พลิกฟ้าล้างปฐพี
-
เขียนโดย WCSD
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.10 น.
11 บท
0 วิจารณ์
12.09K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 22.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ร้ายกลายเป็นดี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากเดินทางออกจากอาณาเขตของตระกูลกู่เทียนฟงก็ได้เดินทางมาจนถึงปากทางเข้าป่าทมิฬ ป่าทมิฬอยู่ห่างจากเมืองฉางอันหลันร้อยกิโลเมตรมันอยู่เกือบจะสุดขอบของทวีปอันสรสีชาดเลยทีเดียวและใกล้กับป่ามิฬยังเป็นที่ตั้งของนิกายลู่เหยียนอีกด้วย เขาซับเหงื่อที่ไหลจากหน้าผากด้วยผ้าเช็ดหน้าสีเขียวผืนเล็กที่ท่านอาสามได้มอบให้กับเขา เทียนฟงทำหน้าตั้งมั่นแม้จะเคยได้ยินเรื่องราวของป่าทมิฬมาก่อน ป่าทมิฬเหตุที่ถูกเรียกเช่นนี้เพราะป่านี้ไม่มีแม้แสงแดดจะย่างกรายทะลุผ่านใบไม้ที่ขึ้นอย่างหนาเเน่นเข้าไปในผืนป่าได้แม้แต่น้อยทำให้ภายในป่ามืดสนิทราวกับตอนกลางคืน และภายในป่ายังเต็มไปด้วยสัตว์อสูรวิญญาณที่ดุร้ายมากมายหลายชนิด แม้แต่คนที่ฝึกปราณอยู่ในขั้นจิตปราณยังต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะผ่านเข้าไปในป่านี้ดีไหม เหตุผลที่เทียนฟงเลือกเดินทางมาที่นี้เพราะเขาตั้งใจจะแข็งแกร่งด้วยความรวดเร็วและอีกเหตุผลลคือการที่เขาได้มาฝึกใกล้กับสถานที่พำนักของคนที่เขานับถือเป็นพี่ชาย กู่เฉินซวง นับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดหากเกิดอะไรขึ้นเฉินซวงต้องมาช่วยเขาเป็นแน่แท้เพราะนิกายลู่เหยียนจะให้ศิษย์ภายในนิกายออกมาฝึกล่าสัตว์อสูรเป็นประจำ เทียนฟงก้าวขาขาวเข้าไปในป่าทมิฬหัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น เขาจะเจอกับอะไรที่ไม่คาดคิดหรือปล่าวนั่นทำให้เขารู้สึกหวั่นๆ แต่นั่นยังไปเป็นเรื่องกังวลเท่ากับสองเงาที่ยืนอยู่บนต้นไม้เหนือหัวของเทียนฟงพวกมันปิดร่องรอยของปราณนั่นทำให้เทียนฟงไม่อาจรู้ตัวว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่
"เจ้าจะเอาจริงงั้นเหรอ หากทางนิกายรู้เข้ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เอานะ"หนึ่งในร่างเงาพูดขึ้น
"นิกายไม่มาใส่ใจกับขยะเช่นมันหรอก หากมีใครสงสัยก็บอกว่ามันโดยสัตว์อสูรวิญญาณสังหารก็พอแล้ว"ร่างเงาอีกร่างยิ้ม
"ทำไมเจ้าไม่สังหารมันเองกับมือตอนที่อยู่ในเมืองหละ ไยต้องรอให้มันออกเดินทางมาจากเมืองด้วย"เงาร่างแรกถามด้วยความสงสัย
"นั่นมันเสี่ยงเกินไปหากปู่ของมันรู้ข้าต้องโดนดับลมหายใจเป็นแน่ ปู่ของมันเข้าสู่ระดับปราณนักรบขั้นที่สองแล้วข้ายังอยู่ในระดับเกิดปราณขั้นที่เก้าอยู่เลยหากเจ้าเฒ่านั่นเล่นงานข้า ข้าคงตายด้วยการโจมตีเพียงฝ่ามือเดียว"ร่างเงาอีกร่างมองตามเทียนฟงขณะพูด
"งั้นก็ลงมือเลยมั้ย"เงาร่างแรกชักมีดออกมาจากด้านหลัง
"ใจเย็นๆทางมีมันกำลังเดินไปข้ารู้ดีมันจะไปที่ไหน"ร่างเงาอีกร่างกางมือ
"หรือว่า หมาป่าสีเงินสัตว์อสูรวิญญาณระดับแปด รังของมันอยู่ข้างหน้านั่น ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับผู้ฝึกปราณระดับปราณนักรับขั้นที่หกเลยทีเดียว หากเราเข้าใกล้รักของมันในรัศมีห้าร้อยเมตรมันต้องได้กลิ่นของเราแน่ หากมันออกล่าเราคงไม่รอด"เงาร่างแรกดูเป็นกังวลขณะที่โดดข้ามกิ่งไม้เพื่อสะกดรอยตามเทียนฟง
"อย่ารอให้มันเข้าใกล้เขตเด็ดขาด หากมีจังหวะข้าจะบอกเจ้าเองว่าควรจัดการตรงไหน"เงาอีกร่างพูดอย่างใจเย็น
"ตอนนี้แหละอย่าให้มันได้ข้ามลำธารไปเป็นอันขาด"พูดจบทั้งสองเงาก็โดลงจากต้นไม้ไปยืนอยู่ด้านหลังเทียนฟงที่กำลังจะเดินข้ามลำธารไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
"พวกเจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร"เทียนฟงรู้สึกถึงพลังปราณของแขกผู้มาเยือนจึงทำให้เขาหันหน้าไปถาม ใบหน้าที่ดูสงสัยกลายเป็นยินดีเมื่อเขาเห็นหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขารู้จัก"ท่านพี่เฉินซวง เป็นท่าน ท่านมาที่นี่ทำไมเหรอ"
"ข้ามาเพราะเจ้าเทียนฟง"เฉินซวงยิ้มอย่างมีเลสนัย
"เพราะข้า?"เทียนฟงทำหน้างุนงงเขาไปได้บอกกับเฉินซวงซักหน่อยว่าจะเข้ามาที่ป่าทมิฬแห่งนี้แล้วเขารู้ได้ยังไงกัน
"ใช่ข้าก็จะมาเพื่อสังหารเจ้ายังไงหละ"เฉินซวงปลดปล่อยพลังปราณออกจากร่างกายพลังปราณของเขาทำให้เทียนฟงก้าวขาไม่ออกแม่แต่น้อย มันกดดันเขาจนทำให้ร่างกายของเขาหนักอึ้ง
"เหรินเซียน จัดการมันอย่าให้มันรอดไปได้"เฉินซวงตระโกนเรียกอีกคนที่มากับเขา เหรินเซียนขว้างมีดออกไปจากมือเข้าไปปักตรงต้นขาของเทียนฟงด้วยความรวดเร็ว เขายกขาขึ้นและถีบเข้าไปตรงหน้าอกของเทียนฟงอย่างจังทำให้เทียนฟงกระอักเลือดในทันทีด้วยความเจ็บปวด เหรินเซียนถีบเทียนฟงจนกระเด็นไปไกลราวร้อยกว่าเมตรได้ เฉินซวงจึงคลายพลังปราณลงเขาเดินเข้าไปหาเทียนฟงอย่างช้าๆ
"ทะ ทะ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้ ข้าไปทำอะไรให้เจ้า"เทียนฟงหายใจอย่างโรยรินเลืดดเขาไหลออกจากปากไม่หยุด
"ทำไมหนะเหรอ เพราะว่าข้าเกลียดเจ้ายังไงหละ เวลาเจ้าทำอะไรหรืออยากได้อะไรทุกคนในตระกูลต่างก็พากันตามใจเจ้า เจ้าได้แต่ของดีๆทั้งนั้น คนอื่นในตระกูลต่างได้ยาหรือสมุนไพรที่คุณภาพด้อยกว่า เพื่อที่จะมีโอกาสก้าวหน้าข้าจึงแกล้งทำเป็นเพื่อนเล่นเจ้า ตามใจเจ้า จนทำให้เจ้าเฒ่าหนานชิงมันวางใจทำให้การฝึกปราณข้าก้าวหน้าขึ้นไปมาก แต่มันก็ไม่เท่ากับเจ้าอยู่ดี การฝึกปราณของเจ้ามันไปได้รวดเร็วยิ่งนัก ข้าจึงได้จ้างนักฆ่าของสำนักเขาทมิฬมาฆ่าเจ้าแต่เจ้ากลับรอดมาได้มันทำให้ข้าหวั่นใจ หากเจ้าเฒ่านั่นรู้ข้าคงต้องสิ้นลมดังนั้นข้าจึงต้องกำจัดเจ้า"เฉินซวงแบมือขวาออกเขาเค้นพลังงานเพื่อที่จะรวมไว้ในมือขวาของเขา มือเขาถูกโอบล้อมไปด้วยพลังงานปราณมันยังไม่เด่นชัดว่าเป็นจิตวิญญาณประเภทไหนแต่มันก็ทรงพลังเมื่อเทียบกับระดับพลังของเทียนฟง เฉินซวงซัดพลังลมปราณเข้าเต็มหน้าอกของเทียนฟงทำให้ร่างของเทียนฟงกระเด็นลอยลิ่วจนตกลำธารไป เฉินซวงกำลังจะพุ่งตามไปซัดเทียนฟงเพื่อนให้แน่ใจว่ามันจะต้องตายแต่เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเห่าหอนของหมาป่าสีเงิน
"พวกมันตื่นแล้วเราต้องหนีจากที่นี่"เหรินเซียนทำหน้าเลิ่กลั่ก
"กรอดด ไปกันเถอะ"เฉินซวงไม่แน่ใจว่าเทียนฟงจะตายหรือปล่าวแต่ก็ต้องจำเป็นต้องล่าถอยเพราะส่งที่กำลังจะมาเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ พวกเขาสองคนรีบวิ่งไปยังทางเดิมที่พวกเขาเข้ามา เหรินเซียนทำหน้าสงสัยเล็กน้อยเหมือนกับมีคำถามในใจเมื่อหันหน้าไปมองเฉินซวง
"อยากถามอะไรก็ว่ามา"เฉินซวงเดาสีหน้าเหรินเซียนออก
"ข้าอยากรู้เพียงว่ามันพลังอ่อนแอเช่นนั้นทำไมเจ้าไม่กำจัดมันเองทำไมถึงต้องให้ข้ามากับเจ้า"เหรินเซียนถามทันที
"เจ้านั่นมันดวงดี ตายยาก ข้าเพียงอยากทำให้แน่ใจว่ามันจะต้องตาย"เฉินซวงตอบอย่างไม่แยแส พวกเขาสองคนวิ่งมาจนถึงปากทางเข้าป่าทมิฬมันมีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า พวกเขาหันหน้ามามองกันแล้วพยักหน้าราวกับวางแผนกันมาอยู่แล้วจากนั้นจึได้โดดแยกย้ายกันไปคนละทาง
ทางด้านเทียนฟงร่างของเขาลอยไปตามสายน้ำจนเข้าไปในส่วนลึกของป่าทมิฬเขาไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยจนร่างเขาลอยไปติดอยู่กับซากสัตว์ออสูรวิญญาณตัวหนึ่งมันเป็นซากของหมีขาวยักษ์ ซากของมันใหญ่สมชื่อของมันนั่นทำให้ร่างของเทียนฟงดูเล็กราวกับเด็กทารกเมื่ออยู่ใกล้กับมัน ซากของหมีขาวยักษ์มีรอยกัดของฟันแหลมคมอยู่บริเวณกลางหลังมันต้องถูกกำจัดโดยสัตว์อสูรวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่ามันแน่นอน ระหว่างความเป็นความตายที่เวียนว่ายอยู่กับเทียนฟงจู่ๆจี้หยกที่เขาห้อยคออยู่นั้นก็เปล่งแสงสว่างขึ้นมามันดูดซับแกนกลางของหมีขาวยักษ์แล้วปลดปล่อยเข้าสู่ร่างของเทียนฟงทำให้ร่างกายของเขาค่อยๆฟื้นฟูขึ้น บาดแผลที่ได้รับค่อยๆจางหายไป จนในที่สุดเทียนฟงก็ได้สติขึ้นมา
"เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ข้านึกว่าข้าจะตายไปแล้วเสียอีก"เขารู้สึกสับสนเมื่อฟื้นคืนขึ้นมาและก้มลงมองที่หน้าอกของเขา เทียนฟงเห็นแสงสว่างเกิดขึ้นกับจี้หยกที่ได้รับมาจากท่านปู่ของเขา เขาคิดได้ทันทีว่าของที่พ่อของเขาฝากไว้ให้ต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน
"นี่มันต้องเป็นของวิเศษแน่ และด้วยสิ่งนี้ข้าอาจจะฝึกฝนได้รวดเร็วเป็นแน่ อ๊ะ นี่มันซากของสัตว์อสูรวิญญาณนี่นาแกนกลางของมันหายไปต้องเป็นเพราะจี้หยกนี้เป็นแน่"เทียนฟงกำจี้หยกพร้อมกับรอยยิ้ม และมีบางอย่างในร่างกายเขาแปลกไปเขารีบโคจรพลังปราณเพื่อนั่งสมาธิ
"วิเศษ วิเศษข้าอยู่ในระดับเกิดปราณขั้นสามแล้ว เพียงแค่ดูดซับแกนกลางของสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามก็ทำให้ระดับพลังของข้าขึ้นมาถึงหนึ่งขั้น
"เทียนฟงลุกขึ้นและเดินสำรวจรอบๆเขายิ้มด้วยความดีในราวกับจะเสียสติที่ๆเขาอยู่มีซากของสัตว์อสูรวิญญาณที่นอนตายอยู่ไปหลายสิบตัว
"มันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณชนิดไหนกัน ข้าช่างโชคดียิ่งนัก และที่สำคัญข้าต้องขอขอบคุณมันจริงๆกู่เฉินซวง แม้ข้าจะเคยนับถือมันแต่จากนี้ไปหากข้าแข็งแกร่งขึ้นข้าจะกลับไปล้างแค้นมัน"เทียนฟงทำหน้าหนักแน่น เทียนฟงไปรอช้ารีบนำมมีดมาชำแหละร่างของซากสัตว์อสูรวิญญาณเพื่อนำแกนกลางของพวกมันออกมาอย่างโดยด่วน หากเขาชักช้าสัตว์อสูรวิญญาณตัวนั้นจะต้องวกกลับมาอีกอย่างแน่นอน เขาเก็บรวบรวมแกนกลางมาได้ราวยี่สิบกว่าชิ้นมันมีทั้งแกนกลางของสัตว์อสูรวิญญาณระดับหนึ่งและระดับสอง เมื่อเก็บรวบรวมได้ครู่หนึ่งเขาก็รีบหาที่ซ่อนเพื่อที่จะได้ดุดซับเอาแกนกลางนั้น ยังมีซากของสัตว์อสูรวิญญาณอีกจำนวนมากที่เขายังไม่ได้ชำแหละแต่เขาก็จำเป็นต้องหนีก่อนเพื่อความปลอดภัยระดับของเขาตอนนี้หากจะสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณระดับหนึ่งยังไม่อาจจะแน่ใจว่าจะชนะรึปล่าว เขาหลับเข้าไปอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาเดินเข้าไปสำรวจในถ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าถ้ำแห่งนี้ไม่ใช่รังของพวกสัตว์อสูรวิญญาณ เมื่อสำรวจถ้ำจนพอใจเขาก็นั่งลงและวางแกนกลางไว้ครงหน้าของเขา เขาเริ่มหลับตาเพื่อเพ่งจิตไปยังจี้หยกที่เขาห้อยอยู่ มันเปร่งแสงทันทีเมื่อโดนกระตุ้น มันดูดกลืนแกนกลางของสัตว์อสูรวิญญาณเข้าไปทั้งหมดด้วยความรวดเร็วและค่อยๆปลดล่อยเข้าสู่ร่างของเทียนฟง กล้ามเนื้อของเขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดการได้ยินของเขาเริ่มได้ยินจากที่ไกลได้ดีมากขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการจี้หยกกลับเปล่งแสงมากขึ้นกว่าเดิมสติของเขาถูกดึงเข้าไปในจี้หยก มันมืดสลับกับสว่างอยู่หลายครั้งจนทำให้เขาเริ่มเวียนหัว จนในที่สุดก็กลับเข้าสู่ปกติสติของเขากลับมาเหมือนเดิม เขาทำหน้าแปลกใจเหมือนจี้พยายามจะดึงเขาเข้าไปข้างในแต่ก็เข้าไปไม่ได้
"นี่แสดงว่าข้ายังแข็งแกร่งไม่พอเลยไม่อาจเข้าไปในนั้นได้ มันจะต้องมีอะไรแน่นอนข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไรแต่ตอนนี้คงต้องพักเอาแรงเสียก่อน พรุ่งนี้ข้าจะออกไปชำแหละซากสัตว์พวกนั้นอีก วันนี้เป็นอะไรที่ข้าพอใจแล้วพายในวันเดียวข้าก็เลื่อนระดัจากระดับเกิดปราณขั้นที่สองมาอยู่ในขั้นที่สี่แล้ว มันช่างน่าเหลือเชื่อ จากเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับข้าจะทำให้ข้าโชคดีถึงเพียงนี้"เทียนฟงพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มและเขาก็เอนตัวลงไปนอนด้วยความสบายใจ
*******************************
ขอบคุณที่ติดตามกันครับมีอะไรก็ติชมกันได้นะครับ
"เจ้าจะเอาจริงงั้นเหรอ หากทางนิกายรู้เข้ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เอานะ"หนึ่งในร่างเงาพูดขึ้น
"นิกายไม่มาใส่ใจกับขยะเช่นมันหรอก หากมีใครสงสัยก็บอกว่ามันโดยสัตว์อสูรวิญญาณสังหารก็พอแล้ว"ร่างเงาอีกร่างยิ้ม
"ทำไมเจ้าไม่สังหารมันเองกับมือตอนที่อยู่ในเมืองหละ ไยต้องรอให้มันออกเดินทางมาจากเมืองด้วย"เงาร่างแรกถามด้วยความสงสัย
"นั่นมันเสี่ยงเกินไปหากปู่ของมันรู้ข้าต้องโดนดับลมหายใจเป็นแน่ ปู่ของมันเข้าสู่ระดับปราณนักรบขั้นที่สองแล้วข้ายังอยู่ในระดับเกิดปราณขั้นที่เก้าอยู่เลยหากเจ้าเฒ่านั่นเล่นงานข้า ข้าคงตายด้วยการโจมตีเพียงฝ่ามือเดียว"ร่างเงาอีกร่างมองตามเทียนฟงขณะพูด
"งั้นก็ลงมือเลยมั้ย"เงาร่างแรกชักมีดออกมาจากด้านหลัง
"ใจเย็นๆทางมีมันกำลังเดินไปข้ารู้ดีมันจะไปที่ไหน"ร่างเงาอีกร่างกางมือ
"หรือว่า หมาป่าสีเงินสัตว์อสูรวิญญาณระดับแปด รังของมันอยู่ข้างหน้านั่น ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับผู้ฝึกปราณระดับปราณนักรับขั้นที่หกเลยทีเดียว หากเราเข้าใกล้รักของมันในรัศมีห้าร้อยเมตรมันต้องได้กลิ่นของเราแน่ หากมันออกล่าเราคงไม่รอด"เงาร่างแรกดูเป็นกังวลขณะที่โดดข้ามกิ่งไม้เพื่อสะกดรอยตามเทียนฟง
"อย่ารอให้มันเข้าใกล้เขตเด็ดขาด หากมีจังหวะข้าจะบอกเจ้าเองว่าควรจัดการตรงไหน"เงาอีกร่างพูดอย่างใจเย็น
"ตอนนี้แหละอย่าให้มันได้ข้ามลำธารไปเป็นอันขาด"พูดจบทั้งสองเงาก็โดลงจากต้นไม้ไปยืนอยู่ด้านหลังเทียนฟงที่กำลังจะเดินข้ามลำธารไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
"พวกเจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร"เทียนฟงรู้สึกถึงพลังปราณของแขกผู้มาเยือนจึงทำให้เขาหันหน้าไปถาม ใบหน้าที่ดูสงสัยกลายเป็นยินดีเมื่อเขาเห็นหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขารู้จัก"ท่านพี่เฉินซวง เป็นท่าน ท่านมาที่นี่ทำไมเหรอ"
"ข้ามาเพราะเจ้าเทียนฟง"เฉินซวงยิ้มอย่างมีเลสนัย
"เพราะข้า?"เทียนฟงทำหน้างุนงงเขาไปได้บอกกับเฉินซวงซักหน่อยว่าจะเข้ามาที่ป่าทมิฬแห่งนี้แล้วเขารู้ได้ยังไงกัน
"ใช่ข้าก็จะมาเพื่อสังหารเจ้ายังไงหละ"เฉินซวงปลดปล่อยพลังปราณออกจากร่างกายพลังปราณของเขาทำให้เทียนฟงก้าวขาไม่ออกแม่แต่น้อย มันกดดันเขาจนทำให้ร่างกายของเขาหนักอึ้ง
"เหรินเซียน จัดการมันอย่าให้มันรอดไปได้"เฉินซวงตระโกนเรียกอีกคนที่มากับเขา เหรินเซียนขว้างมีดออกไปจากมือเข้าไปปักตรงต้นขาของเทียนฟงด้วยความรวดเร็ว เขายกขาขึ้นและถีบเข้าไปตรงหน้าอกของเทียนฟงอย่างจังทำให้เทียนฟงกระอักเลือดในทันทีด้วยความเจ็บปวด เหรินเซียนถีบเทียนฟงจนกระเด็นไปไกลราวร้อยกว่าเมตรได้ เฉินซวงจึงคลายพลังปราณลงเขาเดินเข้าไปหาเทียนฟงอย่างช้าๆ
"ทะ ทะ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้ ข้าไปทำอะไรให้เจ้า"เทียนฟงหายใจอย่างโรยรินเลืดดเขาไหลออกจากปากไม่หยุด
"ทำไมหนะเหรอ เพราะว่าข้าเกลียดเจ้ายังไงหละ เวลาเจ้าทำอะไรหรืออยากได้อะไรทุกคนในตระกูลต่างก็พากันตามใจเจ้า เจ้าได้แต่ของดีๆทั้งนั้น คนอื่นในตระกูลต่างได้ยาหรือสมุนไพรที่คุณภาพด้อยกว่า เพื่อที่จะมีโอกาสก้าวหน้าข้าจึงแกล้งทำเป็นเพื่อนเล่นเจ้า ตามใจเจ้า จนทำให้เจ้าเฒ่าหนานชิงมันวางใจทำให้การฝึกปราณข้าก้าวหน้าขึ้นไปมาก แต่มันก็ไม่เท่ากับเจ้าอยู่ดี การฝึกปราณของเจ้ามันไปได้รวดเร็วยิ่งนัก ข้าจึงได้จ้างนักฆ่าของสำนักเขาทมิฬมาฆ่าเจ้าแต่เจ้ากลับรอดมาได้มันทำให้ข้าหวั่นใจ หากเจ้าเฒ่านั่นรู้ข้าคงต้องสิ้นลมดังนั้นข้าจึงต้องกำจัดเจ้า"เฉินซวงแบมือขวาออกเขาเค้นพลังงานเพื่อที่จะรวมไว้ในมือขวาของเขา มือเขาถูกโอบล้อมไปด้วยพลังงานปราณมันยังไม่เด่นชัดว่าเป็นจิตวิญญาณประเภทไหนแต่มันก็ทรงพลังเมื่อเทียบกับระดับพลังของเทียนฟง เฉินซวงซัดพลังลมปราณเข้าเต็มหน้าอกของเทียนฟงทำให้ร่างของเทียนฟงกระเด็นลอยลิ่วจนตกลำธารไป เฉินซวงกำลังจะพุ่งตามไปซัดเทียนฟงเพื่อนให้แน่ใจว่ามันจะต้องตายแต่เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเห่าหอนของหมาป่าสีเงิน
"พวกมันตื่นแล้วเราต้องหนีจากที่นี่"เหรินเซียนทำหน้าเลิ่กลั่ก
"กรอดด ไปกันเถอะ"เฉินซวงไม่แน่ใจว่าเทียนฟงจะตายหรือปล่าวแต่ก็ต้องจำเป็นต้องล่าถอยเพราะส่งที่กำลังจะมาเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ พวกเขาสองคนรีบวิ่งไปยังทางเดิมที่พวกเขาเข้ามา เหรินเซียนทำหน้าสงสัยเล็กน้อยเหมือนกับมีคำถามในใจเมื่อหันหน้าไปมองเฉินซวง
"อยากถามอะไรก็ว่ามา"เฉินซวงเดาสีหน้าเหรินเซียนออก
"ข้าอยากรู้เพียงว่ามันพลังอ่อนแอเช่นนั้นทำไมเจ้าไม่กำจัดมันเองทำไมถึงต้องให้ข้ามากับเจ้า"เหรินเซียนถามทันที
"เจ้านั่นมันดวงดี ตายยาก ข้าเพียงอยากทำให้แน่ใจว่ามันจะต้องตาย"เฉินซวงตอบอย่างไม่แยแส พวกเขาสองคนวิ่งมาจนถึงปากทางเข้าป่าทมิฬมันมีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า พวกเขาหันหน้ามามองกันแล้วพยักหน้าราวกับวางแผนกันมาอยู่แล้วจากนั้นจึได้โดดแยกย้ายกันไปคนละทาง
ทางด้านเทียนฟงร่างของเขาลอยไปตามสายน้ำจนเข้าไปในส่วนลึกของป่าทมิฬเขาไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยจนร่างเขาลอยไปติดอยู่กับซากสัตว์ออสูรวิญญาณตัวหนึ่งมันเป็นซากของหมีขาวยักษ์ ซากของมันใหญ่สมชื่อของมันนั่นทำให้ร่างของเทียนฟงดูเล็กราวกับเด็กทารกเมื่ออยู่ใกล้กับมัน ซากของหมีขาวยักษ์มีรอยกัดของฟันแหลมคมอยู่บริเวณกลางหลังมันต้องถูกกำจัดโดยสัตว์อสูรวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่ามันแน่นอน ระหว่างความเป็นความตายที่เวียนว่ายอยู่กับเทียนฟงจู่ๆจี้หยกที่เขาห้อยคออยู่นั้นก็เปล่งแสงสว่างขึ้นมามันดูดซับแกนกลางของหมีขาวยักษ์แล้วปลดปล่อยเข้าสู่ร่างของเทียนฟงทำให้ร่างกายของเขาค่อยๆฟื้นฟูขึ้น บาดแผลที่ได้รับค่อยๆจางหายไป จนในที่สุดเทียนฟงก็ได้สติขึ้นมา
"เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ข้านึกว่าข้าจะตายไปแล้วเสียอีก"เขารู้สึกสับสนเมื่อฟื้นคืนขึ้นมาและก้มลงมองที่หน้าอกของเขา เทียนฟงเห็นแสงสว่างเกิดขึ้นกับจี้หยกที่ได้รับมาจากท่านปู่ของเขา เขาคิดได้ทันทีว่าของที่พ่อของเขาฝากไว้ให้ต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน
"นี่มันต้องเป็นของวิเศษแน่ และด้วยสิ่งนี้ข้าอาจจะฝึกฝนได้รวดเร็วเป็นแน่ อ๊ะ นี่มันซากของสัตว์อสูรวิญญาณนี่นาแกนกลางของมันหายไปต้องเป็นเพราะจี้หยกนี้เป็นแน่"เทียนฟงกำจี้หยกพร้อมกับรอยยิ้ม และมีบางอย่างในร่างกายเขาแปลกไปเขารีบโคจรพลังปราณเพื่อนั่งสมาธิ
"วิเศษ วิเศษข้าอยู่ในระดับเกิดปราณขั้นสามแล้ว เพียงแค่ดูดซับแกนกลางของสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามก็ทำให้ระดับพลังของข้าขึ้นมาถึงหนึ่งขั้น
"เทียนฟงลุกขึ้นและเดินสำรวจรอบๆเขายิ้มด้วยความดีในราวกับจะเสียสติที่ๆเขาอยู่มีซากของสัตว์อสูรวิญญาณที่นอนตายอยู่ไปหลายสิบตัว
"มันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณชนิดไหนกัน ข้าช่างโชคดียิ่งนัก และที่สำคัญข้าต้องขอขอบคุณมันจริงๆกู่เฉินซวง แม้ข้าจะเคยนับถือมันแต่จากนี้ไปหากข้าแข็งแกร่งขึ้นข้าจะกลับไปล้างแค้นมัน"เทียนฟงทำหน้าหนักแน่น เทียนฟงไปรอช้ารีบนำมมีดมาชำแหละร่างของซากสัตว์อสูรวิญญาณเพื่อนำแกนกลางของพวกมันออกมาอย่างโดยด่วน หากเขาชักช้าสัตว์อสูรวิญญาณตัวนั้นจะต้องวกกลับมาอีกอย่างแน่นอน เขาเก็บรวบรวมแกนกลางมาได้ราวยี่สิบกว่าชิ้นมันมีทั้งแกนกลางของสัตว์อสูรวิญญาณระดับหนึ่งและระดับสอง เมื่อเก็บรวบรวมได้ครู่หนึ่งเขาก็รีบหาที่ซ่อนเพื่อที่จะได้ดุดซับเอาแกนกลางนั้น ยังมีซากของสัตว์อสูรวิญญาณอีกจำนวนมากที่เขายังไม่ได้ชำแหละแต่เขาก็จำเป็นต้องหนีก่อนเพื่อความปลอดภัยระดับของเขาตอนนี้หากจะสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณระดับหนึ่งยังไม่อาจจะแน่ใจว่าจะชนะรึปล่าว เขาหลับเข้าไปอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาเดินเข้าไปสำรวจในถ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าถ้ำแห่งนี้ไม่ใช่รังของพวกสัตว์อสูรวิญญาณ เมื่อสำรวจถ้ำจนพอใจเขาก็นั่งลงและวางแกนกลางไว้ครงหน้าของเขา เขาเริ่มหลับตาเพื่อเพ่งจิตไปยังจี้หยกที่เขาห้อยอยู่ มันเปร่งแสงทันทีเมื่อโดนกระตุ้น มันดูดกลืนแกนกลางของสัตว์อสูรวิญญาณเข้าไปทั้งหมดด้วยความรวดเร็วและค่อยๆปลดล่อยเข้าสู่ร่างของเทียนฟง กล้ามเนื้อของเขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดการได้ยินของเขาเริ่มได้ยินจากที่ไกลได้ดีมากขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการจี้หยกกลับเปล่งแสงมากขึ้นกว่าเดิมสติของเขาถูกดึงเข้าไปในจี้หยก มันมืดสลับกับสว่างอยู่หลายครั้งจนทำให้เขาเริ่มเวียนหัว จนในที่สุดก็กลับเข้าสู่ปกติสติของเขากลับมาเหมือนเดิม เขาทำหน้าแปลกใจเหมือนจี้พยายามจะดึงเขาเข้าไปข้างในแต่ก็เข้าไปไม่ได้
"นี่แสดงว่าข้ายังแข็งแกร่งไม่พอเลยไม่อาจเข้าไปในนั้นได้ มันจะต้องมีอะไรแน่นอนข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไรแต่ตอนนี้คงต้องพักเอาแรงเสียก่อน พรุ่งนี้ข้าจะออกไปชำแหละซากสัตว์พวกนั้นอีก วันนี้เป็นอะไรที่ข้าพอใจแล้วพายในวันเดียวข้าก็เลื่อนระดัจากระดับเกิดปราณขั้นที่สองมาอยู่ในขั้นที่สี่แล้ว มันช่างน่าเหลือเชื่อ จากเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับข้าจะทำให้ข้าโชคดีถึงเพียงนี้"เทียนฟงพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มและเขาก็เอนตัวลงไปนอนด้วยความสบายใจ
*******************************
ขอบคุณที่ติดตามกันครับมีอะไรก็ติชมกันได้นะครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ