มรสุมรักร้าย
เขียนโดย ดาวจรัด
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 03.00 น.
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561 03.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บทที่๑ ความจริงที่น่าละอาย (4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พรุ่งนี้หมอก็บอกว่าออกได้แล้วค่ะ”ประภาวีบอกเล่าแก่ เศรษฐาที่มานั่งป้อนข้าวเธอแต่เช้า ว่าพรุ่งนี้หล่อนก็จะออกโรงพยาบาลได้แล้ว
เศรษฐาขานรับในลำคอส่งยิ้มให้คนป่วยเสียเต็มประดา ทว่าในใจกลับร้อนลนกลับปัญหาที่กำลังจะเกิด
“หนูเฟื่องวันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง” ชายวัยกลางคนหันไปถามลูกเลี้ยงสาวที่นั่งอยู่โซนหนึ่งบนโซฟาตัวยาว เขาพอจะรู้จากประภาวีมาบ้างว่าปัญรินทร์ยังเรียนไม่จบ
“เอ่อ..คือเฟื่องโทรไปลาแล้วค่ะ” จะให้เธอไปเรียนสบายใจทั้งที่มารดานอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลที่มีสาเหตุมาจากเธอได้ยังไง
“หือ..หนูไปเรียนเถอะทางนี้ฉันจะจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลเอง ไม่ต้องห่วง”
“อย่าลำบากเลยค่ะ เฟื่องดูแลแม่เองได้”
เศณษฐายกมือห้ามก่อนจะพูดเสียงอ่อนโยนให้สาวรุ่นลูกเบาใจ “ไม่ต้องห่วงหรอก หนูไปเรียนเถอะเห็นว่าเรียนใกล้จบแล้วขาดเรียนบ่อยเดี๋ยวจบไม่ทันเพื่อนนะ”
“ไปเถอะยายเฟื่องแม่อยู่ได้ ลูกไปเรียนเถอะ”
เหตุผลร้อยแปดของชายที่ขึ้นชื่อว่าพ่อเลี้ยงหยิบยกมาอ้างทำเอาเธอลำบากใจไหนจะเสียงเสริมทัพของแม่อีกปัญรินทร์จำต้องพยักหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ปัญรินทร์ออกไปตามหลังด้วยเศรษฐาออกไปทำงานก็มีพยาบาลพิเศษเข้ามาดูแลเธอ ประภาวีจึงไล่ออกไปเพราะไม่ชอบมานั่งจ้องตลอดเวลา เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่วางข้างเตียงดังขึ้นถึงจะหงุดหงิดที่ถูกรบกวนการนอนมือก็จำต้องเอื้อมไปรับ แต่ก็ต้องตกใจเพราะชื่อที่โชว์โทรเข้ามา
“ไอ้บ้านี้ อย่าหวังว่าฉันจะรับเลย” ว่าจบก็กระแทกโทรศัพท์ลงที่เดินจนสายตัดไป พร้อมเสียงข้อความที่ดังตามมา ถึงใจจะสั่งห้ามไม่ให้เปิดดูแต่มือเจ้ากรรมกลับไม่ฟัง
[ได้ผัวรวย หนีหน้ากูเลยนะมึง]
[รับสายกูซะ ถ้าไม่อยากซวยก่อนจะสบาย ]
“ไอ้เลวมึงนะมึง อีกไม่นานหลอกกูจะเอาคืนให้สาสม”
ดวงตาเครียดแค้นจ้องจอโทรศัพท์สายเรียกเข้าก่อนจะปรับอารมณ์โกรธให้ผ่อนลง
“เล่นตัวนักนะมึง ตั้งแต่ได้ผัวรวย” เสียงปลายสายเยาะเย้ยอยู่ในที คนฟังได้แต่กำหมัดอย่างแค้นเคือง
“ฉันไม่ทำ” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวกระแทกสวนไม่แพ้กัน ก่อนเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายจะดังตามมาให้ขุนมัว
“จุๆๆ....ว่าอะไรอย่างนั้นไม่ทำไรกัน คุณหญิงประภาวีคนเก่งอะไรกันแต่ก่อนไม่เคยเห็นพูดแบบนี้นี้ เดี๋ยวนี้น้องภาคนเก่งผู้ไม่เคยเกี่ยงงานหายไปไหนนะ”
“ไอ้เลว หยุดพูดเลยนะ เก็บปากเน่าๆของแกไปซะ” ประภาวีรู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์มันพุ่งจนปรอทแตกจนไม่กลัวอะไรอีกแล้วถึงแม้แต่ก่อนเธอจะไม่เคยต่อปากต่อคำไอ้ชั่วนี้ก็เถอะ ไม่ใช่ว่าไม่กล้า แต่ความปลอดภัยหลายอย่างมันทำให้เธอเลือกที่จะไม่ทำต่างหาก แต่ตอนนี้เธอจะไม่ขอทน
“หว้า ฮ่าๆๆ ปากเน่าๆอะไรกัน เอาละเลิกพูดเล่นกันได้แล้วฉันต้องการให้แกมาช่วยทำงาน”ท้ายประโยคคล้ายสั่งกรายๆ
“ฉัน ไม่ ทำ”
“เฮอ...เอาละฉันชักจะขี้เกียจเล่นลิ้นกับแกเต็มทนแล้ว แต่เอ้ลูกสาวคนสวยแกนี้ได้ข่าวว่าขยันใช่ย่อย จะเกี่ยงงานเหมือนแม่ไหมนะ”
“แกอย่าแตะต้องลูกฉันนะ ไอ้ชั่ว ถ้าแกทำอะไรลูกฉันแม้แต่ปลายก้อยฉันจะฆ่าแก” หล่อนไม่ได้ขู่หากแต่เอาจริง ถ้าเกิดว่ามีวันนั้นลูกสาวหล่อนเกิดเป็นอะไร เธอจะไม่ยั้งมือเลยตายกันไปข้าง
“หือ...ทำไงดีละก็คนของฉันมันขาดจะหาคนซื่อสัตย์ทำงานดีก็ยาก ทำไงดีน่า เห็นจะมีแต่แกหรือไม่ก็ลูกแกในตัวเลือกฉัน” ประโยคท้ายถูกเน้นเสียงรอดไรฟันจนหญิงวัยสี่สิบต้นๆขนลุกซู่
“ไม่นะห้ามทำอะไรลูกฉันเด็ดขาด”
“งั้นแกก็เลือกสิวะ”
“ได้ฉันจะทำ แต่มีข้อแม้ห้ามยุ่งกับลูกสาวฉัน”
“ได้ แกก็อย่าเล่นตุกติกละ รู้ใช่ไหมถ้าแกทำ ไม่ใช่แค่ฉันที่ซวยแกองก็เหมือนกัน”
สายถูกตัดไปแล้วหากแต่ความโกรธความเครียดมันยังสุมในอก สิ่งที่หล่อนปกป้องมาตลอดถูกยกขึ้นมาขู่จนได้ทั้งที่ตลอดเวลาเธอยอมทำทุกทางที่ทำได้ให้ปัญรินทร์ปลอดภัย ทำลาครอบครัวคนอื่นเพื่อให้มีที่พักพิงที่แข็งแรงแต่มันกลับไม่ช่วยอะไรเลย หลังเสือมันลงยากอย่างนี้นี่เอง
“ดูแกจะสบายดีนะ ขนาดป่วยยังได้นอนพักห้องที่แพงที่สุดในโรงพยาบาล”
และดูเหมือนประภาวีจะเหม่อเพ้อคิดเรื่องนั้นจนมันทันได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคนที่ยืนข้างเตียง ก่อนจะบางออในใจเพราะเคยเห็นรูปหญิงสาวคนนี้ที่บ้านศิลิวงษ์คงจะเป็นลูกสาวของบ้าน
ใบหน้างามราวกับนางเอกละครไร้ที่ติขาวใสออร่าจับตามแบบฉบับลูกผู้ดีมีเงิน ทว่าวาจากลับสวนทางร้ายกาจจนหล่อนรู้ทันทีกับการมาเยือน เลยส่งยิ้มฝาดเฝื่อนตอบรับคำทักทายอันไม่อภิรมณ์
“หึ มันคงจะดีกว่านี้ถ้าแกตกแล้วตาย” น้ำข้าว ศิลาวงษ์ เบ้ปากเยาะเย้ยจ้องมองเมียน้อยของพ่อสุดแสนชัง หลังจากเมื่อคืนที่ได้คุยกลับมารดาถึงได้รู้ว่าท่านพบเจอกับอะไรตัวหล่อนแทบจะวิ่งมาตามสายตั้งแต่เมือคืน
“คุณคงเป็นลูกสาวของคุณภาทสินะ”
“รู้นิ่ ว่าเขามีลูกยังจะเข้ามาแทรกกลางอยู่ทำไม” ตะคอกสุดเสียง อารมณ์ขุนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อยายเมียน้อยยังนั่งยิ้มไมสะทกสะท้าน
“ถึงยังไงฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงเธอ เธอควรจะให้เกียจฉันมากกว่านี้นะ” ในเมื่อสาวรุ่นลูกแก่แดดแก่ลมยืนค้ำหัวประกาศความเป็นศัตรูถึงเพียงนี้ หล่อนก็ไม่ขอรักษามารยาทที่แทบจะไม่มีเหมือนกัน
“นี้ยังไม่ทันไรก็ยังจ้องหองขนาดนี้ อยากให้คุณพ่อมาเห็นจังเลยว่า เมียน้อย ตัวเองสันดารเป็นยังไง”
ประภาวีนับหนึ่งในใจระงับอารมณ์โกรธที่เคยมีให้พุ่งกระฉูดขึ้นมาอีกรอบ กลัวจะพลั้งมือจนห้ามไม่อยู่
“ที่มาวันนี้ฉันมีข้อเสนอดีๆมาให้แก ฉันจะให้เงินแกสิบล้านบ้านพร้อมรถแลกกับการออกไปจากบ้านฉันแล้วก็เลิกยุ่งกับคุณพ่อทุกทาง”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงรับ แต่มาตอนนี้เหนื่อยกับการใช้เงิน”
“นี้แกจะไม่รับใช่ไหม คงจะหวังใหญ่กับมรดกพ่อฉันจนมองเห็นเงินที่ฉันให้น้อย” สาววัยเบญจเพศแทบจะกระโจนตบผู้หญิงต่ำช้าตรงหน้า “หน้าด้าน” เธอบอกได้อย่างนี้จริงๆ
“ฉันง่วงมากค่ะ เชิญ” ผายมือเชิญไม่คิดไว้หน้า ทำเอาน้ำข้าวกำหมัดเต้นตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำกับเธอขนาดนี้ เว้นเสียแต่หญิงตรงหน้า
“แก่หนังเหี่ยวหนังยานขนาดนี้แทนที่จะไปอยู่สบายๆไม่ชอบ รั้นจะเกาะครอบครัวคนอื่นเป็นกาฝากอยู่ได้หน้าไม่อาย”
เพี้ยยย
“นี้แกตตบฉันหรอ” น้ำข้าวดี้ดด๊าดสุดชีวิตที่ถูกหญิงชั่วตบจนหน้าหัน ก่อนจะฟาดฝ่ามือคืนจนอีกฝ่าย สงครามตบตีดังไปด้านนอกพอดับที่พยาบาลเข้ามาพอดี กว่าห้ามทั้งคู่ได้แทบหอบ
“ปล่อยฉัน อย่ามาจับ” หญิงสาวเอาแต่ใจสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมคุณพยาบาล จนพยาบาลต้องปล่อยเพราะสู้แรงไม่ไหว
“ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านฉันล่ะ”
หัวอกคนเป็นพ่อที่เห็นลูกร้องไห้ในใจเจ็บปวดเพียงใดเขารับรู้ดีแต่จะให้ไล่ผู้หญิงอีกคนออกไปอยู่ข้างนอกเขาก็ทำไม่ได้ในเมื่อเขารักทั้งสองอยากเก็บไว้ทั้งสองคน
ลำขาแกร่งก้าวไปนั่งบนเตียงนอนสีแดงสดของลูกสาวเอื้อมมือมีริ้วรอยของกาลเวลาลูบหัวยอดดวงใจแผ่วเบาคนขี้น้อยใจขยับกายหนี
"พ่อขอโทษข้าว”
เสียงร้องไห้ที่ผะแผ่วยิ่งดังสะท้านขึ้นจากคำของบิดาที่ทำสิ่งใดผิดก็เอาแต่ขอโทษแต่มิเคยกระทำตนให้ดีขึ้น
“ลูกจะว่าจะด่าอะไรพ่อก็ได้ แต่อย่าเมินพ่อแบบนี้ได้ไหม” น้ำเสียวอ่อนโยนสุดเสียใจที่ตนเป็นสาเหตุของน้ำตา มันตอกย้ำในใจจนปวดหนึบ
“งั้นพ่อก็ไล่มันออกไปจากบ้านเราสิคะ ทำได้ไหม” น้ำข้าวยันตัวลุกขึ้นนั่งมาเผชิญหน้าคนเป็นพ่อ
“พ่อ..ทำอย่างนั้นไม่ได้...พ่อรักเขาอย่าใจร้ายกับพ่อนักเลยนะลูก”
“นี้พ่อไม่ละอายใจบ้างเลยหรือไง ที่มาพูดว่ารักเมียน้อยต่อหน้าลูกเมียหลวง...ที่สำคัญพ่อยังไม่คิดจะให้เกียจคุณแม่อีก” เธอรู้สึกผิดหวังในตัวบิดามากกว่าทุกครั้งที่รู้ว่าพ่อมีบ้านเล็ก นี้หรือคือผู้ให้กำเนิดช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนัก บอกรักเมียอีกคนทั้งที่เมียอีกคนยังนั่งหัวโด่อยู่ในบ้าน
“ถึงพ่อจะพาใครมาอยู่ในบ้าน ไม่ได้แปลว่าพ่อจะไม่ได้รักแม่ของลูกนะ”
“พอเลยค่ะ ข้าวไม่อยากฟังออกไปจากห้องข้าวได้แล้ว คุณพ่อมันเห็นแก่ตัว” หญิงสาวส่ายหน้าร้องไห้จนเศรษฐาใจเสียกับกิริยานั้น
“ข้าว”
“ออกไป กรี๊ด”สาวเจ้าลุกขึ้นเดินดันร่างพ่อให้ออกไปสุดแรง จนเศรษฐายอมยกธงขาว
กดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ555
พากันเม้นหน่อย เม้นได้หน๊าไรท์ไม่กัด
ทำไมคนอ่านน้อยจัง เค้าน้อยใจนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ