Note Tale Project : Heart & Both
เขียนโดย IdoLized
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.39 น.
แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561 04.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) Heart & Both V
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าที่ Arderic แห่งนี้ หนึ่งในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งก็คืองานเทศกาลของโรงเรียนครั้งนี้เอง ซึ่งก็ไม่ได้แค่เป็นงานเทศกาลของโรงเรียนเท่านั้น แต่อาจเป็นงานเทศกาลใหญ่สำคัญของทั้งเมืองเลยก็ว่าได้ ซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาผู้ปกครอง คนใหญ่คนโตและผู้คนในเมืองมากมายที่มาร่วมงานกัน ทุกๆปีมันก็จะเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวของเมืองนี้ได้มากเลยทีเดียว
โดยภายในโรงเรียนช่วงเทศกาลนั้นจะมีทั้งการจัดตลาดนัดบูทขายของต่างๆนาๆที่เหล่าคุณครู นักเรียนจะพากันสรรหามาขายได้ มีกิจกรรมต่างๆให้ผู้เข้าชมร่วมสนุก มีการแสดงส่วนของงานวิชาการแก่ผู้ที่มาดูงาน และอีกมากมาย
แต่งานที่โด่งดังที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการแสดงความสามารถแบบต่างๆของนักเรียนแต่ละห้องบนเวทีใหญ่ ซึ่งได้รับความสนใจจากบรรดาแขกผู้ร่วมงานอย่างถล่มทลายราวกับการแสดงนานาชาติ
แม้ว่าการที่มีผู้ชมมากมายมาชมนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าที่นั่งจะเต็มแต่อย่างใด เพราะที่หอประชุมแห่งนี้สามารถรองรับคนได้มากกว่า 3000 คนได้ในทีเดียว
เสียงปรบมือดังขึ้นจากผู้ชมจำนวนมากข้างหน้าเวทีที่ใช้ในการแสดงขนาดใหญ่นั้นกึกก้องไปทั่วหอประชุมที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีให้ผู้ชมได้รับชมอย่างเต็มอรรถรสแม้ว่าจะอยู่ห่างจากเวทีการแสดงก็ตาม และดูเหมือนว่าในตอนนี้ในส่วนของการแสดงเองก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว
"เรียนท่านผู้อำนวยการ ท่านรองผู้อำนวยการ คุณครูทุกท่าน และแขกผู้มาเยี่ยมชมทุกท่าน ดิฉัน นางสาววชิรสา วงศ์อนันตกุล ประธานนักเรียนของโรงเรียน Arderic แห่งนี้ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากในการรับหน้าที่พิธีกรกล่าวเปิดการแสดงงานเทศกาลโรงเรียนครั้งที่ 98 นี้ค่ะ...."
เด็กสาวหน้าตาดีท่าทางสง่างามสวมเสื้อนอกแขนยาวสีดำ ที่มีเข็มกลัดรูปอัญมณีสีแดงที่อยู่ในกรอบเงินเล็กๆทรงคล้ายกับโล่ กลัดบนที่อกซ้ายแลดูสะดุดตา
ขัดกับนักเรียนทั่วไปที่เพียงสวมชุดยูนิฟอร์มสีขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเหล่าสภานักเรียนผู้ทำหน้าที่ควบคุมดูแลความเรียบร้อยของโรงเรียนแห่งนี้ ปรากฏตัวขึ้นกล่าวต้อนรับแขกผู้มาเยี่ยมชมอย่างฉะฉานมีความเป็นผู้นำก่อนจะมีการแสดงขึ้น และหลังกล่าวพิธีจบเธอก็ค่อยๆเดินลงจากโพเดี่ยมหน้าเวทีเดินกลับหายไปในฉากหลังซึ่งเป็นผ้าม่านสีแดงไปอย่างสุภาพ
"ประธาน บูทแข่งวิชาการต้องการให้มีลายมือหนึ่งในผู้บริหารเพื่อให้เริ่มการแข่งได้ครับ"
ขณะที่เธอกำลังจะเดินกลับไปยังอาคารสภานักเรียนซึ่งอยู่ข้างๆหอประชุมนั้นเอง เด็กหนุ่มสวมเสื้อดำอีกคน "กวิน" ซึ่งรับหน้าที่เป็นเลขานุการของเธอก็โผล่มาเรียกเธอจากด้านหลังพร้อมยื่นเอกสารมากมายที่เขาเอามาจากไหนเยอะแยะก็ไม่ทราบให้เซ็น
"กวิน! ก็บอกเรียกวาชิเฉยๆไงเล่า! หึ!"
เธอหันมาพูดจาโวยวายด้วยแสงแหลมเล็กราวกับเป็นเด็ก พร้อมทั้งทำหน้ามุ่ยบูดบึ้งแก้มตุ่ยจนโอเวอร์ ซึ่งเป็นบุคลิกที่ดูขัดกันจากตอนที่เธอขึ้นกล่าวบนเวทีเมื่อครู่ที่ดูแสดงออกถึงสาวมาดขรึมผู้น่าเชื่อถืออย่างกับคนละคน
"เฮ้อ....ก็ได้....วาชิครับ.....อ่านแล้วอันไหนทำได้ก็ทำเลยนะ"
เมื่อกวินได้ทำตามที่เจ้าตัวขอแล้ว วาชิก็ฉกเอาเอกสารที่เขาถืออยู่ไปอ่านซะดื้อๆจนกวินเองยังตกใจ
"ไหนดูซิ หมวดวิทย์กับคณิตงั้นหรอ ...อืมๆ... การขออนุมัติจัดบูทอีกเป็นสิบ...อืมๆ...อันที่จริง....ตรงนี้ให้รองประธานทำก็ได้นะ...อืมๆ"
เธอพลิกอ่านเอกสารเหล่านั้นและเซ็นลายเซ็นไปด้วยท่าทางจริงจังอีกครั้ง พร้อมบ่นพึมพำๆอะไรไปด้วยขณะเซ็น
"......"
กวินเริ่มมีท่าทีเซ็งๆกับไอ้การเล่นทีจริงจังทีของเธอระหว่างทำงานขึ้นมาหน่อยๆ
"เออนี่...เรื่องคนที่ขโมยสมุดนั่นแล้วก็คนที่แฮกเข้ามาในฐานข้อมูลของสภานักเรียนไปถึงไหนแล้วกวิน"
จู่ๆวาชิที่กำลังเซ็นเอกสารอย่างเพลินๆอารมณ์ดีอยู่ดีๆก็หันมาถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและมีน้ำเสียงที่ฟังดูน่ากลัวหน่อยๆ
"เรื่องนั้น คนแฮกนั้นไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย รู้แค่ว่าน่าจะเป็นคนในโรงเรียนเท่านั้น แต่ก็เสียเวลาถ้าจะมาหาว่ามันเป็นใครอยู่ดี ดังนั้นจะดีกว่าถ้าเราจะล่อลวงมันออกมาก่อคดีเพิ่มอีกแล้วค่อยจับตัว..."
"อ๋อ...งั้นหรอ..."
เธอก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อด้วยท่าทางผิดหวังพร้อมทำหน้าเซ็งๆไป จนกวินเห็นประธานนักเรียนที่ทำตัวเอาแต่ใจก็นิ่งไปพร้อมกับมองด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายใจ
".....ก็นะ แต่ถ้าเรื่องสมุดนั่น ได้ข่าวจากมิวกับรินว่าพบแล้วน่ะ เขาสองคนไล่ตามไปแต่ก็ไม่ทันน่ะ"
"เอ๋!? ... เจอแล้วสินะ แล้วอยู่กับใครอ่ะ!"
เมื่อวาชิได้ฟังก็หูผึ่งตาเป็นประกายขึ้นมาสนใจเรื่องนี้ทันที กวินเองก็พยายามปรับตัวและทำความเข้าใจกับพฤติกรรมนี้ของเธอให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลยสักนิด
"เฮ้อ.....เธออยู่ ม.5 เหมือนพวกเรานี่แหละ"
"โอ้! ผิดคาดเลยนะ...อืม....ชั้นเดียวกันด้วยงั้นหรอ ชื่ออะไรล่ะๆ"
เธอทำหน้าครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ ดูเหมือนว่า เธอจะดูใส่ใจและตื่นเต้นกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ
" ดูเหมือนเธออยู่ห้องหนึ่งนะ ชื่อ ....."
.
.
.
.
"เบล!! ชุดเอามาหมดแล้วรึยัง"
ฟิล์มตะโกนเรียกเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังขนกล่องใส่อุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่ไม่เข้าก็ตัวเธอเลยสักนิดมาวางไว้
"ฮึบ!"
เสียงกล่องที่เด็กสาวตัวน้อยวางลงบนพื้นดังตุ๊บใหญ่ พร้อมสีหน้าที่ราวกับหมดทุกข์หมดภาระของเธอแล้วนอนลงกองกับพื้นไม้นั้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
"โอเค อุปกรณ์การแสดงครบแล้ว เรียกนักแสดงมารวมกันก่อนก็ดีนะ แต่ถ้าใครแต่งตัวอยู่ก็ไม่เป็นไร"
"แม็ต! อีกหน่อยก็แสดงอยู่แล้วนะ นายไปลองเช็คเครื่องเสียงหน่อยสิ "
"นี่ๆ ขนลังอุปกรณ์นั่นมาไว้ใกล้ๆเวทีเลยนะ จะได้ใช้กันง่ายๆเวลาเข้าฉาก"
เสื้อเชิ้ตลายสก็อตที่มีเสื้อแขนยาวสีดำที่ผูกแขนรอบเอวไว้และแว่นตาดำที่สวมอยู่นั้นดูเป็นการแต่งตัวที่เรียบง่ายสบายๆของฟิล์มในวันนี้เป็นอย่างดี โดยความกระตือรือร้นในการทำงานของเธอนั้นบ่งบอกได้ถึงความตื่นเต้นที่มีอยู่ในตอนนี้ได้เลยว่ามากเพียงใด
ลักษณะท่าทางของเธอในตอนนี้นั้นแลดูไม่ต่างอะไรกับผู้กำกับภาพยนตร์จริงๆเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เธอใฝ่ฝันว่าอยากจะทำมานานแล้วและดูเธอจะอินไปกับหน้าที่นี้ซะด้วย
"แนน....สะ...เสร็จรึยัง"
เสียงที่ดูเกร็งๆอายๆของเด็กสาวที่มาพร้อมเสียงกุกกักๆบางอย่างดังขึ้นมาจากบริเวณที่เป็นห้องแต่งตัว ซึ่งข้างหลังเวทีมาตั้งแต่เมื่อกี้จนเพื่อนๆที่ช่วยกันเตรียมงานผ่านไปมาสงสัยว่าภายในม่านนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"อีกนิดหนึ่งๆ อ่ะนี่! ใส่นี่ด้วย!"
"ดะ...เดี๋ยวสิ!"
"เอาหน่า!"
ไม่นานนักเสียงในห้องก็เงียบไป
"เสร็จแล้วละ!!"
ม่านสีดำของห้องสีเหลี่ยมเล็กๆขนาดราวๆ 2 ตารางเมตรกว่าๆ ที่ทำหน้าที่ปิดกั้นจากสายตาจากใครก็ตามที่พยายามมองมาถูกเปิดออก เด็กสาวน่ารักในชุดขาวสะอาดซึ่งมีผ้าคลุมสีฟ้าบางๆคลุมไหล่เด็กสาวร่างเล็กเอาไว้
ใบหน้าของอิริยาที่แต่เดิมไม่เคยผ่านการแต่งเติมใดๆก็มีความน่ารักอยู่แล้วในตอนนี้นั้นได้ถูกแต่งเติมมาอย่างดีด้วยฝีมือเข้าขั้นระดับฮอลลีวูดยังอยากดึงเข้าร่วมงานอย่างแนนแล้ว ยิ่งดึงดูดเสน่ห์ทุกด้านของเธอออกมากว่าเดิมอย่างน่าอัศจรรย์
"เดี๋ยวนะ! คะ....ใครน่ะ!?"
หลังจากผ่านความเงียบสงัดที่เกิดในวินาทีที่ทุกคนหันมามองนั้นเอง เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่ได้เริ่มพูดขึ้นมาด้วยท่าทางไม่มั่นใจ
"อะไรกัน หายเข้าห้องไปนิดเดียวเอง จำเพื่อนไม่ได้กันเลยรึไงนะ"
แนนที่เห็นเพื่อนๆที่ยืนทำหน้างงกันซึ่งก็น่าจะเพราะจำอิริยากันไม่ได้ ก็แทบจะอดขำไม่ได้
"เดี๋ยวนะ.....อิริยางั้นหรอ!!!"
เมื่อพิจารณาลักษณะร่วมเดิมหลายอย่างของอิริยาและเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ทุกคนก็ต่างตะโกนขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
"ฮ่าๆๆ จริงๆเล้ย"
แนนกลั้นขำไม่อยู่จึงหัวเราะท้องแข็งจนแทบจะยืนไม่ไหว
"นี่.....แนน....ฉันแปลกอย่างงั้นหรอ"
อิริยาที่รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาก็ค่อยๆเข้ามาหลบหลังแนนแล้วดึงสะกิดแขนเสื้อสองสามทีเพื่อเรียกสติเธอกลับมาด้วยสายตาเขินอายที่แสดงออกมาได้ชัดเจนที่สุดตั้งแต่แนนรู้จักมา
"เอ๊ะ!? ไม่หรอก ดูดีสุดๆไปเลยต่างหากล่ะ!"
แนนตอบพร้อมรอยยิ้มด้วยความมั่นใจเกินไปจนอิริยาก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแทนซะอย่างนั้น
"น่ะ.....น่ารัก!!!!"
อิริยาในลุคนี้บวกกับท่าทีเขินอายน่าเอ็นดูในตอนที่หนีไปหลบหลังแนนนั้นเรียกได้ว่าความน่ารักของเธอนั้นทะลุทุกการป้องกันใดๆเข้ากลางใจของบรรดาผู้ชายที่เห็นอย่างไม่ใยดีเลยทีเดียว
ทันใดนั้นเอง บรรดาห้อง 1 ห้อง 2 คนอื่นๆ ที่วุ่นอยู่กับการจัดเตรียมของอยู่หลังเวทีอยู่นั้นก็เหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆมาจากหน้าเวทีและตามมาด้วยเสียงปรบมือจากผู้ชมคล้ายกับว่าการแสดงก่อนหน้านั้นได้จบลงแล้ว
"และแล้ว! การแสดงของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก็จบลงไปแล้ว ต่อไปก็มาถึงการแสดงร่วมกันระหว่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 ห้องที่ 1 และ 2 ครับ!!!!"
เสียงพิธีกรได้เริ่มกล่าวเชิญพวกเขาขึ้นแสดงทันที
"เอาล่ะ! นักแสดงทั้งหลาย มารวมกันได้แล้ว! คนที่เข้าซีนแรกไปอยู่ฝั่งนู่นเตรียมเข้าเลยนะ ส่วนคนอื่นๆก็คอยเข้าตามๆกันไปนะ สู้ๆ ไฟต์ติ้ง!!!"
ฟิล์มใช้กระดาษที่ม้วนมันเป็นเกลียวเพื่อใช้ขยายเสียงของเธอแบบโทรโข่งในการออกเรียกให้นักแสดงทุกคนประจำตำแหน่งของตนพร้อมกับไม่ลืมที่จะให้กำลังใจคนอื่นๆไปด้วย
"เอาล่ะครับ ในการแสดงของทั้งสองห้องนี้จะเป็นการแสดงละครสร้างสรรค์นั่นเองครับ ขอเสียงปรบมือให้กับ "ตำนานเหล่าผู้กล้ากับดินแดนน้ำแข็งต้องสาป"ด้วยครับ!!!"
ในการแสดงครั้งนี้ในตัวบทนั้นถูกเขียนโดยออติคและปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมโดยมีเบลเป็นผู้ช่วยกันอยู่สองคน จึงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเรื่องจริงๆมันเป็นอย่างไร ซึ่งก็เป็นไปตามที่ออติคต้องการอยู่แล้ว โดยสมาชิกที่เป็นนักแสดงนั้นส่วนมากจะมาจากห้อง 1 ส่วนห้อง 2 นั้นจะเป็นคนดูแลอุปกรณ์และชุดคอสตูมต่างๆมากกว่า
เมื่อม่านเวทีเริ่มเปิดออก แสดงให้เห็นถึงฉากภาพวาดของดินแดนรกร้างที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งพร้อมกับของประดับฉากบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายแก้วสีฟ้าเพื่อแทนน้ำแข็งต่างๆล้วนแต่ทำออกมาได้เพลินตาราวกับมีสัมผัสของไอเย็นออกมาจากฉากนั้นจริงๆ(หรือไม่ก็มาจากเครื่องปรับอากาศของหอประชุม)
ซึ่งฉากเหล่านี้ก็ถูกสร้างสรรค์ด้วยเหล่านักเรียนฝีมือดีจากห้อง 2 ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น ซึ่งก็สร้างความอัศจรรย์ให้กับผู้ชมกันเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นเองเสียงดนตรีประกอบที่แสดงความมุ่งมั่นดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของตัวละครกลุ่มหนึ่ง
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กลุ่มนักเดินทางกลุ่มหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยพ่อค้า นักปราชญ์ นักรบ ผู้กล้าและผู้วิเศษ เดินทางมาจากดินแดนอันห่างไกล เพื่อมาตามหาอาณาจักรต้องคำสาปที่ได้ยินมาจากที่ลือกัน"
เสียงของฟิล์มที่ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายก็ดังขึ้นมาจากเครื่องขยายเสียงทุกตัว ทั่วทั้งหอประชุมอย่างชัดเจน
โดยตัวละครที่โผล่ออกมาในฉากนี้นั้นก็จะเป็นนักเรียนห้อง 2 อยู่สองสามคนที่รับบทเป็นบรรดาพ่อค้า และนักรบ ส่วนเบลนั้นรับบทเป็นนักปราชญ์ที่ยังสะพายสมุดเล่มนั้นไว้อยู่เช่นเดิมแต่ก็เข้ากับคาแรกเตอร์ของเธอดี แนนเป็นผู้กล้าในชุดเกราะและดาบจำลองสีเงิน และเป็นออติคที่รับบทเป็นผู้วิเศษนั่นเอง
"อะไรอยู่ไหนถุงน่ะ ออติค"
แนนที่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าออติคแบกถุงประหลาดๆบางอย่างมาด้วยจึงกระซิบถามเขาเบาๆ
"อุปกรณ์การแสดงน่ะครับ"
เจ้าแว่นยิ้มอย่างมีเลศนัย และไม่นานฟิล์มก็เริ่มกล่าวถึงเรื่องราวต่อไปเพื่อให้ผู้ชมติดตามได้อย่างต่อเนื่องหลังแสดงให้เห็นนักแสดงกันครบแล้ว
"พวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคอันตรายต่างๆ และแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงดินแดนในคำบอกเล่าจนได้"
ทีมงานนักเรียนจากห้องสองอาศัยจังหวะที่มีการหรี่ไฟลงให้มืดทำการสับเปลี่ยนสิ่งของในฉากเพื่อดำเนินเรื่องต่อไปอย่างแนบเนียน
"นะ...นี่น่ะหรอ ดินแดนน้ำแข็งต้องคำสาป...."
"รกร้างและเต็มไปด้วยน้ำแข็งสินะเนี่ย"
แนนและเบลเริ่มพูดบทของตัวเองซึ่งก็ฟังดูดีมีอารมณ์ร่วมอย่างเป็นธรรมชาติ
"พื้นที่เหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นบ้านเรือนที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหนาน่ะครับ ลองไปดูกันเถอะ เผื่อจะได้อะไรมาบ้าง"
ออติคพิจารณาบริเวณโดยรอบและเมื่อแบ่งหน้าที่กันเรียบร้อยแล้ว กลุ่มนักเดินทางจึงแยกย้ายกันไปสำรวจบริเวณรอบๆเมืองทันที
เวลานั้นเองที่ฉากการแสดงมืดลง เหล่าทีมงานคุณภาพอาศัยจังหวะนั้นเองรีบเปลี่ยนฉากตรงผนังให้เป็นรูปบ้านเรือนต่างๆโดยมีตรงกลางเวทีเป็นปราสาทสีน้ำเงินท่ามกลางความมืดโดยที่ผู้ชมไม่เห็นอย่างรวดเร็ว
"เหล่านักเดินทางก็ได้สำรวจรอบๆจนมาถึงที่แห่งหนึ่งดูจะเคยเป็นปราสาทมาก่อน แน่นอนว่าตอนนี้มันถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหมือนที่อื่นๆ"
ฟิล์มดำเนินเรื่องต่อเมื่อไฟเวทีโดยกลับมาสว่างอีกครั้งแสดงให้เห็นถึงฉากที่เป็นไปดังทีบรรยายเอาไว้จริงๆ
"นี่ ผู้วิเศษ ท่านรู้สึกเหมือนมีบางอย่างแปลกไปหรือไม่"
แนนที่รับบทเป็นผู้กล้านั้นมีท่าทีสงสัยอะไรบางอย่างตั้งแต่เมื่อตอนสำรวจทั้งเมืองเมื่อครู่จึงได้ลองถามออติคที่รับบทเป็นผู้วิเศษดู
"พอดีข้ารู้สึกว่า เมืองที่ไม่มีมีแต่สุนัขตัวใดทำไมกลับมีกระแสพลังเวทย์อยู่มากมายเช่นนี้กัน"
"นี่ๆ....ท่านผู้กล้า ข้าว่าท่านระแวงไปรึเปล่า ที่นี่มันก็ว่างเปล่าอย่างที่เห็นนี่นา..."
เบลที่รับบทเป็นนักปราชญ์ก็พูดขัดความขี้ระแวงของผู้กล้าด้วยความเหนื่อยหน่าย
"หึๆ....ไม่หรอก ท่านผู้กล้า ข้าก็รู้สึกได้ ข้าจึงพาพวกท่านมายังที่นี่ยังไงล่ะ"
เด็กหนุ่มผู้วิเศษแสยะยิ้มขึ้นอย่างมั่นใจ ก่อนจะพาเหล่านักเดินทางเดินขึ้นบันไดไปยังประตูทางเข้าปราสาทก่อนที่บนเวทีจะเริ่มมืดเพื่อทำการเปลี่ยนฉากอีกครั้ง
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง อิริยาที่เฝ้ามองการแสดงจากข้างเวทีด้วยความตื่นเต้นอยู่คนเดียวนั้นเองจู่ๆก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาบริเวณหน้าอกและเริ่มหายใจถี่ขึ้น
....!?
หัวใจที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้นของเธอเริ่มแสดงความผิดปกติบางอย่างออกมา
...เดี๋ยวสิ!....ทำไมต้องตอนนี้ล่ะ!?....
.
.
.
1 วันก่อนการแสดง....
"นี่อิริยา"
"...เอ๊ะ!?"
ขณะที่บรรดานักแสดงพากันซ้อมละครอย่างหนักอยู่นั้นเอง ฟิล์มก็ได้เรียกทักอิริยาที่มีอาการแปลกๆไป
"เป็นอะไรรึเปล่า ดูไม่ค่อยโอเคเลยนะ"
"อะ...เออ....ขอโทษนะ...."
ไม่ใช่แค่นี้ แต่อิริยานั้นก็มีท่าทางแปลกๆอยู่ตลอดตั้งแต่เริ่มซ้อมแล้ว ทั้งผิดคิวบ้าง บทไม่ตรงบ้าง หรือกระทั่งเหม่อลอยจนไม่ได้ฟังเพื่อนบ้างก็มีจนสังเกตได้
"งั้นเธอไปพักก่อนก็ได้นะ พอดีคนอื่นๆก็จะไปกินข้าวกันพอดีน่ะ เดี๋ยวฉันไปซื้ออาหารมาให้ละกัน อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม"
"อือ...ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณนะ"
อิริยานั้นรู้ตัวเองดีว่าเธอนั้นเป็นคนทำให้การซ้อมล่าช้าไปซะแล้ว นั่นก็เพราะว่าปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับเธอทำให้ซีนที่เธอแสดงนั้นได้ซ้อมใหม่อยู่หลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้เลย
ในขณะที่เพื่อนคนอื่นทะยอยกันไปทานข้าวทำให้เหลือเพียงเธอและคนอีก 2 - 3 คน เด็กสาวค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆแล้วพยายามตั้งสติไว้พร้อมกับหยิบยาที่เธอใช้ไปเมื่อเช้าออกมาพลิกดูไปมาด้วยสีหน้าลำบากใจ....
และเมื่อถึงเช้าวันต่อมา เธอจึงตัดสินใจไม่ได้ทานยามานั่นเอง
"อิริยา! จะถึงฉากของเธอแล้วนะ ไปเตรียมตัวกันเถอะ.......เอ๊ะ!?"
ขณะนั้นเอง จูนที่กำลังเตรียมสำหรับขึ้นเวทีในฉากต่อไปพอดีก็เข้ามาเห็นเห็นอิริยายืนอาการไม่ค่อยดีอยู่ด้านข้างเวที จึงตั้งใจจะเรียกให้มาเตรียมตัวเข้าฉาก แต่ทันใดนั้น จูนก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างได้
"....จูน?..."
อิริยาหันมาเรียกชื่อของเขาด้วยท่าทางอ่อนแรงและน้ำเสียงที่แผ่วเบา เธอหายใจแรงมากและมือซ้ายที่กุมหน้าอกอยู่นั้นก็ทำให้จูนตกใจและรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
"!!!??"
ค่อยๆก้าวมาหาโดยการพิงกำแพงมาเรื่อยๆสองสามก้าว ก่อนจะล้มฟุบหมดสติไปตรงหน้าจูน
"อิริยา!"
เด็กหนุ่มรีบเข้ามาดูอาการของเธอด้วยความร้อนรน ก่อนจะอุ้มร่างที่บอบบางนั้นไปห้องพักที่อยู่หลังเวทีทันที
#### ช่วง : นักเขียนพิมพ์ไปเรื่อย #####
สวัสดีครับทุกๆคนที่ยังคงอ่านมาได้จนทุกวันนี้ ....ห๊ะ!? อะไรนะ! อ๋อๆ...... ต้องเป็นสวัสดีปีใหม่ใช่ไหมเนี่ย 555 โอ้ย ต้องขออภัยผู้อ่านทุกๆท่านที่รอกันนะ(มีด้วยหรอ 555) เรียกได้ว่าลากยาวมาจนปีใหม่เลยทีเดียว คือเรื่องมันมีอยู่ว่า คอมคนเขียนเกิดจากไปก่อนวัยอันควรซะก่อน ทั้งต้นฉบับที่แต่งรอไว้ ทั้งสตอรี่ไลน์อะไรก็หายไปเกือบหมด จะเหลืออยู่ก็ในหัวนี่แหละ นาทีนั้นเลยเกิดความท้อแท้ที่จะเขียนใหม่ขึ้นมา แล้วพอนานไปเข้าก็ดันกลายเป็นขี้เกียจแทนซะอย่างนั้น ต้องขออภัยจริงๆครับ
แต่ยังไงก็ยังไม่ไปไหนครับ ได้คอมใหม่แล้วเลยมีไฟขึ้นมาทันทีเลยล่ะ 555 จากนี้ก็จะกลับมาแล้ว แต่ก็อาจจะไม่บ่อยเพราะต้องมาแต่งมันใหม่โดยในสภาวะที่ภาระงานในชีวิตรุมเร้าราวกับโรคมะเร็งกัดกิน (ว่าแต่....แต่ก่อนนี่ถือว่าลงบ่อยด้วยหรอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ