีพาหญิงอื่นมาอยู่บ้านซึ่งสามีก็รับปาก แต่มาวันนี้กลับพาโสเภณีมาเหยียบหัวหล่อน

     “ครั้งนี้ผมขอเถอะ”  เศรษฐามองภรรยแววตาเว้าวอนให้เห็นใจมองประภาวีที่ยื่นก้มหน้าร้องไห้ก็ยิ่งสงสาร

     “ฉันไม่ยอม”

เศรษฐา ศิลาวงษ์ขบกรามแน่นสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อนกัดกลั้นความหงุดหงิดใจที่เริ่มคืบคลานใช้น้ำเสียงทุ่มดุจเดิมแต่เด็ดขาดในที

     “ถึงคุณจะไม่ยอมยังไง ครั้งนี้ผมก็คงไม่ฟัง”

     “คุณภาท!!”  กัญญาร์มองสามีส่อสายตาผิดหวังจะออกไปกินน้อยกินใหญ่เธอไม่เคยว่าแต่ครั้งนี้เธอรับไม่ได้จริงๆ ที่สามีในทะเบียนสมรสไม่ให้เกียรติกัน เหลือบมองผู้หญิงมหาภัยที่เข้ามาสร้างความร้าวฉานให้กลับครัวครอบตน

     “งั้นก็เอาเลยคุณอยากจะพาใครเข้ามาอยู่ในบ้านกี่คนมันก็เรื่องของคุณฉันจะไม่ห้ามอะไรอีกแล้ว แต่ถ้ายายข้าวรู้คุณก็ไปอธิบายให้แกฟังเองแล้วกัน”

แวบแรกที่ได้ยินชื่อบุตรสาวคนเล็ก คนเป็นพ่อถึงกลับหน้าม่ายก่อนจะสลัดมันทิ้งสบตาเปื้อนน้ำตาของภรรยาตามกฎหมายมาดมั่น

     “ได้ผมจะอธิบายให้ลูกฟังเอง”  แม้จะไม่มั่นใจว่าลูกจะรับได้ไหมด้วยรู้จักมักจี้นิสัยลูกสาวดีว่าเป็นเช่นไรได้แต่แบกความหนักใจไว้ในอก

กัญญาร์มองหญิงร้ายชายชั่วครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ชายวัยกลางคนจึงเดินเข้าไปประคองหญิงรักนั่งลงโซฟา

     “ถ้าคุณกัญญาร์ไม่เต็มใจ ภากับลูกไปอยู่ที่อื่นก็ได้ค่ะ”

     “ไม่ครับ คุณกับลูกต้องอยู่ที่นี้ต่อไปห้ามไปไหนทั้งนั้น แล้วก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องพวกนี้ ผมจะจัดการเอง”  ประมุขศิลาวงษ์บอกเสียงหนักแน่น กระชับมือหล่อนแน่นขึ้นเป็นเครื่องหมายสื่อให้หล่อนได้รู้ว่าเขาจะทำให้ได้และจะเป็นที่พึ่งให้หล่อน

     “ขอบคุณมากนะคะ ที่ดีกลับภาขนาดนี้”  ประถาวีโผล่เข้ากอดร่างชายรุ่นใหญ่ทั้งซบหน้าลงกับอกแกร่ง แม้จะวัยจะปาเข้าห้าสิบแปดแล้วร่างกายชายตรงหน้าก็น้อยหน้าหนุ่มรุ่นลูกเสียเมื่อไหร่ ทั้งยังแรงดีเสียจนเด็กหนุ่มยังอาย

                ใช่เธอเห็นทุกอย่าง ทั้งยังผิดหวังในตัวมารดาอย่างท่วมท้น ไม่คิดเลยว่าแม่ที่เธอเคารพบูชาจะสร้างความแตกแยกให้ครอบครัวคนอื่นต้องพังยับเพราะความอยากได้อยากมีขนาดนี้

เจ็บปวดที่ใจจนมันจุกไปหมด แต่ไม่เท่าความผิดหวังที่คืบคลานเข้าสู่หัวใจ

ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่านี้มันเป็นเรื่องจริงเลยฉันแค่ฝันไป

คิดพร้อมตวัดมือลงใบหน้าตัวเองอย่างไม่ออมแรงจนหน้าหัน เจ็บ ได้แต่คิดในใจแต่ปากก็พร่ำ

     “ไม่เจ็บ ฉันแค่ฝันไปเอง ฮื่อๆ”  ถึงจะเอ่ยหลอกตัวเองยังไง ความจริงมันก็ชัดอยู่วันยังค่ำ

     “นี้แก มานั่งทำอะไรตรงนี้”  หลังจากที่โดนปลอบใจจนหายเศรษฐาก็เข้าบริษัทเพราะมีประชุมด่วน หล่อนเลยเดินอารมณ์ดีขึ้นมาด้านบนกลับต้องสะดุดตากับยายลูกสาวตัวดีที่นั่งกอดเข่าร้องไห้ข้างชานบันได อารมณ์ที่เคยดีพลันหายไปหมด

     “แล้วร้องไห้ทำไมใครทำอะไรแก บอกฉันมา”  ถามทั้งคิดถึงยายคุณหญิงที่ต้องสงสัยในมโนตน

ณ ตอนนี้เธอไม่พร้อมคุยกับแม่แม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะเห็น จนคนเป็นแม่นึกฉุนที่ลูกสาวเอาแต่ก้มหน้าหนีคลายไม่อยากเห็นหน้าตน

     “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ใครทำไรแกบอกฉันมา ฉันจะไปจัดการมัน”

     “....”

     “ยายคุณหญิงนั้นใช่ไหม”  ว่าพร้อมหันหลังเตรียมเดิน กลับต้องชะงักกลับคำถามของลูก

     “คุณหญิงไหนกันคะ ใช่คุณหญิงของบ้านนี้ที่แม่แย่งสามีเขารึเปล่า”  ปัญรินทร์ลุกขึ้นยืนมองมารดาที่ยืนหันหลังก็ยิ่งซ้ำใจ “ใช่คุณหญิงที่แม่กำลังทำครอบครัวเขาพังรึเปล่าคะ”

     เพลีย*!!!*

จบคำถามไม่ทันไรใบหน้างามหยอดเซหันไปตามแรงฝ่ามือของคนโดนตั้งคำถามที่ตอนนี้หันมาเผชิญหน้าด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน ใช่ว่าที่ทำอยู่หล่อนไม่เจ็บทุกวันนี้หล่อนขยักแขยงตัวเองจนแทบไม่อยากหายใจ แต่ที่ต้องทำเพราะมีเหตุผล

     “เฟื่องจะกลับบ้าน”  จบคำร่างระหงส์ก็ปรี่ตรงไปทางบันไดยังไม่ทันได้ก้าวด้วยซ้ำ ข้อมือก็ถูกฉุดดึงด้วยมือมารดา

     “แกจะกลับไปที่นั่นไม่ได้ ห้ามกลับไปเด็ดขาด”  แววตาโกรธเกรี๊ยวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนมันดูลนลานหวาดกลัวแทนจนเธอฉงนนึกกลัวในแววตานั้น แต่จะให้อยู่เป็นกาฝากในรังคนอื่นเธอก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

     “ทำไมคะ ที่นั้นมันเป็นยังไง มันซอมซอจนอยู่ไม่ได้หรือคะ”

     “ฉันบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”

     “ไม่คะ หนูจะกลับขอให้แม่มีความบนความทุกข์ของตนอื่นนะคะ ลาก่อน”  หญิงสาวสะบัดขอมือจนหลุดก้าวลงบันไดได้ไม่ถึงสองก้าวก็โดนฉุดไว้กลายเป็นว่าตอนนี้เธอกับแม่ฉุดกระฉากกันบนบันไดอย่างไม่มีใครยอมใครจนลืมสิ้นความปลอดภัย

ผลัวะ

     “ว้ายยยยยย”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา