Note Tale Project : Heart & Both
-
เขียนโดย IdoLized
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.39 น.
6 chapter
0 วิจารณ์
7,360 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561 04.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) Heart & Both IV
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ในบ่ายอันแสนสงบวันหนึ่งนั่นเอง ในห้องเรียนห้องเดิมนั้นแลดูจะมีบางอย่างที่ต่างไปจากปกติเล็กน้อย แทนที่นักเรียนจะต้องพากันนั่งฟังที่คุณครูสอนหรือจดงานตามบนกระดานนั้นกลับพากันทำตัวสบายๆ อย่างเช่นการจับกลุ่มกันพูดคุยเรื่องราวต่างๆ หรือไม่ก็จะเป็นการเล่นเกมออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนกันเป็นกลุ่มใหญ่ นั้นก็เพราะดูเหมือนว่าช่วงบ่ายนั้นจะไม่มีการเรียนการสอนเกิดขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง
....ละคร.....การแสดงประเภทหนึ่ง มีการดำเนินเรื่องราวและดำเนินไปตามลำดับ ซึ่งสัมพันธ์กับตัวละคร......ละคร....งั้นสินะ
อิริยาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพวกความรู้ทั่วไปอยู่พึมพำๆอยู่คนเดียว ณ ที่นั่งข้างหน้าต่างบริเวณหลังห้องของเธอที่เดิม ซึ่งในขณะนั้นเองเธอนั้นก็สัมผัสถึงความรู้สึกจนหงุดหงิดแปลกๆอันคุ้นเคยว่ามีคนมาอยู่ข้างหลังเธอได้
"ไง! "
ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่กล้ามายุ่งกับชีวิตของเธอได้ขนาดนี้ ซึ่งแม้แต่พ่อของเธอเองยังไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ เธอคิดเช่นนั้น
"มีธุระอะไร...."
"ฮ่าๆๆ ไปที่ไหนก็มีแต่คนถามทั้งนั้นเลยแฮะเรา สงสัยหน้าตาดีไปก็เป็นงี้แหละน้า~"
จูนเมื่อได้จังหวะที่อิรินาสนใจนั้นรีบเข้ามาชิงนั่งเก้าอี้ข้างๆเธอทันทีและพูดจาชวนน่าหมั่นไส้ด้วยรอยยิ้มขี้เล่นอารมณ์ดีเหมือนเคย
แต่ถึงอย่างนั้นอิริยาก็ไม่แม้กระทั่งจะละสายตาจากหนังสือมาคุยกับเขาด้วยซ้ำ
.....นี่พูดมาไม่อายใครเลยไม่ใช่หรือไงกันนะ......
แต่ดูแล้วเธอก็ยังคิดเคืองใจอยู่เล็กน้อยไปด้วยในขณะที่ก้มพลิกหน้าหนังสืออ่านแต่ละหน้านั้น แม้ภายนอกจะดูเหมือนเธอไม่ได้สนใจอะไรกับเด็กหนุ่มขี้เล่นนั่นเลยก็ตาม
หลังจากวันนั้นที่จูนได้บอกกับอิริยาว่าชอบเธอนั่นเอง ก็ได้ทำให้จูนเองไม่ค่อยมากวนใจเธอเหมือนแต่ก่อนแล้วและก็ดูจะทำอะไรเกรงใจเธอมากขึ้น(อย่างน้อยก็ดีขึ้น)ไม่ได้โฉ่งฉ่างเหมือนแต่ก่อนแล้ว และเหมือนว่าทางจูนที่ยังไม่ได้คำตอบเรื่องความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาจะทำให้เขารู้สึกกลัวๆที่จะเธอจะไม่พอใจอยู่บ้างก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เธอไม่ได้มีท่าเย็นชากับเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทั้งการพูดและการแสดงท่าทางก็ดูเป็นกันเองมากกว่าเดิมถึงแม้จะยังชอบทำตัวเฉยชาใส่ยามที่รำคาญอยู่เช่นเดิมก็ตามที
"ไม่หันมองหน้ากันเลยนะ เอ....หรือว่า!...เธอเขินใช่ไหมล่ะ!"
จูนพูดหยอกเล่นไปพร้อมกับการก่อกวนเธอต่างๆนาๆอย่างเช่นเอามือลูบๆเขี่ยๆผมเธอเล่นบ้าง จิ้มแก้มเธอทั้งสองข้างเบาๆอยู่สองสามทีบ้าง จนเธอเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาหน่อยนึงซึ่งสามารถดูออกได้ทันที
"......"
แต่ว่าเธอก็เลือกที่จะเงียบอยู่อย่างงั้นแทนและหันมามองหน้าจูนอย่างไร้อารมณ์เหมือนกับว่าเมื่อกี้เธอต้องการจะพูดอะไรออกมาแต่ก็หยุดไปเฉยๆพร้อมทำหน้าตาบ่งบอกว่าตนขี้เกียจแม้แต่จะแสดงท่าทีเหนื่อยหน่ายใจออกมาด้วยซ้ำ
"เอ่อ โทษทีๆ....ฉันก็พูดเล่นไปงั้นแหละ ความจริงก็คือ ฉันมีเรื่องจะคุยกับห้อง 1 น่ะ แนนล่ะ?"
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยแล้ว หากฝืนแกล้งต่อจะเป็นอันตรายต่อเขามากกว่า จูนก็มีท่าทางเหงาหงอยจนยอมเลิกแต่โดยดีแล้วดึงหัวข้อสนทนาหลักที่ควรจะพูดมาตั้งนานแล้วขึ้นมาถามก่อนที่อิริยาจะโกรธเอาจริงๆ
"แนนไปหาครูอยู่ เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ..."
เด็กสาวตอบคำถามจูนไปโดยก็ยังอ่านหนังสือไปโดยไม่ได้สนใจหันมามองสีหน้าเหงาหงอยของเขาเลย แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้จูนฟื้นกลับมาร่าเริงอารมณ์ดีอีกครั้งเพราะในที่สุดเธอก็ยอมคุยกับเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามเด็กสาวเองก็แอบมีท่าทีหมั่นไส้แสดงให้เห็นออกมาซึ่งสังเกตจากการที่เธอเม้มปากสนิทกับคิ้วขมวดจนแทบจะติดกันบนหน้าที่เกิดจากไอ้การดีใจเกินหน้าเกินตาไปหน่อยของจูนนั่นเอง
"ทำหน้าแบบนี้เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วสินะนะเนี่ย...เฮ้อ"
จูนได้แต่ยืนมองอิริยาที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสืออย่างสลดใจก็ทำได้เพียงแค่นั่งถอนหายใจอยู่ข้างๆเท่านั้น
"ทุกคน! ฉันไปคุยกับครูมาแล้ว งานโรงเรียนครั้งนี้ ห้องเรากับห้องสองมีการแสดงคือละครนะ!"
จู่ๆแนนก็เลื่อนประตูชนขอบดังปังใหญ่ เข้ามาพร้อมประกาศบอกด้วยความตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาชาวบ้านชาวช่องเขาจนเก็บอาการไม่อยู่
"หา!!!"
แต่ดูเหมือนทั้งห้องกลับไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเพื่อนๆได้ยินปุ๊บก็พากันตัวอ่อนระทวย เรี่ยวแรงหายไปนอนกองกับพื้นราวกับดินน้ำมันที่ละลายจากที่เคยแข็งมาก่อนด้วยแสงอาทิตย์
"เอ๋!? การแสดงระหว่างห้อง 1 กับ ห้อง 2 สินะ น่าสนุกจัง!"
ขณะนั้นเอง ฟิล์มที่เผอิญได้ยินเข้าหลังจากพึ่งพึ่งกลับมาจากการไปซ้อมบาสมา ก็รู้สึกเห็นด้วยและตื่นเต้นกับเรื่องการแสดงเป็นอย่างมาก
"ใช่มะ! ใช่มะ! คิดดูสิการที่หนุ่มๆห้องเรากับห้องสองแสดงด้วยกัน.....ยิ่งถ้าจูนกับธณีห้องเรามาแสดงด้วยกันแล้ว....หุหุหุ"
หน้าที่เริ่มแดงกับลมหายใจเข้าออกที่ไม่เป็นจังหวะ ท่าทางและรอยยิ้มที่แปลกประหลาดของหัวหน้าห้องตอนนี้นั้นสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้อิริยาที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่หลังห้องกว่าทุกทีที่เธอเคยรู้จัก
ซึ่งแนนเองก็เคยบอกให้อิริยาฟังว่าเธอนั้นเป็นกลุ่มสาวๆประเภทที่คลั่งไคล้สื่อบันเทิงแนวชาย-ชาย ที่เรียกกันว่า "สาววาย" ให้เธอฟังอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นอิริยาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเป็นอย่างไรอยู่ดีจนได้เห็นเธอตอนนี้ก็ทำให้เข้าใจได้ทันที
"ฮะๆ แต่ว่า...ฉันว่าทำแบบธรรมดาเถอะ เพื่อความสบายใจของทั้งสองห้องน่ะ"
"เห็นด้วยเลย"
"ขนลุกขนพอง ฮ่าๆ"
จูนหัวเราะแห้งๆออกมาเมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเป็นคนเริ่มดึงเข้าประเด็นซะก่อนที่จะมีผู้หญิงคนอื่นๆเห็นชอบด้วยมากกว่านี้ โดยมีเสียงสนับสนุนจากผู้ชายห้อง 1 มากมายช่วยอีกที
"จะว่าไป...ก็รู้อยู่หรอกนะว่ามันเกี่ยวข้องกับห้องสองด้วย แต่ว่านายมาทำอะไรที่นี่กันแน่ ให้หัวหน้าห้องนายมาคุยไม่ดีกว่าหรอ"
อิริยาที่นั่งอ่านหนังสือซึ่งก็คอยสังเกตพวกเขาอยู่เงียบๆมานานจู่ๆก็เหมือนทนไม่ไหวบางอย่างแล้วพับหนังสือที่อ่านวางไว้กับโต๊ะ
พร้อมกับถามขึ้นด้วยสายตาที่จับจ้องไปที่จูนเพราะตนแอบรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ซึ่งอาจจะด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ที่มีต่อพ่อหนุ่มขี้เล่นมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วก็เป็นได้
"เอ๋? ก็ฉันนี่ไงหัวหน้า"
จูนทำหน้างงและชี้นิ้วที่มาตัวเอง เป็นการบอกย้ำถึงตำแหน่งในห้องของเขา พร้อมยักคิ้วมาด้วยสีหน้าแปลกใจ
"...!!!!"
เธอที่มองจูนด้วยท่าทีไม่พอใจเมื่อครู่ก็ตกใจขึ้นมาตามด้วยหน้าตาเวลาที่เธออายแทน ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ต่างจากปกติมากนัก
...นิสัยของตานี่ก็มีคนเสนอเป็นหัวหน้าด้วยงั้นหรอ....
ซึ่งนั้นทำให้เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจและอายสุดๆ
"หน่าๆ จริงจังแล้วๆ ใครมีไอเดียเสนอชื่อเรื่องหรือแนวทางอะไรรึเปล่า รีบเสนอหน่อยนะ งานเริ่มอาทิตย์หน้าน่ะ"
ระหว่างนั้นเองหัวหน้าห้องก็กลับเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้งตามเดิมอย่างที่เคย และเตรียมคุยเรื่องแผนต่อ
"ฟู่ว! ตั้งอาทิตย์หน้าแหนะ.....เอ๊ะ!?....เดี๋ยวนะ!!!???"
ทุกคนในห้องก็ต่างพากันถอนหายใจอย่างสบายใจอยู่หน่อยนึง แต่จังหวะนั้นเองแต่ละคนก็สะดุ้งตกใจขึ้นมาเหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมาพร้อมๆกัน
"เดี๋ยว....ก็วันนี้มันวันศุกร์ไม่ใช่รึไง!!!!"
"ใครแต่งเรื่องล่ะ!!!"
"ใครแสดงอะไรล่ะเนี่ย!!!"
"ชุดเป็นไงบ้าง!!!"
"มันจะทันได้ไงฟะ!!!!"
เมื่อคิดได้ดังนั้นแต่ละคนก็มีอาการร้อนรนกระวนกระวายต่างๆนาๆ โดยมีหัวหน้าห้องทั้งจูนและแนนยืนเกาหัวหัวเราะเบาๆเป็นฉากหลัง พลันอดนึกถึงการแสดงที่เละเทะไม่เป็นท่าในอนาคตไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น อิริยาก็ไม่ได้มีอาการร้อนหนาวอะไรกับเขาด้วยตามเคย
"ถ้าเรื่องบทเรื่องที่จะแสดง ลองดูของผมก่อนไหมครับ....."
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงเบาๆเรียบๆชวนขนหัวลุกก็ดังขึ้นจากหลังห้อง แม้จะเป็นเสียงที่เบามากถ้าเทียบกับสถานการณ์ความวุ่นวายในห้อง ณ ตอนนี้ แต่มันกลับดึงความสนใจของผู้คนทั้งห้องให้ไปรวมกันที่หลังห้องจุดเดียวได้อย่างน่าพิศวง
"นะ...นาย?"
แนนเป็นคนเริ่มทักที่มาของเสียงนั้น
"ผม....ออติค ห้อง 2 ครับ"
เด็กชายลึกลับซึ่งเป็นแหล่งข่าวให้แก่ทุกคนในโรงเรียนผู้เป็นเพื่อนสนิทไม่กี่คนของจูนเริ่มหลับตาก้มหน้าลงพร้อมดันแว่นตาขึ้นด้วยท่าประจำ
"นี่ๆ เขาให้มาช่วยงาน ไม่ได้ให้มายืนเก๊ก"
จูนพูดกระซิบข้างๆออติคแล้วมองด้วยความเอือมระอา จนออติคสะดุ้งขึ้นรีบหันขวับมามองด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ซึ่งอาจจะเพราะคิดว่าตนเองกำลังเท่ อยู่ดีๆแล้วโดนแย่งซีนไปก็ไม่อาจทราบได้
ทำให้เขาทำเป็นไม่สนใจจูนและเดินเมินผ่านไปหน้าตาเฉยเพื่อเอาบทละครทำเขาเสนอให้เมื่อตอนต้นให้แนนอ่านต่อ
"....."
....ไอ้หมอนี่....
จู่ๆจูนก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"พวกนั้น....เข้ามาตอนไหนน่ะ"
จู่ๆก็มีคำถามชวนสงสัยเสียงน้ำเสียงเรียบๆคล้ายกันกับออติคดังขึ้นมาจากหลังอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคราวนี้จะเป็นเสียงเด็กผู้หญิงถามถึงทั้งออติคและจูนที่มาอยู่ในห้องนั้นเอง
"อ้าว! เบล หายไปไหนมา พอดีเลย อยากถามไอเดียหน่อยน่ะ มานี่ๆ"
เมื่อแนนเห็น เธอก็เรียกเบลให้เจ้ามาหาทันที
"..... ก็อยู่นี่ตั้งนานแล้วไม่ใช่รึไง"
เจ้าของเสียงนั้นคือ เบลนั้นเอง ซึ่งอาจจะเพราะเธอไม่ค่อยมีคนสนใจเธอนักอยู่แล้วหรือไม่ก็เพราะตัวเล็กเกินไป คนอื่นเลยไม่ได้สังเกตเห็นและทำให้เธอก็ไม่เห็นทั้งสองว่ามาอยู่ในห้องตอนไหนเช่นกัน
ในขณะที่เด็กสาวตัวน้อยกำลังเดินไปหาแนนนั้นเอง ออติคที่ยืนพิงกำแพงรอฟังคำวิจารณ์อยู่ก็เหลือบไปเห็นหนังสือบางอย่างที่เธอสะพายไว้ข้างเอวแล้วเหมือนเกิดตกใจขึ้นมาแต่ก็เลือกจะเงียบไว้ไม่ได้พูดอะไรออกไปจะดีกว่า
เบลคว้าบทละครนั้นมาไว้ในมือ เธอใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีพลิกๆหน้ากระดาษไปมา ก็สามารถอ่านบทละครนั้นจบด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
"อืม...ฉันว่าโอเคเลยล่ะ เรื่องจอมเวทย์และผู้กล้าที่ได้ต่อสู้กับมังกรและแม่มดสินะ...."
เมื่อได้ยินเบลรีวิวว่าอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆก็ดูสบายใจกับเรื่องนี้มาก ทำให้เจ้าออติคยิ่งได้ใจใหญ่
"แต่มัน...ไม่เรียบไปหน่อยหรอ"
จูนโผล่เข้ามาถามกลางวงที่เขากำลังอ่านบทกันอยู่แล้วเท้าคางถามด้วยความสงสัย
"แน่นอน! ของจริงมีเนื้อเรื่องเข้มข้นกว่านี้ครับ"
ออติคยืดอกยิ้มอย่างภาคภูมิ ซึ่งทำให้จูนแปลกใจเป็นอย่างมาก
"หา!? แล้วทำไมไม่แต่งให้หมดเลยล่ะทำแบบนี้มันไม่เสียเวลาหรอ"
ถ้าหากฟังเหตุผลที่จูนแย้งดูแล้วก็จริงอย่างที่ว่า เพราะด้วยเวลาที่มีน้อยกระชั้นชิดแบบนี้การจะใส่บทอะไรมาดื้อๆคนแสดงย่อมเตรียมการไม่ทันแน่ แต่ดูแล้วออติคจะไม่ได้มองจุดนี้เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย
"หึหึหึ คุณจูนไม่รู้อะไรซะแล้ว การบอกเนื้อเรื่องทั้งหมดไป มันจะมีโอกาสที่เรื่องจะหลุดออกไปให้ผู้ชมรู้ซะก่อน แถมเนื้อเรื่องอาจจะเดาง่ายจนหมดความตื่นเต้นไปอีกด้วย ดูอย่างอเxนเจอร์สิ คนเขียนบทมีเนื้อเรื่องและตอนจบหลายๆแบบทำให้นักแสดงไม่มีทางเลยที่จะรู้ว่าอันไหนคือบทที่แท้จริงเลยไม่สามารถสปอยได้ไงล่ะ"
ออติคยังคงยืดอกมั่นใจพร้อมพูดยกประเด็นภาพยนต์ดังมาอธิบายโดยแอบมีสายตาเย้ยหยันมาทางจูน
แม้ทุกคนจะรู้สึกทึ้งในความมองการไกลของเขาแต่จูนที่เป็นเพื่อนกับออติคมานานรู้ดีรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลแปลกๆ
"ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น คือ....ถ้าไม่บอกงี้จะแสดงได้ยังไงล่ะ"
"ความจริงมันก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ เรื่องบทหลักก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน ที่เปลี่ยนน่ะมันแค่นิดเดียว เดี๋ยวระหว่างแสดงผู้บรรยายก็จะบอกเองนั่นแหละครับ ที่เหลือที่ต้องทำก็แค่แสดงตามๆไปเท่านั้นเอง ชนิดที่ใครๆก็ด้นสดได้ทั้งนั้นแหละครับ เด็ก ป.3 ยังทำได้เลย"
ออติคหยักไหล่รับประกันให้ความไม่สบายใจของใครหลายคนพร้อมแสดงท่าทางสบายๆอย่างช่วยไม่ได้
"......"
.....ทำไมลางสังหรณ์ฉันมันพยายามบอกอะไรบางอย่างว่ามันจะไม่ง่ายงั้นนะสิ แต่ดูเหมือนทุก
คนก็ไม่ติดใจอะไรด้วย.....เฮ้อ! ช่างมันละกัน ว่าไงว่ากัน.......
"นี่ๆ! แล้วบทให้ใครเป็นอะไรแล้วรึยัง!"
ฟิล์มที่นั่งชิวอยู่บนโต๊ะก็ลุกขึ้นถามด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
"..... งั้นเอางี้ดีกว่า พวกนายก็ไปเรียกห้องสองมาประชุมกันให้หมดดีกว่า แล้วพวกเราจะได้รีบจัดแจงบทให้พร้อมกับหน้าที่ให้กับคนที่เหลือ วันเสาร์-อาทิตย์พวกเราจะได้มีเวลาซ้อมเยอะๆไง"
แนนที่เห็นว่าหากไม่รีบจัดการในสิ่งที่พอจะทำได้ในตอนนี้ก็เกรงว่ามันจะสับสนและวุ่นวายอย่างมากแน่นอน
"นั่นสินะครับ"
"ได้ๆ เดี๋ยวไปเรียกมาให้"
ออติคเห็นด้วยว่าควรเรียกเพื่อนมาคุยกันให้เร็วจะดีกว่า โดยที่จูนวิ่งออกจากห้องเพื่อที่จะไปเรียกคนอื่นๆที่ห้องของตนมา ในขณะที่คนอื่นก็คุยกันต่อเรื่องบทเรื่องอุปกรณ์ต่างๆโดยมีออติคอยู่เป็นตัวแทนให้กับห้องสองคอยดูคอยฟังสิ่งที่เขาจะเสนอต่อไป
. .
ไม่กี่นาทีผ่านไป
. .
"มาแล้วๆ"
จูนกลับมาหลังจากไปตามเพื่อนๆมา ก็รีบเดินมาตีเนียนนั่งที่ข้างๆอิริยาตามเดิมฉวยโอกาสจากการที่มีคนมากมายเข้ามาจนชุลมุนวุ่นวายนั้นเอง
อิริยาที่เดิมนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆของเธอถึงกลับมีหันมาจ้องเขม่น(จำเป็นต้องเลื่อนโต๊ะเก้าอี้มาติดกันเพราะคนเยอะ)
และแล้วเพื่อนๆห้อง 2 อีกราวๆ สี่สิบกว่าคนก็ทะยอยเข้ามาในห้องเรื่อยๆจนครบในที่สุด โชคดีที่ขนาดห้องเรียนนั้นใหญ่พอจะให้คนเกือบๆร้อยคนมาอยู่รวมกันได้
แม้จะทำให้ภายในห้องดูวุ่นวายมาก แต่หัวหน้าห้องสองคนทั้งจูนและแนน ก็สามารถจัดการกับคนจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พวกเขาใช้เวลาปรึกษาหารือเรื่องบทต่างๆอยู่ราวๆชั่วโมงเศษๆ เพื่อแจกแจงบทและหน้าที่ต่างๆให้เร็วที่สุดเพื่อที่วันเสาร์อาทิตย์จะได้มาซ้อมได้ทันก่อนวันแสดงตามที่วางแผนกันไว้
....เจ้าชายหรอ ก็ดีนะ แต่ทำไมรู้สึกว่าไม่เห็นพูดถึงกันในเรื่องย่อเลยล่ะ....
จูนบ่นพึมพำอยู่ในใจคนเดียวหลังจากทราบบทของตน แต่ลึกๆก็พอใจที่ตนไม่ได้รับบทประหลาดๆจากเพื่อนแสนเจ้าเล่ห์คนนี้
"นี่ๆ....เอ่อ....นักแสดงเต็มหมดรึยัง..."
จู่ๆฟิล์มก็เข้ามาถามด้วยท่าทางลำบากใจโดยมีน้ำเสียงที่แลดูเกร็งๆ
"น่าจะเยอะอยู่นะ..."
"แล้วมีตัวละครอะไรที่บทน้อยๆไหม พอดี.....อิริยาเขาอยากแสดงน่ะ"
"นั่นสินะ มีบทอะไรให้บ้างนะ....เอ๊ะ!? ให้ใครแสดงนะ?"
แนนที่วุ่นๆอยู่กับการมอบหมายงานต่างๆก็ไม่ได้ตั้งใจฟังที่ฟิล์มถามนัก พอเว้นไปสักพัก เมื่อเธอลองนึกย้อนถึงสิ่งที่ได้ยินดูดีๆก็ทำให้รู้สึกแปลกๆเหมือนมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
"ให้อิริยาน่ะ เค้าอยากแสดงน่ะ..."
"...........เอ๊ะ!?"
เสร็จสิ้นการยืนยันคำถามของฟิล์มนั้น ไม่ได้มีแค่แนนเท่านั้น แต่ทั้งคนที่อยู่ในวงสนทนานั้นหรือคนที่เผอิญผ่านมาได้ยินเข้าก็ต่างพากันเงียบสนิทราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"อิริยาเนี่ยนะ!!!??"
ทุกคนถามขึ้นอย่างพร้อมเพรียงด้วยความตกใจ เพราะแม้แต่คนที่ไม่ค่อยได้คุยกับเธอก็ต่างรู้ดีว่าอิริยานั้นแต่เดิมเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรที่ยุ่งยากและแทบจะไม่เคยพูดถึงกิจกรรมโรงเรียนด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้แทบไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าเธออยากจะแสดงละครในครั้งนี้ด้วย
"...อะ...อิริยา...จะ....จริง...หรือ?..."
แนนที่เมื่อฟังแล้วตกใจอย่างมากจึงทิ้งแผนงานทั้งหมดไว้กับโต๊ะหน้าห้องที่โดยปกติจะถูกครูที่เข้ามาสอนใช้งานแล้วตรงมาถามอิริยาด้วยท่าทีสั่นคลอนซึ่งในตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินทันที
"อืม...ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก แค่อยากน่ะ...."
เธอวางหนังสือลงแล้วหันมาพยักหน้าตอบโดยไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่แปลกแต่อย่างใด ระหว่างนั้นเองที่จูนก็บังเอิญเหลือบไปเห็นปกของหนังสือเล่มนั้น....
"ละครกับการแสดง...."
สิ้นสุดคำพูดนั้น ทั้งแนน ฟิล์ม และเบลก็มองไปที่ปกหนังสือตามจูนพร้อมกัน
"อ๋อ....."
ดูเหมือนทั้งสี่อาจจะพอเข้าใจเหตุผลที่ทำไมตอนนี้จู่ๆเธอถึงอยากแสดงขึ้นมา
และอิริยาที่เห็นสีหน้าเพื่อนๆเปลี่ยนไปก็เริ่มนึกแปลกใจแล้วลองมองตามหาต้นตอของสายตาที่ทั้งสี่จ้องมาจนได้รู้ว่ามันคือหนังสือที่เธอกำลังอ่านนั่นเอง
ดูเหมือนเพื่อนๆกำลังคิดว่า การที่เธออยากแสดงละครนี้เพราะว่าเพียงแค่อยากลองทำตามหนังสืออยู่ก็มีท่าทางตกใจขึ้นมา
"...ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! คือว่า...มันเหมือนเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับฉันแค่นั้นนะ...."
เธอปฏิเสธเสียงแข็งที่แปรเปลี่ยนมาเป็นเสียงที่เบาลงและดูแฝงไปด้วยความหมองม่นไว้อยู่ ซึ่งก็รวมไปถึงสีหน้าของเธอก็เช่นกัน เพราะมันทำให้เธอนึกย้อนไปถึงตัวเธอเมื่อก่อน เมื่อตอนสมัยยังเด็ก....
ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีดำสนิทประดับไปด้วยเครื่องเพชรรูปผีเสื้อตรงอกทางซ้าย ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นสำหรับผู้ป่วยโดยมีผู้ติดตามสาวคอยดูแลอยู่ข้างหลัง
ดูเหมือนที่ที่เธออยู่นั้นจะเป็นมุมหนึ่งของโรงแสดงละครขนาดใหญ่ที่มีผู้ชมอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง
บทละครเรื่องหนึ่งได้ถูกนำมาถ่ายทอดให้แก่ผู้ชมในโรงละครแห่งนี้ แม้เด็กน้อยจะมีอายุเพียง 5 ขวบก็กลับสามารถดูและเข้าใจเนื้อหาของละครที่แสดงอย่างถ่องแท้จนมีการเบื่อหน่ายอยู่บ้าง
จนกระทั่ง สายตาของเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหลงไหลไปกับหญิงสาวในบทของเจ้าหญิงอันทรงเสน่ห์น่าหลงกลและสง่างามกำลังแสดงบทบาทสมมติของเธอได้อย่างดีเยี่ยม
.....คุณแม่คะ......
เด็กสาวเอ่ยคำว่าแม่ออกมาจากปากของเธอด้วยความดีใจแต่ก็มีความรู้สึกโศกเศร้าบางอย่างซ่อนไว้อยู่ข้างในเช่นกัน
ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงของนาฬิกาข้อมือผู้ติดตามของดังขึ้นมา ทำให้ต้องรีบพาตัวเด็กน้อยไปจากที่นี้ซะก่อนด้วยเหตุผลบางอย่างก่อนการแสดงจบ แม้เด็กสาวจะไม่เต็มใจเท่าไหร่นักก็ตาม....
. . . .
"งะ...งั้นหรอ....แล้ว....เหลือบทอะไรให้ที่อิริยาพอจะแสดงได้ไหมนะ ที่ไม่ยากเกินไปน่ะ"
ฟิล์มถามจูนเนื่องบทให้ เพราะเกรงว่าอิริยาอาจจะลำบากใจกับการที่ต้องรับบทที่ไม่ถนัด
ในขณะที่เธอกลับเอาแต่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตามเดิม โดยไม่ได้สนใจเรื่องการแสดงนั่นเลย ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่หลายคนปักใจเชื่อเรื่องการที่เธออยากร่วมแสดงด้วยไม่ลง
"มีครับ เป็นบทแม่มดน้ำแข็ง ไม่ยากพอดีครับ เป็นบทเงียบๆเย็นชาหน่อยๆน่ะ"
ออติคแทรกเข้ามาตอบแทนจูนพร้อมแนะนำบทให้ไปในตัว
"ก็เข้าท่าดีนะ ถึงปกติเธอก็เหมือนอยู่แล้วนะ ฮ่าๆๆ"
จูนหัวเราะชอบใจโดยที่แต่ละคนก็พากันแอบขำตามเบาๆโดยที่อิริยาไม่รู้ตัว
"นี่ๆแล้วชุดล่ะ"
"นี่เลยๆ..."
เบลเองก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยการเริ่มพูดคุยถึงบทและคอสตูมของอิริยาโดยที่แต่ละคนต่างออกแบบให้มีความน่ารักน่าเอ็นดูต่างๆกันไป
มันก็ทำให้ฟิล์มหวั่นๆใจว่าเจ้าตัวเขาจะยอมแต่งตามด้วยรึเปล่าจนต้องมาคุยมาแก้ไขแบบกันก่อนหลายครั้งให้มั่นใจก่อนที่แนนจะเข้าไปอธิบายสิ่งที่เธอต้องทำและชุดที่ใช้ในการแสดงให้ภายหลัง
"....ก็ดีนะ...."
คำตอบเดียวที่แสนเรียบง่ายซึ่งอิริยาพูดเมื่อหันมามองดูแบบชุดที่พวกเพื่อนๆพากันออกแบบให้อย่างเฉยชาแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่หากดูดีๆแล้วเธอนั้นก็แอบอมยิ้มซ่อนความตื่นเต้นปนดีใจไว้บนใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นไว้อยู่ แน่นอนว่าแนนก็สามารถรับรู้การแสดงความรู้สึกแบบนี้ได้แล้วจึงแอบนึกโล่งอกยินดีที่ไม่ได้โดนเจ้าตัวเขาโกรธเอาที่พวกเธอพากันออกแบบให้อิริยาจนเธอคิดว่ามันประหลาดซะก่อน
....ละคร.....การแสดงประเภทหนึ่ง มีการดำเนินเรื่องราวและดำเนินไปตามลำดับ ซึ่งสัมพันธ์กับตัวละคร......ละคร....งั้นสินะ
อิริยาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพวกความรู้ทั่วไปอยู่พึมพำๆอยู่คนเดียว ณ ที่นั่งข้างหน้าต่างบริเวณหลังห้องของเธอที่เดิม ซึ่งในขณะนั้นเองเธอนั้นก็สัมผัสถึงความรู้สึกจนหงุดหงิดแปลกๆอันคุ้นเคยว่ามีคนมาอยู่ข้างหลังเธอได้
"ไง! "
ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่กล้ามายุ่งกับชีวิตของเธอได้ขนาดนี้ ซึ่งแม้แต่พ่อของเธอเองยังไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ เธอคิดเช่นนั้น
"มีธุระอะไร...."
"ฮ่าๆๆ ไปที่ไหนก็มีแต่คนถามทั้งนั้นเลยแฮะเรา สงสัยหน้าตาดีไปก็เป็นงี้แหละน้า~"
จูนเมื่อได้จังหวะที่อิรินาสนใจนั้นรีบเข้ามาชิงนั่งเก้าอี้ข้างๆเธอทันทีและพูดจาชวนน่าหมั่นไส้ด้วยรอยยิ้มขี้เล่นอารมณ์ดีเหมือนเคย
แต่ถึงอย่างนั้นอิริยาก็ไม่แม้กระทั่งจะละสายตาจากหนังสือมาคุยกับเขาด้วยซ้ำ
.....นี่พูดมาไม่อายใครเลยไม่ใช่หรือไงกันนะ......
แต่ดูแล้วเธอก็ยังคิดเคืองใจอยู่เล็กน้อยไปด้วยในขณะที่ก้มพลิกหน้าหนังสืออ่านแต่ละหน้านั้น แม้ภายนอกจะดูเหมือนเธอไม่ได้สนใจอะไรกับเด็กหนุ่มขี้เล่นนั่นเลยก็ตาม
หลังจากวันนั้นที่จูนได้บอกกับอิริยาว่าชอบเธอนั่นเอง ก็ได้ทำให้จูนเองไม่ค่อยมากวนใจเธอเหมือนแต่ก่อนแล้วและก็ดูจะทำอะไรเกรงใจเธอมากขึ้น(อย่างน้อยก็ดีขึ้น)ไม่ได้โฉ่งฉ่างเหมือนแต่ก่อนแล้ว และเหมือนว่าทางจูนที่ยังไม่ได้คำตอบเรื่องความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาจะทำให้เขารู้สึกกลัวๆที่จะเธอจะไม่พอใจอยู่บ้างก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เธอไม่ได้มีท่าเย็นชากับเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทั้งการพูดและการแสดงท่าทางก็ดูเป็นกันเองมากกว่าเดิมถึงแม้จะยังชอบทำตัวเฉยชาใส่ยามที่รำคาญอยู่เช่นเดิมก็ตามที
"ไม่หันมองหน้ากันเลยนะ เอ....หรือว่า!...เธอเขินใช่ไหมล่ะ!"
จูนพูดหยอกเล่นไปพร้อมกับการก่อกวนเธอต่างๆนาๆอย่างเช่นเอามือลูบๆเขี่ยๆผมเธอเล่นบ้าง จิ้มแก้มเธอทั้งสองข้างเบาๆอยู่สองสามทีบ้าง จนเธอเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาหน่อยนึงซึ่งสามารถดูออกได้ทันที
"......"
แต่ว่าเธอก็เลือกที่จะเงียบอยู่อย่างงั้นแทนและหันมามองหน้าจูนอย่างไร้อารมณ์เหมือนกับว่าเมื่อกี้เธอต้องการจะพูดอะไรออกมาแต่ก็หยุดไปเฉยๆพร้อมทำหน้าตาบ่งบอกว่าตนขี้เกียจแม้แต่จะแสดงท่าทีเหนื่อยหน่ายใจออกมาด้วยซ้ำ
"เอ่อ โทษทีๆ....ฉันก็พูดเล่นไปงั้นแหละ ความจริงก็คือ ฉันมีเรื่องจะคุยกับห้อง 1 น่ะ แนนล่ะ?"
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยแล้ว หากฝืนแกล้งต่อจะเป็นอันตรายต่อเขามากกว่า จูนก็มีท่าทางเหงาหงอยจนยอมเลิกแต่โดยดีแล้วดึงหัวข้อสนทนาหลักที่ควรจะพูดมาตั้งนานแล้วขึ้นมาถามก่อนที่อิริยาจะโกรธเอาจริงๆ
"แนนไปหาครูอยู่ เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ..."
เด็กสาวตอบคำถามจูนไปโดยก็ยังอ่านหนังสือไปโดยไม่ได้สนใจหันมามองสีหน้าเหงาหงอยของเขาเลย แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้จูนฟื้นกลับมาร่าเริงอารมณ์ดีอีกครั้งเพราะในที่สุดเธอก็ยอมคุยกับเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามเด็กสาวเองก็แอบมีท่าทีหมั่นไส้แสดงให้เห็นออกมาซึ่งสังเกตจากการที่เธอเม้มปากสนิทกับคิ้วขมวดจนแทบจะติดกันบนหน้าที่เกิดจากไอ้การดีใจเกินหน้าเกินตาไปหน่อยของจูนนั่นเอง
"ทำหน้าแบบนี้เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วสินะนะเนี่ย...เฮ้อ"
จูนได้แต่ยืนมองอิริยาที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสืออย่างสลดใจก็ทำได้เพียงแค่นั่งถอนหายใจอยู่ข้างๆเท่านั้น
"ทุกคน! ฉันไปคุยกับครูมาแล้ว งานโรงเรียนครั้งนี้ ห้องเรากับห้องสองมีการแสดงคือละครนะ!"
จู่ๆแนนก็เลื่อนประตูชนขอบดังปังใหญ่ เข้ามาพร้อมประกาศบอกด้วยความตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาชาวบ้านชาวช่องเขาจนเก็บอาการไม่อยู่
"หา!!!"
แต่ดูเหมือนทั้งห้องกลับไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเพื่อนๆได้ยินปุ๊บก็พากันตัวอ่อนระทวย เรี่ยวแรงหายไปนอนกองกับพื้นราวกับดินน้ำมันที่ละลายจากที่เคยแข็งมาก่อนด้วยแสงอาทิตย์
"เอ๋!? การแสดงระหว่างห้อง 1 กับ ห้อง 2 สินะ น่าสนุกจัง!"
ขณะนั้นเอง ฟิล์มที่เผอิญได้ยินเข้าหลังจากพึ่งพึ่งกลับมาจากการไปซ้อมบาสมา ก็รู้สึกเห็นด้วยและตื่นเต้นกับเรื่องการแสดงเป็นอย่างมาก
"ใช่มะ! ใช่มะ! คิดดูสิการที่หนุ่มๆห้องเรากับห้องสองแสดงด้วยกัน.....ยิ่งถ้าจูนกับธณีห้องเรามาแสดงด้วยกันแล้ว....หุหุหุ"
หน้าที่เริ่มแดงกับลมหายใจเข้าออกที่ไม่เป็นจังหวะ ท่าทางและรอยยิ้มที่แปลกประหลาดของหัวหน้าห้องตอนนี้นั้นสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้อิริยาที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่หลังห้องกว่าทุกทีที่เธอเคยรู้จัก
ซึ่งแนนเองก็เคยบอกให้อิริยาฟังว่าเธอนั้นเป็นกลุ่มสาวๆประเภทที่คลั่งไคล้สื่อบันเทิงแนวชาย-ชาย ที่เรียกกันว่า "สาววาย" ให้เธอฟังอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นอิริยาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเป็นอย่างไรอยู่ดีจนได้เห็นเธอตอนนี้ก็ทำให้เข้าใจได้ทันที
"ฮะๆ แต่ว่า...ฉันว่าทำแบบธรรมดาเถอะ เพื่อความสบายใจของทั้งสองห้องน่ะ"
"เห็นด้วยเลย"
"ขนลุกขนพอง ฮ่าๆ"
จูนหัวเราะแห้งๆออกมาเมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเป็นคนเริ่มดึงเข้าประเด็นซะก่อนที่จะมีผู้หญิงคนอื่นๆเห็นชอบด้วยมากกว่านี้ โดยมีเสียงสนับสนุนจากผู้ชายห้อง 1 มากมายช่วยอีกที
"จะว่าไป...ก็รู้อยู่หรอกนะว่ามันเกี่ยวข้องกับห้องสองด้วย แต่ว่านายมาทำอะไรที่นี่กันแน่ ให้หัวหน้าห้องนายมาคุยไม่ดีกว่าหรอ"
อิริยาที่นั่งอ่านหนังสือซึ่งก็คอยสังเกตพวกเขาอยู่เงียบๆมานานจู่ๆก็เหมือนทนไม่ไหวบางอย่างแล้วพับหนังสือที่อ่านวางไว้กับโต๊ะ
พร้อมกับถามขึ้นด้วยสายตาที่จับจ้องไปที่จูนเพราะตนแอบรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ซึ่งอาจจะด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ที่มีต่อพ่อหนุ่มขี้เล่นมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วก็เป็นได้
"เอ๋? ก็ฉันนี่ไงหัวหน้า"
จูนทำหน้างงและชี้นิ้วที่มาตัวเอง เป็นการบอกย้ำถึงตำแหน่งในห้องของเขา พร้อมยักคิ้วมาด้วยสีหน้าแปลกใจ
"...!!!!"
เธอที่มองจูนด้วยท่าทีไม่พอใจเมื่อครู่ก็ตกใจขึ้นมาตามด้วยหน้าตาเวลาที่เธออายแทน ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ต่างจากปกติมากนัก
...นิสัยของตานี่ก็มีคนเสนอเป็นหัวหน้าด้วยงั้นหรอ....
ซึ่งนั้นทำให้เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจและอายสุดๆ
"หน่าๆ จริงจังแล้วๆ ใครมีไอเดียเสนอชื่อเรื่องหรือแนวทางอะไรรึเปล่า รีบเสนอหน่อยนะ งานเริ่มอาทิตย์หน้าน่ะ"
ระหว่างนั้นเองหัวหน้าห้องก็กลับเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้งตามเดิมอย่างที่เคย และเตรียมคุยเรื่องแผนต่อ
"ฟู่ว! ตั้งอาทิตย์หน้าแหนะ.....เอ๊ะ!?....เดี๋ยวนะ!!!???"
ทุกคนในห้องก็ต่างพากันถอนหายใจอย่างสบายใจอยู่หน่อยนึง แต่จังหวะนั้นเองแต่ละคนก็สะดุ้งตกใจขึ้นมาเหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมาพร้อมๆกัน
"เดี๋ยว....ก็วันนี้มันวันศุกร์ไม่ใช่รึไง!!!!"
"ใครแต่งเรื่องล่ะ!!!"
"ใครแสดงอะไรล่ะเนี่ย!!!"
"ชุดเป็นไงบ้าง!!!"
"มันจะทันได้ไงฟะ!!!!"
เมื่อคิดได้ดังนั้นแต่ละคนก็มีอาการร้อนรนกระวนกระวายต่างๆนาๆ โดยมีหัวหน้าห้องทั้งจูนและแนนยืนเกาหัวหัวเราะเบาๆเป็นฉากหลัง พลันอดนึกถึงการแสดงที่เละเทะไม่เป็นท่าในอนาคตไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น อิริยาก็ไม่ได้มีอาการร้อนหนาวอะไรกับเขาด้วยตามเคย
"ถ้าเรื่องบทเรื่องที่จะแสดง ลองดูของผมก่อนไหมครับ....."
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงเบาๆเรียบๆชวนขนหัวลุกก็ดังขึ้นจากหลังห้อง แม้จะเป็นเสียงที่เบามากถ้าเทียบกับสถานการณ์ความวุ่นวายในห้อง ณ ตอนนี้ แต่มันกลับดึงความสนใจของผู้คนทั้งห้องให้ไปรวมกันที่หลังห้องจุดเดียวได้อย่างน่าพิศวง
"นะ...นาย?"
แนนเป็นคนเริ่มทักที่มาของเสียงนั้น
"ผม....ออติค ห้อง 2 ครับ"
เด็กชายลึกลับซึ่งเป็นแหล่งข่าวให้แก่ทุกคนในโรงเรียนผู้เป็นเพื่อนสนิทไม่กี่คนของจูนเริ่มหลับตาก้มหน้าลงพร้อมดันแว่นตาขึ้นด้วยท่าประจำ
"นี่ๆ เขาให้มาช่วยงาน ไม่ได้ให้มายืนเก๊ก"
จูนพูดกระซิบข้างๆออติคแล้วมองด้วยความเอือมระอา จนออติคสะดุ้งขึ้นรีบหันขวับมามองด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ซึ่งอาจจะเพราะคิดว่าตนเองกำลังเท่ อยู่ดีๆแล้วโดนแย่งซีนไปก็ไม่อาจทราบได้
ทำให้เขาทำเป็นไม่สนใจจูนและเดินเมินผ่านไปหน้าตาเฉยเพื่อเอาบทละครทำเขาเสนอให้เมื่อตอนต้นให้แนนอ่านต่อ
"....."
....ไอ้หมอนี่....
จู่ๆจูนก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"พวกนั้น....เข้ามาตอนไหนน่ะ"
จู่ๆก็มีคำถามชวนสงสัยเสียงน้ำเสียงเรียบๆคล้ายกันกับออติคดังขึ้นมาจากหลังอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคราวนี้จะเป็นเสียงเด็กผู้หญิงถามถึงทั้งออติคและจูนที่มาอยู่ในห้องนั้นเอง
"อ้าว! เบล หายไปไหนมา พอดีเลย อยากถามไอเดียหน่อยน่ะ มานี่ๆ"
เมื่อแนนเห็น เธอก็เรียกเบลให้เจ้ามาหาทันที
"..... ก็อยู่นี่ตั้งนานแล้วไม่ใช่รึไง"
เจ้าของเสียงนั้นคือ เบลนั้นเอง ซึ่งอาจจะเพราะเธอไม่ค่อยมีคนสนใจเธอนักอยู่แล้วหรือไม่ก็เพราะตัวเล็กเกินไป คนอื่นเลยไม่ได้สังเกตเห็นและทำให้เธอก็ไม่เห็นทั้งสองว่ามาอยู่ในห้องตอนไหนเช่นกัน
ในขณะที่เด็กสาวตัวน้อยกำลังเดินไปหาแนนนั้นเอง ออติคที่ยืนพิงกำแพงรอฟังคำวิจารณ์อยู่ก็เหลือบไปเห็นหนังสือบางอย่างที่เธอสะพายไว้ข้างเอวแล้วเหมือนเกิดตกใจขึ้นมาแต่ก็เลือกจะเงียบไว้ไม่ได้พูดอะไรออกไปจะดีกว่า
เบลคว้าบทละครนั้นมาไว้ในมือ เธอใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีพลิกๆหน้ากระดาษไปมา ก็สามารถอ่านบทละครนั้นจบด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
"อืม...ฉันว่าโอเคเลยล่ะ เรื่องจอมเวทย์และผู้กล้าที่ได้ต่อสู้กับมังกรและแม่มดสินะ...."
เมื่อได้ยินเบลรีวิวว่าอย่างนั้น เพื่อนคนอื่นๆก็ดูสบายใจกับเรื่องนี้มาก ทำให้เจ้าออติคยิ่งได้ใจใหญ่
"แต่มัน...ไม่เรียบไปหน่อยหรอ"
จูนโผล่เข้ามาถามกลางวงที่เขากำลังอ่านบทกันอยู่แล้วเท้าคางถามด้วยความสงสัย
"แน่นอน! ของจริงมีเนื้อเรื่องเข้มข้นกว่านี้ครับ"
ออติคยืดอกยิ้มอย่างภาคภูมิ ซึ่งทำให้จูนแปลกใจเป็นอย่างมาก
"หา!? แล้วทำไมไม่แต่งให้หมดเลยล่ะทำแบบนี้มันไม่เสียเวลาหรอ"
ถ้าหากฟังเหตุผลที่จูนแย้งดูแล้วก็จริงอย่างที่ว่า เพราะด้วยเวลาที่มีน้อยกระชั้นชิดแบบนี้การจะใส่บทอะไรมาดื้อๆคนแสดงย่อมเตรียมการไม่ทันแน่ แต่ดูแล้วออติคจะไม่ได้มองจุดนี้เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย
"หึหึหึ คุณจูนไม่รู้อะไรซะแล้ว การบอกเนื้อเรื่องทั้งหมดไป มันจะมีโอกาสที่เรื่องจะหลุดออกไปให้ผู้ชมรู้ซะก่อน แถมเนื้อเรื่องอาจจะเดาง่ายจนหมดความตื่นเต้นไปอีกด้วย ดูอย่างอเxนเจอร์สิ คนเขียนบทมีเนื้อเรื่องและตอนจบหลายๆแบบทำให้นักแสดงไม่มีทางเลยที่จะรู้ว่าอันไหนคือบทที่แท้จริงเลยไม่สามารถสปอยได้ไงล่ะ"
ออติคยังคงยืดอกมั่นใจพร้อมพูดยกประเด็นภาพยนต์ดังมาอธิบายโดยแอบมีสายตาเย้ยหยันมาทางจูน
แม้ทุกคนจะรู้สึกทึ้งในความมองการไกลของเขาแต่จูนที่เป็นเพื่อนกับออติคมานานรู้ดีรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลแปลกๆ
"ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น คือ....ถ้าไม่บอกงี้จะแสดงได้ยังไงล่ะ"
"ความจริงมันก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ เรื่องบทหลักก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน ที่เปลี่ยนน่ะมันแค่นิดเดียว เดี๋ยวระหว่างแสดงผู้บรรยายก็จะบอกเองนั่นแหละครับ ที่เหลือที่ต้องทำก็แค่แสดงตามๆไปเท่านั้นเอง ชนิดที่ใครๆก็ด้นสดได้ทั้งนั้นแหละครับ เด็ก ป.3 ยังทำได้เลย"
ออติคหยักไหล่รับประกันให้ความไม่สบายใจของใครหลายคนพร้อมแสดงท่าทางสบายๆอย่างช่วยไม่ได้
"......"
.....ทำไมลางสังหรณ์ฉันมันพยายามบอกอะไรบางอย่างว่ามันจะไม่ง่ายงั้นนะสิ แต่ดูเหมือนทุก
คนก็ไม่ติดใจอะไรด้วย.....เฮ้อ! ช่างมันละกัน ว่าไงว่ากัน.......
"นี่ๆ! แล้วบทให้ใครเป็นอะไรแล้วรึยัง!"
ฟิล์มที่นั่งชิวอยู่บนโต๊ะก็ลุกขึ้นถามด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
"..... งั้นเอางี้ดีกว่า พวกนายก็ไปเรียกห้องสองมาประชุมกันให้หมดดีกว่า แล้วพวกเราจะได้รีบจัดแจงบทให้พร้อมกับหน้าที่ให้กับคนที่เหลือ วันเสาร์-อาทิตย์พวกเราจะได้มีเวลาซ้อมเยอะๆไง"
แนนที่เห็นว่าหากไม่รีบจัดการในสิ่งที่พอจะทำได้ในตอนนี้ก็เกรงว่ามันจะสับสนและวุ่นวายอย่างมากแน่นอน
"นั่นสินะครับ"
"ได้ๆ เดี๋ยวไปเรียกมาให้"
ออติคเห็นด้วยว่าควรเรียกเพื่อนมาคุยกันให้เร็วจะดีกว่า โดยที่จูนวิ่งออกจากห้องเพื่อที่จะไปเรียกคนอื่นๆที่ห้องของตนมา ในขณะที่คนอื่นก็คุยกันต่อเรื่องบทเรื่องอุปกรณ์ต่างๆโดยมีออติคอยู่เป็นตัวแทนให้กับห้องสองคอยดูคอยฟังสิ่งที่เขาจะเสนอต่อไป
. .
ไม่กี่นาทีผ่านไป
. .
"มาแล้วๆ"
จูนกลับมาหลังจากไปตามเพื่อนๆมา ก็รีบเดินมาตีเนียนนั่งที่ข้างๆอิริยาตามเดิมฉวยโอกาสจากการที่มีคนมากมายเข้ามาจนชุลมุนวุ่นวายนั้นเอง
อิริยาที่เดิมนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆของเธอถึงกลับมีหันมาจ้องเขม่น(จำเป็นต้องเลื่อนโต๊ะเก้าอี้มาติดกันเพราะคนเยอะ)
และแล้วเพื่อนๆห้อง 2 อีกราวๆ สี่สิบกว่าคนก็ทะยอยเข้ามาในห้องเรื่อยๆจนครบในที่สุด โชคดีที่ขนาดห้องเรียนนั้นใหญ่พอจะให้คนเกือบๆร้อยคนมาอยู่รวมกันได้
แม้จะทำให้ภายในห้องดูวุ่นวายมาก แต่หัวหน้าห้องสองคนทั้งจูนและแนน ก็สามารถจัดการกับคนจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พวกเขาใช้เวลาปรึกษาหารือเรื่องบทต่างๆอยู่ราวๆชั่วโมงเศษๆ เพื่อแจกแจงบทและหน้าที่ต่างๆให้เร็วที่สุดเพื่อที่วันเสาร์อาทิตย์จะได้มาซ้อมได้ทันก่อนวันแสดงตามที่วางแผนกันไว้
....เจ้าชายหรอ ก็ดีนะ แต่ทำไมรู้สึกว่าไม่เห็นพูดถึงกันในเรื่องย่อเลยล่ะ....
จูนบ่นพึมพำอยู่ในใจคนเดียวหลังจากทราบบทของตน แต่ลึกๆก็พอใจที่ตนไม่ได้รับบทประหลาดๆจากเพื่อนแสนเจ้าเล่ห์คนนี้
"นี่ๆ....เอ่อ....นักแสดงเต็มหมดรึยัง..."
จู่ๆฟิล์มก็เข้ามาถามด้วยท่าทางลำบากใจโดยมีน้ำเสียงที่แลดูเกร็งๆ
"น่าจะเยอะอยู่นะ..."
"แล้วมีตัวละครอะไรที่บทน้อยๆไหม พอดี.....อิริยาเขาอยากแสดงน่ะ"
"นั่นสินะ มีบทอะไรให้บ้างนะ....เอ๊ะ!? ให้ใครแสดงนะ?"
แนนที่วุ่นๆอยู่กับการมอบหมายงานต่างๆก็ไม่ได้ตั้งใจฟังที่ฟิล์มถามนัก พอเว้นไปสักพัก เมื่อเธอลองนึกย้อนถึงสิ่งที่ได้ยินดูดีๆก็ทำให้รู้สึกแปลกๆเหมือนมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
"ให้อิริยาน่ะ เค้าอยากแสดงน่ะ..."
"...........เอ๊ะ!?"
เสร็จสิ้นการยืนยันคำถามของฟิล์มนั้น ไม่ได้มีแค่แนนเท่านั้น แต่ทั้งคนที่อยู่ในวงสนทนานั้นหรือคนที่เผอิญผ่านมาได้ยินเข้าก็ต่างพากันเงียบสนิทราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"อิริยาเนี่ยนะ!!!??"
ทุกคนถามขึ้นอย่างพร้อมเพรียงด้วยความตกใจ เพราะแม้แต่คนที่ไม่ค่อยได้คุยกับเธอก็ต่างรู้ดีว่าอิริยานั้นแต่เดิมเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรที่ยุ่งยากและแทบจะไม่เคยพูดถึงกิจกรรมโรงเรียนด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้แทบไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าเธออยากจะแสดงละครในครั้งนี้ด้วย
"...อะ...อิริยา...จะ....จริง...หรือ?..."
แนนที่เมื่อฟังแล้วตกใจอย่างมากจึงทิ้งแผนงานทั้งหมดไว้กับโต๊ะหน้าห้องที่โดยปกติจะถูกครูที่เข้ามาสอนใช้งานแล้วตรงมาถามอิริยาด้วยท่าทีสั่นคลอนซึ่งในตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินทันที
"อืม...ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก แค่อยากน่ะ...."
เธอวางหนังสือลงแล้วหันมาพยักหน้าตอบโดยไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่แปลกแต่อย่างใด ระหว่างนั้นเองที่จูนก็บังเอิญเหลือบไปเห็นปกของหนังสือเล่มนั้น....
"ละครกับการแสดง...."
สิ้นสุดคำพูดนั้น ทั้งแนน ฟิล์ม และเบลก็มองไปที่ปกหนังสือตามจูนพร้อมกัน
"อ๋อ....."
ดูเหมือนทั้งสี่อาจจะพอเข้าใจเหตุผลที่ทำไมตอนนี้จู่ๆเธอถึงอยากแสดงขึ้นมา
และอิริยาที่เห็นสีหน้าเพื่อนๆเปลี่ยนไปก็เริ่มนึกแปลกใจแล้วลองมองตามหาต้นตอของสายตาที่ทั้งสี่จ้องมาจนได้รู้ว่ามันคือหนังสือที่เธอกำลังอ่านนั่นเอง
ดูเหมือนเพื่อนๆกำลังคิดว่า การที่เธออยากแสดงละครนี้เพราะว่าเพียงแค่อยากลองทำตามหนังสืออยู่ก็มีท่าทางตกใจขึ้นมา
"...ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! คือว่า...มันเหมือนเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับฉันแค่นั้นนะ...."
เธอปฏิเสธเสียงแข็งที่แปรเปลี่ยนมาเป็นเสียงที่เบาลงและดูแฝงไปด้วยความหมองม่นไว้อยู่ ซึ่งก็รวมไปถึงสีหน้าของเธอก็เช่นกัน เพราะมันทำให้เธอนึกย้อนไปถึงตัวเธอเมื่อก่อน เมื่อตอนสมัยยังเด็ก....
ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีดำสนิทประดับไปด้วยเครื่องเพชรรูปผีเสื้อตรงอกทางซ้าย ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นสำหรับผู้ป่วยโดยมีผู้ติดตามสาวคอยดูแลอยู่ข้างหลัง
ดูเหมือนที่ที่เธออยู่นั้นจะเป็นมุมหนึ่งของโรงแสดงละครขนาดใหญ่ที่มีผู้ชมอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง
บทละครเรื่องหนึ่งได้ถูกนำมาถ่ายทอดให้แก่ผู้ชมในโรงละครแห่งนี้ แม้เด็กน้อยจะมีอายุเพียง 5 ขวบก็กลับสามารถดูและเข้าใจเนื้อหาของละครที่แสดงอย่างถ่องแท้จนมีการเบื่อหน่ายอยู่บ้าง
จนกระทั่ง สายตาของเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหลงไหลไปกับหญิงสาวในบทของเจ้าหญิงอันทรงเสน่ห์น่าหลงกลและสง่างามกำลังแสดงบทบาทสมมติของเธอได้อย่างดีเยี่ยม
.....คุณแม่คะ......
เด็กสาวเอ่ยคำว่าแม่ออกมาจากปากของเธอด้วยความดีใจแต่ก็มีความรู้สึกโศกเศร้าบางอย่างซ่อนไว้อยู่ข้างในเช่นกัน
ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงของนาฬิกาข้อมือผู้ติดตามของดังขึ้นมา ทำให้ต้องรีบพาตัวเด็กน้อยไปจากที่นี้ซะก่อนด้วยเหตุผลบางอย่างก่อนการแสดงจบ แม้เด็กสาวจะไม่เต็มใจเท่าไหร่นักก็ตาม....
. . . .
"งะ...งั้นหรอ....แล้ว....เหลือบทอะไรให้ที่อิริยาพอจะแสดงได้ไหมนะ ที่ไม่ยากเกินไปน่ะ"
ฟิล์มถามจูนเนื่องบทให้ เพราะเกรงว่าอิริยาอาจจะลำบากใจกับการที่ต้องรับบทที่ไม่ถนัด
ในขณะที่เธอกลับเอาแต่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตามเดิม โดยไม่ได้สนใจเรื่องการแสดงนั่นเลย ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่หลายคนปักใจเชื่อเรื่องการที่เธออยากร่วมแสดงด้วยไม่ลง
"มีครับ เป็นบทแม่มดน้ำแข็ง ไม่ยากพอดีครับ เป็นบทเงียบๆเย็นชาหน่อยๆน่ะ"
ออติคแทรกเข้ามาตอบแทนจูนพร้อมแนะนำบทให้ไปในตัว
"ก็เข้าท่าดีนะ ถึงปกติเธอก็เหมือนอยู่แล้วนะ ฮ่าๆๆ"
จูนหัวเราะชอบใจโดยที่แต่ละคนก็พากันแอบขำตามเบาๆโดยที่อิริยาไม่รู้ตัว
"นี่ๆแล้วชุดล่ะ"
"นี่เลยๆ..."
เบลเองก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยการเริ่มพูดคุยถึงบทและคอสตูมของอิริยาโดยที่แต่ละคนต่างออกแบบให้มีความน่ารักน่าเอ็นดูต่างๆกันไป
มันก็ทำให้ฟิล์มหวั่นๆใจว่าเจ้าตัวเขาจะยอมแต่งตามด้วยรึเปล่าจนต้องมาคุยมาแก้ไขแบบกันก่อนหลายครั้งให้มั่นใจก่อนที่แนนจะเข้าไปอธิบายสิ่งที่เธอต้องทำและชุดที่ใช้ในการแสดงให้ภายหลัง
"....ก็ดีนะ...."
คำตอบเดียวที่แสนเรียบง่ายซึ่งอิริยาพูดเมื่อหันมามองดูแบบชุดที่พวกเพื่อนๆพากันออกแบบให้อย่างเฉยชาแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่หากดูดีๆแล้วเธอนั้นก็แอบอมยิ้มซ่อนความตื่นเต้นปนดีใจไว้บนใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นไว้อยู่ แน่นอนว่าแนนก็สามารถรับรู้การแสดงความรู้สึกแบบนี้ได้แล้วจึงแอบนึกโล่งอกยินดีที่ไม่ได้โดนเจ้าตัวเขาโกรธเอาที่พวกเธอพากันออกแบบให้อิริยาจนเธอคิดว่ามันประหลาดซะก่อน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ